โฆษกรัฐบาล ระบุจำเป็นประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรง ป้องกันมิให้เกิดรุนแรง เตือนใช้สื่อโซเชียลด้วยความระมัดระวัง เชื่อมีเวทีหารือร่วมกันในกรอบของกฎหมาย
ณ ทำเนียบรัฐบาล นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยความจำเป็นการออกประกาศและคำสั่งทั้งหมด 4 ฉบับ เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงในอนาคต
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลมีความจำเป็นที่ต้องออกประกาศและคำสั่ง 4 ฉบับ เมื่อช่วงเช้าของวันนี้ เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพมหานคร และเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดความรุนแรงในอนาคต จากกรณีที่กลุ่มผู้ชุมนุมได้มีการกระทบกับขบวนเสด็จพระราชดำเนินฯ มีการกล่าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยใช้วาจาปลุกปั่น รวมทั้งป้องกันมิให้เกิดการเผชิญหน้าของประชาชนคนไทยด้วยกันเอง ทั้งนี้ ไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ดังเช่นวานนี้อีก ดังนั้น รัฐบาลจึงมีความจำเป็นต้องรักษาความสงบเรียบร้อย และป้องกันเหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต จึงขอความร่วมมือจากประชาชนให้ระมัดระวังในเรื่องต่างๆ ที่จะต้องดำเนินการจากนี้ไปตามคำสั่งที่เป็นข้อกำหนด
อันได้แก่ ห้ามมิให้มีการชุมนุม หรือมั่วสุมกัน ณ ที่ใดตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป หรือการกระทำใดอันเป็นการยุยงให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย ห้ามเสนอข่าว ห้ามจำหน่ายหรือห้ามเผยแพร่ซึ่งหนังสือสิ่งพิมพ์และสิ่งอื่นใด รวมตลอดทั้งข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ข้อความที่อาจจะทำให้ประชาชนเกิดความหวาดกลัวหรือเจตนาบิดเบือนข้อมูลข่าวสาร หรือทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสถานการณ์ฉุกเฉินจนกระทบต่อความมั่นคงของรัฐ หรือความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนทั่วราชอาณาจักร
นอกจากนี้ ยังห้ามใช้เส้นทางคมนาคม ห้ามใช้ยานพาหนะที่มีเงื่อนไขตามที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบกำหนดไว้ ห้ามใช้ หรือเข้าไป หรืออยู่ในอาคารหรือสถานที่ใดๆ และให้ออกจากอาคารหรือสถานที่ใดๆ ตามที่หัวหน้าผู้รับผิดชอบประกาศกำหนดไว้ ทั้งหมดนี้ มีเงื่อนเวลาในการปฏิบัติตามข้อกำหนดและมีการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ตามที่เห็นสมควรแล้ว เชื่อว่ายังมีโอกาสที่จะมีเวทีในการรับฟังความคิดเห็น
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรียังเผยว่า รัฐบาลต้องการให้ผู้ชุมนุมเคารพในสิทธิและเสรีภาพของส่วนรวม เนื่องจากปัจจุบันยังอยู่ในช่วงของการเฝ้าระวังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และดูแลเศรษฐกิจ โดยหลายประเทศได้กล่าวชื่นชมไทยที่สามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ และเห็นว่ามาตรการเศรษฐกิจต่างๆ ที่ออกมา ร่วมกับมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงมาตรการเศรษฐกิจที่จะออกมาเพิ่มขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะไตรมาสสุดท้ายของปี จะไม่เป็นผลสำเร็จหากในประเทศไม่สงบเรียบร้อย
ในช่วงท้าย โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ขอให้ระมัดระวังการใช้โซเชียลมีเดีย ในการโพสต์ข้อความหรือแสดงความคิดเห็นต่างๆ ที่ไม่ถูกต้อง เชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงแก้ไขรัฐธรรมนูญ การแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ทุกคนสามารถมีส่วนร่วมพูดคุยกัน ด้วยความเรียบร้อยและอยู่ในกรอบของกฎหมายทั้งนี้ เพื่อให้ประเทศไทยของเราได้เดินหน้าต่อไปได้ ตามแนวคิด ‘รวมไทย สร้างชาติ’
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
นายกไทย – นายหวัง อี้ ยืนยันความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้าน จีนชื่นชมไทยสนับสนุนสภาพแวดล้อมการลงทุนในประเทศได้อย่างดี
วันนี้ (วันที่ 15 ตุลาคม 2563) เวลา 11.15 น. ณ ห้องสีงาช้าง ทำเนียบรัฐบาล นายหวัง อี้ (H.E. Mr. Wang Yi) มนตรีแห่งรัฐและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าเยี่ยมคารวะ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสการเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวสรุปสาระสำคัญ ดังนี้
นายกรัฐมนตรีกล่าวต้อนรับในโอกาสที่นายหวัง อี้ มาเยือนไทยอย่างเป็นทางการอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งถือเป็นโอกาสอันดีในวาระครบรอบ 45 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต และยังเป็นโอกาสในการยืนยันความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทยกับจีน พร้อมขอฝากความระลึกถึงและความปรารถนาดีไปยังประธานาธิบดีสี จิ้นผิง และนายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ซึ่งการพบกันในครั้งนี้มีขึ้นในช่วงที่ทั่วโลกประสบกับความท้าทายร่วมกันจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จึงเป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่งที่จะยืนยันความพร้อมที่จะร่วมมือกันเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ และสังคมของทั้งสองประเทศ
นายหวัง อี้ กล่าวยินดีและขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดีเสมอมา ในโอกาสนี้รัฐบาลจีน ขอถวายพระพรแด่ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นายหวัง อี้ กล่าวว่า เป็นเกียรติที่เป็นรัฐมนตรีคนแรกที่เดินทางเยือนไทยหลังสถานการณ์โควิด เป็นการแสดงความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ในไทย โดยเชื่อว่ามิตรภาพที่แน่นแฟ้นระหว่างไทยและจีนจะช่วยเพิ่มพูนความร่วมมืออย่างต่อเนื่องในทุกระดับ ทั้งนี้ แสดงความยินดีกับนายกรัฐมนตรีที่ดำเนินมาตรการป้องกัน และควบคุมโรคด้วยดี ซึ่งเกิดจากความร่วมมือของประชาชนไทยด้วย ซึ่งสถานการณ์ในจีน จากการควบคุมจัดการอย่างดีของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทำให้การควบคุมโรคตามยุทธศาสตร์ประสบความสำเร็จอย่างดี
ทั้งสองฝ่ายได้เน้นย้ำถึงความร่วมมือในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ชื่นชมความสำเร็จของจีนในการพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ที่ก้าวหน้าไปสู่ระยะที่ 3 แล้ว โดยชื่นชมวิสัยทัศน์ของประธานาธิบดีสีฯ ที่กำหนดให้วัคซีนป้องกันโควิด-19 เป็น “สินค้าสาธารณะของโลก” ฝ่ายจีนได้กล่าวถึงความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนของจีน ว่าขณะนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการทดลองในมนุษย์ ซึ่งการพัฒนาวัคซีนมีแนวโน้มที่ดี ซึ่งจีนจะพิจารณาให้ความสำคัญแก่ประเทศในภูมิภาคและมิตรประเทศร่วมกัน อย่างไรก็ดี จากสถานการณ์การติดเชื้อในโลก ทุกประเทศต้องคำนึงถึงมาตรการควบคุมโรค พร้อมฟื้นฟูเศรษฐกิจไปด้วยกัน ประเทศจีนพิจารณาระบบที่เรียกว่า fast lane เพื่อสนับสนุนการเดินทางไปมาหาสู่ระหว่างประชาชน และระบบที่เรียกว่า Green lane เพื่อขนส่งสินค้าระหว่างกัน ซึ่งในการหารือ ทั้งสองฝ่ายยืนยันการสนับสนุนการจัดทำ Fast lane ระหว่างกันในโอกาสแรก
ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างกัน โดยที่ไทยคำนึงถึงจีนในฐานะคู่ค้าที่สำคัญ มีตัวเลขการค้าระหว่างกันที่สูง และเป็นนักลงทุนสำคัญใน EEC ซึ่งไทยพร้อมจะร่วมมือกับจีนด้านการค้าการลงทุนแบบพหุภาคี ตลอดจนขอบคุณฝ่ายจีนที่ร่วมลงทุนในไทยในสาขาใหม่ๆ ได้แก่ ด้าน Digital Big Data และ 5G ทั้งนี้ ฝ่ายจีน พร้อมเดินหน้าการพัฒนาด้าน Digital Economy กับไทย ชื่นชมไทยที่สนับสนุนสภาพแวดล้อมการลงทุนในประเทศอย่างเปิดกว้าง โปร่งใส ยืนยันว่ารัฐบาลจีนพร้อมสนับสนุนการลงทุนในไทย และจีนพร้อมสนับสนุนความเชื่อมโยง เชิงยุทธศาสตร์ระหว่างเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor - EEC) กับเขตอ่าวกวางตุ้ง - ฮ่องกง - มาเก๊า (Guangdong - Hong Kong - Macao Greater Bay Area - GBA)
ในโอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีฝากคำขอบคุณถึงประธานาธิบดีสีฯ ที่ได้ให้คำมั่นในการดูแลข้อห่วงกังวลของประเทศในอนุภูมิภาคเกี่ยวกับระดับน้ำในแม่น้ำโขง พร้อมชื่นชมพัฒนาการความร่วมมือด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในแม่น้ำโขงและแม่น้ำล้านช้าง ภายใต้กรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง (Mekong-Lancang Cooperation-MLC) ที่ได้ประชุมร่วมกัน และไทยยินดีสนับสนุนงาน China International Import Expo (CIIE) ครั้งที่ 3 และงานแสดงสินค้าอาเซียน-จีน (CAEXPO) ครั้งที่ 17 ในเดือนพฤศจิกายน 2563 ที่ประเทศจีน
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
บอร์ด สสว. ไฟเขียว
งบประมาณ 1,113 ล้านบาท
นายวีระพงศ์ มาลัย ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยมีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ว่า การประชุมวันนี้ (2 ต.ค.) สสว. ได้รับอนุมัติและเห็นชอบแผนการจัดสรรเงินกองทุนส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมตามร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ วงเงินงบประมาณ 1113.0944 ล้านบาท สำหรับดำเนินการ 7 กิจกรรมตามแผนการดำเนินงานของสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ประกอบด้วย
1. ส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการใหม่ 2. พัฒนาวิสาหกิจรายย่อยให้ประกอบธุรกิจอย่างมืออาชีพ (Micro) 3. พัฒนาวิสาหกิจขนาดย่อมให้ก้าวสู่ธุรกิจสมัยใหม่ (Small) 4. สนับสนุนให้บริการคำปรึกษา องค์ความรู้และข้อมูลสำหรับการประกอบธุรกิจของ MSME 5. จัดทำแผนพัฒนาฐานข้อมูลและสนับสนุนการดำเนินงาน ตามแผนการส่งเสริม SME 6. ยกระดับการพัฒนาระบบข้อมูล SME และ 7. พัฒนาระบบการส่งเสริม SME
ทั้งนี้ แผนการดำเนินงานในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ที่สำคัญของ สสว. มีเป้าหมาย ให้วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและผู้ประกอบการชุมชนได้รับการยกระดับเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน จำนวน 216,562 ราย และมีตัวชี้วัดคือ วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและผู้ประกอบการชุมชนที่ได้รับการพัฒนา สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่น้อยกว่า 3,887.9100 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมรับทราบรายงานสถานการณ์วิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ปี 2563 และรับทราบเรื่องการเป็นเจ้าภาพการจัดประชุมรัฐมนตรีเอเปควิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (APEC SME Ministerial Meeting) ครั้งที่ 28 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ในปี พ.ศ. 2565 โดยจะกำหนดสถานที่จัดงานในลำดับต่อไป ซึ่งการประชุมรัฐมนตรีเอเปควิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เป็นการประชุมระดับนโยบายด้านการพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมของกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจของภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค)
A10060
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
สวพส.ภูมิใจ รับ 3 รางวัล ‘เลิศรัฐ’ ประจำปี 2563
สาขาบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม
นายวิรัตน์ ปราบทุกข์ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง และคณะ เข้าร่วมพิธีมอบรางวัลเลิศรัฐ ประจำปี 2563 โดยมีนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้เกียติเป็นประธานมอบรางวัล ณ ห้องรอยัล จูบิลี่ บอลรูม อิมแพค เมืองทองธานี สำหรับในปีนี้ สถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง (องค์การมหาชน) หรือ สวพส. ได้รับ 3 รางวัล สาขาบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ได้แก่ รางวัลระดับดีเด่น จำนวน 1 ผลงาน และ ระดับดี จำนวน 2 ผลงาน ดังนี้
• ชื่อผลงาน : “คู่วิถีคนอยู่ร่วมกับป่า ลดพื้นที่ทำไร่หมุนเวียน” – โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงสบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ได้รับรางวัลสาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ประเภทสัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วม (Effective Change) ระดับดีเด่น
• ชื่อผลงาน : “บ่อน้ำร่วมแบ่งปัน : ระบบน้ำเพื่อการเกษตร” – โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงแม่มะลอ จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับรางวัลสาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ประเภทสัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วม (Effective Change) ระดับดี
• ชื่อผลงาน : “ปางแดงใน จากภูเขาสีทองสู่ภูเขาสีเขียว” – โครงการพัฒนาพื้นที่สูงแบบโครงการหลวงปางแดงใน จังหวัดเชียงใหม่ ได้รับรางวัลสาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ประเภทสัมฤทธิผลประชาชนมีส่วนร่วม (Effective Change) ระดับดี
“จากรางวัลที่ได้รับในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและทุ่มเทในการทำงานของสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ชุมชนบนที่สูงมีชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไป มีอาชีพที่มั่นคง มีรายได้ที่เพิ่มขึ้น และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ทำให้เวลาในการทำงานแต่ละวันเป็นเวลาที่มีค่า มีความหมาย และที่สำคัญชุมชนบนพื้นที่สูงเหล่านี้กลายเป็นชุมชนที่มีบทบาทในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งต่อจากนี้ สวพส. จะยังคงเดินหน้าปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง เพื่อให้ชุมชนบนพื้นที่สูงของประเทศไทย มีคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมที่ดีเพื่อการพัฒนาพื้นที่สูงอย่างยั่งยืน” นายวิรัตน์ กล่าว
สำหรับ รางวัลเลิศรัฐ (Public Sector Excellence Awards: PSEA) เป็นรางวัลแห่งเกียรติยศที่มอบให้แก่หน่วยงานภาครัฐที่มุ่งมั่นปฏิบัติราชการจนประสบความสำเร็จและมีความเป็นเลิศแห่งหน่วยงานภาครัฐทั้งปวง โดยจะมอบให้แก่หน่วยงานภาครัฐที่สามารถพัฒนาคุณภาพการบริการ และระบบการบริหารงานเพื่อให้ประชาชนได้รับบริการที่สะดวก รวดเร็ว โปร่งใส เป็นธรรม และพึงพอใจให้ดียิ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งส่งเสริมการบริหารราชการให้มีระบบหรือวิธีการที่ตระหนักถึงความสำคัญของการมีส่วนร่วมของประชาชน จนเกิดการทำงานร่วมกันในลักษณะหุ้นส่วนและความร่วมมือ ตลอดจนพัฒนาระบบราชการให้มีประสิทธิภาพอย่างยั่งยืนประกอบด้วย 3 สาขา ได้แก่ สาขาบริการภาครัฐ, สาขาคุณภาพการบริหารจัดการภาครัฐ และ สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม
A9397
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
ผู้บริหาร DGA เข้าร่วมประชุมเพื่อติดตาม เร่งรัดการปฏิรูปประเทศ
ร่วมกับคณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดิน ณ ศาลากลาง จังหวัดภูเก็ต
สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) (สพร.) หรือ DGA โดย คุณชรินทร์ ธีรฐิตยางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัล ได้เข้าร่วมการประชุมกับคณะกรรมาธิการบริหารราชการแผ่นดินวุฒิสภาโดยพลเอก อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ ประธานคณะกรรมาธิการ การบริหารราชการแผ่นดินวุฒิสภาเป็นประธานในการประชุม ร่วมด้วยนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต พร้อมด้วย นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ตและหัวหน้าส่วนราชการ จังหวัดภูเก็ต เพื่อติดตาม เสนอแนะ และเร่งรัดการปฏิรูปประเทศด้านการบริหารราชการ รวมทั้งแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการตามแผนปฏิรูปประเทศ ประโยชน์ที่ประชาชนได้รับ การบูรณาการและการมีส่วนร่วมต่างๆ ของทุกภาคส่วนทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน โดยในงานดังกล่าว DGA ได้นำบริการดิจิทัลภาครัฐที่สำคัญ เช่น ศูนย์กลางบริการภาครัฐเพื่อภาคธุรกิจผ่านเว็บไซต์ bizportal.go.th แอปพลิเคชัน CitizenInfo (ซิติเซ่นอินโฟ) ที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงจุดให้บริการภาครัฐได้อย่างง่ายดาย และตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ หรือ Government Smart Kiosk (กัฟเวิร์นเมนต์ สมาร์ตคีออสก์) ที่สามารถตรวจสอบข้อมูลส่วนบุคคลและสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น สิทธิประกันสุขภาพ, สิทธิประกันสังคม, การตรวจสอบเงินสะสม (กรณีชราภาพ), เช็คเครดิตบูโรสรุปอย่างย่อ ด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียว ร่วมออกบูธนิทรรศการ เพื่อให้ข้อมูลความรู้ความเข้าใจทางด้านรัฐบาลดิจิทัลแก่ข้าราชการจังหวัดภูเก็ต รวมถึงให้บริการด้านดิจิทัลภาครัฐแก่ประชาชน เพื่อการเข้าถึงข้อมูลและบริการภาครัฐ แบบครบวงจรในรูปแบบดิจิทัล ณ ศาลากลาง จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๖๓
สำหรับ DGA ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่ทำหน้าที่ให้บริการส่งเสริมและสนับสนุนการดำเนินการของหน่วยงานภาครัฐเกี่ยวกับการพัฒนารัฐบาลดิจิทัล ได้มุ่งพัฒนาระบบและบริการดิจิทัลภาครัฐ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการเข้าถึงบริการภาครัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ dga.or.th
AO8180
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด