บ้านปู เผยผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 65 แข็งแกร่งต่อเนื่อง รุดสร้างการเติบโตกลุ่มเทคโนโลยีพลังงาน
บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลายในระดับนานาชาติ เผยผลดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2565 ด้วยกระแสเงินสดและผลกำไรที่เติบโตต่อเนื่อง โดยมีรายได้จากการขาย รวม 2,397 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 87,274 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 106 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมและค่าใช้จ่ายตัดจ่าย (EBITDA) รวม 1,350 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 49,160 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 155 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 487 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 17,744 ล้านบาท) เพิ่มขึ้นร้อยละ 360 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเป็นผลจากความต้องการใช้พลังงานที่เพิ่มขึ้นภายใต้อุปทานที่มีจำกัด ประกอบกับรายได้จากธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานที่กำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมส่งมอบพลังงานที่ดีขึ้นเพื่ออนาคต (Smarter Energy for the Future)
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานของเราในไตรมาส 3 ปี 2565 มีการเติบโตอย่างน่าพอใจ ทั้งจากความต้องการพลังงานที่ขยายตัวแนวโน้มราคาพลังงานที่ปรับตัวสูงขึ้น ตลอดจนการขยายตัวของรายได้ที่เริ่มเห็นชัดเจนเป็นรูปธรรมทั้งจากการขยายการเติบโตในพอร์ตธุรกิจพลังงานที่สะอาดขึ้นและเทคโนโลยีพลังงานตามกลยุทธ์ Greener & Smarter และการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve ทั้งด้านที่เกี่ยวเนื่องกับอุตสาหกรรมพลังงาน รวมไปถึงอุตสาหกรรมที่นอกเหนือจากด้านพลังงานและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับเทคโนโลยี (Tech Enabler) ซึ่งล่าสุด บ้านปู เน็กซ์ ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายหุ้นเพื่อการลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 25 ในบริษัท อัลโต้เทค โกลบอล จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม IoT สำหรับจัดการระบบการใช้พลังงานในอาคารและโรงแรม ต่อยอดโซลูชันเทคโนโลยีพลังงานสะอาด และลงทุนในกองทุน Smart City Fund II ของ Eurazeo ที่มุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานรูปแบบใหม่ และเทคโนโลยีสำหรับภาคอุตสาหกรรม ขณะที่ยังคงเดินหน้าการดำเนินการภายใต้หลัก ESG ที่เรายึดถือมาตลอดอย่างแข็งขัน โดยได้รับรางวัล Sustainability Awards of Honor จากเวที SET Awards 2022 จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ติดต่อกันเป็นปีที่ 5 ซึ่งมอบให้กับองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนในระดับยอดเยี่ยมต่อเนื่องตั้งแต่ 3 ปีขึ้นไป และได้รับคัดเลือกเป็นหนึ่งในรายชื่อหุ้นยั่งยืน (Thailand Sustainability Investment) หรือ THSI ต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 จากตลาดหลักทรัพย์ฯ เช่นกัน”
ผลการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปี 2565 มีรายละเอียดจำแนกตาม 3 กลุ่มธุรกิจหลักได้ดังต่อไปนี้
ด้านกลุ่มธุรกิจแหล่งพลังงาน (Energy Resources) ธุรกิจเหมือง สร้างโอกาสและรายได้ที่เติบโตจากราคาถ่านหินในตลาดโลกที่ยังคงสูง ขณะที่รายได้จากธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซธรรมชาติที่เพิ่มสูงขึ้น และราคายังคงอยู่ในระดับสูง นอกจากนั้น ในไตรมาส 3 บริษัทฯ ยังสามารถรับรู้รายได้จากการเข้าซื้อสัดส่วนผลประโยชน์ในแหล่งก๊าซธรรมชาติ XTO Barnett
ขณะที่กลุ่มธุรกิจผลิตพลังงาน (Energy Generation) ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานความร้อน สามารถรักษาอัตราการผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะที่โรงไฟฟ้า BLCP ในไทย โรงไฟฟ้า HPC ในลาว และโรงไฟฟ้า Temple I ในสหรัฐฯ ขณะที่ธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน สามารถเพิ่มกำลังการผลิตรวมจากพลังงานหมุนเวียนได้ถึง 1,003 เมกะวัตต์
กลุ่มธุรกิจเทคโนโลยีพลังงาน (Energy Technology) ยังคงเร่งเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณท์และบริการ เพื่อเสริมสร้างระบบนิเวศทางธุรกิจของกลุ่มบ้านปู (Banpu Ecosystem) ให้แข็งแกร่ง โดยล่าสุดได้รับความไว้วางใจจากรัฐบาลท้องถิ่นในมณฑลเจิ้งติ้ง ประเทศจีน ในการดำเนินโครงการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคา กำลังผลิต 58 เมกะวัตต์ และมีแผนขยายเพิ่มเป็น 167 เมกะวัตต์ในปี 2566
รวมทั้งเข้าถือหุ้น 25% ในบริษัท อัลโต้เทค โกลบอล จำกัด ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแพลตฟอร์ม IoT สำหรับระบบจัดการการใช้พลังงานอย่างเหมาะสมในอาคารและโรงแรม และเข้าลงทุนจำนวน 15 ล้านเหรียญสหรัฐ ในกองทุน Smart City Fund II ของ Eurazeo ซึ่งเป็นบริษัทด้านการลงทุนระดับโลกที่มุ่งเน้นการพัฒนาพลังงานรูปแบบใหม่ สมาร์ทโมบิลิตี้ และเทคโนโลยีสำหรับภาคอุตสาหกรรม
“เรายังคงเพิ่มอัตราเร่งในการสร้างการเติบโตภายใต้กลยุทธ์ Greener & Smarter โดยอาศัยการผสานจุดแข็งจากระบบนิเวศด้านพลังงานอย่างครบวงจรของเรา ควบคู่ไปกับการแสวงหาความร่วมมือกับพันธมิตรในธุรกิจต่างๆ ที่สามารถพัฒนาความเชี่ยวชาญ ส่งเสริมศักยภาพซึ่งกันและกัน เพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่งและเดินหน้าพัฒนาสู่ความยั่งยืนในระยะยาว” นางสมฤดี กล่าวปิดท้าย
A11540
PRINC ประเมินธุรกิจโรงพยาบาล Q4/65 ฟื้นตัวชัดเจนหลังผู้ป่วยใหม่พุ่งต่อเนื่อง เร่งขยายการแพทย์เฉพาะทางรองรับดีมานด์ในต่างจังหวัด พร้อมเผยผลงาน 9 เดือน ปี 65 นิวไฮ กวาดรายได้รวม 5,332.8 ล้านบาท เติบโต 60.5%
นายธานี มณีนุตร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บมจ.พริ้นซิเพิล แคปิตอล หรือ PRINC ผู้ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการโรงพยาบาลเอกชนและธุรกิจสุขภาพในนามเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 3 ของปี 2565 ว่าบริษัทมีรายได้รวม 1,496.3 ล้านบาท เมื่อเทียบไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาลดลง 181.3 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.8 ผลจากผู้ป่วยโควิด-19 ลดลง แม้คนไข้ที่รับบริการปกติเพิ่มสูงขึ้นมากแต่ยังไม่สามารถชดเชยรายได้ที่ลดลงของโควิด-19 ได้ ขณะที่ไตรมาสที่ 3 ปี 2565 นี้ ขาดทุน 89.8 ล้านบาท ผลจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับวัคซีนโควิด-19 หากไม่นับรวมไตรมาสนี้ยังคงมีกำไร ส่วนไตรมาสถัดไป ค่าใช้จ่ายส่วนนี้จะลดลงมาก
“ทั้งนี้หากดูภาพรวมผลการดำเนินงาน 9 เดือนปี 2565 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ รายได้รวมอยู่ที่ 5,332.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 60.5 โดยมีกำไรที่ 532.3 ล้านบาท พลิกจากงวดเดียวกันในปีก่อนหน้า ที่มีผลขาดทุน 53.3 ล้านบาท ส่วนภาพรวมธุรกิจสถานพยาบาลขนาดย่อม เช่น คลินิกเวชกรรมใกล้บ้านใกล้ใจ ซึ่งเป็นคลินิกปฐมภูมิในเครือข่าย สปสช. และคลินิกเสริมความงาม ผิวดีคลินิก ที่บริษัทเข้าลงทุนและรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ผ่านมา รวมทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ล้วนเติบโตขึ้นทุกกลุ่มธุรกิจในไตรมาสที่ 3 นี้ พร้อมประเมินไตรมาสที่ 4 แนวโน้มเติบโตต่อเนื่องตามจำนวนผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล ผลจากการขยายศูนย์การแพทย์และคลินิกเฉพาะทาง รวมทั้งการให้บริการผู้ป่วยชาวต่างชาติที่มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น”
นายธานี มณีนุตร์ ยังกล่าวต่อว่าแนวโน้มของความต้องการรักษาโรคที่ไม่เกี่ยวกับโควิด-19 มีการปรับตัวดีขึ้นทุกแห่งทั้ง 12 แห่งใน 10 จังหวัด โดยในปี 2566 คาดว่าสถานการณ์การเดินทางระหว่างประเทศจะเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ ทำให้กลุ่มผู้รับบริการชาวต่างชาติจากประเทศเพื่อนบ้านเพิ่มสูงขึ้นอีก จึงจัดตั้ง International Office ที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี และโรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ เพื่ออำนวยความสะดวกและรุกทำตลาดสื่อสารกลุ่มผู้รับบริการจากประเทศเพื่อนบ้าน โชว์ศักยภาพ การเป็นเครือข่ายโรงพยาบาลที่ให้บริการครอบคลุมในพื้นที่ภาคอีสาน โดยต้นปี 2566 เตรียมเปิดให้บริการ รพ.พริ้นซ์ สกลนคร จ.สกลนคร นับเป็นโรงพยาบาลแห่งที่ 13 ของเครือพริ้นซิเพิล เฮลท์แคร์ และยังคงเป้าหมายในการขยายโรงพยาบาลเป็น 20 แห่ง ภายในปี 2567 ทั้งในรูปแบบของการสร้างโรงพยาบาลใหม่และเข้าไปร่วมกิจการกับทางโรงพยาบาลในท้องถิ่น และยังคงมุ่งเน้นขยายบริการสาธารณสุขไปยังจังหวัดเมืองรอง ตามปณิธานของการดำเนินธุรกิจโรงพยาบาลที่มุ่งสร้างคนให้มีจิตใจของความเป็นผู้ให้ และร่วมดูแลคน ชุมชนและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตอย่างยังยืน
พร้อมกันนี้ทุกโรงพยาบาลในเครือเร่งพัฒนาคุณภาพการให้บริการ เพิ่มแพทย์เฉพาะทาง และลงทุนขยายศูนย์การแพทย์หรือคลินิกเฉพาะทางในโรงพยาบาลในเครือทุกแห่ง รองรับความต้องการรักษาพยาบาลในแต่ละพื้นที่ ผ่านการดำเนินงานที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาการส่งต่อผู้ป่วยและการให้บริการการแพทย์ฉุกเฉิน โดยเฉพาะการนำร่องใช้ 5G Ambulance ในโรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ, การเปิดศูนย์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลพริ้นซ์ ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรจำนวนมาก, การเพิ่มศักยภาพห้อง ICU ในโรงพยาบาลพริ้นซ์ อุบลราชธานี การพัฒนาด้านห้องปฏิบัติการ (Lab) การเปิดบริการ Lab IUI และการให้บริการ IUI (Intra-Uterine Insemination) รักษาภาวะการมีบุตรยากที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ อุทัยธานี, การพัฒนาด้านห้องปฏิบัติการเพื่อการทำเคมีบำบัดของโรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ การพัฒนาศักยภาพในการผ่าตัด และการรักษาโรคซับซ้อนด้านสมอง กระดูก มะเร็ง หัวใจ (Heart, Brain, Bone, Cancer) การเพิ่มการให้บริการรักษาโรคด้านหัวใจ การแพทย์ด้านสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ (Electrophysiology Study) ในโรงพยาบาลพิษณุเวช และการเปิดคลินิกเต้านม (Breast Clinic) ที่โรงพยาบาลพริ้นซ์ ปากน้ำโพ และการแพทย์มะเร็งนรีเวช โรงพยาบาลพริ้นซ์ สุวรรณภูมิ นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาเรื่องการผ่าตัดแผลเล็ก การเปลี่ยนข้อเข่าข้อสะโพก และผ่าตัดต้อกระจกในกลุ่มผู้สูงอายุ ในโรงพยาบาลหลายแห่ง
A11539
GUNKUL ท็อปฟอร์มโชว์สเต็ป 9 เดือนกำไรทะลัก 2,824.25 ลบ. บอร์ดไฟเขียวแจกปันผลระหว่างกาลเอาใจผถห.ในอัตรา 0.06 บ./หุ้น เปิดกลยุทธ์ลุยร่วมทุนดึงพันธมิตรต่อยอดธุรกิจโตแกร่ง
บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL)ประกาศผลงานงวด 9 เดือนแรกปี 65 ไม่ธรรมดา กำไรโตแตะ 2,824.25 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 8,011.23 ล้านบาท รับแรงหนุนหลักจากธุรกิจพลังงาน ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลระหว่างกาลเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 24 พ.ย.65 พร้อมจ่ายวันที่ 8 ธ.ค. 65 ด้าน ‘ดร. สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย’ตอกย้ำนับต่อจากนี้ได้เห็นกลุ่มกันกุลฯ เติบโตพร้อมพันธมิตทางธุรกิจ และยังเดินหน้าประมูลโครงการพลังงานทดแทน เพื่อเป้าหมายต่อยอดธุรกิจและผลประกอบการอนาคตโตต่อเนื่อง ส่วนผลงานปีนี้ยังมั่นใจรายได้เติบโตตามเป้าไม่ต่ำกว่า 15%
ดร. สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ GUNKUL เปิดเผยว่าปีนี้ถือเป็นปีที่บริษัทฯ ได้ดำเนินการขยายศักยภาพธุรกิจพลังงานอย่างเข้มข้น เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศที่ต้องการจะเข้าสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ (Low-Carbon Economy) โดยกลุ่มบริษัทฯ ได้พัฒนาโอกาสในการทำธุรกิจพลังงานด้านต่างๆ และได้ทุ่มเทที่จะพัฒนากลยุทธ์ เพื่อสร้างธุรกิจใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมพลังงานร่วมกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง เพื่อให้เติบโตไปพร้อมๆ กัน
ส่งผลทำให้ธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ เติบโตได้อย่างมีศักยภาพ เห็นได้จากผลประกอบการงวด 9 เดือน (สิ้นสุด วันที่ 30 กันยายน 2565) ของบริษัทฯ และบริษัทย่อยถือว่าแข็งแกร่งมากเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนโดยมีกำไรสุทธิเท่ากับ 1,739.87 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,084.38 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 62.33% ส่วนรายได้รวมเท่ากับ 8,011.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.06 % จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมเท่ากับ 7,086.08 ล้านบาท
จากความแข็งแกร่งของสถานะทางการเงิน และผลประกอบการในปีนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ จึงมีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ในอัตราหุ้นละ 0.06 บาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้นไม่เกิน 535 ล้านบาท ซึ่งเป็นการจ่ายปันผลจากกำไรสุทธิงวด 1 มกราคม – 30 กันยายน 2565 โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 และกำหนดจ่ายเงินปันผล ในวันที่ 8 ธันวาคม 2565 นี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความมั่นใจในศักยภาพและภาพรวมธุรกิจในช่วงที่เหลือของปีนี้ว่าจะเติบโตต่อเนื่อง จากธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทน, ธุรกิจงานรับเหมาก่อสร้างและวางระบบทางด้านวิศวกรรม (EPC) และธุรกิจกัญชง-กัญชาที่ยังเป็นตัวขับเคลื่อน และยังคงตั้งเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไปแตะระดับ 1,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2566 ซึ่งบริษัทฯ มีแผนเข้าร่วมประมูลโครงการพลังงานทดแทนอย่างต่อเนื่องทั้งโครงการโซลาร์ฟาร์ม และพลังงานลม โดยบริษัทฯ มีความพร้อมด้านการเงิน และสัดส่วนหนี้สินต่อทุนที่สามารถลงทุนได้อีกกว่า 40,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปี ด้านธุรกิจ EPC ในปีนี้บริษัทฯ มีแผนเตรียมเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ ที่จะเปิดให้ประมูลกว่า 50,000 ล้านบาท โดยปีนี้บริษัทตั้งเป้ารายได้เติบโต 15%
ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกล่าวเสริมถึงแผนการผลักดันธุรกิจให้เติบโตเพิ่มมากขึ้นในอนาคตว่า นับต่อจากนี้กลุ่มบริษัทฯ จะมุ่งเน้นไปในการขับเคลื่อนธุรกิจที่สร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน การบริหารเงินทุนหมุนเวียนที่แข็งแกร่ง รวมถึงพัฒนานวัตกรรมธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยวางนโยบายในกลุ่มธุรกิจแต่ละกลุ่มของบริษัทฯ ให้เติบโตไปพร้อมๆ กับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อการเติบโตที่แข็งแกร่ง และก้าวสู่เป้าหมายให้เร็วยิ่งขึ้น
“การทำธุรกิจเพียงลำพังอาจต้องใช้เวลายาวนาน แต่หากร่วมมือกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งจะทำให้ธุรกิจเติบโตและก้าวสู่เป้าหมายที่วางไว้รวดเร็วยิ่งขึ้น ซึ่งปีนี้สิ่งที่ได้เห็นอย่างชัดเจนคือ บริษัทฯ ได้ผลักดันให้สายงานแต่ละกลุ่มของบริษัทฯ เติบโตไปพร้อมๆ กับพาสเนอร์ โดยได้ร่วมกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่งในการผลักดันธุรกิจ และยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยเจตนารมณ์อันแน่วแน่ของกลุ่มกันกุลฯ”
CSS ฟอร์มดี! กำไร 9 เดือน ติดปีกทะลัก 88.10 ลบ. มั่นใจโค้งสุดท้ายทะยานต่อ
บมจ.คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น (CSS) โชว์ศักยภาพผลงาน 9 เดือนแรกปี 2565 ยังสดใส โดยกำไรพุ่งแตะ 88.10 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 83.65 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3 กำไรเท่ากับ 22.16 ล้านบาท รายได้รวมเท่ากับ 1,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 247 ล้านบาท หรือ 31% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนธุรกิจบริการติดตั้งระบบโทรคมนาคม-เทรดดิ้ง และการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนยังสดใส ฟาก ‘สมพงษ์ กังสวิวัฒน์’ มั่นใจผลงานไตรมาส 4 ยังบวกต่อ พร้อมลุยประมูลงานใหม่ๆ และขยายการลงทุนธุรกิจที่เกี่ยวข้องเพิ่มเสริมศักยภาพรายได้และกำไรเติบโตแข็งแกร่งในอนาคต
นายสมพงษ์ กังสวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) (CSS) เปิดเผยว่าแม้ภาพรวมธุรกิจกลุ่มบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนและราคาทองแดงที่ปรับตัวขึ้นตามราคาตลาด แต่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน(สิ้นสุดวันที่30 กันยายน 2565) ของบริษัทและบริษัทย่อยยังคงเป็นบวก ซึ่งเป็นผลจากบริษัทฯ ได้บริหารจัดการการดำเนินธุรกิจตามยุทธศาสตร์ที่วางแผนไว้ โดยมีกำไรเท่ากับ 88.10 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 83.65 ล้านบาท ส่วนไตรมาส 3/2565 มีกำไรสุทธิ 22 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมเท่ากับ 1,054 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 247 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
แบ่งเป็นรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 269 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 39% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนโดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากสินค้าประเภทสายไฟฟ้าซึ่งเป็นสินค้าหลักของบริษัท รายได้จากการบริการติดตั้งลดลง 21 ล้านบาท คิดเป็นอัตรา 19% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปีก่อนเนื่องจากรายได้งานบริการติดตั้งอื่นลดลง รายได้อื่น 4 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2565 เชื่อว่าจะเติบโตไปในทิศทางเดียวกันกับไตรมาสที่ผ่านมา จากการทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) รวมถึงงานบริการติดตั้งระบบโทรคมนาคม และธุรกิจเทรดดิ้งยังมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และยังมีแผนเข้าร่วมประมูลโครงการใหม่ๆ อีกมาก เนื่องจากเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคตและเสริมศักยภาพธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และทำให้รายได้และกำไรเติบโตมากยิ่งขึ้น
“ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมาถือว่าบริษัทฯ ยังรักษาระดับการเติบโตให้อยู่ในทิศทางบวกได้ แสดงให้เห็นว่าธุรกิจโดยรวมของกลุ่มบริษัทฯ ยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง จากกลยุทธ์ขยายการลงทุนในธุรกิจต่างๆ เพื่อต่อยอดรายได้ในอนาคตและสร้างฐานธุรกิจของกลุ่มบริษัทฯ ให้แข็งแกร่ง จากธุรกิจหลักที่ดำเนินการอยู่คือ ธุรกิจเทรดดิ้งและธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งปีนี้ธุรกิจเทรดดิ้งยังคงเป็นธุรกิจหลัก มีการรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง รวมถึงรับรู้รายได้จากการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่ยังเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้เชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานทั้งปีจะเติบโตได้ตามเป้าที่ตั้งไว้” นายสมพงษ์กล่าวในที่สุด
ITNS ท็อปฟอร์ม!! งบ 9 เดือน กำไรพุ่ง 66.95% แตะ 39.27 ลบ. โชว์ความเชี่ยวชาญพิเศษ-บริหารจัดการต้นทุนดีเยี่ยม ตุน Backlog แน่นกว่า 459 ลบ. หนุนผลงานออลไทม์ไฮ
บมจ.อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม (ITNS) เปิดงบ 9 เดือน โชว์รายได้ 277.58 ล้านบาท ขณะที่มีกำไร 39.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 66.95% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เหตุอัตรากำไรขั้นต้นพุ่ง จากการบริหารจัดการต้นทุนอย่างดีเยี่ยม ฟากบิ๊กบอส 'สมชาย อ่วมกระทุ่ม' ระบุตุนงานในมือแล้ว 459 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/2565 – ปี2570 มั่นใจช่วยผลักดันผลงานปีนี้สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์
นายสมชาย อ่วมกระทุ่ม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล เน็ตเวิร์ค ซิสเต็ม จำกัด (มหาชน) (ITNS) เปิดเผยว่าภาพรวมผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/2565 (สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565) บริษัทฯ มีรายได้รวม 101.53 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นรายได้จากการจำหน่ายอุปกรณ์และให้บริการติดตั้ง คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยประมาณ 73.25% ของรายได้รวม รายได้จากการให้บริการดูแลและบำรุงรักษาระบบภายหลังการขาย คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยประมาณ 23.59% ของรายได้รวม และส่วนที่เหลือเป็นรายได้จากการให้เช่าอุปกรณ์ คิดเป็นสัดส่วนเฉลี่ยประมาณ 0.70% ของรายได้รวม ขณะที่มีกำไรสุทธิ 17.04 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.89 ล้านบาท หรือ 40.28% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 12.15 ล้านบาท ขณะที่มีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 28.05%
สำหรับ งวด 9 เดือนของปี 2565 มีรายได้รวม 277.58 ล้านบาท ขณะที่มีกำไรสุทธิ 39.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.75 ล้านบาท หรือ 66.95% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 23.52 ล้านบาท ขณะที่มีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) งวด 9 เดือนของปี 2565 อยู่ที่ 26.11%
"ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เป็นผลมาจากการการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับงานโครงการของลูกค้ารายใหญ่ที่บริษัทฯ มีประสบการณ์การทำงานในพื้นที่หน้างาน ทำให้สามารถวางแผนการติดตั้งระบบได้เป็นอย่างดี รวมทั้งควบคุมต้นทุนของงานโครงการได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย”
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวอีกว่า ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมทั้งสิ้น 459 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงเหลือของปี 2565 ไปจนถึงปี 2570 พร้อมกันนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างเตรียมเข้าประมูลงานใหม่อีกจำนวนมาก ทั้งนี้ จากปริมาณงานในมือที่จะรับรู้เป็นรายได้ในช่วงที่เหลือของปีนี้ ส่งผลทำให้บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถสร้างผลงานทั้งรายได้ และกำไรเติบโตสร้างสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด