ส.วินาศภัยฟันธงปีมะเมีย ประกันภัยโตไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์
สมาคมประกันวินาศภัยไทย ลุ้นตัวโก่งหวังเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว มั่นใจปีนี้โต 2.5% พร้อมดันโครงการกรมธรรม์อิเล็กทรอนิกส์ และศูนย์ข้อมูลกลางรวบด้านสถิติข้อมูลประกันภัย พร้อมตั้งเป้าปี 57 ภาพรวมธุรกิจประกันภัยโต 10-12%
นายอานนท์ วังวสุ นายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศไทย ใน 2557 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่น้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่ประมาณ 2.5% เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังไม่นิ่ง ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง รวมไปถึงหนี้ภาคครัวเรือนที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ทำให้ประชาชนมีการชะลอกำลังซื้อลดลง
ปีนี้เราคงต้องมาลุ้นกันต่อไปว่าปัญหาความไม่สงบทางการเมืองจะมีข้อยุติลงได้เมื่อไร ซึ่งถ้าสามารถจบลงได้เร็วภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศน่าจะมีความหวังฟื้นตัวเร็วขึ้น นั่นหมายถึงจะทำให้การท่องเที่ยวจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง ในขณะที่ภาคการส่งออกก็ต้องมาลุ้นกันอีกว่าจะสามารถกลับมาฟื้นตัวอีกครั้งหรือไม่ ซึ่งคาดว่าปีนี้การส่งออกน่าจะเติบโตประมาณ 2% นายอานนท์ กล่าวสำหรับโครงการรับจำนำข้าว ปัจจุบันภาครัฐได้มีการเร่งระบายข้าวออกสู่ตลาดเพื่อให้ทันต่อการนัดชำระจ่ายเงินให้แก่ชาวนา ทั้งนี้เชื่อว่าการเร่งระบายข้าวอาจส่งผลต่อข้าวล็อตใหม่ที่กำลังจะเข้าสู่ตลาดมีราคาที่ไม่ดีนัก
อย่างไรก็ตามในปีนี้ภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศมีแนวโน้มฟื้นตัวได้บ้างเล็กน้อยโดยมีปัจจัยจาก การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ประกอบกับ กบง.ที่มีการลดอัตราดอกเบี้ยและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำส่งผลให้เริ่มมีนักลงทุนจากต่างประเทศหันกลับเข้ามาลงทุนบ้างแล้ว
นายกสมาคมฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจประกันวินาศภัยในปี 2557 คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตน้อยกว่าในปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 10-12% หรือมีมูลค่าเบี้ยประกันภัยโดยรวมประมาณ223,577 ล้านบาท ขณะที่อัตราการขยายตัวของมูลค่าเบี้ยประกันภัยรถยนต์ทั้งภาคบังคับและภาคสมัครใจคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตที่ประมาณ 13%
สำหรับแผนงานในปีนี้สมาคมฯเตรียมผลักดันโครงการจัดทำกรมธรรม์ประกันภัยระบบอิเล็ก ทรอนิกส์หรือ Electronic Policy ซึ่งได้ร่วมมือกับคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพในการดำเนินงานของบริษัทประกันวินาศภัย โดยเฉพาะการส่งเสริมและพัฒนาช่องทางการจัดจำหน่ายและผลิต ภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อลดต้นทุนทางการตลาด และ เตรียมผลักดันการจัดตั้งศูนย์ กลางข้อมูลกลางทางด้านข้อมูลของธุรกิจประกันภัย เพื่อจัดทำเป็นศูนย์รวบรวมข้อมูล จัดเก็บสถิติ วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อให้บริการแก่บริษัทสมาชิก รวมถึงการประสานข้อมูลกับศูนย์ข้อมูล คปภ.เพื่อผลักดันให้เกิดโครงการ Insurance Bureau System
ในปี 2556 ที่ผ่านมาธุรกิจกันประกันวินาศภัยมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมทั้งสิ้น 203,021 ล้านบาท เติบโต 13.12% แบ่งเป็นประกันภัยรถยนต์ 118,417 ล้านบาท มีอัตราเติบโต 13.96% ประกันภัยเบ็ดเตล็ด 67,491 ล้านบาท เติบโต 11.35% และประกันภัยอัคคี 11,812 ล้านบาท เติบโต 21.04%
ไทยประกันชีวิต..คุ้มครอง'รั้วของชาติ'ปีที่ 28
'ทหาร'คือผู้มีหน้าที่ในเรื่องรบ นักรบซึ่งเป็นกำลังรักษาความมั่นคงและบำรุงประเทศ และผู้เป็นกำลังรบและทำหน้าที่อื่นๆ ในยามสงคราม หรือที่พวกเราจะเรียกกันว่า "รั้วของชาติ" และด้วยความเสียสละของเหล่าทหารกล้า บมจ.ไทยประกันชีวิต จึงได้จัดพิธีลงนามเซ็นสัญญาประกันชีวิตทหารต่อเนื่องเป็นปีที่ 28 เพื่อมอบเป็นของขวัญและกำลังใจกับเหล่าทหารกล้า
การลงนามเซ็นสัญญาในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจาก พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ลงนามต่อสัญญากรมธรรม์ประกันชีวิตทหาร กับ นายอภิรักษ์ ไทพัฒนกุล กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยประกันชีวิต เพื่อให้ความคุ้มครองกำลังพลของกองทัพบกต่อเนื่องเป็นปีที่ 28
นายไชย ไชยวรรณ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไทยประกันชีวิต กล่าวว่า บริษัทได้มอบความคุ้มครองทหารมาอย่างต่อเนื่อง โดยให้ความคุ้มครองภายใต้แบบประกัน 3 แบบด้วยกัน คือ 1.กรมธรรม์แบบภัยสงคราม ให้ความคุ้มครองทหารที่ออกปฏิบัติหน้าที่ภาคสนามที่มีความเสี่ยงสูงทั้งในและนอกประเทศ ทั้งกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพจนถูกปลดประจำการ 2.กรมธรรม์แบบพิทักษ์พล ให้ความคุ้มครองกรณีเสียชีวิตหรือทุพพลภาพ และ 3.กรมธรรม์แบบพิทักษ์พลพิเศษ ให้ความคุ้มครองข้าราชการและลูกจ้างที่ปฏิบัติหน้าที่ในยามปกติ
อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ผ่านมา บริษัทได้มอบสินไหมทดแทนแก่ทหารที่บาดเจ็บและเสียชีวิตรวม 13,831 นาย คิดเป็นสินไหมทดแทนทั้งสิ้น 748,382,000 บาท นอกจากนี้การรับประกันชีวิตทหารดังกล่าว ยังถือเป็นการสร้างความรับผิดชอบต่อสังคมที่อยู่ในกระบวนการดำเนินธุรกิจโดยไม่แสวงหากำไร เพราะหากปีใดมีการจ่ายสินไหมทดแทนต่ำกว่าเบี้ยประกันรับ บริษัทจะคืนเงินส่วนเกินแก่กองทัพบกเพื่อเป็นสวัสดิการต่อไป โดยในปีที่ผ่านมาบริษัทดำเนินการคืนเงินให้แก่กองทัพบกรวม 2,760,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ บริษัทได้ขยายความคุ้มครองไปยังกำลังพลของกองทัพอากาศ โดยให้ความคุ้มครองแก่นักบินและกำลังพลที่อยู่ในแผนป้องกันประเทศ หรือเป็นผู้ได้รับเงินค่าฝ่าอันตราย กำลังพลที่สนับสนุนการปฏิบัติงานในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ รวมถึงกำลังพลที่อยู่ตามพื้นที่เสี่ยงภัยทั้งหมด จำนวนรวม 6,000 นาย โดยได้มอบความคุ้มครองภายใต้กรมธรรม์แบบพิทักษ์พล ทอ.
และบริษัทยังให้ความคุ้มครองกำลังพลของกองทัพเรือ ที่ปฏิบัติหน้าที่ในจังหวัดชายแดนใต้ จังหวัดจันทบุรี และตราด และหน่วยเฉพาะกิจที่ปฏิบัติหน้าที่ตามพื้นที่ชายแดน ภายใต้กรมธรรม์แบบเฉพาะกิจ รวมถึงกำลังพลของกองบัญชาการกองทัพไทยที่ปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ชายแดนใต้ และกำลังพลของหน่วยงานสังกัดกระทรวงกลาโหมอีกด้วย โดยในส่วนกองทัพอากาศ กองทัพเรือ และกระทรวงกลาโหม บริษัทได้จ่ายสินไหมทดแทนแล้ว 355 นาย รวมเป็นเงิน 182,200,000 บาท.
ไทยประกันชีวิต ออกทรัพย์บำนาญ G
ไทยประกันชีวิตรับกระแส Aging Society ผุดแบบประกันทรัพย์บำนาญG จับกลุ่มมนุษย์เงินเดือนที่ต้องการวางแผนหลังเกษียณ จ่ายบำนาญ 15% จนถึงอายุ 90 ปี
นายสวัสดิ์ นฤวรวงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยประกันชีวิต เปิดเผยว่า จากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างประชากรของไทย เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ โดยปัจจุบันมีประชากรที่มีอายุมากกว่า 60 ปี สูงถึง 9.8 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วน 15% ของประชากรทั้งหมด รวมถึงอายุขัยโดยเฉลี่ยของคนไทยอยู่ที่ 87 ปี สูงสุดในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งผู้สูงอายุมีโอกาสเจ็บป่วยและประสบอุบัติเหตุค่อนข้างสูง ประกอบกับค่ารักษาพยาบาลที่มีแนวโน้มสูงขึ้น จากการนำเทคโนโลยีด้านการรักษาพยาบาลใหม่ๆเข้ามาใช้
ดังนั้น เพื่อให้คนไทยสามารถเตรียมพร้อมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ ด้วยการวางแผนทางการเงินตั้งแต่วัยทำงาน ไทยประกันชีวิตจึงได้พัฒนาแบบประกัน “ทรัพย์บำนาญG” ที่ตอบโจทย์ด้านการออม ความคุ้มครองชีวิต รวมถึงสิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่สามารถลดหย่อนสูงสุดถึง 3 แสนบาท พร้อมสมัครได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องตรวจสุขภาพ และไม่ต้องตอบคำถามเกี่ยวกับสุขภาพ
แบบประกันทรัพย์บำนาญG เป็นแบบประกันที่เหมาะกับกลุ่มวัยทำงาน อายุ 20-60 ปี ที่ต้องการสร้างสวัสดิการบำนาญให้แก่ตัวเอง สิทธิประโยชน์ของแบบประกันนี้ ผู้เอาประกันจะได้รับเงินบำนาญ 15% ของจำนวนเงินเอาประกันภัยทุกปี ตั้งแต่ปีที่ชำระเบี้ยประกันครบ ต่อเนื่องจนถึงอายุ 90 ปี และในช่วงรับบำนาญจะรับรองการจ่ายเงินบำนาญถึง 15 ปี กรณีที่ผู้เอาประกันภัยรับเงินบำนาญไม่ครบ 15 ปี จะได้รับเงินก้อนตามมูลค่าปัจจุบันของเงินบำนาญที่ยังจ่ายไม่ครบ
ทั้งนี้ แบบประกันทรัพย์บำนาญG สามารถเลือกชำระเบี้ยประกันได้ 3 ระยะ คือ ถึงอายุ 55 ปี ถึงอายุ 60 ปี และถึงอายุ 65 ปี โดยคุ้มครองจนถึงอายุ 90 ปี หากเสียชีวิตก่อนครบรอบปีกรมธรรม์ที่ผู้เอาประกันจะอายุครบ 55 ปี 60 ปี หรือ 65 ปี แล้วแต่แบบประกัน จะได้รับความคุ้มครอง 105% ของเบี้ยประกันที่ชำระมาทั้งหมด หรือเงินเวนคืนกรมธรรม์ที่มากกว่า
“แบบประกันนี้จะช่วยให้มั่นใจว่าจะมีเงินใช้ยามเกษียณ และสามารถวางแผนเลือกระยะเวลารับบำนาญที่เหมาะสมกับตัวเอง รวมถึงสามารถแบ่งชำระเบี้ยประกันเป็นรายเดือนได้ ขณะเดียวกันสามารถนำไปลดหย่อนภาษีรวมกับกรมธรรม์ประกันชีวิตที่มีอยู่ได้สูงสุดถึง 3 แสนบาท เหมาะสำหรับผู้ที่มีรายได้ประจำที่ต้องการใช้สิทธิ์ลดหย่อนภาษี ควบคู่กับการวางแผนเกษียณอายุ” นายสวัสดิ์กล่าว
นอกจากนี้ ผู้เอาประกันของไทยประกันชีวิต ยังจะได้รับบริการที่มากกว่า อาทิ ไทยประกันชีวิตฮอตไลน์ บริการฉุกเฉินทางการแพทย์และเคลื่อนย้ายผู้ป่วย ตลอด 24 ชั่วโมง ทุกที่ ทั่วโลก ไทยประกันชีวิตแคร์เซ็นเตอร์ ศูนย์ดูแลสิทธิประโยชน์ผู้เอาประกันที่สมบูรณ์แบบในทุกช่องทางการติดต่อ คลับไทยประกันชีวิต กับหลากหลายสิทธิประโยชน์ที่คัดสรรมาเป็นพิเศษเฉพาะสมาชิกไทยไลฟ์การ์ดเท่านั้น
อาคเนย์'ขายประกันคุ้มครองชีวิต-อุบัติเหตุ-มะเร็ง
'อาคเนย์'รุกแบงก์แอสชัวรันส์ ผนึก'เกียรตินาคิน'ออกประกันภัยกล่องพร้อมใช้ 3 แบบ ให้ความคุ้มครองลูกค้า แบ่งเบาค่ารักษาพยาบาล
นายโชติพัฒน์ พีชานนท์ ประธานกรรมการบริหาร อาคเนย์ กลุ่มธุรกิจประกันและการเงิน เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมกับธนาคารเกียรตินาคิน พัฒนาผลิตภัณฑ์การประกันภัยกล่องพร้อมใช้ในชุดเคเค อีซีบ็อกซ์ (KK Easy Box) ขึ้นมา 3 แบบ ได้แก่ ประกันภัยอุบัติเหตุ KK Easy Box - PA One และประกันภัยอุบัติเหตุ KK Easy Box - PA Family และประกันภัยโรคมะเร็ง (KK Easy Box Cancer) เพื่อให้บริการลูกค้าทั่วประเทศได้ใช้เป็นเครื่องมือสร้างหลักประกันความคุ้มครอง และแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินและเจ็บป่วยอย่างไม่คาดคิดมาก่อน
กรมธรรม์ประกันภัยทั้ง 3 ประเภท ผู้ที่สนใจสมัครขอรับความคุ้มครองด้วยวิธีการง่ายๆ เพียงเลือกกล่องกรมธรรม์ความคุ้มครองตามที่ต้องการในแต่ละประเภท ซึ่งวางจำหน่ายไว้ที่เคาน์เตอร์ของธนาคารเกียรตินาคิน เปิดกล่อง และตอบคำถามในเอกสารใบคำขอเอาประกันเพียง 5 ข้อ เซ็นชื่อและชำระค่าเบี้ยประกันภัยที่เคาน์เตอร์ธนาคาร หากคำตอบผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ครบทั้งหมด จะได้รับความคุ้มครองทันที
นับเป็นการทำประกันภัยแบบใหม่ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองอย่างรวดเร็วทันใจ ด้วยบริการที่ฉับไวของพนักงานธนาคาร ซึ่งนับเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมทางการประกัน เป็นทางเลือกใหม่ที่คนไทยสามารถหาซื้อและรับความคุ้มครองได้อย่างไม่ยุ่งยากซับซ้อน.
ธนาคารเกียรตินาคินจำกัด (มหาชน) คือหนึ่งในพันธมิตรที่สำคัญของอาคเนย์ ซึ่งมีความตั้งใจที่จะมอบหลักประกันความคุ้มครองชีวิตและค่ารักษาพยาบาลอันเนื่องจากอุบัติเหตุและโรคมะเร็งให้กับลูกค้าธนาคาร หรือผู้ที่สนใจทั่วไปให้สามารถเข้าถึงหลักประกันความคุ้มครองดังกล่าวด้วยวิธีการง่ายๆ สะดวก ลดขั้นตอนที่ยุ่งยากซับซ้อนออกไป จึงได้ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์การประกันภัยกล่องพร้อมใช้ในชุด เคเค อีซี่บอกซ์ (KK Easy Box) ขึ้นมา 3 แบบ ได้แก่ประกันภัยอุบัติเหตุ KK Easy Box-PA One และประกันภัยอุบัติเหตุ KK Easy Box - PA Family และประกันภัยโรคมะเร็ง (KK Easy Box Cancer) เพื่อให้บริการลูกค้าทั่วประเทศได้ใช้เป็นเครื่องมือสร้างหลักประกันความคุ้มครอง และแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉินและเจ็บป่วยอย่างไม่คาดคิดมาก่อน
กรมธรรม์ประกันภัยกล่องทั้ง 3 แบบซึ่งจำหน่ายโดยธนาคารเกียรตินาคินดังกล่าว จะได้รับความสนใจจากลูกค้าของธนาคารเกียรตินาคินและบุคคลทั่วไปเป็นอย่างมาก เนื่องจากทำประกันได้ง่าย มีความคุ้มครองสูง อัตราเบี้ยประกันภัยต่ำเมื่อเทียบกับกรมธรรม์ชนิดเดียวกันที่มีจำหน่ายโดยทั่วไป โดยเฉพาะกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุรายเดี่ยว KK Easy Box-PA One ให้ความคุ้มครองสูงสุดถึง 500,000 บาท ค่ารักษาพยาบาลจากอุบัติเหตุต่อครั้ง สูงถึง 50,000 บาท มีเงินชดเชยนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลวันละ 1,000 บาท
ส่วนแผนประกันภัยอุบัติเหตุแบบครอบครัว KK Easy Box-PA Family ให้ความคุ้มครองครบทั้งผู้เอาประกัน คู่สมรส และบุตรที่อายุไม่เกิน 20 ปีไม่จำกัดจำนวน อัตราค่าเบี้ยประกันภัยเฉลี่ยเพียงวันละ 6 บาท รับความคุ้มครองสูงสุดถึง 500,000 บาทสำหรับผู้เอาประกัน 250,000 บาทสำหรับคู่สมรส และ 125,000 บาทสำหรับบุตร ซึ่งยังมีความคุ้มครองอื่นๆ ที่ครอบคลุมคุ้มภัยได้ไม่น้อยกว่าแบบรายเดี่ยวเช่นกัน
สำหรับกรมธรรม์ประกันภัยโรคมะเร็ง KK Easy Box Cancer ให้ความคุ้มครองโรคมะเร็งทุกระยะมีเงินชดเชยสูงถึง 300,000 บาท พร้อมกับขยายความคุ้มครองโรคมะเร็งผิวหนังให้อีก 60,000 บาท โดยผู้เอาประกัน ชำระค่าเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นเฉลี่ยเพียงวันละ 5 บาทเท่านั้น แนวโน้มคนไทยจะซื้อความคุ้มครองประกันภัยโรคมะเร็งกันมากขึ้น เนื่องจากโรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของคนไทยสูงเป็นอันดับ 1 ในปีหนึ่งๆ มีคนไทยเสียชีวิตกว่า 60,000 คน โดยจำนวนผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เพิ่มขึ้นปีละประมาณ 3,000 คน
‘ทิพย’ ปักธงคุมลอส เรโชว์สิ้นปี 65% หลังรถเล็กดันพอร์ตเกิน 70% เล็งปรับแผนรับประกันภัย-คัดงาน-คิดเบี้ยตามจริง-เพิ่มช่องทางบริการทั้งตัวแทน-สำนักงานเจาะรถกลุ่มใหม่ตั้งเป้าเพิ่มลูกค้ารายย่อย 10-20% ต่อปี
นายทนงศักดิ์ ศรีเรืองสุข รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) (บมจ.) หรือ TIP เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงภาพรวมและแนวโน้มธุรกิจประกันภัยทั้งปีนี้ว่า สัญญาณตลาดประกัน 3 เดือนแรกการเติบโตยอดขายไม่หวือหวา โดยกำลังซื้อรายใหญ่ที่ชะลอตัวตามสภาพเศรษฐกิจ เนื่องจากผลกระทบสถานการณ์ทางการเมือง อีกทั้งยังมีประกันภัยรายอื่นเข้ามาเสนอรับประกันภัยมากขึ้น ซึ่งโอกาสทำกำไรอาจลดลงด้วย ส่วนตลาดรายย่อยยังพอมีโอกาสจาก 2 ปีที่ผ่านมาตลาดโฟกัสแบบประกันที่ไม่ซับซ้อนผ่านลูกค้ารายย่อย
ในส่วนของ บมจ.ทิพย ยอมรับว่าได้รับผลกระทบเช่นกัน เพราะฐานลูกค้าปัจจุบันมาจาก 2 กลุ่ม คือ ลูกค้ารายใหญ่ เช่น โครงการประกันของรัฐบาล-รัฐวิสาหกิจและกลุ่มที่ 2 คือ ลูกค้ารายย่อยซึ่งหลายปีที่ผ่านมาเริ่มปรับสัดส่วนลดลงตั้งแต่ 70% และ 30% โดยสิ้นปีก่อนสัดส่วนงานรับประกันภัยมาอยู่ที่ 60% และ 40% และเชื่อว่าในช่วง 1-2 ปีจากนี้ไปคาดว่า สัดส่วนลูกค้ารายย่อยจะขยับมาอยู่ที่ 50% และ 50% สะท้อนการกระจายความเสี่ยงที่เหมาะสม สอดคล้องกับแผนงานการขยายตลาดใหม่ในอนาคต
"ทั้งนี้ จากประมาณการการขยายตัวในเชิงเบี้ยประกันภัยรับและการขยายตัวทางธุรกิจแล้ว เทียบช่วงเดียวกันเดือนมกราคมถึงมีนาคม 2557 เฉพาะลูกค้ารายย่อยยังมีทิศทางการเติบโตไปได้ดี แต่รายใหญ่เบี้ยประกันภัยยังมีเข้ามาต่ำกว่าปีที่ผ่านมา เป็นผลจากโครงการการลงทุนขนาดใหญ่จากภาครัฐที่ชะลอ ตลอดจนมีการชะลอการลงทุนทั้งจากรัฐวิสาหกิจและภาคธุรกิจ"
อย่างไรก็ตาม ปีนี้เป็นปีแห่งการปรับปรุงระบบการให้บริการหลังบ้านให้ทันเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไปภายใต้ 2-3วาระเร่งด่วน คือ การควบคุมอัตราความเสี่ยงภัย (Loss Ratio) จาก 70% ให้เหลือ 65% เนื่องจากปีที่ผ่านมา Loss Ratio เพิ่มสูงขึ้นเกินระดับ 70% โดยมาจากสาเหตุหลักงานประกันภัยรถยนต์ที่มีขนาดเล็กหรือต่ำกว่า 1500 ซีซี ดังนั้น ระยะสั้นนอกจากต้องลด Loss Ratio แล้วยังต้องหันไปทำตลาดโดยรับประกันภัยรถกลุ่มใหม่ให้มากขึ้น ขณะเดียวกันจะเพิ่มช่องทางการให้บริการทั้งสำนักงานตัวแทนและตัวแทนรายย่อย เพื่อเจาะตลาดลูกค้าให้ขยายและครอบคลุมทั่วประเทศ จากปัจจุบันที่มี 48 แห่งซึ่งปีนี้จะเพิ่มสำนักงานใหม่อีก 102 แห่งและสิ้นปีจะมี 150 แห่ง ควบคู่กับการเพิ่มจำนวนตัวแทนรายย่อยอีก 2,200 คนจากเดิมที่มี 7,800 คน คาดว่าสิ้นปีจะมีตัวแทนทั่วประเทศรวม 1 หมื่นคน
ต่อข้อถามนโยบายการปรับขึ้นเบี้ยประกันภัยนั้น นายทนงศักดิ์กล่าวว่า ทิพยยังคงยึดนโยบายการให้บริการมาตรฐาน ส่วนการปรับขึ้นเบี้ยจะเน้นดูจากอัตราความเสียหายของรถทั้งกลุ่ม ไม่ใช้วิธีเหมาเข่งหรือขึ้นเบี้ยพร้อมกันทั้งหมด เบื้องต้นจะพิจารณาดูความเสียหายต่อคัน หากเอาประกันมีประวัติการขับรถที่ดี เป็นฝ่ายถูกหรือไม่เคยเคลมประกันมาทั้งปี บริษัทจะไม่ปรับขึ้นเบี้ยและจะมีการลดเบี้ยประกันภัยเริ่มต้นที่ 20% เรียกว่าเป็นการคิดเบี้ยตามจริง และที่แตกต่างจากบริษัทอื่น คือ ลูกค้าสามารถซื้อความคุ้มครองกรณีเมาไม่ขับ แล้วจะได้รับการปรับลดเบี้ยประกันอีกไม่ต่ำกว่า 10-20% ทั้งนี้ เพื่อเป็นการสมนาคุณกับลูกค้า พร้อมเสริมนโยบายการเพิ่มผู้ให้บริการรถใช้ระหว่างซ่อม เรียกว่าเอาใจผู้ขับประวัติดี แม้ที่ผ่านมาจะทำให้ต้นทุนการให้บริการปรับเพิ่มขึ้น 10% ก็ตาม
ที่สำคัญตามแผนปีนี้ จะเห็นค่ายทิพยเปิดตัวสู่สาธารณะผ่านโฆษณา ผลิตภัณฑ์ /สินค้าผ่านโทรทัศน์ในช่องฟรีทีวี ซึ่งที่ผ่านมาทิพยยังไม่เคยทำมาก่อน ทั้งนี้ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้ารายย่อยในตลาดต่างจังหวัด ส่วนตลาดลูกค้าองค์กรทั้งภาครัฐและรัฐวิสาหกิจยังเป็นตลาดที่ทิพยมั่นใจและให้บริการเป็นเบอร์ 1 จากการมีภาครัฐและรัฐวิสาหกิจถือหุ้น ส่วนลูกค้ารายย่อยมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วน 10-20% ต่อปี
"ปีนี้จะเป็นปีแห่งการปรับกลยุทธ์การสื่อสารให้ทันสมัยมากขึ้น ซึ่งจะใช้เม็ดเงินประมาณ 10% ของประมาณการยอดขาย โดยอยู่ระหว่างจัดทำงบประมาณด้านโฆษณา เช่น หากตั้งเป้าเบี้ยประกันไว้ที่ 1 พันล้านบาท คาดว่าจะใช้งบประมาณราว 100 ล้านบาท น่าจะเห็นรูปลักษณ์ใหม่ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้"
สำหรับเป้าการขยายตัวทางธุรกิจและการรับประกันภัยปีนี้ บมจ.ทิพย คาดว่า จะมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 2.726 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 15% โดยเบี้ยประกันภัยมาจากการรับประกันภัยที่ไม่ใช่รถยนต์ (Non Motor) 2.11 หมื่นล้านบาท แยกออกเป็นเบี้ยประกันภัยเบ็ดเตล็ด1.81 หมื่นล้านบาท มาจากประกันภัยอุบัติเหตุส่วนบุคคลและสุขภาพ (PA/Health) 8.25 พันล้านบาท อื่นๆ 9.85 พันล้านบาท, ประกันอัคคีภัย (fire) 2,600 ล้านบาท, ประกันภัยทางทะเลและขนส่ง 400 ล้านบาท และประกันภัยรถยนต์ (Motor) 6.16 พันล้านบาท แยกเป็นประกันภัย พ.ร.บ. 560 ล้านบาท และประกันภาคสมัครใจ 5.6 พันล้านบาท
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด