ตลาดหลักทรัพย์ฯ จับมือตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น นำ บจ. ไทยพบผู้ลงทุนสถาบันจีน ชูศักยภาพขับเคลื่อนธุรกิจด้านพลังงานทดแทน
ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น จัดสัมมนา “2022 China – Thailand Green Energy Cooperation Seminar and Roadshow” ในรูปแบบ virtual conference วันที่ 20 กันยายน 2565 ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 เพื่อเชื่อมโยงและเพิ่มโอกาสการลงทุนของทั้งสองประเทศ โดยเชิญผู้บริหารจากตลาดทุน และบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ไทย ร่วมให้ข้อมูลแนวโน้มธุรกิจพลังงานทดแทนของประเทศไทย และการดำเนินธุรกิจของ บจ. ที่เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานทดแทนภายใต้บริบทใหม่ โดยมีผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนบุคคลในจีนร่วมรับฟังข้อมูลกว่า 120 ราย
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าตลาดหลักทรัพย์ฯ ร่วมกับ ตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น จัดสัมมนา “2022 China – Thailand Green Energy Cooperation Seminar and Roadshow” ขึ้นในรูปแบบ virtual conference ในวันที่ 20 กันยายน 2565 ต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 เพื่อให้ข้อมูลการขับเคลื่อนธุรกิจด้านพลังงานทดแทนของไทย และศักยภาพของ บจ. ไทยในธุรกิจพลังงานทดแทน ซึ่งทั้งไทยและจีนให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และเป็นทิศทางเดียวกับทั่วโลกที่ขับเคลื่อนการลดการใช้พลังงานเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม โดยภาครัฐได้กำหนดเป้าหมายว่าประเทศไทยจะมีสัดส่วนพลังงานทดแทน (หรือ หมุนเวียน) 30% ภายในปี พ.ศ. 2580 มีความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี พ.ศ. 2593 และปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ. 2608
“แผนงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่งเสริมให้ บจ. นำหลักการที่ครอบคลุมประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการ (Environmental, Social, Governance: ESG) มาบูรณาการในกระบวนการดำเนินงานให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง บจ. ไทยจำนวนมากได้ปรับธุรกิจให้สอดคล้องกับเป้าหมายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเปลี่ยนผ่านธุรกิจสู่พลังงานทดแทน ขณะที่ปัจจุบันผู้ลงทุนให้ความสำคัญกับการลงทุนอย่างยั่งยืน (sustainable investment) เพื่อสร้างโอกาสการได้รับผลตอบแทนในระยะยาว สัมมนาครั้งนี้ ผู้บริหารตลาดทุนได้ร่วมให้ข้อมูลในหัวข้อ “Green Energy Outlook and Investment Trends in Thailand & China” ถึงแนวโน้มธุรกิจด้านพลังงานทดแทนของประเทศไทย นอกจากนี้ ยังเชิญผู้บริหาร บจ. ที่ทำธุรกิจด้านพลังงาน 3 บริษัท ได้แก่ บมจ. บี. กริม เพาเวอร์ บมจ. ผลิตไฟฟ้า และ บมจ. ราช กรุ๊ป ร่วมนำเสนอศักยภาพและทิศทางการดำเนินธุรกิจ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนสถาบันจีนและขยายโอกาสการลงทุนในอนาคต โดยผู้มีลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนบุคคลในจีนเข้าร่วมกว่า 120 ราย
ทั้งนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ และตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้นได้ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือระหว่างกันตั้งแต่ปี 2562 เพื่อขยายโอกาสให้หลักทรัพย์ไทยและจีนเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น พร้อมเปิดโอกาสการเชื่อมโยงทั้งสองตลาด เพื่อเพิ่มทางเลือกในการระดมทุน อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์ข้ามตลาด และความร่วมมือด้านดัชนี เป็นต้น รวมถึงการจัดกิจกรรมโรดโชว์ร่วมกันอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี
A9819
ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ ต้อนรับ บมจ. แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส (AWS22) เริ่มซื้อขาย 9 ก.ย. นี้เป็นบริษัทแรก
บมจ. แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส ผู้ให้บริการ Digital Technology และระบบ On-Cloud Digital Platform พร้อมเข้าซื้อขายเป็นบริษัทแรกในตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVE Exchange: LiVEx) 9 ก.ย. นี้ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 480 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “AWS22”
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ไลฟ์เอ็กซ์เช้นจ์ (LiVEx) เปิดเผยว่า LiVEx เห็นความสำคัญของผู้ประกอบการรายเล็กอย่าง SMEs และ Startups ที่เป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ จึงได้ร่วมกับสำนักงาน ก.ล.ต. พัฒนาหลักเกณฑ์รองรับการระดมทุนในวงกว้างและการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ LiVEx เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการเข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อการเติบโต ขณะเดียวกันยังส่งเสริมศักยภาพ SMEs และ Startups ให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งผ่าน LiVE Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มเสริมฐานความรู้ในการทำธุรกิจให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ โดย บมจ. แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส เป็นหนึ่งในบริษัทที่ผ่านการเตรียมความพร้อมผ่าน LiVE Platform และจะเป็นหลักทรัพย์แรกที่เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน LiVEx ในวันที่ 9 กันยายน 2565 โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “AWS22” เพื่อให้มีการซื้อขายเปลี่ยนมือได้สำหรับผู้ลงทุนที่มีความรู้ ประสบการณ์ และฐานะการเงินในระดับที่สามารถรับความเสี่ยงได้ ตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด เช่น ผู้ลงทุนสถาบัน นิติบุคคลร่วมลงทุน (VC) กิจการเงินร่วมลงทุน (PE) ผู้ลงทุนรายใหญ่ (High Net Worth) เป็นต้น
AWS22 และบริษัทย่อยประกอบธุรกิจออกแบบพัฒนา Digital Technology ทางด้าน IT Solution และให้บริการระบบ On-Cloud Digital Platform ครบวงจร โดยมีสินค้าและบริการ 2 ประเภทได้แก่ 1) ธุรกิจระบบบริหารจัดการตั๋วและ IT Solution เช่น ระบบบริหารจัดการตั๋วแบบครบวงจร ระบบ Balance Blockchain Web-Application ระบบ E-Commerce เป็นต้น 2) ธุรกิจระบบเติมเงินและตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เช่น ระบบเติมเงิน ชำระค่าสินค้าและบริการออนไลน์ ระบบบริหารจัดการและตู้จำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ เป็นต้น โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักคือองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่และผู้ประกอบการ SMEs ในหลากหลายอุตสาหกรรม ทั้งนี้ AWS22 มีทุนชำระแล้ว 120 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 200 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 40 ล้านหุ้น เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนครั้งแรก (IPO) ต่อผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะตามที่สำนักงาน ก.ล.ต. กำหนด จำนวน 40 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 1–2 และ 5 กันยายน 2565 ในราคาเสนอขายหุ้นละ 2 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุน 80 ล้านบาท และมีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 480 ล้านบาท มีบริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน
นายวิโรจน์ ศิริรัตนรักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. แอดวานซ์ เว็บ เซอร์วิส (AWS22) เปิดเผยว่าบริษัทและบริษัทย่อยมุ่งเน้นการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางด้าน Digital Technology และการสรรหาพันธมิตรทางธุรกิจในการต่อยอดการพัฒนาระบบต่างๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าเป็นสำคัญ โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนไปลงทุนในการพัฒนาระบบ Blockchain as a service และ Ticketing on Blockchain ลงทุนโครงการขยายการจำหน่ายตู้ขายสินค้าอัตโนมัติ ลงทุนด้าน
โครงสร้างพื้นฐานด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ พัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการขยายงาน และเป็นเงินทุนหมุนเวียน นอกจากนี้บริษัทยังได้เตรียมปรับปรุงระบบงานต่างๆ เพื่อเตรียมเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ AWS22 มีโครงสร้างผู้ถือหุ้นหลัง IPO คือ นายวิโรจน์ ศิริรัตนรักษ์ ถือหุ้น 35.23% นายดลชัย เลิศไพศาล ถือหุ้น 12.76% และนายกอบเดช นามประกาย ถือหุ้น 8.29%
รายละเอียดจากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.advws.com และ www.live-platforms.com/live-exchange
A9351
สรุปภาพรวมภาวะตลาดหลักทรัพย์เดือนสิงหาคม 2565
ตลาดหุ้นทั่วโลกให้ความสำคัญกับสุนทรพจน์ของประธานธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ในงาน Jackson Hole Symposium ที่ส่งสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่า FED จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อไปจนกว่าแรงกดดันด้านเงินเฟ้อสหรัฐฯ จะผ่อนคลาย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งระยะสั้นและระยะยาวเร่งตัวขึ้นหลังการแถลงสุนทรพจน์ดังกล่าว และส่งผลกระทบกับอัตราแลกเปลี่ยนและราคาสินทรัพย์ทั่วโลก
นายศรพล ตุลยะเสถียร รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวางแผนกลยุทธ์องค์กร ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ใน 8 เดือนแรกปี 2565 แม้จะมีความไม่แน่นอนจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางในหลายประเทศ แต่ SET Index มีความผันผวนน้อยกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์หลักอื่นๆ สาเหตุหลักมาจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่องจากภาคท่องเที่ยวและการบริโภคในประเทศ อีกทั้งผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรกที่เติบโตดี โดยเฉพาะในไตรมาส 2/2565 ที่บริษัทจดทะเบียน (บจ.) มีกำไรสุทธิรวม 3.5 แสนล้านบาท นอกจากนี้ Historical และ Forward PE ratio ของ SET Index ยังมีความน่าสนใจเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของตลาดหุ้นไทยในช่วงที่ผ่านมา รวมถึง บจ. มีโอกาสเพิ่มอัตราจ่ายปันผลสูงขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับผลการดำเนินงาน อีกทั้งธนาคารแห่งประเทศไทยยกเลิกการจำกัดอัตราจ่ายเงินปันผลของธนาคารพาณิชย์ทำให้อัตราการจ่ายปันผลในอนาคตมีแนวโน้มดีขึ้น
ภาวะตลาดหลักทรัพย์ไทย
• ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 SET Index ปิดที่ 1,638.93 จุด ปรับเพิ่มขึ้น 4.0% จากเดือนก่อนหน้า โดยปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าค่าเฉลี่ยดัชนีตลาดหลักทรัพย์อื่นในภูมิภาค และเมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 SET Index ปรับลดลงเล็กน้อยอยู่ที่ 1.1%
• SET Index ใน 8 เดือนแรกปี 2565 ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมที่ได้รับอานิสงส์จากการกลับมาเปิดเมือง โดยกลุ่มอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีกว่า SET Index เมื่อเทียบกับสิ้นปี 2564 ได้แก่ กลุ่มบริการ และกลุ่มทรัพยากร
• ในเดือนสิงหาคม 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันใน SET และ mai อยู่ที่ 75,205 ล้านบาท ลดลง 18.8% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ใน 8 เดือนแรกปี 2565 มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 82,747 ล้านบาท โดย ผู้ลงทุนต่างชาติที่ซื้อสุทธิถึง 57,014 ล้านบาท ทำให้ใน 8 เดือนแรกปี 2565 ผู้ลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิรวม 170,744 ล้านบาท อีกทั้งผู้ลงทุนต่างประเทศมีสัดส่วนมูลค่าการซื้อขายสูงสุดต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 5
• ในเดือนสิงหาคม 2565 มีบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ซื้อขายใน SET 1 บริษัท ได้แก่ บมจ. ท่าฉาง กรีน เอ็นเนอร์ยี่ (TGE) และใน mai 1 บริษัท ได้แก่ บมจ. ยงคอนกรีต (YONG) โดยมูลค่าระดมทุนรวมในหุ้น IPO ของไทยปี 2565 อยู่ยังในระดับต้นๆ ของเอเซีย
• Forward P/E ของตลาดหลักทรัพย์ไทย ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 15.7 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 12.6 เท่า และ Historical P/E อยู่ที่ระดับ 16.7 เท่า สูงกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ระดับ 13.2 เท่า
• อัตราเงินปันผลตอบแทน ณ สิ้นเดือนสิงหาคม 2565 อยู่ที่ระดับ 2.78% ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ในเอเชียซึ่งอยู่ที่ 3.00%
ภาวะตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า
• ในเดือนสิงหาคม 2565 ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (TFEX) มีปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 496,575 สัญญา เพิ่มขึ้น 6.7% จากเดือนก่อน ที่สำคัญจากการเพิ่มขึ้นของ Single Stock Futures และในช่วง 8 เดือนแรกของปี 2565 TFEX ปริมาณการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 548,981 สัญญา เพิ่มขึ้น 3.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
A9250
บจ. mai รายงานผลการดำเนินงาน ครึ่งแรกปี 2565 ยอดขายรวม 99,895 ล้านบาท
บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) รายงานผลการดำเนินงานงวดสะสม 6 เดือนแรก ปี 2565 มียอดขายรวม 99,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 24% ขณะที่กำไรจากการดำเนินงานรวม 5,021 ลบ. ลดลง 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปัจจัยต้นทุนขายที่เพิ่มขึ้น
นายประพันธ์ เจริญประวัติ ผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บริษัทจดทะเบียนใน mai จำนวน 181 บริษัท คิดเป็น 96% จากทั้งหมด 188 บริษัท (ไม่รวมบริษัทในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC และบริษัทที่ปิดงบไม่ตรงงวด) นำส่งผลการดำเนินงาน โดยงวดสะสม 6 เดือนปี 2565 พบ บจ. ที่รายงานกำไรสุทธิจำนวน 127 บริษัท คิดเป็น 70% ของบริษัทที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ผลการดำเนินงานครึ่งแรกปี 2565 ของ บจ. mai เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 99,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8% ต้นทุนขาย 79,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.2% ทำให้อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ลดลงจาก 23.9% มาอยู่ที่ 20.6% กำไรจากการดำเนินงาน 5,021 ล้านบาท ลดลง 3.6% และมีกำไรสุทธิรวม 4,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4% เนื่องจากในช่วงไตรมาส 1/2565 มีการบันทึกกำไรจากการขายโรงไฟฟ้าของ บจ. แห่งหนึ่ง มูลค่ารวม 1,423 ล้านบาท โดยมี 4 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงมีกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น ได้แก่ กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง กลุ่มบริการ กลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร
ด้านผลประกอบการไตรมาส 2/2565 บจ. มียอดขายรวม 51,520 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.9% กำไรจากการดำเนินงาน 2,525 ล้านบาท ลดลง 2.4% ขณะที่กำไรสุทธิรวม 1,530 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.2% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2564
“ครึ่งแรกของปี 2565 บจ. ส่วนใหญ่มียอดขายเติบโต สอดคล้องกับการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโรคระบาด (COVID-19) โดยเกือบทุกกลุ่มอุตสาหกรรมมียอดขายเพิ่มขึ้น ยกเว้นกลุ่มธุรกิจการเงิน แต่จากการปรับขึ้นของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ ส่งผลให้ต้นทุนขายรวมสูงขึ้น ทำให้อัตราการทำกำไรของ บจ. ลดลง อย่างไรก็ตาม ในภาพรวม บจ. มีการควบคุมสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายได้ดี ทำให้กำไรจากการดำเนินงานรวมลดลงเล็กน้อย นอกจากนี้ ยังเริ่มเห็นการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจร้านอาหาร ธุรกิจจัดงานอิเวนต์ ธุรกิจที่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว เป็นต้น” นายประพันธ์กล่าว
ในส่วนของฐานะทางการเงิน บจ. mai มีสินทรัพย์รวม 302,579 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.56% จากสิ้นปี 2564 และโครงสร้างเงินทุนรวมแข็งแรงขึ้น โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E ratio) อยู่ที่ 0.92 เท่า ลดลงจากสิ้นปี 2564 ที่เท่ากับ 1.02 เท่า
ปัจจุบันมี บจ. ใน mai 188 บริษัท (ข้อมูล ณ วันที่ 24 สิงหาคม 2565) ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 641.12 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวม (market capitalization) อยู่ที่ 550,905 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ย 6,324 ล้านบาทต่อวัน
ผลการดำเนินงานงวดสะสม 6 เดือน ปี 2565 ของ บจ. mai แยกตามกลุ่มอุตสาหกรรม
กลุ่มอุตสาหกรรม |
ยอดขาย (ลบ.) |
กำไรจากการดำเนินงาน (ลบ.) |
กำไรสุทธิ (ลบ.) |
||||||
6M/2564 |
6M/2565 |
%Chg |
6M/2564 |
6M/2565 |
%Chg |
6M/2564 |
6M/2565 |
%Chg |
|
เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร |
5,119 |
6,018 |
17.6% |
308 |
362 |
17.6% |
278 |
281 |
1.1% |
สินค้าอุปโภคบริโภค |
5,623 |
6,573 |
16.9% |
764 |
693 |
-9.3% |
426 |
508 |
19.2% |
ธุรกิจการเงิน |
1,953 |
1,491 |
-23.7% |
720 |
206 |
-71.3% |
-64 |
-495 |
-674.1% |
สินค้าอุตสาหกรรม |
18,811 |
22,364 |
18.9% |
1,318 |
868 |
-34.2% |
1,195 |
1,769 |
48.0% |
อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง |
10,286 |
12,894 |
25.4% |
158 |
587 |
270.8% |
23 |
190 |
733.9% |
ทรัพยากร |
11,196 |
17,477 |
56.1% |
372 |
189 |
-49.1% |
268 |
230 |
-14.2% |
บริการ |
18,887 |
23,159 |
22.6% |
811 |
1,189 |
46.6% |
978 |
1,039 |
6.2% |
เทคโนโลยี |
8,819 |
9,918 |
12.5% |
759 |
927 |
22.1% |
633 |
753 |
18.9% |
รวม |
80,694 |
99,895 |
23.8% |
5,210 |
5,021 |
-3.6% |
3,737 |
4,275 |
14.4% |
A81082
บจ. ไทย รายงานยอดขาย 6 เดือนแรกเติบโตจากการผ่อนคลายมาตรการโควิด
บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รายงานยอดขายเติบโตดีขึ้น มูลค่ารวม 8.6 ล้านล้านบาท จากการผ่อนคลายมาตรการเฝ้าระวังโควิด แต่ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ปรับตัวสูงขึ้นส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิตและความสามารถในการทำกำไร
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บจ. จำนวน 759 บริษัท คิดเป็น 96.7% จากทั้งหมด 785 บริษัท (รวม SET และ mai และไม่รวมกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน บจ. ในกลุ่มที่เข้าข่ายอาจถูกเพิกถอน หรือ NC) นำส่งผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2565 สิ้นสุด 30 มิถุนายน 2565 พบว่ามี บจ. รายงานกำไรสุทธิ 586 บริษัท คิดเป็น 77.2% ของ บจ. ที่นำส่งงบการเงินทั้งหมด
ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกปี 2565 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน บจ. ใน SET มียอดขาย 8,605,952 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.1% แต่มีต้นทุนการผลิตเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง ทำให้ บจ. มีกำไรจากการดำเนินงานหลัก (Core profit) 1,078,048 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.9% และมีกำไรสุทธิ 596,594 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.9% ทั้งนี้ อัตรากำไรจากการดำเนินงาน (Core profit margin) และอัตรากำไรสุทธิปรับตัวลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สำหรับฐานะการเงินของกิจการ ณ 30 มิถุนายน 2565 บจ. ไทยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (ไม่รวมอุตสาหกรรมการเงิน) อยู่ที่ระดับ 1.59 เท่า เพิ่มขึ้นจาก 1.53 เท่า เมื่อเทียบกับงวดปีก่อน
หน่วย : ลบ. |
1H/2562 |
1H/2563 |
1H/2564 |
1H/2565 |
% YoY |
ยอดขาย |
5,859,703 |
5,209,958 |
6,142,795 |
8,605,952 |
40.1 |
กำไรจากการดำเนินงานหลัก |
574,375 |
374,714 |
811,052 |
1,078,048 |
32.9 |
กำไรสุทธิ |
458,120 |
216,436 |
523,783 |
596,594 |
13.9 |
อัตรากำไรจากการดำเนินงานหลัก (%) |
9.8 |
7.2 |
13.2 |
12.5 |
|
อัตรากำไรสุทธิ (%) |
7.8 |
4.2 |
8.5 |
6.9 |
|
“การผ่อนคลายมาตรการการควบคุมโรคระบาดตั้งแต่ต้นปี ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจ อาหาร แฟชั่น และอุตสาหกรรมบริการ อีกทั้งทิศทางการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ย เป็นปัจจัยเร่งให้เกิดอุปสงค์ของกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และทำให้กลุ่มธุรกิจธนาคารมีผลประกอบการดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ต่างๆ ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมากกดดันต้นทุนการผลิตและผลประกอบการของกลุ่มธุรกิจส่วนใหญ่ แม้ผู้ประกอบการมีค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น แต่ยังสามารถควบคุมสัดส่วนต่อรายได้ในระดับเดิม” นายแมนพงศ์กล่าว
ด้านผลการดำเนินงานของ บจ. ในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) 6 เดือนแรกปี 2565 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน มียอดขายรวม 99,895 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23.8% ต้นทุนขาย 79,365 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29.2% มีกำไรจากการดำเนินงาน 5,021 ล้านบาท ลดลง 3.6% และมีกำไรสุทธิ 4,275 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.4%
สรุปผลประกอบการตามกลุ่มอุตสาหกรรมและหมวดธุรกิจ 6 เดือนแรก ปี 2565 (หน่วย: ล้านบาท)
กลุ่มอุตสาหกรรม |
ยอดขาย |
กำไรจากการดำเนินงาน |
กำไรสุทธิ |
||||||
1H/2564 |
1H/2565 |
% Chg. |
1H/2564 |
1H/2565 |
% Chg. |
1H/2564 |
1H/2565 |
% Chg. |
|
เกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร |
603,781 |
720,099 |
19.26 |
51,242 |
45,014 |
-12.15 |
30,393 |
29,988 |
-1.33 |
- ธุรกิจการเกษตร |
99,711 |
103,467 |
3.77 |
23,788 |
7,349 |
-69.11 |
13,481 |
5,885 |
-56.35 |
- อาหารและเครื่องดื่ม |
504,069 |
616,632 |
22.33 |
27,454 |
37,665 |
37.20 |
16,911 |
24,103 |
42.53 |
สินค้าอุปโภคบริโภค |
71,716 |
66,105 |
-7.82 |
21,248 |
3,122 |
-85.31 |
21,225 |
5,431 |
-74.41 |
- แฟชั่น |
21,240 |
28,381 |
33.62 |
334 |
765 |
128.68 |
2,556 |
3,148 |
23.14 |
- ของใช้ครัวเรือนและสำนักงาน |
13,865 |
15,544 |
12.11 |
759 |
-243 |
-132.01 |
195 |
-149 |
-176.49 |
- ของใช้ส่วนตัวและเวชภัณฑ์ |
36,612 |
22,181 |
-39.42 |
20,155 |
2,601 |
-87.10 |
18,473 |
2,433 |
-86.83 |
ธุรกิจการเงิน |
591,718 |
619,877 |
4.76 |
196,212 |
154,466 |
-21.28 |
126,421 |
105,862 |
-16.26 |
- ธนาคาร |
451,418 |
457,571 |
1.36 |
178,469 |
181,857 |
1.90 |
100,081 |
111,062 |
10.97 |
- เงินทุนและหลักทรัพย์ |
85,275 |
64,675 |
-24.16 |
27,211 |
28,781 |
5.77 |
20,527 |
18,231 |
-11.18 |
- ประกันภัยประกันชีวิต |
55,025 |
97,631 |
77.43 |
-9,467 |
-56,171 |
-493.32 |
5,813 |
-23,431 |
-503.08 |
สินค้าอุตสาหกรรม |
745,981 |
1,080,315 |
44.82 |
83,202 |
96,889 |
16.45 |
75,398 |
62,530 |
-17.07 |
- ยานยนต์ |
42,130 |
45,371 |
7.69 |
3,460 |
3,230 |
-6.65 |
3,666 |
3,667 |
0.04 |
- วัสดุอุตสาหกรรม- เครื่องจักร |
33,612 |
43,960 |
30.78 |
1,920 |
2,591 |
34.95 |
1,445 |
1,590 |
10.10 |
- กระดาษและวัสดุการพิมพ์ |
2,217 |
2,841 |
28.13 |
582 |
620 |
6.56 |
523 |
550 |
5.09 |
- ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ |
463,682 |
746,598 |
61.02 |
55,224 |
76,049 |
37.71 |
52,822 |
44,619 |
-15.53 |
- บรรจุภัณฑ์ |
97,170 |
127,279 |
30.99 |
10,154 |
8,876 |
-12.59 |
7,644 |
7,933 |
3.78 |
- เหล็ก |
107,171 |
114,267 |
6.62 |
11,861 |
5,522 |
-53.44 |
9,299 |
4,171 |
-55.15 |
อสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง |
625,734 |
728,709 |
16.46 |
72,556 |
58,644 |
-19.17 |
67,220 |
62,087 |
-7.64 |
- วัสดุก่อสร้าง |
352,072 |
418,850 |
18.97 |
45,374 |
26,625 |
-41.32 |
43,608 |
30,513 |
-30.03 |
- รับเหมาก่อสร้าง |
93,605 |
105,915 |
13.15 |
2,426 |
584 |
-75.93 |
1,742 |
-240 |
-113.79 |
- พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ |
180,058 |
203,943 |
13.27 |
24,755 |
31,435 |
26.98 |
21,869 |
31,814 |
45.47 |
ทรัพยากร |
2,215,195 |
3,673,443 |
65.83 |
313,591 |
603,068 |
92.31 |
149,397 |
239,574 |
60.36 |
- พลังงานและสาธารณูปโภค |
2,215,195 |
3,673,443 |
65.83 |
313,591 |
603,068 |
92.31 |
149,397 |
239,574 |
60.36 |
บริการ |
869,872 |
1,250,254 |
43.73 |
32,170 |
75,558 |
134.87 |
25,342 |
60,234 |
137.68 |
- พาณิชย์ |
669,895 |
971,439 |
45.01 |
9,726 |
21,252 |
118.50 |
21,382 |
28,147 |
31.64 |
- การแพทย์ |
81,036 |
120,758 |
49.02 |
9,809 |
27,424 |
179.58 |
8,264 |
22,010 |
166.33 |
- สื่อและสิ่งพิมพ์ |
25,246 |
28,667 |
13.55 |
1,727 |
2,382 |
37.89 |
1,867 |
3,178 |
70.23 |
- บริการเฉพาะกิจ |
2,869 |
3,219 |
12.17 |
398 |
345 |
-13.18 |
208 |
232 |
11.70 |
- ท่องเที่ยวและสันทนาการ |
10,606 |
20,433 |
92.66 |
-4,446 |
-971 |
78.17 |
-5,325 |
-2,618 |
50.83 |
- ขนส่ง |
80,220 |
105,738 |
31.81 |
14,955 |
25,125 |
68.00 |
-1,053 |
9,285 |
981.74 |
เทคโนโลยี |
418,734 |
467,146 |
11.56 |
40,838 |
41,322 |
1.19 |
28,333 |
30,933 |
9.18 |
- เทคโนโลยีและการสื่อสาร |
134,315 |
174,449 |
29.88 |
7,622 |
11,162 |
46.44 |
6,414 |
10,180 |
58.71 |
- ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ |
284,419 |
292,696 |
2.91 |
33,215 |
30,160 |
-9.20 |
21,918 |
20,753 |
-5.32 |
Total SET |
6,142,732 |
8,605,948 |
40.10 |
811,058 |
1,078,083 |
32.92 |
523,727 |
596,638 |
13.92 |
A81081
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด