บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) มาชำระเงินค่าประมูลคลื่นความถี่ ย่าน 700 MHz งวดที่ 2 เป็นจำนวนเงิน 3,670.74 ล้านบาท
นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.) กล่าวว่า วันนี้ (11 เมษายน 2565) บริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (NT) ผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคม ย่าน 700 MHz ช่วงความถี่วิทยุย่าน 738 - 748 MHz คู่กับ 793 - 803 MHz เมื่อปี 2563 ในราคาประมูลสูงสุด 36,707.42 ล้านบาท โดย NT ได้นำเงินค่าประมูลคลื่นความถี่งวดที่ 2 จำนวน 3,670.74 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) มาชำระให้แก่สำนักงาน กสทช. แล้ว ตามเงื่อนไขของการชำระเงินประมูล โดยเงินค่าประมูลดังกล่าว สำนักงาน กสทช. จะรีบนำส่งกระทรวงการคลังเพื่อเป็นรายได้ของแผ่นดินต่อไป
นายไตรรัตน์ กล่าวว่า สำหรับเงินค่าประมูลคลื่นความถี่ ย่าน 700 MHz งวดที่ 1 NT ได้ชำระมาก่อนหน้านี้ จำนวน 3,670.74 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) สำนักงาน กสทช. ได้นำส่งเงินดังกล่าวให้กระทรวงการคลังเพื่อเป็นรายได้ของแผ่นดินเรียบร้อยแล้ว
A4357
สำนักงาน กสทช. จับมือกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน และสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ร่วมพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาอาชีพสู่สังคมดิจิทัล ให้กลุ่มผู้ด้อยโอกาสในสังคม และกลุ่มคนพิการ
สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (สำนักงาน กสทช.)กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน และสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการร่วมมือการพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาอาชีพสู่สังคมดิจิทัล จำนวน 2 ฉบับ โดยมีนายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (รักษาการแทนเลขาธิการ กสทช.) นายประทีบ ทรงลำยอง อธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน และนายชูศักดิ์ จันทยานนท์ นายกสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยร่วมลงนาม
นายไตรรัตน์ กล่าวว่า การลงนามข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ทั้ง 2 ฉบับนี้ ประกอบด้วย โครงการความร่วมมือการพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาอาชีพสู่สังคมดิจิทัล สำหรับกลุ่มผู้ด้อยโอกาสในสังคม ระหว่างสำนักงาน กสทช. และกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน และโครงการความร่วมมือการพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาอาชีพสู่สังคมดิจิทัล สำหรับกลุ่มคนพิการ ระหว่างสำนักงาน กสทช. และสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทย โดยทั้ง 2 โครงการ มีวัตถุประสงค์ในการจัดอบรมหลักสูตรการพัฒนาทักษะสร้างความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศกับการพัฒนาอาชีพสู่สังคมดิจิทัล ให้แก่กลุ่มเป้าหมาย กลุ่มละไม่น้อยกว่า 20,000 คน ระยะเวลา 720 วัน
นายไตรรัตน์ กล่าวว่า การร่วมมือกับกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน กระทรวงแรงงาน และสมาคมสภาคนพิการทุกประเภทแห่งประเทศไทยในครั้งนี้ จะเป็นการยกระดับความรู้ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มคนพิการ และกลุ่มผู้ด้อยโอกาสในสังคม รวมทั้งสร้างโอกาสและความเสมอภาค เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และพัฒนาอาชีพไปสู่สังคมดิจิทัล
A4325
ชี้ชัด ควบรวมทรู ดีแทค ผู้บริโภคได้ประโยชน์อะไรบ้าง ตามรอยโทรคมนาคมทั่วโลก แห่ปรับโครงสร้างรับการเปลี่ยนแปลงสู่ยุคดิจิทัล
แหล่งข่าวจากวงการโทรคมนาคมไทย เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย จะต้องเรียนรู้จากบทเรียนในโลกนี้ ที่ผู้ประกอบการทั่วโลกล้วนปรับตัว ให้พร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อให้อยู่รอดได้ ซึ่งตลอด 2 ปีที่ผ่านมา คนไทยได้ยินข่าวการปรับตัวของผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมมาโดยตลอด อาทิเช่น (7 มกราคม 2564) องค์การโทรศัพท์ (TOT) ควบรวมกับการสื่อสารแห่งประเทศไทย (CAT) หลังจากการควบรวมเป็น NT จะเป็นบริษัทที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจรมากที่สุดมูลค่าสินทรัพย์มากถึง 300,000 ล้านบาท
แบ่งเป็นเสาโทรคมนาคมกว่า 25,000 ต้นทั่้วประเทศ เคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศเชื่อมต่อไปยังทุกทวีป ถือครองคลื่นความถี่หลักเพื่อให้บริการรวม 6 ย่านมีปริมาณ 600 เมกะเฮิรตซ์ ท่อร้อยสายใต้ดินมีระยะทางรวม 4,600 กิโลเมตร สายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง 4 ล้านคอร์กิโลเมตร Data Center 13 แห่งทั่วประเทศ และ ระบบโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่เข้าถึงจากทุกประเทศในโลก ทั้งนี้ ก็เป็นการปรับตัวเพื่อการแข่งขัน ซึ่งได้ควบรวมเสร็จสิ้นไปได้ด้วยดี
ในขณะที่ 6 สิงหาคม 2564 เอไอเอส (AIS) ก็มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้น โดย GULF ทุ่ม 4.86 หมื่นล้าน ปิดเกมซื้อ INTUCH ครองหุ้น 42.25% ขึ้นแท่นผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้บริหารของกัลฟ์ ให้เหตุผลกับนักลงทุนรายย่อย สื่อมวลชน และสังคม ว่า ต้องการแพลตฟอร์มด้านการสื่อสารโทรคมนาคมเพื่อต่อยอดธุรกิจพลังงาน สนามบิน และท่าเรือของกัลฟ์ ให้ดำเนินไปสู่ธุรกิจยุคใหม่ที่เป็นดิจิทัลทรานส์ฟอร์มอย่างแท้จริง ดังนั้น การที่ AIS มีผู้ลงทุนที่แข็งแกร่งอย่าง GULF ทำให้มีความพร้อมในการแข่งขันสู่ยุคดิจิทัล
ในขณะที่ตลาดโทรคมนาคมต่างประเทศในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ก็มีการควบรวม เพื่อให้มีประสิทธิภาพสูงขึ้น เช่น Celcom Axiata ควบรวม Digi.Com ขอองมาเลเซีย หรือประเทศอินโดนีเซีย ที่บริษัท Indosat ควบรวม PT Hutchison ก็เพื่อให้ทำธุรกิจแข่งขันกันได้ทุกราย ในอิตาลีมีการควบรวมกิจการระหว่าง Wind และ H3G เป็น Wind Tre ปรับตัวพร้อมสู่การแข่งขันใหม่ ที่มีผู้เล่นดิจิทัลมาแข่งขัน ดังนั้น บทบาท กสทช. คือ การส่งเสริมให้ธุรกิจสามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้
กรณีการควบรวม ทรู ดีแทค ถือเป็นกลุ่มสุดท้าย ที่เป็นการร่วมธุรกิจแบบเท่าเทียมกัน ไม่ใช่ใครซื้อใครอย่างที่มีการเข้าใจผิด เป็นการเดินหน้าสู่การปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจ ซึ่งก็ไม่แตกต่างจากผู้ประกอบการรายอื่นๆ ในอุตสาหกรรม เพื่อรองรับการแข่งขันในธุรกิจโทรคมนาคมที่มีการแข่งขันหนักหน่วงอย่างต่อเนื่อง และการขยายโครงข่าย รวมถึงลงทุนเรื่องเทคโนโลยี และบริการต่างๆ เป็นเรื่องจำเป็น ดังนั้นเมื่อร่วมมือกัน เงินลงทุนย่อมมากขึ้น และทำเรื่องทั้งหมดข้างต้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างประโยชน์ให้กับผู้บริโภคด้วยบริการที่ดีขึ้น
ตัวอย่างเงินลงทุนที่น่าสนใจคือ บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น หรือ ทรู มีแผนลงทุนโครงข่าย 5G พ.ศ. 2563-2565 กว่า 40,000-60,000 ล้านบาท ส่วน บมจ.โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น หรือ ดีแทค พ.ศ. 2563 ลงทุน 8,000-10,000 ล้านบาท ขยายโครงข่าย 5G แต่เม็ดเงินเหล่านี้ไม่รวมค่าใบอนุญาตคลื่นความถี่หลายหมื่นล้านบาท การควบรวมจะทำให้การลงทุนต่อเนื่อง ไม่สะดุด ทำให้ลูกค้าได้รับบริการที่ดีขึ้นต่อเนื่อง และต้องลงทุนเพิ่มในการนำเสนอบริการดิจิทัล ปรับองค์กรสู่การเป็นเทคโนโลยี ซึ่งสามารถสรุปประโยชน์ที่ผู้บริโภคจะได้รับ คือ
5 เมื่อทรูควบรวมกับดีแทค จะทำให้ขีดความสามารถในการแข่งขันใกล้เคียงกันกับเอไอเอส เมื่อผู้แข่งขันสองรายมีขีดความสามารถใกล้เคียงกัน จะทำให้เกิดการแข่งขันกันมากขึ้น ทำให้ลูกค้าได้โปรโมชั่นที่ถูกลง และมีข้อเสนอทางการตลาดที่ลูกค้าได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น
10.หลังการควบรวม ผู้เล่นทุกรายในอุตสาหกรรมโทรคมนาคมไทย พร้อมปรับตัวเข้าสู่การเป็นบริษัทเทคโนโลยี และเพิ่มขีดความสามารถที่จะแข่งกับผู้ประกอบการระดับโลก และสนับสนุนการลงทุนของ Tech Startup รุ่นใหม่ บริษัทจะมีความสามารถในการลงทุนเพิ่ม รองรับเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ลูกค้าได้รับบริการดิจิทัลมากขึ้น เช่น บริการแพทย์ทางไกล การประชุมทางไกล การเข้าถึงคอนเทนต์ เพลง หนัง ระดับโลก ในราคาลดลง
สำนักงาน กสทช. มอบใบอนุญาตคลื่นวิทยุให้กับผู้ชนะการประมูล
วันนี้ (วันที่ 4 เม.ย. 2565) สำนักงาน กสทช. ได้จัดพิธีมอบใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการกระจายเสียง สำหรับให้บริการกระจายเสียง ประเภทกิจการทางธุรกิจ โดยใบอนุญาตดังกล่าว มีอายุ 7 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 4 เม.ย. 2565 สิ้นสุดวันที่ 3 เม.ย. 2572 และถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทยในการเปลี่ยนผ่านระบบการใช้งานคลื่นความถี่วิทยุกระจายเสียงไปสู่ระบบใบอนุญาต โดยมีพันเอก ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ นายไตรรัตน์ วิริยะศิริกุล รักษาการแทน เลขาธิการ กสทช. และ ผศ.ดร.ภูมิศิษฐ์ มหาเวสน์ศิริ รองเลขาธิการ กสทช. สายงานกิจการกระจายเสียงและโทรทัศน์ เป็นผู้มอบใบอนุญาตให้กับผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ จำนวน 9 ราย ดังนี้
1. บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวน 47 คลื่นความถี่
2. บริษัท ลูกทุ่งเน็ตเวิร์ค 24 ชั่วโมง จำกัด จำนวน 10 คลื่นความถี่
3. บริษัท เจ.เอส.ไนน์ตี้วัน จำกัด จำนวน 3 คลื่นความถี่
4. บริษัท ดินดิน จำกัด จำนวน 2 คลื่นความถี่
5. บริษัท นานาเอนเทอร์เทนเม้นท์ จำกัด จำนวน 2 คลื่นความถี่
6. บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 คลื่นความถี่
7. ห้างหุ้นส่วนจำกัด พีระยา มีเดียกรุ๊ป จำนวน 1 คลื่นความถี่
8. ห้างหุ้นส่วนจำกัด สุภัคพร กรุ๊ป จำนวน 1 คลื่นความถี่
9. บริษัท สตูดิโอ ไลน์ เอเจนซี่ จำกัด จำนวน 1 คลื่นความถี่
ทั้งนี้ มีผู้รับใบอนุญาต จำนวน 4 ราย ที่สามารถประกอบกิจการได้ทันที โดยได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียง สำหรับให้บริการกระจายเสียง ประเภทกิจการทางธุรกิจ ได้แก่ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) จำนวน 47 คลื่นความถี่ บริษัท ดินดิน จำกัด จำนวน 1 คลื่นความถี่ บริษัท จีเอ็มเอ็ม มีเดีย จำกัด (มหาชน) จำนวน 1 คลื่นความถี่ และบริษัท เจ.เอส.ไนน์ตี้วัน จำกัด จำนวน 1 คลื่นความถี่
A4143
ทรู มูฟ เอช ชำระเงินค่าประมูลคลื่นความถี่ ย่าน 900 MHz งวดที่ 7 จำนวน 8,163.89 ล้านบาท
นายสุทธิศักดิ์ ตันตะโยธิน รองเลขาธิการ กสทช. กล่าวว่า เมื่อวันที่ 31 มี.ค. ที่ผ่านมา พล.อ.สุกิจ ขมะสุนทร ประธาน กสทช. รับมอบเงินประมูลคลื่นความถี่จากบริษัท ทรู มูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (TUC) ผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคม ย่าน 900 MHz ช่วงความถี่ 905 - 915 MHz คู่กับ 950 - 960 MHz เมื่อปี 2559 ในราคาการประมูลสูงสุด 81,638.86 ล้านบาท โดย TUC ได้นำเงินประมูลงวดที่ 7 จำนวน 8,163.89 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) มาชำระให้แก่สำนักงาน กสทช. ตามเงื่อนไขของการชำระเงินประมูล หลังจากนี้ สำนักงาน กสทช. จะนำเงินค่าประมูลดังกล่าวส่งกระทรวงการคลังเพื่อเป็นรายได้ของแผ่นดินต่อไป
สำหรับเงินค่าประมูลคลื่นความถี่ ย่าน 900 MHz งวดที่ 1 - 6 ที่ TUC ได้ชำระมาก่อนหน้านี้แล้ว จำนวน 48,983.32 ล้านบาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว) โดยสำนักงาน กสทช. ได้นำส่งเงินดังกล่าวให้กระทรวงการคลังเพื่อเป็นรายได้ของแผ่นดินเรียบร้อยแล้ว
A4028
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด