ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับลงต่อรับปัจจัยต่างประเทศกังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยแรง
นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซีย พลัส (ASP) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากวานนี้ ตอบรับแรงกดดันค่อนข้างรุนแรงจากปัจจัยต่างประเทศ หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (บอนด์ยีลด์) สหรัฐอายุ 10 ปีดีดตัวสูงขึ้นมาเหนือ 2.79% และยิ่งหากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐในเดือนมี.ค.ที่ใกล้จะประกาศออกมาเร่งตัวขึ้นอีก ก็จะเพิ่มแรงกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงขึ้น
อนึ่ง ตลาดการเงินคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมทั้งในเดือน พ.ค.และมิ.ย.
ขณะเดียวกันสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังทรงตัวสูงก็จะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อของไทยเช่นกัน และอาจเป็นแรงกดดันต่อนโยบายการเงินของไทยด้วย
พร้อมให้แนวรับ 1,668 จุด และแนวต้าน 1,687 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (11 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,308.08 จุด ลดลง 413.04 จุด หรือ -1.19%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,412.53 จุด ลดลง 75.75 จุด หรือ -1.69% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,411.96 จุด ลดลง 299.04 จุด หรือ -2.18%
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,606.87 จุด ลดลง 214.65 จุด หรือ -0.80%, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,279.18 จุด เพิ่มขึ้น 70.88 จุด หรือ +0.33% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,165.12 จุด ลดลง 2.01 จุด หรือ -0.06%
ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (11 เม.ย.) ที่ระดับ 1,678.46 จุด ลดลง 7.54 จุด, -0.45%
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 554.39 ล้านบาท เมื่อวันที่ 11 เม.ย.65
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค.(11 เม.ย.) ร่วงลง 3.97 ดอลลาร์ หรือ 4.0% ปิดที่ 94.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (11 เม.ย.) อยู่ที่ 17.29 ดอลลาร์/บาร์เรล
เงินบาทเปิด 33.66 อ่อนค่าตามภูมิภาค หลังดอลล์แข็งค่ารับบอนด์ยีลด์พุ่งกังวลเฟดเร่งขึ้นดบ.
"อาคม" ลุยเก็บภาษีหุ้น ปี 2565 ชี้เป็นจังหวะเหมาะสมแล้ว เหตุตลาดมีอัตราการเติบโตและไม่ได้รับผลกระทบวิกฤติโควิด-19 ประเมินรายได้เข้ารัฐกว่า "หมื่นล้าน" ดีเดย์จัดเก็บตั้งแต่บาทแรกในอัตรา 0.1% ลั่นโบรกฯ เป็นคนจัดเก็บและนำส่งกรมสรรพากร "บล.ทิสโก้" เผยต้นทุนนักลงทุนพุ่ง-วอลุ่มซื้อขายลด
คณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติเห็นชอบลดวันกักตัวกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง 5 วันและสังเกตอาการอีก 5 วัน เสนอ ศปก.ศบค.พิจารณาใช้หลังสงกรานต์ ขณะที่ ยอดผู้ป่วยโควิดพุ่ง กทม.ติดเชื้อสะสม 2 แสนกว่า 3 จังหวัด ปอดอักเสบสูงสุด เสียชีวิตทะลุ 100 เป็นวันที่ 2 "กว่างโจว" สั่งปิด รร.-เซี่ยงไฮ้ติดเชื้อใหม่ทุบสถิติ
ตลท.เผย อยู่ระหว่างการพิจารณาออกมาตรการกำกับการซื้อขายดูแลหุ้นร้อนเพิ่มหลังพบ "หุ้นกลาง-เล็ก" บางตัว โดนมาตรการกำกับซื้อขาย ปัจจุบัน ราคายังไปต่อ "บล.เมย์แบงก์" ชี้นักลงทุนหันลงทุนหุ้นกลาง-เล็กที่มีปัจจัยเฉพาะตัว หลังหุ้นใหญ่พักฐาน "กสิกรไทย" แจงเกณฑ์ปัจจุบันเหมาะสม
บอร์ด Medical Hub เห็นชอบ "อันดามันเวลเนส" 4 จังหวัด จ่อชง ครม.ดำเนินการในปีนี้ ตั้งเป้าเป็นศูนย์เวลเนสนานาชาติ ระดมเอกชนลงทุนตั้งศูนย์มะเร็งระดับโลกภาคเอกชน พื้นที่อมตะซิตี้ ผุดหลักสูตรผลิตแพทย์รองรับเมดิคัล ฮับ พร้อมดัน "กัญชา กัญชง" รูปแบบ Metaverse อันแรกของประเทศ ผ่านแพลตฟอร์มต้นแบบ มทส. สร้างอวตาร์ จับจองพื้นที่ปลูก ซื้อสินค้า หาองค์ความรู้ รองรับศูนย์กลางกัญชาโลกครบวงจร
ธุรกิจอสังหาฯชี้ไตรมาส 2 ปัจจัยเสี่ยงเพียบ'เงินเฟ้อ หนี้ครัวเรือน วัสดุราคาแพง' หวั่นฉุดตลาดปี'65 ไม่ถึง 10% ค่ายพฤกษาเผยแนวราบขายดีกว่าคอนโด ค่าย แอล.พี.เอ็น.หวั่น กำลังซื้อทรงตัวยาวถึงไตรมาส 3 จับตาหลังสงกรานต์แห่เปิดโครงการใหม่ทุกหัวถนน
*หุ้นเด่นวันนี้
AOT (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร" ราคาเป้าหมาย 70.00 บาท แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 64/65 (ม.ค.-มี.ค.65) ดีขึ้นต่อเนื่อง หลังจากรัฐกลับมาเปิดประเทศแบบ Test & Go ตั้งแต่เดือน ก.พ.65 รวมถึงการออกมาตรการกระตุ้นอย่างเราเที่ยวด้วยกันจะช่วยหนุนการฟื้นตัวในช่วงที่เหลือ นอกจากนี้ยังมี Sentiment บวกจากการปรับมาตรการเดินทางเข้าประเทศ Test & Go ยกเลิกตรวจ RT-PCR ก่อนเดินทาง อีกทั้งเตรียมยกเลิกไทยแลนด์พาสคาดเริ่ม 1 มิ.ย.65 กระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติ
SPALI (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 24.00 บาท Presale สูงสุดในรอบ 14 ไตรมาส สะท้อน Demand ฟื้นแรง
ยอด Presale ไตรมาส 1/65 รายงานที่ 8.9 พัน ลบ. +22%YoY, +36%QoQ โครงการแนวราบมาแรง ส่วนคอนโดเริ่มฟื้น ไตรมาส 1 เปิดโครงการใหม่ 6 โครงการ Demand การซื้อ-โอน บ้านและคอนโด ในกลุ่มเป้าหมายระดับกลาง-บน ปี 65 ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ นโยบายรัฐ และ LTV หนุนยอดขายทั้งปี KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 65-66 ที่ 7.17 พัน ลบ. และ 7.65 พัน ลบ. +1.5%YoY, +6.6%YoY ตามลำดับ
BLA (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า IAA Consensus 49.5 บาท ได้ Sentiment บวกจากแนวโน้มของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่กลับมาสูงขึ้นล่าสุดพุ่งทะลุระดับ 2.8% สูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
--อินโฟเควสท์
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ ชะลอลงทุนก่อนวันหยุดยาวสงกรานต์
นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในวันนี้คาดว่าแกว่งตัวไซด์เวย์ และการซื้อขายจะไม่คึกคักมากนัก เพราะเข้าใกล้ช่วงเทศกาลวันหยุดสงกรานต์ ซึ่งตลาดหุ้นไทยจะเปิดทำการในวันนี้และวันพรุ่งนี้ก่อนหยุดยาว ทำให้นักลงทุนจะยังชะลอการลงทุนในช่วงนี้ไปก่อน และอาจมีแรงขายเพื่อลดความเสี่ยงออกมากดดันดัชนีได้บ้าง
ปัจจัยติดตามในวันนี้จะมีการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อของจีนเดือนมี.ค.65 ส่วนคืนวันพรุ่งนี้จะมีตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เดือนมี.ค. 65 ซึ่งหากเร่งตัวสูงขึ้นจะส่งผลถึงการพิจารณาการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่เข้มงวดมากขึ้น ส่วนตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้บางประเทศปรับตัวลดลงและบางประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น
พร้อมให้แนวต้าน 1,690 และ 1,700 จุด แนวรับ 1,660 และ 1,670 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (8 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,721.12 จุด เพิ่มขึ้น 137.55 จุด หรือ +0.40%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,488.28 จุด ลดลง 11.93 จุด หรือ -0.27% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,711.00 จุด ลดลง 186.30 จุด หรือ -1.34%
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 26,877.60 จุด ลดลง 108.2 จุด หรือ -0.4%, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,239.86 จุด ลดลง 11.99 จุด ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,688.03 จุด ลดลง 183.98 จุด หรือ -0.84%
ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (8 เม.ย.) ที่ระดับ 1,686.00 จุด เพิ่มขึ้น 3.59 จุด, +0.21%
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 332.99 ล้านบาท เมื่อวันที่ 8 เม.ย.65
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. (8 เม.ย.) พุ่งขึ้น 2.23 ดอลลาร์ หรือ 2.3% ปิดที่ 98.26 ดอลลาร์/บาร์เรล แต่ยังคงลดลง 1% ในรอบสัปดาห์นี้
ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (8 เม.ย.) อยู่ที่ 17.89 ดอลลาร์/บาร์เรล
เงินบาทเปิด 33.59 ธุรกรรมเบาบางก่อนหยุดยาว ไร้ปัจจัยใหม่ คาดกรอบ 33.50-33.70
นายรณรงค์ พูลพิพัฒน์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ราคาสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างในประเทศปรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้า เห็นได้จากดัชนีราคาวัสดุก่อสร้างเดือน มี.ค.65 อยู่ที่ 119.7 สูงขึ้น 8.6% เทียบกับเดือน มี.ค.64 สูงสุดในรอบ 4 เดือนนับจากเดือน พ.ย.64 ที่สูงขึ้น 10.4% ส่วนเมื่อเทียบเดือน ก.พ.65 สูงขึ้น 2.2% และเฉลี่ย 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.) ปี 65 สูงขึ้น 7.2% เทียบช่วงเดียวกันปี 64
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เมื่อวันที่ 8 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้รับหลักการการผ่อนคลายมาตรการเดินทางเข้าไทยจากต่างประเทศเพื่อลดข้อจำกัดในการเดินทาง โดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหารือรายละเอียด พร้อมกับดูสถานการณ์การติดเชื้อช่วงหลังสงกรานต์ แล้วกลับมาพิจารณากันอีกครั้งในการประชุม ศบค.วันที่ 22 เม.ย.นี้ ใน 4 ประเด็น คือ 1.ยกเลิกระบบไทยแลนด์พาส 2.ยกเลิกการตรวจหาเชื้อโควิดในวันที่เดินทางมาถึง ที่ปัจจุบันกำหนดให้ตรวจด้วยวิธี RT-PCR โดยอาจยกเลิกไปเลยหรือเปลี่ยนเป็น ATK 3.ปรับเปลี่ยนมาตรการกักตัวของผู้สัมผัสเสี่ยงสูงใหม่ 4.พิจารณายกเลิกการกำหนดให้ต้องซื้อประกันการเดินทาง โดยให้เริ่มต้นในวันที่ 1 พ.ค. หรือวันที่ 1 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป
พิษโควิด 2 ปีกดดันแผนลงทุนรัฐ บอร์ด PPP ไฟเขียวเตรียมเปิดประมูลครั้งใหญ่ใน 5 ปีดึงเอกชนร่วมลงทุนสูตรเร่งด่วน PPP บิ๊กโปรเจ็กต์ 110 โครงการ มูลค่า 1.12 ล้านล้านบาท เผยเป็นงานเร่งด่วนทั้ง กทม. คมนาคม กรมชลประทาน ทอท. และองค์การจัดการน้ำเสีย เพื่อสร้างความคล่องตัว-ปลดล็อกงบประมาณมีจำกัด ปูพรมระบบสาธารณูปโภคทั้งระบบ เตรียมรับธุรกิจท่องเที่ยวฟื้น
สมาคมโรงสกัดน้ำมันถั่วเหลือง ออกโรงต้านโรงงานอาหารสัตว์ขอลดภาษีนำเข้ากากถั่วเหลืองจาก 2% เป็น 0% ชี้ลดภาษีเพื่อช่วยกลุ่มโรงงานอาหารสัตว์รายใหญ่เพียงกลุ่มเดียว แต่จะส่งผลกระทบต่อเกษตรกรผู้ปลูกถั่วเหลืองกว่า 19,056 ครัวเรือน ทุบซ้ำโรงสกัดน้ำมันถั่วเหลือง 4 โรงสุดท้ายของประเทศ ลามถึงอุตสาหกรรมอาหารแปรรูป พ้อรัฐยอมกัดฟันตรึงราคาขายน้ำมันถั่วเหลืองทั้งๆ ที่ต้นทุนนำเข้าเมล็ดถั่วเหลืองพุ่งเฉียด 70%
สภาพัฒน์ ชี้ผลกระทบรัสเซีย-ยูเครน เลวร้ายสุดดันดีเซลพุ่ง 46 บาทต่อลิตร ฉุดจีดีพีไทยโตแค่ 3% จับตาจีนร่วมวงรัสเซียนำสู่ถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ ยิ่งฉุดเศรษฐกิจโลกชะลอตัวรุนแรง สภาอุตฯ เผยยุโรปออร์เดอร์อาหารไทยเพิ่ม-รถยนต์ทรุดหดเป้าส่งออก ซีไอเอ็มบีไทยห่วงครึ่งหลัง ศก.ชะงัก เงินเฟ้อพุ่งปรี๊ด 10%
ม.หอการค้าไทยชี้ ของแพงคนรัดเข็มขัด ลดใช้จ่ายสงกรานต์เหลือ 1.06 แสนล้าน ต่ำสุดรอบ 10 ปี ท่องเที่ยวเชียงใหม่ลุ้นสงกรานต์แรกในสามปี คาดคนเดินทางเข้าช่วงหยุดยาว 200,000 คน สร้างรายได้ 2,000 ล้านบาท สายการบิน-รถไฟ-บขส.เตรียมรับคนเดินทางเพิ่ม
*หุ้นเด่นวันนี้
BCH (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 23 บาท เสริมกันชนโควิด-19 ในพอร์ตรับสงกรานต์ ตัวเลขผู้ติดเชื้อมีโอกาสพุ่งขึ้นสูง รพ, ประกันสังคมได้ค่าตรวจ-รักษา เพิ่มต่อในไตรมาส 2 ลุ้นกำไรไตรมาส 1/65 เกินคาดรับ Omicron ระบาดช่วงต้นปี และอาจกินระยะเวลาต่อเนื่องไปตลอดไตรมาส 2 ทำให้กำไรทั้งปี 65 มีโอกาสสูงกว่าที่ตลาดประเมิน Bloomberg Consensus ประเมินกำไรสุทธิปี 65-66 เฉลี่ยที่ 2 พัน ลบ. และ 1.8 พัน ลบ. -69%YoY, -13%YoY ตามลำดับ
BLA (คิงส์ฟอร์ด) "ซื้อเก็งกำไร " เป้าหมาย IAA Consensus 48.25 บาท แนวโน้มผลประกอบการปี 65 จะได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลายหนุนภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัวช่วยสามารถขายประกันใหม่ได้ดีขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายจากการเคลมประกันสุขภาพและประกันชีวิตที่เกี่ยวข้องกับ COVID-19 จะลดลงตามแนวโน้มผู้ป่วยที่มีอาการหนัก ขณะที่แนวโน้มอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับตัวสูงขึ้นทั้ง 5 ปี-10 ปี ส่งผลดีต่อรายได้จากการลงทุน ประกอบกับทิศทางเงินเฟ้อของไทยเร่งตัวขึ้นมากอาจทำให้มีโอกาสเห็น ธปท.ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด ทั้งนี้ตลาดคาดกำไรปี 65 เติบโตราว +8%YoY และโตต่อในปี 66 ที่ +30%YoY
ILINK (ฟินันเซีย ไซรัส) "ซื้อ" เป้าหมาย 12 บาท ปี 65 เป็นปีที่โดดเด่นของธุรกิจ Distribution จากการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีโครงข่ายและความต้องการใช้อินเตอร์เน็ตที่รวดเร็วและเสถียร ทำให้มีความต้องการ Cabling ซึ่ง ILINK มีส่วนแบ่งตลาดสูงสุด ขณะเดียวกัน ITEL จะฟื้นหลังถูกกระทบจากโควิด และได้ Strategic partner รุกธุรกิจ Data center
คาดกำไรสุทธิปี 2565-2566 +16% Y-Y และ +15% Y-Y ตามลำดับ และมี Upside ราว 15% ต่อปีใน 2 ปีข้างหน้าหากชนะงานประมูลก่อสร้างสายเคเบิ้ลใต้น้ำไปยังเกาะเต่า มูลค่ากว่า 1 พันลบ. มีผลต่อราคาเป้าหมายราว 1.2-1.4 บาท/หุ้น
--อินโฟเควสท์
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดบวก 3.59 จุด กลุ่มรับประโยชน์เปิดประเทศหนุนรีบาวด์หลังร่วงแรงวานนี้
ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,686.00 จุด เพิ่มขึ้น 3.59 จุด (+3.59%) มูลค่าการซื้อขาย 70,884.83 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยรีบาวด์มาเคลื่อนไหวในแดนบวกเป็นส่วนใหญ่ ทำระดับสูงสุด 1,690.58 จุด และลงไปต่ำสุดที่ 1,678.07 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 719 หลักทรัพย์ ลดลง 938 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 614 หลักทรัพย์
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้รีบาวด์หลังจากร่วงไปมากเมื่อวานนี้ โดยปัจจัยหนุนสำคัญมาจากกลุ่มหุ้นเกี่ยวข้องกับการเปิดเมือง ทั้งกลุ่มค้าปลีก กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มโรงแรมและสายการบิน หลังจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด (ศบค.) จะผ่อนคลายมาตรการเพิ่มเติมให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในประเทศได้สะดวกขึ้นช่วงหลังสงกรานต์นี้ ส่งผลให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยในช่วงบ่ายดีดตัวขึ้นมาเพิ่มจากช่วงเช้าอีกเล็กน้อย ขณะที่ตลาดหุ้นภูมิภาคเอเชียกลับตัวขึ้นมาปิดบวกได้เช่นกัน
แนวโน้มตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์หน้าคาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ในกรอบแคบ และการซื้อขายคงไม่คึกคักมาก เพราะเข้าใกล้ช่วงวันหยุดยาวช่วงเทศกาลสงกรานต์ ทำให้นักลงทุนคงเริ่มชะลอการลงทุน และมีความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอนจากปัจจัยภายนอกในช่วงที่ตลาดหุ้นไทยปิดทำการ และยังไม่มีปัจจัยที่ต้องรอติดตาม
ให้แนวต้าน 1,695-1,700 จุด แนวรับ 1,670-,1675 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
EA มูลค่าการซื้อขาย 3,966.56 ล้านบาท ปิดที่ 87.50 บาท ลดลง 0.75 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,658.08 ล้านบาท ปิดที่ 158.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
OSP มูลค่าการซื้อขาย 2,561.28 ล้านบาท ปิดที่ 34.50 บาท ลดลง 2.00 บาท
JDF มูลค่าการซื้อขาย 2,242.51 ล้านบาท ปิดที่ 5.05 บาท ลดลง 0.45 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,029.05 ล้านบาท ปิดที่ 37.75 บาท ลดลง 0.50 บาท
--อินโฟเควสท์
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดบวก 2.64 จุด รีบาวด์หลังร่วงหนักรับแรงซื้อกลุ่มโรงพยาบาล-ท่องเที่ยว
ตลาดหลักทรัพย์ ปิดวันนี้ที่ระดับ 1,685.05 จุด เพิ่มขึ้น 2.64 จุด (+0.16%) มูลค่าการซื้อขายราว 37,659 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นเช้าวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงแรง โดยทำระดับสูงสุด 1,686.53 จุด และระดับต่ำสุดที่ 1,678.07 จุด
นายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บล.เคทีบีเอสที กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้าที่ผ่านมามีการรีบาวด์ทางเทคนิคหลังจากวานนี้ปรับลงค่อนข้างรุนแรง โดยนักลงทุนเลือกกลุ่มเข้าลงทุน โดยเฉพาะกลุ่มโรงพยาบาล ขณะที่กลุ่มธนาคาร และ พลังงาน ยังคงได้รับแรงกดดันจากสถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างรัสเซียและยูเครน
ขณะที่การยกเลิกมาตรการตรวจโควิดแบบ RT-PCR ก่อนเข้าประเทศ ทำให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเพิ่มขึ้น ช่วยหนุนให้กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวปรับตัวขึ้นมา และนักลงทุนต่างชาติยังคงเข้าลงทุนอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังได้ปัจจัยหนุนจากหุ้น CPALL ขณะเดียวกันนักลงทุนยังคงจับตาหุ้น EA ว่าจะมีทิศทางอย่างไรต่อไป
แนวโน้มการลงทุนช่วงบ่าย คาดว่าดัชนีจะแกว่งไซต์เวย์ในกรอบ จากนักลงทุนยังคงซื้อขายระยะสั้นก่อนเข้าสู่ช่วงวันหยุดยาว เทศกาลสงกรานต์ ให้แนวรับ 1,680 จุด และแนวต้าน 1,690 จุด
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์
EA มูลค่าการซื้อขาย 3,183.77 ล้านบาท ปิดที่ 88.25 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง
OSP มูลค่าการซื้อขาย 1,630.67 ล้านบาท ปิดที่ 34.25 บาท ลดลง 2.25 บาท
JDF มูลค่าการซื้อขาย 1,624.94 ล้านบาท ปิดที่ 5.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.35 บาท
KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,238.74 ล้านบาท ปิดที่ 158.50 บาท ลดลง 1.00 บาท
CPALL มูลค่าการซื้อขาย 912.85 ล้านบาท ปิดที่ 66.75 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท
--อินโฟเควสท์
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้านี้แกว่งไซต์เวย์-รีบาวด์เล็กน้อยปัจจัยลบจากตปท.ยังกดดัน
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการสายงานวิเคระห์หลักทรัพย์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสแกว่งตัว Sideway และรีบาวด์ได้ตามตลาดสหรัฐ-ภูมิภาค หลังจากวานนี้ดัชนีลงมาทดสอบแนวรับที่ 1,670 จุดแล้วสามารถดีดกลับมาได้ อีกทั้งมองว่าหุ้นขนาดใหญ่อย่าง TU และ EA รับรู้ข่าวร้ายไปหมดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ดัชนียังคงไปไหนได้ไม่ไกล เนื่องจากยังมีปัจจัยลบจากต่างประเทศกดดันอย่างต่อเนื่อง ทั้งรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) เดือน มี.ค.ที่ระบุแนวโน้มการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแรงและลดขนาดงบดุลเร็ว และมาตรการคว่ำบาตรรัสเซียที่เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่นครเซี่ยงไฮ้ของจีนได้กลับมาใช้มาตรการปิดเมืองอีกครั้ง
พร้อมให้แนวรับที่ 1,670 และ 1,660 จุด ขณะที่แนวต้านให้ไว้ที่ 1,690 และ 1695 จุด
ประเด็นพิจารณาการลงทุน
ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (7 เม.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,583.57 จุด เพิ่มขึ้น 87.06 จุด หรือ +0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,500.21 จุด เพิ่มขึ้น 19.06 จุด หรือ + 0.43% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,897.30 จุด เพิ่มขึ้น 8.48 จุด หรือ + 0.06%
ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่นเปิดวันนี้ที่ 27,097.05 จุด เพิ่มขึ้น 208.48 จุด หรือ +0.78%, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีนเปิดวันนี้ที่ 3,239.88 จุด เพิ่มขึ้น 3.18 จุด หรือ +0.10% ส่วนดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดวันนี้ที่ 21,667.53 จุด ลดลง 141.45 จุด หรือ -0.65%
ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (7 เม.ย.) ที่ระดับ 1,682.41 จุด ลดลง 18.77 จุด -1.10%
นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,226.93 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 เม.ย.65
ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนพ.ค. ลดลง 20 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 96.03 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.65
ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (7 เม.ย.) อยู่ที่ 17.91 ดอลลาร์/บาร์เรล
เงินบาทเปิด 33.50 แข็งค่าสวนทางภูมิภาค ให้กรอบวันนี้ 33.40-33.60
"บีโอไอ" ปลดล็อกลงทุนสถานีชาร์จอีวี หนุนรายย่อย-สตาร์ทอัพ ลงทุนฟาสต์ชาร์จ ดันเป้า 1.2 หมื่นหัวชาร์จ ภายในปี 2030 สั่ง "พลังงาน" บูรณาการแพลตฟอร์มชาร์จไฟ เผยยอดลงทุนไตรมาสแรกแสนล้าน ชี้ไต้หวันขึ้นเบอร์ 1 ระบุผลสงครามมีผลจำกัดต่อการลงทุนไทย
บอร์ดกสทช.รับ หนังสือค้านดีลควบรวมทรู-ดีแทค รวม 3 ฉบับ ระบุไม่มีการพิจารณาข้อร้องเรียนว่า ขัดต่อข้อกฎหมายใดหรือไม่ จี้อนุกรรมการ ติดตามการควบรวมกิจการจัดทำร่างมาตรการกำกับดูแลผลกระทบที่จะเกิดจากการควบรวม 11 เม.ย.นี้
"บิ๊กตู่" นัดถก ศบค.ชุดใหญ่ 8 เม.ย. ประเมินสถานการณ์รับมือช่วงเทศกาล คลอดมาตรการจัดกิจกรรมสงกรานต์ปรับลดนำเข้าแรงงานต่างด้าว สธ.ชง ศบค.ยกเลิกตรวจ RT-PCR ผู้เดินทางจากต่างประเทศ เหลือแค่ ATK แจงวัคซีนเข็ม 5 ยังอยู่ระหว่างศึกษา คาดฉีดห่างจากเข็ม 4 นานพอควร "อนุทิน" สั่ง รพ.ทุกแห่งจัดวอล์กอินฉีดวัคซีน ขอลูกหลานกลับบ้านพาผู้สูงอายุมาฉีด
*หุ้นเด่นวันนี้
ERW (กรุงศรี) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 3.60 บาท ได้ประโยชน์โดยตรงหากวันนี้ ศบค. ชุดใหญ่มีมติให้ตรวจ ATK แทน RT-PCR ช่วยอำนวยความสะดวกและลดค่าใช้จ่ายให้กับนักท่องเที่ยวคาดเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น เป็นบวกกับ ERW เพราะมีสัดส่วนรายได้จากท่องเที่ยวในประเทศเกือบ 100%
CPALL (เมย์แบงก์) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 79 บาท คาดกำไรไตรมาส 1/65 ขยายตัวเด่นทั้ง QoQ, YoY จากการบริโภคที่ฟื้นตัว การขยายสาขา การปรับเพิ่มราคาสินค้าจากต้นทุนสินค้าที่ปรับขึ้น หนุน SSSG ช่วง ม.ค.-ก.พ. ของร้าน 7-11 คาดปรับขึ้นเด่น 10-11% รวมทั้งอัตราการทำกำไรขั้นต้นคาดเพิ่มขึ้นราว 20-40 bps เพิ่มความน่าสนใจในการสะสม
FORTH (เคทีบีเอสที) แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 37.00 บาท คาดรายโตจาก Power board, ตู้เต่าบิน-บุญเติม ผลิต-ส่งมอบและรับ Order ใหม่ๆ ต่อเนื่อง ได้ประโยชน์จาก EV (Power board) ที่จะมีคำสั่งผลิตจากลูกค้ารายใหญ่ที่ US ส่วนตู้เต่าบินและตู้บุญเติม ทยอย Roll-out อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเดินหน้าประมูลงานใหม่อย่างต่อเนื่อง ส่วนธุรกิจในกลุ่ม SMART Service จะได้ประโยชน์จากการเปิดเมืองการจับจ่ายใช่สอยที่เพิ่มขึ้น บ. อัพเกรด Software ทั้งตู้เต่าบินและบุญเติมต่อ KTBST ประเมินกำไรสุทธิปี 65-66 ที่ 912 ล้านบาท และ 1 พันล้านบาท +26%YoY, 14%YoY ตามลำดับ
--อินโฟเควสท์
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด