เจมาร์ท ประกันภัย จับมือ HIVE by Income เปิดตัวแคมเปญ รับฟรี! ประกันอุบัติเหตุ สำหรับสมาชิก J Point เมื่อซื้อสินค้าหรือเครื่องดื่มที่ร้าน Casa Lapin
บริษัท เจมาร์ท ประกันภัย จำกัด (มหาชน) เปิดประสบการณ์ใหม่มอบสิทธิพิเศษให้แก่สมาชิก J Point โดยร่วมมือกับ HIVE by Income ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มประกันภัยออนไลน์จากประเทศสิงคโปร์ เปิดตัวแคมเปญ ฟรี! ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล เมื่อซื้อสินค้าหรือเครื่องดื่มที่ร้าน Casa Lapin มูลค่าตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป
นางสาววราภรณ์ พรพิทักษ์โยธิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจมาร์ท ประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ต้องการขยายฐานกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นและวัยทำงานให้สามารถเข้าถึงผลิตภัณฑ์ประกันภัย ได้ทุกที่และทุกเวลาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์บนมือถือ โดยเริ่มต้นจากลูกค้าของ Casa Lapin และสมาชิก J Point ในครั้งนี้ได้จับมือกับ HIVE by Income ซึ่งเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มประกันภัยออนไลน์จากประเทศสิงคโปร์ในการนำนวัตกรรมที่ทันสมัยเข้ามาช่วยพัฒนาระบบเพื่ออำนวยความสะดวกให้กลุ่มลูกค้าในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และบริการด้านประกันภัยของบริษัทฯ ในการจัดทำแคมเปญพิเศษร่วมกัน โดยคาดการณ์ว่าพร้อมเปิดให้ลูกค้าได้ใช้บริการภายในสิ้นเดือนตุลาคม 2565 เป็นต้นไป
“เจมาร์ท ประกันภัย มองว่าปัจจุบันกาแฟหรือเครื่องดื่มต่างๆ ในร้านกาแฟ ถือเป็นส่วนหนึ่งของไลฟ์สไตล์ในกลุ่มวัยรุ่นและวัยทำงาน ที่มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบ Slow Life หรือ Extreme บริษัทฯ จึงมองว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้หากมีความคุ้มครองจากประกันภัยอุบัติเหตุด้วยแล้ว ก็ทำให้ทุกคนสามารถใช้ชีวิตตามไลฟ์สไตล์ของตนเองได้อย่างมั่นใจและเต็มที่ในทุกๆ กิจกรรมเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบของการทำงานหรือกิจกรรมต่างๆ จึงเกิดเป็นไอเดียในการนำสินค้าและบริการของ Casa Lapin คาเฟ่ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว รวมถึงสมาชิก J Point มาต่อยอดเพื่อขยายฐานลูกค้าประกันภัย”
โดยแคมเปญนี้จัดเป็นพิเศษให้กับสมาชิก J Point ทุกท่าน เมื่อซื้อสินค้าหรือเครื่องดื่ม มูลค่าตั้งแต่ 100 บาทขึ้นไป ที่ Casa Lapin ทั้ง 24 สาขา ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนด โดยสามารถลงทะเบียนรับประกันภัยอุบัติเหตุความคุ้มครองสูงสุด 50,000 บาท/คน ระยะเวลาคุ้มครอง 30 วัน นับจากวันที่ได้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ในแต่ละครั้ง ซึ่งลูกค้าสามารถสะสมความคุ้มครองเพิ่มขึ้นได้ทุกวัน จำกัดสิทธิ์ 1 คนต่อ 1 สิทธิ์ต่อวัน และสามารถสะสมความคุ้มครองได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท/คน โดยสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ที่ Line official account: @J Point
มร.Peter Tay, Chief Digital Officer ของ Income Insurance กล่าวว่า ด้วยประกันภัยที่เชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เช่น การดื่มกาแฟจะช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงประกันภัยได้ง่ายขึ้นโดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ HIVE เราเป็นเทคโนโลยีด้านประกันภัยหรือ InsurTech ที่ช่วยให้ไลฟ์สไตล์พาร์ทเนอร์สามารถนำไมโครอินชัวรันส์ มาเชื่อมต่อกับสินค้าหรือบริการได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ในขณะเดียวกันลูกค้าสามารถสะสมความคุ้มครองและปรับเปลี่ยนได้อย่างยืดหยุ่น ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ต้องการออกแบบและควบคุมการซื้อประกันได้ด้วยตนเอง เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ เจมาร์ท ประกันภัย, J Point และ Casa Lapin ซึ่งเป็นพาร์ทเนอร์ที่มีวิสัยทัศน์ตรงกันในการสร้างโอกาสให้คนไทยเข้าถึงประกันภัยมากขึ้นผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรม
สำหรับผู้ที่สนใจสามารถสมัครสมาชิก J Point เพื่อรับสิทธิประโยชน์จาก บมจ.เจมาร์ท ประกันภัย ได้ที่ https://bit.ly/ApplyJpoint หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับประกันภัย โทร. 02-099-0555 ต่อ 8888
A10670
คปภ. เผยงาน TIF 2022 ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย สามารถยกระดับการประกันภัยเข้าสู่มาตรฐานสากล มุ่งสู่ Digital Insurance Ecosystem
คปภ. เผยงาน TIF 2022 ประสบความสำเร็จตามเป้าหมาย สามารถยกระดับการประกันภัยเข้าสู่มาตรฐานสากล มุ่งสู่ Digital Insurance Ecosystem
ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า ตามที่ สำนักงาน คปภ. โดยศูนย์ Center of InsurTech Thailand (CIT) ร่วมกับพันธมิตร สมาคมประกันวินาศภัยไทย สมาคมประกันชีวิตไทย สมาคมนายหน้าประกันภัยไทย และสมาคมตัวแทนประกันชีวิตและที่ปรึกษาการเงิน บริษัทประกันภัยชั้นนำ และสถาบันทางการเงินของไทย
ได้จัดงาน Thailand InsurTech Fair 2022 มหกรรมเทคโนโลยีประกันภัยแห่งปี เมื่อวันที่ 7-9 ตุลาคม 2565 ภายใต้แนวคิด Reshaping Insurance to the Multiverse of InsurTech for the Future ก้าวสู่จักรวาลแห่งเทคโนโลยีประกันภัย เพื่อโลกใหม่ไร้ขีดจํากัด’ ในรูปแบบงาน Hybrid ที่ผสมผสานการจัดงานแบบ On ground ณ อิมแพค เมืองทองธานี ฮอลล์ 6 และทาง Online ผ่านทางออนไลน์ www.TIF2022.com ซึ่งการจัดงาน Thailand InsurTech Fair 2022 ครั้งนี้สำเร็จตามเป้าหมาย ซึ่งในปีนี้เราได้เห็นการยกระดับการประกันภัยเข้าสู่มาตรฐานสากล และมุ่งสู่ Digital Insurance Ecosystem
โดยการจัดงานได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งในส่วนของ Insurtech innovation บริษัทประกันภัยมีการนำเสนอผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้เทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัย มี Tech firms และ Startups จากต่างประเทศ ให้ความสนใจและมาร่วมออกบูธภายในงานประมาณ 40 บูธ ซึ่งมาจากหลากหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ อินเดีย อังกฤษ ฮ่องกง พร้อมนำเสนอนวัตกรรม สร้างเครือข่าย และ business matching ภายในงานอย่างคับคั่ง และความสำเร็จในเรื่องของ OIC InsurTech Award การประกวดสุดยอดนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการประกันภัย ซึ่งมีทีมเข้าร่วมประกวดจำนวนมากขึ้นในทุกปี และในปีนี้มีการนำเสนอนวัตกรรมที่น่าสนใจ และตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและสังคมอย่างตรงจุด เช่น ประกันสุขภาพจิต และการผสานเทคโนโลยีใหม่ เช่น Metaverse ในการประกันภัย
ในส่วนของกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน TIF 2022 ได้รับการตอบรับที่ดีเกินเป้าหมาย โดยดูได้จากจำนวนยอดการซื้อผลิตภัณฑ์ในช่วงเวลาการจัดงาน มีเบี้ยประกันภัยสูงถึง 1,063 ล้านบาท จำนวนกรมธรรม์รวมมากกว่า 19,365 กรมธรรม์ แบ่งเป็นผลิตภัณฑ์ประกันชีวิต มีเบี้ยประกันภัย 905 ล้านบาท 7,544 กรมธรรม์ ผลิตภัณฑ์ประกันวินาศภัย มีเบี้ยประกันภัย 158 ล้านบาท 11,821 กรมธรรม์ ด้านงานสัมมนามีหัวข้อต่าง ๆ ที่น่าสนใจกว่า 17 หัวข้อ จากวิทยากร 27 คน จากประเทศทั่วโลก โดยมีผู้สนใจเข้าร่วมรับฟังสัมมนาจำนวน 35,161 ราย ส่วนของ Exhibition Hall มีบริษัทประกันภัยและหน่วยงานต่างๆ ประกอบด้วย
บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย บริษัทนายหน้าประกันภัยนิติบุคคล และธนาคาร รวมทั้งมีบริษัทTech firm และ InsurTech Start up ทั้งจากในและต่างประเทศ รวมผู้เข้าร่วมจัดงานมากกว่า 80 แห่ง ด้วยปัจจัยต่างๆ ทำให้มีจำนวนผู้เข้าร่วมงานรวม 202,389 คน แบ่งเป็น ทาง On ground จำนวน 43,821 คน และทาง Online จำนวน 158,568 คน อีกทั้งในส่วน Business Matching การจับคู่ทางธุรกิจผ่านการพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูล และสานสัมพันธ์ทางธุรกิจเพื่อต่อยอดการเติบโตของบริษัทในวงการประกันภัย มีผู้สนใจเข้าร่วมพูดคุยธุรกิจจำนวนกว่า 300 ราย
สำหรับ ปัจจัยที่ดึงดูดประชาชนให้เข้าชมงาน 'Thailand InsurTech Fair 2022' ในครั้งนี้คือ การจัดงานในรูปแบบ Hybrid ผสมผสานรูปแบบ online event และ onsite event ควบคู่กัน ซึ่งสอคล้องกับสังคมดิจิทัลที่เปลี่ยนไป ที่สามารถตอบโจทย์ผู้เข้าชมงานได้ทั้งการเดินทางมาชมงานที่อิมแพค เมืองทองธานี สถานที่จัดงานจริง และการเข้าชมผ่านทางออนไลน์ ที่สามารถเข้าชมได้ง่าย สะดวกและตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งทาง Smart Phone หรือคอมพิวเตอร์ รวมทั้งยังมีกิจกรรมให้ผู้เข้าชมงานได้สัมผัสในแบบ Interactive ที่ให้ผู้เข้าชมงานสร้างตัวเสมือนหรือ Avatar ของตัวเองในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ภายในงาน เพื่อสะสมแต้มและแลกรับของรางวัล นับเป็นการพลิกโฉมการเข้าชมงานของอุตสาหกรรมประกันภัยได้อย่างแท้จริง
อีกปัจจัยที่ทำให้งานประสบความสำเร็จคือ ผู้เข้าชมงานได้เลือกซื้อกรมธรรม์ประกันภัยจากหลากหลายบริษัท ได้ในที่เดียว แบบครบ จบ คุ้ม ในราคาสุดพิเศษ ที่ได้ส่วนลดสูงสุด 30 % และยังได้รับคูปองชิงโชคของรางวัลมากมายไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ไฟฟ้า EV-Ora Good Cat รวมทั้ง IT Gadget ต่างๆ อาทิ โทรศัพท์มือถือ Smart watch และอื่นๆ มากกว่า 40 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 1,600,000 บาท ในส่วนงานสัมมนา มีวิทยากรชั้นนำระดับแนวหน้าถึง 27 ท่าน จากประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐอเมริกา, เยอรมนี, ญี่ปุ่น, สิงค์โปร์, มาเลเซีย และไทย มาร่วมให้ความรู้ในหัวข้อต่างๆ กว่า 17 หัวข้อ ในเนื้อหาที่เข้มข้นและน่าสนใจ สามารถรับชมได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และสัมมนาในทุกหัวข้อสามารถรับชมย้อนหลังได้ทาง www.tif2022.com อีกด้วย
ในส่วนของ InsurVese Zone เป็นอีกโซนที่ดึงความสนใจของผู้เข้าชมงาน เพราะได้ชมเทคโนโลยีประกันภัยสุดล้ำ จากเหล่า tech startup และได้ความรู้ด้านประกันภัย จากบูทนิทรรศการของสำนักงาน คปภ. สมาคมด้านการประกันภัย บริษัทประกันชีวิต บริษัทประกันวินาศภัย บริษัทนายหน้าประกันภัย และบริษัท Tech Firm InsurTech Startup จากทั้งในและต่างประเทศ ร่วมงานคับคั่ง ซึ่งแผนสำหรับการจัดงานในปีหน้า เราจะยกระดับเรื่องของเทคโนโลยีมากยิ่งขึ้น เน้นบริษัท start up จากต่างประเทศมากขึ้น scale ของ start up ที่ใหญ่มากขึ้น สามารถนำ Solutions หรือ product ที่มาโชว์ได้จริง หรือ นำเรื่องผลิตภัณฑ์ประกันภัยที่เกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันมาเสนอภายในงาน ซึ่งคาดว่าจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่แน่นอนครับ
นอกจากนี้ ยังมีการมอบรางวัลให้กับผู้ที่ซื้อผลิตภัณฑ์ภายในงานมากกว่า 40 รางวัล โดยมีการจับฉลากและมอบรางวัล ในวันที่ 7 -9 ต.ค. 65 เวลา 19.00 น. สามารถตรวจสอบรายชื่อผู้ที่ได้รางวัลได้ที่ www.tif2022.com
โดย รางวัลใหญ่ในงาน ได้แก่ รถยนต์ไฟฟ้า EV – Ora Good Cat จำนวน 1 รางวัล มูลค่า 763,000 บาท ผู้โชคดีได้แก่ คุณ นุช รี อ่อนพร้อม คปภ. ขอแสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลทุกท่าน
“จากการจัดงานในครั้งนี้ เป็นที่น่ายินดีว่า เราเห็นความสนใจ ความเข้าใจประโยชน์ของการใช้ InsurTech เพิ่มมากขึ้น และมีการกระจายตัวในวงกว้างมากขึ้น รวมไปถึงหลายๆ session สัมมนา ประชาชนได้ให้ความสนใจอย่างมาก รวมไปถึงตัวแทนนายหน้าประกันภัยด้วย ที่เข้ามาสนใจทั้งเข้าฟังสัมมนา และชมการแสดงผลงานชมบูธ เปิดไอเดีย ต่อยอดความรู้การนำเทคโนโลยีมาเพิ่มประสิทธิภาพในการบริการลูกค้าของตัวเอง ปีหน้าเราจะขยายผลตรงนี้ขึ้นไปอีก แม้ปีนี้เรามีบริษัท InsurTech มาออกบูธแสดงผลงานกันกว่า 40 บริษัท แต่ปีหน้าเราจะเชิญบริษัทที่น่าสนใจจากทั่วโลกเพิ่มเติมอีกหลายแห่ง มาร่วมออกบูธแสดงผลงานใหม่ๆ นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ตอกย้ำการเป็น InsurTech Fair ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เพื่อให้ผู้เข้าชมงานได้เปิดวิสัยทัศน์ให้มากขึ้นไปอีก
สุดท้ายนี้ ต้องขอขอบคุณประชาชนทุกท่านที่ให้ความสนใจเข้าร่วมงาน และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ประกันภัย ในงาน Thailand InsurTech Fair 2022 รวมทั้งต้องขอขอบคุณหน่วยงานพันธมิตรที่ร่วมจัดงานในครั้งนี้ เพราะสำนักงาน คปภ. ไม่สามารถจัดงานที่ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ได้ ถ้าไม่รับความร่วมมือที่ดีจากพวกท่าน ความสำเร็จในการจัดงานในครั้งนี้จะเป็นแรงผลักดันให้พวกเราสร้างสรรค์กิจกรรมดีๆ ให้กับพี่น้องประชาชนแบบนี้ต่อไป และกลับมาพบกันในปีหน้ากับงาน ‘Thailand InsurTech Fair 2023’ ที่ผมรับประกันว่าจะยิ่งใหญ่กว่าปีนี้แน่นอน”เลขาธิการ คปภ. กล่าวในตอนท้าย
‘ประกันติดล้อ’ โชว์ผลงานด้านประกันภัย Q3/65
“ประกันติดล้อ” แย้มผลงาน Q3 ปี 65 งานนี้ คุณหนุ่ม ปิยะศักดิ์ อุกฤษฎ์นุกูล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR บอกว่า หลังจากที่เปิดตัวแบรนด์ “ประกันติดล้อ” นายหน้าธุรกิจประกันภัยไปได้ไม่นาน สามารถสร้างผลงานได้ยอดเยี่ยม เบี้ยประกันวินาศภัยช่วง Q3 ปี 65 เติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 50% (YoY) เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า
สมกับเป็นแบรนด์นายหน้าประกันภัยเพื่อลูกค้ารายย่อยอันดับ 1 ที่มีจุดแข็งด้านความพร้อมในการให้คำปรึกษาด้านประกันภัยอย่างใกล้ชิด (Face-to-Face Marketing) โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ประกันภัยครบวงจร จากนายหน้าประกันภัยมืออาชีพที่มีใบอนุญาตถูกต้องกว่า 5,000 คน ผ่านช่องทางบริการที่หลากหลาย (Omni-channel) ทั่งจุดบริการสาขากว่า 1,500 แห่งทั่วประเทศ ช่องทางโทรศัพท์และออนไลน์ ที่เชื่อมโยงความต้องการของลูกค้าได้สะดวกตลอด 24 ชม. พร้อมทางเลือกให้ลูกค้าแบ่งจ่ายค่าเบี้ยประกันด้วยเงินสดได้สูงสุด 10 งวด แบบหารเท่ากันทุกงวด ไม่มีเงื่อนไข รับความคุ้มครองด้านประกันภัยที่หลากหลายตรงความต้องการจากบริษัทประกันภัยพันธมิตรชั้นนำมากมาย ทั้งหมดนี้เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงความคุ้มครองด้านประกันภัยได้ง่ายยิ่งขึ้น
A10633
บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด รณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ‘365 วัน นครสวรรค์ขับขี่ปลอดภัย’ Kick off รณรงค์การสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์
จังหวัดนครสวรรค์ ร่วมกับภาคีเครือข่ายรณรงค์ป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนทุกภาคส่วนในจังหวัด ร่วมพิธี เปิดวาระสำคัญของจังหวัด “365 วัน นครสวรรค์ขับขี่ปลอดภัย” Kick off รณรงค์การสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ ณ สนามหน้าศาลากลางอำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์ เพื่อให้หน่วยงานทุกภาคส่วน ดำเนินการรณรงค์การป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี และให้ทุกพื้นที่เป็นพื้นที่การสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขานครสวรรค์ ได้เข้าร่วมกิจกรรมและสนับสนุนหมวกนิรภัยราคาพิเศษ ต่ำกว่าต้นทุนโรงงาน เพื่อรณรงค์กับผู้ใช้รถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่ขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์
สืบเนื่องมาจากข้อมูลบูรณาการผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน (3 ฐาน) ซึ่งเป็นข้อมูลจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ,กระทรวงสาธารณสุข และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด ในปี 2564 ที่ผ่านมาพบว่า จังหวัดนครสวรรค์มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนน ถึง 298 ราย และในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนสิงหาคม 2565 มีผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนถึง 190 ราย ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากรถจักรยานยนต์ จึงเท่ากับมีผู้เสียชีวิตในแต่ละวันๆ ละเกือบ 1 คน หากตลอด 365 วัน ถ้าไม่มีมาตรการที่เข้มข้น จริงจังและต่อเนื่อง จะยิ่งทำให้เกิดความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้ใช้รถใช้ถนนจังหวัดนครสวรรค์เพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันและลดความสูญเสียที่เกิดขึ้นจากอุบัติเหตุทางถนนและตอบสนองนโยบายของรัฐบาล เรื่องการขับเคลื่อนด้านความปลอดภัยทางถนนการสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์แล้ว จังหวัดนครสวรรค์ จึงกำหนดให้เป็นวาระสำคัญในทุกๆ วัน ตลอด 365 วัน ทุกคนต้องปลอดภัยจากอุบัติเหตุทางถนน ถือเป็นภารกิจสำคัญเร่งด่วนที่หน่วยงานต่างๆ ต้องดำเนินการให้ครอบคลุมทุกมาตรการ ทั้งการเพิ่มความเข้มข้นในการรณรงค์ประชาสัมพันธ์ เสริมสร้างการรับรู้ของคนในพื้นที่ ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมทั้งมาตรการแก้ไขจุดเสี่ยงด้านกายภาพของถนน และมาตรการด้านผู้ใช้รถใช้ถนนปลอดภัย มีการมุ่งเน้นให้ข้าราชการ พนักงาน เจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงาน ผู้นำองค์กรและผู้นำชุมชน ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี ในการปฏิบัติตามกฎจราจร โดยเฉพาะการสวมหมวกนิรภัยทุกครั้งที่มีการขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์
นอกจากนี้ยังมีการจัด kick-off รณรงค์การสวมหมวกนิรภัย 100 เปอร์เซ็นต์ขึ้น โดยมีการปล่อยขบวนรถร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์จากหน่วยงานภาคีเครือข่าย โดยเริ่มต้นรณรงค์บนถนนต้นแบบของจังหวัดนครสวรรค์ ได้แก่ ถนนสวรรค์วิถี ตั้งแต่สี่แยกเดชาติวงศ์ ถึงสามแยกสะพานดำ ต่อเนื่องถนนต้นน้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ตลาดศรีนครถึงใต้สะพานเดชาติวงศ์ และบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขานครสวรรค์ ได้ร่วมสนับสนุนหมวกนิรภัยและจำหน่ายในราคาพิเศษต่ำกว่าต้นทุนโรงงาน รวมถึงหมวกรองในก่อนใส่หมวกนิรภัยให้กับตัวแทนผู้ขับขี่ขบวนรถจักรยานยนต์รับจ้าง มีการแจกจ่ายเอกสารประชาสัมพันธ์ด้านความปลอดภัยทางถนนของหน่วยงานภาคีเครือข่าย รวมทั้งการสนับสนุนหมวกนิรภัยจากภาคเอกชนเพื่อส่งต่อให้สถานศึกษาในพื้นที่ภาคีเครือข่าย
“365 วัน นครสวรรค์ขับขี่ปลอดภัย” จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทุกหน่วยงาน ในการมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนด้านความปลอดภัยทางถนนไปพร้อมๆ กัน เพื่อป้องกันและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนนให้เกิดขึ้นได้อย่างยั่งยืน
A10610
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด