วันที่ 05 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8559 ข่าวสดรายวัน
'แดง'ป้องรบ. พรึบที่ปากน้ำ 'ตู่'ย้ำปราบกบฏ 10 พค.แน่นอักษะ
ปราบกบฏ - นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ขึ้นเวทีปราศรัยบริเวณลานดินหลังวัดหลวงพ่อโต ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ประกาศปกป้องประชาธิปไตย เดินหน้าชุมนุมใหญ่ 10 พ.ค.ปราบกบฏ ท่ามกลางคนเสื้อแดงร่วม 2 หมื่นคน เมื่อ 4 พ.ค. |
นปช.เหนือฮือต้านนายกฯเถื่อน จัดแรลลี่แต่งดำ 3 จังหวัดทั้งลำพูน ลำปาง เชียงใหม่ พร้อมประณามการทำลายเสรีภาพความคิดเห็นประชาชน คัดค้านกลุ่มบุคคลหรือองค์กรไม่ปฏิบัติตามหลักยุติธรรมสากล นปช.พะเยาเย้ยข้อสนอ "มาร์ค" แนะลงเลือกตั้ง-ปฏิรูปพรรคตัวเอง แดงอีสานเตรียมระดมครึ่งแสนร่วมชุมนุมถนนอักษะ 10 พ.ค. นปช.จัดชุมนุมย่อยที่ปากน้ำ
เมื่อวันที่ 4 พ.ค. นายรัลชัย มาละพิงค์ และนางบานเย็น ปัญโญใหญ่ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงลำพูน พร้อมแนวร่วมแต่งกายด้วยชุดสีดำ และขี่รถจักรยานยนต์ติดธงสัญลักษณ์สีดำระบุข้อความไม่รับอำนาจเถื่อน ประมาณ 300 คน ได้รวมตัวกันบริเวณศูนย์บริการนักท่องเที่ยง เชิงสะพานท่าขามลำพูน เพื่อจัดแรลลี่ร่วมปกป้องประชาธิปไตยและต่อต้านนายกฯเถื่อน ก่อนเคลื่อนการชุมนุมมายังอนุสาวรีย์เจ้าแม่จามเทวีแล้วทำพิธีสักการบูชา จากนั้นมอบธงสัญลักษณ์ให้กลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่และลำปาง เพื่อนำไปประกอบกิจกรรมในพื้นที่
โดยกลุ่มคนเสื้อแดงเชียงใหม่นำธงสัญลักษณ์แรลลี่ไปตามถนนของต.สารภี อ.สารภี และวนรอบตัวเมืองเชียงใหม่ ก่อนไปสิ้นสุดที่ลานประตูช้างเผือก อ.เมือง เชียงใหม่ ส่วนกลุ่มคนเสื้อแดงลำปางลัดเลาะแรลลี่ไปรอบตัวเมืองเช่นกัน
ด้านนางสุชีรา รักษาภักดี กลุ่มพลังผญาแม่ญิงล้านนาเจียงใหม่ และกรรมการกลุ่มนปช.แดงเปิดเผยว่า ประชาชนรวมตัวกันเพื่อปกป้องศักดิ์ศรีและเกียรติยศของคนล้านนา ที่ผ่านมามีบุคคลบางกลุ่มลบหลู่ดูถูกเหยียดหยามคนล้านนา ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่เสรีชนล้านนาจำต้องลุกขึ้นมารวมตัวปกป้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการยึดมั่นการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ล่าสุดเป็นที่ประจักษ์แน่ชัดว่ามีคณะบุคคลต้องการล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ด้วยการล้มการเลือกตั้งและทำลายการมีส่วนร่วมของประชาชน ดังนั้นเสรีชนล้านนาจึงขอคัดค้าน ต่อต้านและประณามการนำบุคคลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชนเป็นนายกรัฐมนตรี
ไม่เอา"ม.7" - กลุ่มเสื้อแดงลำพูนสวมเสื้อดำรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์เจ้าแม่จามเทวี โชว์จุดยืนชักธงดำไม่รับอำนาจเถื่อน-ไม่เอานายกฯคนกลาง ก่อนร่วมขบวนแรลลี่ส่งธงต่อให้แนวร่วมแดงภาคเหนือ เมื่อ 4 พ.ค. |
นางสุชีรา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ขอคัดค้าน ต่อต้านและประณามการทำลายเสรีภาพความคิดเห็นของประชาชน รวมทั้งคัดค้านการกระทำใดๆ ของกลุ่มบุคคลหรือองค์กรใดก็ตามที่ประพฤติตนไม่เป็นไปตามหลักยุติธรรมสากล ซึ่งเราไม่ได้มีวัตถุประสงค์อื่นใดนอกจากนี้ เพียงต้องการอยากให้ประเทศกลับคืนสู่ความยุติธรรมสากลและการปกครองที่เป็นประชา ธิปไตยอย่างแท้จริงเท่านั้น
ขณะที่นายศิริวัฒน์ จุปะมัดถา ผู้ประสานงานกลุ่มนปช.พะเยา กล่าวว่า ตามที่กกต.ออกมาให้ข้อมูลว่า ในอนาคตจะจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นในวันที่ 20 ก.ค.2557 แต่ต้องหารือกับรัฐบาลก่อน ซึ่งกลุ่มคนเสื้อแดงขอสนับสนุนและยึดมั่นแนวทางให้เกิดการเลือกตั้ง พร้อมเตรียมจัดกิจกรรมเชิญชวนให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์ เพื่อเป็นทางออกของความขัดแย้ง เพราะคนเสื้อแดงมั่นใจว่าการเลือกตั้งคือบทสรุปของการแก้ปัญหา ด้วยระบบตัวแทนประชาชนที่เข้าไปทำหน้าที่ในสภาด้วยกลไกของรัฐสภา ตามการปกครองระบอบประชาธิปไตย
"ส่วนพรรคประชาธิปัตย์จะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญ เพราะคนที่มีบทบาทหน้าที่เกี่ยวกับการลงสมัครรับเลือกตั้ง แต่ไม่ให้ความสำคัญกับการเลือกตั้ง ก็คงเป็นได้แต่นักเลือกตั้งเท่านั้น แต่ไม่ใช่มืออาชีพที่จะมาทำงานด้านการเมือง เพื่อประเทศชาติและประชาชนได้ เพราะคนที่คิดจะทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนรวมของประเทศ เขาจะใช้การเมืองอย่างมีเหตุผล ไม่ใช่เพื่อการแพ้หรือชนะของฝ่ายตัวเองกับฝ่ายตรงข้าม คนจะทำงานการเมืองต้องใจกว้าง คิดและมองอย่างรอบด้าน เพราะประชาธิปไตยคงไม่สามารถเดินหน้าไปอย่างงดงามและราบรื่นได้ภายในระยะเวลาอันสั้น พรรคประชาธิปัตย์จะเดินหน้าทางการเมืองอย่างไร คงต้องทบทวนตัวเอง เพราะคงไม่มีใครสอนใครได้"นายศิริวัฒน์กล่าว
ด้านนายอนุวัฒน์ ทินราช ประธานนปช.ภาคอีสาน กล่าวถึงข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ขอให้เลื่อนการเลือกตั้งวันที่ 20 ก.ค.ออกไป และให้รัฐบาลลาออกก่อนศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยสถานภาพของน.ส.ยิ่งลักษษ์ ชินวัตร เพื่อเปิดทางให้มีรัฐบาลคนกลางว่า ข้อเสนอของนายอภิสิทธิ์ในครั้งนี้ ไม่แตกต่างอะไรจากแนวทางของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกปปส. จึงไม่ใช่เรื่องใหม่ และนปช.คงไม่ใส่ใจกับข้อเสนอนี้มาก เพราะนายอภิสิทธิ์ไม่มีราคาในการต่อรองใดๆ ไม่ว่าจะเว้นวรรคทางการเมืองหรือลงรับสมัครเลือกตั้ง ก็ไม่มีโอกาสได้เป็นรัฐบาลอยู่แล้ว ทางที่ดีนายอภิสิทธิ์ ควรไปพูดคุยและตกลงกับนายสุเทพให้เรียบร้อยก่อน แล้วนำข้อตกลงดังกล่าวมาเสนอ เพราะที่บ้านเมืองวุ่นวายขณะนี้ก็รู้อยู่ว่าใครอยู่เบื้องหลัง
"นายอภิสิทธิ์ พยายามแสดงบทพระเอกขี่ม้าขาว เสนอทางออกของประเทศซึ่งนปช. ทั่วประเทศ ไม่มีทางเชื่อในความบริสุทธิ์ใจอย่างแน่นอน ส่วนการนัดชุมนุมใหญ่ของนปช.ที่ถนนอักษะ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ในวันที่ 10 พ.ค. นปช.ภาคอีสานได้เริ่มระดมคนไว้แล้ว โดยคาดว่าครั้งนี้จะมีนปช. 20 จังหวัดภาคอีสานร่วมชุมนุมไม่ต่ำกว่า 1 แสนคน" นายอนุวัฒน์กล่าว
ที่หอประชุมวิทยาลัยเทคนิคอุบลราชธานี อ.เมืองอุบลราชธานี คนเสื้อแดงเริ่มทยอยเข้าร่วมเวทีปราศรัยสนับสนุนรัฐบาล น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งกลุ่ม นปช.ร่วมกับส.ส.พรรคเพื่อไทยจัดขึ้น โดยใช้ชื่อว่า "คนอุบล ปกป้องประชาธิปไตย" เพื่อชี้แจงที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ กำลังถูกป.ป.ช.ชี้มูลกรณีโครงการรับจำนำข้าวและศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยกรณีโยกย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสมช.
โดยหัวข้อการปราศรัย เพื่อชี้แจงกระบวน การทำลายรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่มาจากการเลือกตั้งให้สิ้นสภาพจากการบริหารราชการแผ่นดิน และเชิญชวนให้คนเสื้อแดงไปร่วมชุมนุมใหญ่กับกลุ่มนปช.ที่ถนนอักษะ ในวันที่ 10 พ.ค. เพื่อช่วยปกป้องรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน
ที่จ.นครพนม ขบวนการคนอีสานปกป้องประชาธิปไตย กว่า 5,000 คน เดินทางมาชุมนุมปราศรัยปกป้องประชาธิปไตยบริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัด นำโดยนายพายัพ ปั้นเกตุ อดีตส.ส.สิงห์บุรี นายขจิต ชัยนิคม อดีตส.ส.อุดรธานี นายนิยม เวชกามา พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ อดีตส.ส. กำแพง เพชร นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ อดีตส.ว.สรรหา และนายชวลิต วิชยสุทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย
นายนิยม กล่าวว่า ในวันที่ 10 พ.ค.จะนัดชุมนุมใหญ่ที่ถนนอักษะหลายแสนคน เพื่อแสดงพลังปกป้องประชาธิปไตยและต่อสู้เคียงข้างน.ส.ยิ่งลักษณ์ ขณะเดียวกันจะมีเวทีคู่ขนานในจ.นครพนม จ.สกลนคร จ.มุกดาหาร จ.อุดรธานี และจ.สกลนคร ชุมนุมที่หน้าศาลากลางจังหวัด จังหวัดละ 500 คนด้วย
ส่วนความเคลื่อนไหวของนปช. ที่จ.สมุทร ปราการ กลุ่มนปช. จัดชุมนุมย่อยใช้ชื่อว่า 10 พ.ค.วันปราบกบฏ เพื่อระดมมวลชนก่อนนัดชุมนุมใหญ่ ที่บริเวณถนนอักษะ ในวันที่ 10 พ.ค. โดยมีกลุ่มคนเสื้อแดงทยอยเดินทางเข้าร่วมเป็นจำนวนมาก โดยมีนายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช.และแกนนำหลายคนเข้าร่วม
ด้านนายจตุพร กล่าวว่า การชุมนุมครั้งนี้ชี้ให้เห็นว่าขณะนี้มีคณะกลุ่มคน โดยเฉพาะนาย สุเทพ เทือกสุบรรณ และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ภายใต้อำมาตย์พยายามต่อต้านและล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง โดยไม่ยอมฟังเสียงของประชาชนที่รักประชาธิปไตย คนเสื้อแดงจึงมีเป้าหมายที่จะร่วมมือลุกขึ้นต่อต้านและต่อสู้ โดยนัดชุมนุมกันใหญ่และกำหนดวันปราบกบฏในวันที่ 10 พ.ค.ที่ถนนอักษะ
นายวรชัย เหมะ ขึ้นเวทีปราศรัยและกล่าวถึงการชุมนุมของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ทำให้รายได้หลักของจ.สมุทรปราการ ลดลงจำนวนหลายล้านบาท ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมของจังหวัดเกิดการชะลอตัว
บก.จร.แจ้งด่วน!! เลี่ยงเส้นทางสะพานพระปิ่นเกล้า ม็อบตั้งเวที-ปิดจราจร โทรเช็ก 1197
วันที่ 05 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 13:25:08 น
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก ผบก.จร. ประชาสัมพันธ์การจราจร วันนี้เวลาประมาณ 14.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเตรียมเคลื่อนพลจากเวทีสวนลุมฯ ไปท้องสนามหลวง เพื่อรวมพิธีเนื่องในวันฉัตรมงคล ตั้งแต่ช่วงเช้าจนถึงขณะนี้ กลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการตั้งเวทีและปิดการจราจร ในเส้นทาง ถนนราชดำเนินใน จากแยกป้อมเผด็จฯถึงแยกผ่านพิภพฯ ทำให้ไม่สามารถขึ้นสะพานพระปิ่นเกล้าได้
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ดำเนินการจัดการเดินรถทางเดียว(วนทางขวา)ในเส้นทางโดยรอบวัดพระแก้ว ในถนนหน้าพระลาน ถนนสนามไชย ถนนท้ายวัง และถนนมหาราช เพื่ออำนวยความสะดวกจราจรให้กับประชาชน
บก.จร.จึงขอประชาสัมพันธ์มาให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทราบและควรตรวจสอบเส้นทางก่อนออกเดินทาง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการจราจร โดยสามารถสอบถามเส้นทางที่มีการเปิดปิดการจราจรได้ที่ศูนย์ควบคุมและสั่งการจราจร (บก.02) โทร 1197 ได้ตลอด 24 ชม.
พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์ 7 ข้อ ยืนยัน ทางออกประเทศ คือ เลือกตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์7 ข้อ ยืนยัน “ทางออกของประเทศคือการเลือกตั้ง”ระบุเนื้อหาแถลงการณ์ดังนี้
1. ความขัดแย้งที่ดำรงอยู่ในสังคมไทยขณะนี้ และมีแนวโน้มว่าจะนำไปสู่ความรุนแรงถึงขั้นกลียุคได้นั้น พรรคเพื่อไทยเห็นพ้องด้วยกับหลายฝ่ายว่า มีสาเหตุหลักมาจากความพยายามของกลุ่มบุคคลและพรรคการเมืองบางพรรคที่ไม่ต้องการระบอบประชาธิปไตย ไม่ยอมรับและเคารพในอำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทยและการตัดสินใจของประชาชนผ่านกระบวนการเลือกตั้ง ไม่เคารพกติกาของบ้านเมือง พวกเขาจึงร่วมมือกันปฏิเสธการเลือกตั้ง และจงใจขัดขวางกระบวนการเลือกตั้งทุกขั้นตอน โดยได้รับการสนองตอบและร่วมมือจากหลายองค์กรตามรัฐธรรมนูญในลักษณะสมคบคิดกัน ทั้งนี้เพื่อให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองการบริหาร เพื่อที่พวกตนจะได้สถาปนาตนเองขึ้นเป็นรัฏฐาธิปัตย์ผ่านวิธีการใดวิธีการหนึ่งใน3วิธีการนี้คือ 1) การยึดอำนาจรัฐโดยนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการกลุ่ม กปปส. 2)การใช้กระบวนการทางวุฒิสภาที่ขัดรัฐธรรมนูญเพื่อเสนอให้มีนายกรัฐมนตรีที่มิได้มาจากการเลือกตั้ง3) การขอพระราชทานนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 7
2. พรรคเพื่อไทย ขอเรียนพี่น้องประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนทุกระดับว่า การสมคบคิดและการดำเนินการเพื่อไปสู่ความมุ่งหมายดังกล่าว เป็นความคิดและการกระทำที่จะเป็นต้นเหตุสำคัญที่สุดของความพินาศของชาติ เพราะเป็นสิ่งที่ขัดต่อหลักสากลและประเพณีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันดีงามของประเทศไทยอย่างชัดแจ้ง เป็นการยั่วยุให้เกิดความแตกแยกและเกลียดชังในหมู่ประชาชน เป็นความต้องการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
3. พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ตระหนักว่า ทางออกจากความขัดแย้งและความพยายามให้เกิดสุญญากาศนั้น มีเพียงวิธีการเดียวคือการฟังเสียงประชาชน ซึ่งในระบอบประชาธิปไตยก็คือการเลือกตั้ง และการออกเสียงประชามติดังที่ศาลรัฐธรรมนูญในคำวินิจฉัยที่9/2549วันที่ 8 พฤษภาคม 2549 ระบุว่า “การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปที่เกิดขึ้นภายหลังจากการยุบสภาผู้แทนราษฎรในครั้งนี้ มีสาเหตุตามที่ปรากฏในพระราชกฤษฎีกายุบสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2549 สรุปได้ว่ามีการเกิดการชุมนุมสาธารณะตั้งข้อเรียกร้องทางการเมือง โดยการชุมนุมเรียกร้องดังกล่าวได้ขยายตัวไปในทางที่กว้างขวางและอาจรุนแรงขึ้น เมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นความคิดเห็นในสังคมที่หลากหลายและยังคงแตกต่างกันจนกลายเป็นความขัดแย้งทางการเมืองที่รุนแรงเช่นนี้ การดำเนินการเพื่อตรวจสอบความประสงค์อันแท้จริงของประชาชน โดยประการอื่นเพื่อให้ทุกฝ่ายหยั่งทราบแล้วยอมรับให้เป็นไปตามกลไกในระบอบประชาธิปไตยก็ทำได้ยากทางออกในระบอบประชาธิปไตยที่เคยปฏิบัติมาในนานาประเทศและแม้แต่ในประเทศไทย คือ การคืนอำนาจตัดสินใจทางการเมืองกลับไปสู่ประชาชนด้วยการยุบสภาผู้แทนราษฎรเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไปขึ้นใหม่ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญต่อไป”
4. พรรคเพื่อไทยขอยืนยันความเห็นตามหนังสือของพรรคการเมืองทั้งหลายที่มีถึงศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อ 31มีนาคม 2557 โดยสรุปคือ ขอให้ กกต. ดำเนินการจัดการการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นใหม่โดยเร่งด่วนภายใน 45-60วัน นับตั้งแต่วันที่ คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2557 ที่วินิจฉัยว่าการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์2557 ไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ มีผลใช้บังคับ คือวันที่ 27มีนาคม 2557 แต่บัดนี้เวลาได้ล่วงเลยมาเกือบ 1เดือน หลังคำวินิจฉัยมีผลบังคับใช้แล้ว กกต. ก็ยังไม่มีท่าทีกระตือรือร้นเพื่อทำหน้าที่ของตน และใช้การฟังเสียงประชาชนด้วยการเลือกตั้งเป็นทางออกของประเทศเลย มิหนำซ้ำ กกต. บางคนกลับไปเสนอกำหนดการเลือกตั้งในเดือนกรกฎาคมเสียอีก พรรคเพื่อไทยจึงหวังว่า การหารือระหว่าง กกต. กับพรรคการเมืองในวันที่ 22 เมษายนนี้ จะนำไปสู่การเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด มิเช่นนั้นจะเป็นการสมประโยชน์ของทฤษฎีสมคบคิด ที่มุ่งหมายให้เกิดสุญญากาศทางการเมืองและการบริหารและจะมีผลกระทบต่อการจัดทำงบประมาณรายจ่ายของประเทศประจำปี 2558 ซึ่งโดยปกติสภาผู้แทนราษฎรจะเริ่มพิจารณาร่าง พ.ร.บ. งบประมาณฯ ดังกล่าวในเดือนพฤษภาคม และจะต้องเป็นกฎหมายใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2557 ดังนั้นการขับเคลื่อนประเทศในทุกภาคส่วนจะติดขัดหมด ประเทศและประชาชนจะเดือดร้อนอย่างหนัก
5. แม้ว่าคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่ 5/2557 จะเป็นคำวินิจฉัยที่แปลกเพราะไม่ปกป้องคนสุจริตที่เข้าสู่กระบวนการเลือกตั้ง แต่ก่อให้เกิดผลที่ไปรับรองความมุ่งหมายของคนไม่สุจริตที่ไม่ร่วมมือและขัดขวางการเลือกตั้งเพื่อไปสู่สุญญากาศ อย่างไรก็ตามศาลก็มิได้วินิจฉัยเลยว่า การเลือกตั้งเมื่อ 2 กุมภาพันธ์2557 เป็นไปโดยไม่สุจริตและเที่ยงธรรม แต่ให้เหตุผลว่าการเลือกตั้งไม่อาจเป็นวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักรได้ เพราะการรับสมัครผู้สมัครฯ ใน 28 เขตเลือกตั้งไม่อาจทำได้ เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีความขัดแย้งและแตกแยกของชนในชาติอย่างรุนแรงและมีการขัดขวางการสมัครรับเลือกตั้งดังนั้นขอให้ฝ่ายที่ไม่ร่วมมือและขัดขวางการเลือกตั้งอย่าได้อ้างว่าถ้ามีการเลือกตั้งแล้วจะไม่สุจริตและเที่ยงธรรม เพราะเท่ากับเป็นการดูถูก กกต. ว่าจะไม่สามารถจัดการเลือกตั้งให้สุจริตและเที่ยงธรรมได้
6. พรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องให้ทุกพรรคการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคประชาธิปัตย์เห็นความสำคัญของการฟังเสียงประชาชน ด้วยการให้ความร่วมมือในทุกขั้นตอนของกระบวนการเลือกตั้ง และขอให้ทุกฝ่ายหยุดการใช้วาทกรรมและการกระทำที่เป็นการสร้างความเคลือบแคลงหรือขัดขวางการใช้อำนาจอธิปไตยของปวงชนชาวไทย และการดำเนินไปอย่างต่อเนื่องของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
7. พรรคเพื่อไทยขอให้พี่น้องประชาชนและเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนร่วมมือกันยืนหยัดพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (รัฐธรรมนูญ มาตรา 70) และใช้วิจารณญาณของท่านโดยสุจริตและไม่เห็นแก่ผู้ใดหรือสิ่งใด ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ที่จะมีขึ้นในเร็ววันนี้ และขอให้ทุกท่านทราบด้วยว่า หากมีบุคคลใดหรือองค์กรใด การกระทำใดๆ ที่เป็นไปเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศโดยวิธีการซึ่งมิได้เป็นไปตามวิถีทางที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญนี้ ท่านทุกคนมีสิทธิต่อต้านการกระทำดังกล่าวโดยสันติวิธี (รัฐธรรมนูญ มาตรา 69)
กกต.เผยมีมาตรการดูแลเลือกตั้งรอบใหม่รัดกุม มั่นใจไม่โมฆะ
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวว่า จะนำประสบการณ์ในการจัดการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 2 ก.พ.57 มาใช้กับการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นรอบใหม่ โดยเชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่จะไม่เป็นโมฆะด้วยสาเหตุเดิมเหมือนครั้งที่ผ่านมาจากกรณีที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้ภายในวันเดียว ทั้งนี้ กกต.ได้จัดเตรียมกระบวนการในการรับสมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าไว้ โดยจะเปิดให้รับสมัครทางไปรษณีย์ได้ และจะให้พรรคการเมืองมีใบมอบอำนาจแก่ กกต.ในการสามารถจับฉลากเลือกหมายเลขประจำตัวผู้สมัครแทนได้ ขณะที่การรับสมัคร ส.ส.ระบบแบ่งเขตนั้น จะเปิดช่องให้มีการรับสมัครทางอินเตอร์เน็ตได้ ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้มีผู้สมัครส.ส.ได้ครบทุกเขต ส่วนการเปิดรับสมัครทางไปรษณีย์นั้น อาจจะมีเหตุปิดล้อมที่ทำการไปรษณีย์ขึ้นได้จนทำให้การรับสมัครส.ส.แบบแบ่งเขตในช่องทางนี้ไม่ประสบความสำเร็จ
"เหตุที่ทำให้การเลือกตั้ง 2 ก.พ.โมฆะ คือ การเลือกตั้งทั่วไปที่ไม่สามารถจัดขึ้นได้ในวันเดียว ย้อนไปคือ ไม่มีผู้สมัครบางเขต เนื่องจากถูกขัดขวาง กกต.จึงได้พยายามออกแบบการรับสมัครในครั้งนี้ให้มีผู้สมัครครบทุกเขต ดังนั้นยืนยันได้ว่าการเลือกตั้งครั้งใหม่จะไม่โมฆะด้วยสาเหตุเดิม" นายสมชัย กล่าวผ่านรายการโทรทัศน์เช้านี้
สำหรับในวันเลือกตั้งนั้น กกต.จะจัดกรรมการประจำหน่วยเลือกตั้งสำรองไว้ ถ้ากรรมการตัวจริงไม่มา ก็จะจัดกรรมการสำรองไปแทน ส่วนสถานที่หรือหน่วยลงคะแนนจะต้องจัดอยู่ในสถานที่ปลอดภัยไว้ ทุกคนสามารถเดินทางไปได้ แต่ทั้งนี้ กกต.คงไม่สามารถรับประกันได้ว่า หน่วยเลือกตั้งทุกหน่วยจะสามารถเปิดดำเนินการได้ครบ หรือจะไม่เกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ตราบใดก็ตามที่ยังมีความขัดแย้งกันอยู่ เพราะไม่รู้ว่าคนจะเกรงกลัวกฎหมายหรือไม่ ซึ่งหากมีกรณีใดๆ เกิดขึ้นจนทำให้บางหน่วยเลือกตั้งไม่สามารถจัดเลือกตั้งได้ก็ต้องยกเลิกไป แต่ กกต.จะจัดเลือกตั้งซ่อมไปเรื่อยๆ ในหน่วยที่ไม่สามารถจัดการเลือกตั้งได้
พร้อมยืนยันว่า กกต.เตรียมไว้หลายมาตรการ และนำประสบการณ์การจัดเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 ก.พ.มาปรับปรุงใหม่ โดยจะมีมาตรการที่ดีขึ้น ซึ่งเชื่อว่าคราวนี้จะสามารถทำให้การเลือกตั้งเดินไปถึงวันเลือกตั้งได้ แต่ถ้าการเลือกตั้งทำได้ไม่ครบทุกหน่วย หรือไม่สามารถเปิดประชุมสภาฯ ได้ภายใน 30 วันอย่ามาว่ากัน เพราะเป็นเรื่องที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันว่าเป็นปัญหาของฝ่ายบ้านเมืองเองที่ไม่สามารถจะดูแลให้เกิดความเรียบร้อยได้ กกต.มีบุคลากรอยู่เท่านี้ และคงไม่สามารถจะทำอะไรได้มากไปกว่านี้แล้ว
"หน่วยเลือกตั้งไหนมีปัญหา จะแขวนไว้ก่อน แล้วค่อยมาเลือกตั้งซ่อมทีหลัง จะไม่เกิดการโมฆะเหมือน 2 ก.พ. แต่การซ่อมจะยาวนานแค่ไหนเราไม่ทราบ...หน่วยเลือกตั้งใดที่สามารถจัดการเลือกตั้งซ่อมได้ เราจะจัดไปเรื่อยๆ ถ้ายังซ่อมไม่เสร็จ ส.ส.บัญชีรายชื่อก็ประกาศไม่ได้ ดังนั้นที่เราบอกว่า จะประกาศชื่อ ส.ส.ได้ครบ 95% ใน 30 วัน ก็ต้องบอกว่าเราไม่สามารถรับประกันได้ ส่วนจะเลยไปใช้เวลาเท่าใดไม่ทราบ มีกรอบ 180 วัน หากยังเลือกตั้งได้ไม่ครบทุกหน่วย ตัองไปลุ้นอีกว่าจะเกิดอะไรขึ้น" นายสมชัย ระบุ
"สมชัย" เผย กกต.เล็ง จัดเลือกตั้งใหม่ถายใน 90 วัน หลังหารือร่วมพรรคการเมือง
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง เผยวางกรอบหารือร่วมกับ 70 พรรคการเมือง เพื่อรับฟังข้อเสนอเกี่ยวกับการกำหนดวันเลือกตั้งให้ประสบความสำเร็จ โดยเบื้องต้น กกต.กำหนดกรอบเวลาการเลือกตั้งภายใน 90 วัน นับจากวันหารือพรรคการเมืองแล้ว
"กกต.จะเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองได้แสดงความคิดเห็นในแนวทางที่จะสามารถทำให้การเลือกตั้งประสบความสำเร็จ และได้ จำนวน ส.ส.เพื่อเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรได้" นายสมชัย กล่าว
นายสมชัย กล่าวว่า กกต.ไม่ได้กำหนดรูปแบบการหารือไว้ล่วงหน้า แต่จะใช้กระบวนการในที่ประชุมเสนอความเห็นกำหนดรูปแบบร่วมกัน ซึ่งอาจจะเป็นการให้ทุกพรรคได้แสดงความเห็น หรือแบ่งช่วงเวลาให้มีการอภิปราย เป็นสองฝ่ายๆ ละ 30 นาที คือฝ่ายที่ต้องการให้มีการเลือกตั้งเป็นไปอย่างรวดเร็ว กับฝ่ายที่มองว่ายังไม่ถึงเวลาของการเลือกตั้ง จากนั้นจะมีการถามความเห็นของแต่ละพรรคเพื่อสรุปข้อมูล แต่จะไม่มีการลงมติ พร้อมเชื่อว่าการเปิดให้มีการถ่ายทอดสดในวันพรุ่งนี้จะทำให้พรรคการเมืองแสดงความเห็นมากขึ้น
นายสมชัย กล่าวว่า ในการหารือดังกล่าว กกต.จะเสนอกรอบระยะเวลาการจัดการเลือกตั้งภายใน90 วัน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่เร็วที่สุด โดยหลังจากการหารือในวันพรุ่งนี้แล้ว กกต.จะใช้เวลาประชุมภายในอีก 10 วัน ก่อนหารือกับรัฐบาล และใช้เวลาประมาณ 20 วัน ในกระบวนการตราพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งใหม่ ก่อนจะมีการจัดการเลือกตั้งภายใน 60 วัน
นายสมัชย เชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะไม่เป็นโมฆะจากสาเหตุเดิมอย่างแน่นนอน แต่หากเกิดการคุกคาม การทำหน้าที่ของ กกต.ในการลงพื้นที่ตรวจการเลือกตั้งและพรรคการเมืองไม่สามารถลงพื้นที่หาเสียงได้ ก็อาจจะเป็นเหตุให้การเลือกตั้งไม่บริสุทธิ์ยุติธรรมนำมาสู่ความเป็นโมฆะได้ และหากการหารือในวันพรุ่งนี้ไม่ประสบความสำเร็จ กกต.จะนัดหารือพรรคการเมืองครั้งใหม่จนกว่าจะได้ข้อสรุป
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด