'ดับบลิวเอชเอ'จับมือ'กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง'ตั้งบริษัทย่อย ลุยโซลาร์รูฟท็อป ประเดิมขายไฟฟ้าให้รัฐ 34.3 เมกะวัตต์ ภายในเดือนพ.ค 57 นี้ มั่นใจดันรายได้เติบโตอย่างมั่นคง
“ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น'ผู้นำด้าน Built to Suit คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานระดับ พรีเมี่ยม จับมือ'กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง ” ตั้งบริษัทย่อย 4 แห่ง ลุยโครงการโซลาร์รูฟ ท็อป พร้อมเริ่มต้นขายไฟฟ้า (COD) ให้กฟน.และกฟภ. จำนวน 34.3 เมกะวัตต์ ภายในเดือนพฤษภาคม 2557 นี้ รวมกับกำลังการผลิตเพิ่มเติมอีก 0.97 เมกะวัตต์ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ รวมทั้งสิ้น 4.2 เมกะวัตต์ ทำให้เตรียมรับรู้รายได้ทั้งปี ไม่ต่ำกว่า 440 ล้านบาท ผู้บริหาร WHA พร้อมรองรับโครงการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ไม่ต่ำว่า 60 เมกะวัตต์
นายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA ผู้นำด้าน Built to Suit คลังสินค้า ศูนย์กระจายสินค้า และโรงงานระดับ พรีเมี่ยม เปิดเผยว่า บริษัทฯ จะดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จำหน่าย โดยได้ร่วมทุนกับ บริษัทกันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) จัดตั้งบริษัทร่วมทุนขึ้น จำนวน 4 บริษัท ประกอบไปด้วย 1. บริษัทดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 1 จำกัด กำลังการผลิต 636.48 กิโลวัตต์ 2. บริษัทดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 3 จำกัด กำลังการผลิต 832.32 กิโลวัตต์
3. บริษัทดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 6 จำกัด กำลังการผลิต 832.32 กิลโลวัตต์ และ 4.บริษัท ดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 17 จำกัด กำลังการผลิต 997.56 กิโลวัตต์ โดยบริษัทฯจะมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนแต่ละรายในสัดส่วน 75% นอกจากการขายไฟฟ้า จำนวน 3.3 เมกะวัตต์ ให้แก่ กฟน. และกฟภ.ดังกล่าวแล้ว ยังได้รับใบอนุญาตการขายไฟฟ้า (Power Purchase Agreement; PPA) จากกฟน. อีกจำนวน 979.20 กิโลวัตต์ ภายใต้ บริษัท ดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 10 จำกัด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินงาน แต่อาจจะใช้เวลาในการดำเนินการมากกว่าปกติ เนื่องจากการบริหารจัดการภายในคลังสินค้าของผู้เช่ามีความซับซ้อน และคาดว่าจะจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ กฟน.เพิ่มเติม ภายในปี 2557 นี้
ทั้งนี้ บริษัทร่วมทุนทั้งหมดจะเช่าพื้นที่หลังคาของอาคารคลังสินค้าและโรงงานของบริษัทฯ หรือบริษัทในเครือของบริษัทเป็นพื้นที่ผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้ WHA ได้รับรายได้ค่าเช่าจากการปล่อยเช่าพื้นที่หลังคาเพิ่มเติมอีกด้วย โดยบริษัทร่วมทุนดังกล่าวจะลงทุนการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์และติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังแสงอาทิตย์
นายแพทย์สมยศ กล่าวต่อว่า บริษัทกันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ถือเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและศักยภาพทางด้านการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพ และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคตอีกทางหนึ่ง โดยขณะนี้เตรียมเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า (COD) จำนวน 34.3 เมกะวัตต์ ให้กับทางการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และคาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป และอีกจำนวน 972.20 กิโลวัตต์ ภายในสิ้นปี 2557 นี้ รวมทั้งสิ้น 4.2 เมกะวัตต์โดยคาดว่าจะมีรายได้ปีละกว่า 40 ล้านบาท
“โครงการดังกล่าวจะช่วยเสริมศักยภาพ และสร้างการเติบโตให้กับเราอีกทางหนึ่ง ซึ่งบริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ก็ถือว่ามีความเชี่ยวชาญด้านการแข่งขันของ GUNKUL ให้สูงขึ้น รวมถึงรายได้ที่จะเพิ่มเข้ามามากขึ้นในอนาคต” นายแพทย์สมยศ กล่าว
ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สำหรับการลงทุนโครงการโซลาร์รูฟท็อป ซึ่งหากทางรัฐบาลได้เปิดให้ยื่นประมูลอีก บริษัทฯ ก็มีความพร้อมที่จะเข้าร่วมประมูลในโครงการ โดยปัจจุบันมีโครงการคลังสินค้าและศูนย์กระจายสินค้าที่พร้อมสามารถติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปได้ไม่ต่ำกว่า 60 เมกะวัตต์
เผยแพร่ข่าวประชาสัมพันธ์โดย : บริษัท มีเดีย แพลนเนอร์ คอนซัลแทนท์ จำกัด
ในนาม บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) : รายละเอียดเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ
นาถฐิตา นัคราบัณฑิต (จอย) 081-575 - 6412 , พงศกร แจ้งประภากร (ก้อง) 085-218-7999
โทร: 02-664-3856 Fax : 02-664-3856 E-mail: [email protected]
GUNKUL เซ็นสัญญา WHA ลุย 'โซลาร์รูฟฯ' เต็มเหนี่ยว พร้อมจ่ายไฟกฟน.-กฟภ.บุ๊กรายได้เข้ากระเป๋าทันทีพ.ค.นี้
บมจ.กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง (GUNKUL) ผนึก บมจ.ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ตั้ง 4 บริษัทย่อย ดำเนินโครงการ Solar PV Rooftop รวม 4 โครงการ กำลังการผลิต 3.299 เมกะวัตต์ จำหน่ายให้กฟน.และกฟภ.ลงนามสัญญา 25 ปี ราคารับซื้อไฟฟ้า 6.16 บาท/หน่วย ‘สมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย’มั่นใจช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขัน-ดันรายได้กระฉูด
นายสมบูรณ์ เอื้ออัชฌาสัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท กันกุลเอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (GUNKUL) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทได้เซ็นสัญญาร่วมทุนกับ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (WHA) เพื่อดำเนินโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (Solar PV Rooftop) รวมจำนวน 4 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวมประมาณ 3.299 เมกะวัตต์ โดย GUNKUL จะเป็นทั้งผู้ออกแบบการก่อสร้าง ผลิต ติดตั้งอุปกรณ์ ซึ่งขณะนี้สามารถทยอยจ่ายกระแสไฟฟ้าเข้าสู่ระบบได้แล้ว และจะเริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าว ได้ลงนามสัญญาระยะเวลา 25 ปี ราคารับซื้อไฟฟ้า 6.16 บาท/หน่วย แบ่งเป็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟน. รวม 3 โครงการ กำลังผลิตรวม 2.301 เมกกะวัตต์ และสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟภ. รวม 1 โครงการ กำลังผลิตรวม 0.998 เมกกะวัตต์
สำหรับ การร่วมทุนดังกล่าว GUNKUL และ WHA ร่วมกันจัดตั้งบริษัทย่อยขึ้นมารวมจำนวน 4 บริษัท เพื่อดำเนินโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์จำหน่ายประกอบไปด้วย 1. บริษัทดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 1 จำกัด กำลังการผลิต 636.48 กิโลวัตต์ 2. บริษัทดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 3 จำกัด กำลังการผลิต 832.32 กิโลวัตต์ 3. บริษัทดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 6 จำกัด กำลังการผลิต 832.32 กิลโลวัตต์ และ 4. บริษัท ดับบลิวเอชเอ กันกุล กรีนโซล่าร์รูฟ 17 จำกัด กำลังการผลิต 997.56 กิโลวัตต์ ซึ่งแต่ละบริษัทฯ จะมีทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท จำนวน 100,000 หุ้น โดย WHA ถือหุ้นในสัดส่วน 75% และ GUNKUL ถือหุ้นในสัดส่วน 25%
“GUNKUL มีความพร้อมอย่างเต็มที่ในการทำโครงการ Solar PV Rooftop จากประสบการณ์ที่อยู่ในวงการอุตสาหกรรมไฟฟ้ามายาวนาน บวกกับทีมงานที่มีความสามารถ ทำให้ GUNKULได้รับความไว้วางใจจากพันธมิตรในการดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งการร่วมมือกันของทั้ง 2 ฝ่ายในครั้งนี้ ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา เพราะ WHA มีพื้นที่บนหลังคาเป็นจำนวนมากเมื่อบวกกับ GUNKUL ซึ่งมีความชำนาญและประสบการณ์ในด้านโรงไฟฟ้า ยิ่งเป็นการยืนยันถึงความสำเร็จในการทำธุรกิจร่วมกันในอนาคต นอกจากนี้ ยังจะช่วยเสริมศักยภาพและส่งผลดีเชิงบวกต่อธุรกิจของทั้ง 2 บริษัททั้งในเรื่องของเงินทุน เทคโนโลยี องค์ความรู้ต่างๆ ที่สำคัญทำให้ GUNKUL สามารถขยายธุรกิจไปสู่กลุ่มลูกค้ารายใหม่ๆ เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการทำรายได้ให้สูงขึ้น เราเชื่อว่าพลังงานทดแทนยังเป็นธุรกิจที่มีความโดดเด่นในอนาคต และยังสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศชาติอีกด้วย ”นายสมบูรณ์กล่าว
ด้านนายแพทย์สมยศ อนันตประยูร ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA กล่าวว่า GUNKUL ถือเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญและศักยภาพทางด้านการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มศักยภาพ และสร้างการเติบโตให้กับบริษัทในอนาคตอีกทางหนึ่ง โดยในส่วนของ WHA ขณะนี้เตรียมเริ่มต้นซื้อขายไฟฟ้า (COD) จำนวน 34.3 เมกะวัตต์ ให้กับทางการไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) และคาดว่าจะเริ่มสร้างรายได้ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นไป
“โครงการดังกล่าวจะช่วยเสริมศักยภาพ และสร้างการเติบโตให้กับเราอีกทางหนึ่ง ซึ่ง GUNKULเอง ถือว่ามีความเชี่ยวชาญ ดังนั้น เราจึงเชื่อว่า การร่วมมือกันครั้งนี้จะหนุนในเรื่องของการแข่งขันให้สูงขึ้น รวมถึงรายได้ที่จะเพิ่มเข้ามามากขึ้นในอนาคต ” นายแพทย์สมยศ กล่าว
ข้อมูลเพิ่มเติมกรุณาติดต่อ : IR network
คุณรจนา ใจดี (โรส) Mobile 082-977-7533 e-mail: [email protected]
คุณณัฐสินี ระเบียบนาวีนุรักษ์ (เก๋) Mobile 080-999-8028 e-mail :[email protected]
Best Regards,Kittikun Pisajan (Oat)
Mobile : 089-989-6896 Office : 02-664-3856
E-mail : [email protected] [email protected]
DRT ชูโรงงานขอนแก่นเป็นฐานผลิต Roofing Solution ระดับภูมิภาค เล็งเพิ่มไลน์ผลิตสินค้ารับโอกาสทางธุรกิจ
DRT ดันโรงงานกระเบื้องคอนกรีตที่จังหวัดขอนแก่น สู่ศูนย์กลางผลิต Roofing Solution ระดับภูมิภาค เล็งเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคา หลังกดปุ่มเดินเครื่องจักรผลิตกระเบื้องหลังคาคอนกรีตเชิงพาณิชย์ต้นเดือนเมษายน ด้วยกำลังการผลิต 40,000 ตันต่อปี รองรับความต้องการลูกค้าภาคอีสานและส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ
นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บริษัท ผลิตภัณฑ์ตราเพชร จำกัด (มหาชน) หรือ DRT ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์ระบบหลังคา ไม้สังเคราะห์ อิฐมวลเบา และบริการหลังการขาย ภายใต้แบรนด์ ‘ตราเพชร’ เปิดเผยว่า บริษัทฯ มีแนวคิดยกระดับฐานการผลิตโรงงานจังหวัดขอนแก่น พื้นที่ 27 ไร่ ให้เป็นโรงงานผลิตสินค้าและอุปกรณ์เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หลังคาแบบครบวงจร (Roofing Solution) ระดับภูมิภาค โดยในอนาคตมีแผนเพิ่มไลน์การผลิตสินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์กระเบื้องหลังคาเพิ่มเติม เช่น โครงหลังคา หลังปัจจุบัน DRT ได้เริ่มเดินเครื่องจักรผลิตกระเบื้องหลังคาเชิงพาณิชย์ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ด้วยกำลังการผลิต 40,000 ตัน เพื่อป้อนความต้องการของตลาด
ทั้งนี้ ฐานผลิตที่จังหวัดขอนแก่น ได้ช่วยเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันทางการตลาดผลิตภัณฑ์กระเบื้องคอนกรีตภายใต้แบรนด์ตราเพชรในเขตภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือได้ดียิ่งขึ้น เพื่อรองรับความต้องการสินค้าจากปัจจัยการขยายตัวของโครงการอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่และจังหวัดใกล้เคียง รวมถึงใช้คลังสินค้าในโรงงานดังกล่าวเป็นศูนย์กระจายสินค้าไปยังประเทศที่มีพรมแดนติดต่อกับประเทศไทย เช่น ประเทศลาว ซึ่งถือเป็นตลาดที่มีศักยภาพการเติบโตที่ดี
“เราต้องการผลักดันให้โรงงานที่จังหวัดขอนแก่น เป็นศูนย์กลางผลิตสินค้าและอุปกรณ์หลังคาแบบครบวงจร หรือ Roofing Solution ในระดับภูมิภาค เนื่องจากมองเห็นโอกาสการทำตลาดและความต้องการสินค้าในภาคอีสานที่ยังสามารถขยายตัวได้ดี และยังสามารถใช้คลังสินค้าเป็นศูนย์กระจายสินค้าส่งออกไปยังประเทศที่มีพรมแดนติดกับไทย ซึ่งมีระยะทางขนส่งใกล้กว่าการเดินทางมารับสินค้าที่โรงงานสระบุรี สามารถช่วยลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ได้อีกทางหนึ่งด้วย”นายสาธิต กล่าว
รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด DRT กล่าวว่า การลงทุนตั้งโรงงานผลิตสินค้าและคลังสินค้าที่จังหวัดขอนแก่น ถือเป็นโครงการนำร่องที่จะกระจายฐานการผลิตและกระจายสินค้าให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค เพื่อตอบสนองความต้องการสินค้าของผู้บริโภคและช่วยบริหารจัดการด้านการผลิตและต้นทุนสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ซึ่งเป็นหนึ่งในโมเดลยุทธศาสตร์การลงทุนของตราเพชร โดยบริษัทฯ จะใช้โมเดลดังกล่าว เพื่อขยายการลงทุนฐานการผลิตไปยังจังหวัดลำปางและสุราษฎร์ธานีต่อไปในอนาคต
LIVE จับมือกองทุนสิงคโปร์ ออกหุ้นกู้แปลงสภาพระดมเงิน 500 ล้านบาท เพิ่มสภาพคล่องการลงทุน เดินหน้าขยายธุรกิจ Broadcast & Studio รองรับยุคทองดิจิตอลทีวี
LIVE จับมือกองทุนสิงคโปร์ ออกหุ้นกู้แปลงสภาพระดมเงิน 500 ล้านบาท เพิ่มสภาพคล่องการลงทุน เดินหน้าขยายธุรกิจ Broadcast & Studio รองรับยุคทองดิจิตอลทีวี ตั้งเป้ารายได้ปีนี้โต 10-15 % พร้อมล้างขาดทุนสะสมเกลี้ยง ด้าน AO Fund มั่นใจธุรกิจมีศักยภาพขยายตัวและสร้างผลตอบแทนดี
ณีรนุช ณ ระนอง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไลฟ์ อินคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) (LIVE) เปิดเผยว่าบริษัทฯได้ลงนามเซ็นสัญญากับกองทุน Advance Opportunities Fund (AO Fund) ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพการเติบโตทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยกองทุนดังกล่าวได้ลงทุนในหุ้นกู้แปลงสภาพของบริษัท คิดเป็นมูลค่ารวม 20 ล้านดอลล่าร์สิงคโปร์ หรือ คิดเป็นมูลค่า 500 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทจะนำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นกู้แปลงสภาพดังกล่าว มารองรับในกรณีที่บริษัทฯต้องการสภาพคล่องเพื่อการลงทุน เป็นเงินทุนหมุนเวียนในบริษัทและบริษัทในเครือ หรือนำไปใช้เป็นเงินลงทุนสำหรับโครงการใหม่ ซึ่งเป็นการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆที่มีความน่าสนใจ มีความเสี่ยงต่ำ เบื้องต้น LIVE มีแผนจะลงทุนเพิ่มใน บริษัท ไลฟ์ มีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (LMG) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ประกอบธุรกิจให้บริการสื่อโฆษณากลางแจ้ง และลงทุนใน บริษัท สเตรก้า จำกัด (STREGA) เพื่อสนับสนุนการเข้ารับงานที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทั้ง 2 บริษัทมีแผนจะเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ MAI ด้วยเช่นกัน
ส่วนแผนการดำเนินงานของ LIVE ในปี 57 ตั้งเป้าเติบโต 10-15 % และล้างขาดทุนสะสมให้หมดภายในปีนี้นอกจากนี้ยังได้มีการลงทุนสร้างสำนักงานและสตูดิโอใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงกลางปี เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจให้บริการระบบออกอากาศรายการโทรทัศน์ สตูดิโอ และอุปกรณ์ต่างๆ (Broadcast & Studio) ของ บริษัท แอลเอสบี เซอร์วิสเซส จำกัด (LSB) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ โดย LSB ถือเป็นผู้ให้บริการที่มีความครบวงจร มีอุปกรณ์ที่ทันสมัย สามารถรองรับความต้องการของผู้ผลิตรายการในตลาดดิจิตอลทีวีที่มีการขยายตัวเป็นอย่างมากในปัจจุบันอีกทั้งยังพยายามหาธุรกิจใหม่ๆที่น่าสนใจลงทุนเพิ่มเติม อาทิ การลงทุนใน บริษัท ไลฟ์ เอสเตท จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ ประกอบธุรกิจ Real Estate ปล่อยเช่าในเชิงพาณิชย์
Mr.Tan Choon Wee Managing Director Advance Opportunities Fund กล่าวว่า LIVE เป็นบริษัทที่มีพื้นฐานที่ดี และมองว่าธุรกิจ Media ยังมีโอกาสเติบโตได้ดี อีกทั้งบริษัทยังมีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ สามารถบริหารงานอย่างมืออาชีพ พยายามมองหาการลงทุนในธุรกิจที่มีความน่าสนใจ เพื่อขยายธุรกิจและทำให้บริษัทพลิกกลับมามีกำไร ด้วยทีมงานที่มีศักยภาพ มีประสบการณ์การทำงานมายาวนาน จึงมีความมั่นใจที่จะร่วมลงทุนด้วยในครั้งนี้ โดยเชื่อว่า LIVE จะสามารถเติบโตและขยายธุรกิจให้มีความแข็งแกร่งอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันบริษัทมีความจำเป็นต้องมีทุนสำรองเอาไว้ใช้เป็นทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน ซึ่งการร่วมลงทุนในครั้งนี้ AO Fund ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่จะช่วยผลักดัน LIVE ให้สามารถดำเนินงานได้โดยไม่สะดุด และสามารถรับงานใหม่ๆ ตลอดจนเข้าลงทุนในธุรกิจที่มีความน่าสนใจได้เพิ่มขึ้น ซึ่งจะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ในอนาคต
PHUNNADA SANGUANWONG (BOW) Work Link da Agency Co.,Ltd.
27 Praram 9 Rd. Soi Praram9 45 (Junction 15) Suanluang Suanluang Bangkok 10250
Mobile : +66 (0) 85 073 8383 Tel : +66 (0) 2718 2621 Fax : +66 (0) 2718 2622
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด