‘สุรินทร์’หวังประเทศไทยเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยโดยเร็ว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติ
ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการอาเซียน (2551-2556) เปิดเผยว่า ประเทศไทยควรเข้าสู่กระบวนการประชาธิปไตยโดยเร็ว เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนต่างประเทศ เพราะรายได้ 60% ของประเทศมาจากรายได้จากต่างประเทศ การส่งออก การท่องเที่ยว จากนักลงทุนต่างชาติ เพื่อที่ให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นได้ ซึ่งรัฐธรรมนูญประเทศไทยมีการร่างมาประมาณ 18 ครั้ง ซึ่งไม่มีครั้งไหนสมบูรณ์แบบ ซึ่งหวังว่าการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้น่าที่จะมีความสมบูรณ์มากขึ้น เพื่อที่ทำให้ประเทศไทยมีเสถียรภาพทางการเมืองมากขึ้น
สำหรับ การที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้มีการจัดงาน SET Thai Corporate Day 2015 ภายใต้แนวคิด Thailand: ASEAN’s Gateway to GMS ที่สนับสนุนให้มีการลงทุนในกลุ่มประเทศลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งประเทศกลุ่มดังกล่าวมีเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของอาเซียนสามารถเชื่อมต่อไปในประเทศในกลุ่ม GMS CLMV ทางตอนใต้ของจีน และทางตะวันออกของอินเดีย ซึ่งกลุ่มประเทศดังกล่าวมีประชากร 300 ล้านคน ซึ่งประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มประเทศ GMS จะได้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อประเทศดังกล่าวทำให้เศรษฐกิจเติบโตมากขึ้น
ทั้งนี้ ประเทศดังกล่าวยังขาดเรื่องความพร้อม ระบบกฎเกณฑ์ ภาคเอกชนไทยต้องให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือประเทศเหล่านั้น ขณะที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้มีการออกกฎเกณฑ์เพื่อเอื้อให้ประเทศดังกล่าวสามารถเข้ามาระดมทุนในประเทศไทย เพื่อนำเงินไปลงทุนในการพัฒนาประเทศได้
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
วันที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ปีที่ 24 ฉบับที่ 8644 ข่าวสดรายวัน
ศาลนัด 28 สค. ชี้คดี 99 ศพ เป็นอำนาจสอบ ของปปช.หรือไม่
เลื่อนชี้ - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพระสุเทพ เทือกสุบรรณ เดินทางมา ขึ้นศาลอาญาในคดี 99 ศพ เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ก่อนศาลสั่งเลื่อนวินิจฉัยข้อกฎหมาย ว่าจะให้โอนคดีไปยังป.ป.ช.หรือไม่ในวันที่ 28 ส.ค. |
ศาลอาญานัดชี้ 28 ส.ค. ดีเอสไอมีอำนาจสอบ"อภิสิทธิ์ -สุเทพ"คดี 99 ศพหรือไม่ หลัง อดีตนายกฯกับอดีตผอ.ศอฉ.อ้างเป็นอำนาจป.ป.ช. ทนายความญาติผู้เสียชีวิตปี 53 ชี้ตามหลักกฎหมาย เรื่องที่ร้องป.ป.ช. ต้องเป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ หรือเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เกี่ยวกับการทุจริต แต่คดีที่สั่งฟ้องมาร์ค-เทือกเป็นข้อหาฆาตกรรม เผยมาร์คมาขึ้นศาลตามนัด ขณะที่เทือกห่มเหลืองเป็นพระมาตามนัดเช่นกัน
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 28 ก.ค.ที่ห้องพิจารณา 707 ศาลอาญา ศาลนัดพร้อมสอบคำให้การและตรวจพยานหลักฐาน คดีหมายเลขดำที่ อ.4552/2556 และคดีหมายเลขดำที่ อ.1375/2557 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผอ.ศอฉ. เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันก่อหรือใช้ให้ผู้อื่นกระทำผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 83, 84 และ 90 จากกรณีออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่เข้าขอคืนพื้นที่การชุมนุมกลุ่มนปช. เมื่อปี 2553
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอภิสิทธิ์เดินทางมาศาลตามนัด ขณะที่พระสุเทพอยู่ระหว่างบวชเป็นภิกษุก็เดินทางมาศาลตามนัดเช่นกัน โดยพระสุเทพกล่าวก่อนเข้าห้องพิจารณาคดีว่า ขณะนี้สบายดี จิตใจสงบขึ้น แต่ยังไม่ได้กำหนดว่าจะลาสิกขาเมื่อใด ส่วนจะลาสิกขาหลังออกพรรษาหรือไม่ต้องดูสถานการณ์ อีกครั้ง
ต่อมาเวลา 09.30 น. ศาลออกนั่งบัลลังก์สอบคำให้การตามคำฟ้องกับพระสุเทพ แต่พระสุเทพให้การปฏิเสธ ส่วนที่อัยการยื่นคำร้องขอให้อนุญาตรวมพิจารณาคดีของนายอภิสิทธิ์กับพระสุเทพเป็นคดีเดียวกันนั้น ศาลเห็นว่าคดีของนายอภิสิทธิ์และพระสุเทพมีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานชุดเดียวกัน เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว จึงอนุญาตให้รวมสำนวนเป็นสำนวนเดียวกัน โดยให้สำนวนของนายอภิสิทธิ์เป็นสำนวนคดีหลัก มีนายอภิสิทธิ์เป็นจำเลยที่ 1 และพระสุเทพเป็นจำเลยที่ 2
พร้อมกันนี้ พระสุเทพยื่นคำร้องคัดค้านว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวน เช่นเดียวกับคำร้องของนายอภิสิทธิ์ที่ยื่นก่อนหน้านี้ แต่ฝ่ายโจทก์ขอคัดค้าน ศาลเห็นว่าต้องวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าดีเอสไอมีอำนาจสอบสวนหรือไม่ จึงนัดชี้และตรวจพยานหลักฐานวันที่ 28 ส.ค. เวลา 09.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลพิจารณาคดีเสร็จสิ้น นายอภิสิทธิ์และพระสุเทพเดินทางกลับทันที โดยไม่ให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด
นายโชคชัย อ่างแก้ว ทนายความญาติ ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ปี 2553 กล่าวว่า กรณีพระสุเทพยื่นคำร้องขอให้ศาลวินิจฉัยชี้ขาดข้อกฎหมาย โดยอ้างว่าพนักงานสอบสวนดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวนตามรูปคดีคิดว่าจำเลยคงจะยื่นอยู่แล้ว เพราะพระสุเทพเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกับนายอภิสิทธิ์ แต่อัยการแยกฟ้องภายหลัง เนื่องจากพระสุเทพมอบตัวทีหลัง สำหรับคดีที่เกี่ยวกับการชันสูตรพลิกศพ อัยการสูงสุดมีอำนาจสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องก็ได้ แต่คาดว่าฝ่ายจำเลยจะโยงว่าการสอบสวนไม่ชอบ โดยอ้างว่าอำนาจสอบสวนอยู่ที่ป.ป.ช.
นายโชคชัย กล่าวต่อว่า ตามข้อเท็จจริงในหลักกฎหมาย เรื่องที่ยื่นร้องป.ป.ช. ต้องเป็นเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่ไม่ชอบ หรือเป็นความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่เกี่ยวกับการทุจริต ตามมาตรา 157 แต่คดีที่อัยการสั่งฟ้องนายอภิสิทธิ์และพระสุเทพ ตามสำนวนการสอบสวนของดีเอสไอเป็นข้อหาฆาตกรรม เพราะการฆาตกรรมไม่ใช่หน้าที่ของนายอภิสิทธิ์หรือพระสุเทพ ไม่ว่าคุณจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือตำแหน่งใดก็ไม่ควรสั่งการให้เกิดการฆ่าคนตาย เช่นเดียวกับกรณีของ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม คดีอัลรูไวลี่ ที่เป็นเจ้าหน้าที่รัฐ สำนวนก็มาจากพนักงานสอบสวนและส่งฟ้องศาลอาญา
"ในคำฟ้องของอัยการระบุตอนหนึ่งว่า การสั่งการให้เจ้าหน้าที่ใช้อาวุธจริงและกระสุนจริงหรือการอนุญาตให้ใช้พลซุ่มยิง ถือเป็นการปฏิบัติที่ผิดหลักสากล ซึ่งเล็งเห็นผลจากการสั่งปฏิบัติ หรือหากไม่ประสงค์ต่อผลว่าจะให้ใครตาย แต่การสั่งการดังกล่าวทำให้เกิดการตายขึ้นได้ จึงเป็นที่มาของการตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยเจตนา ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามีเจตนา 2 อย่าง คือ จุดประสงค์ต่อผล และเล็งเห็นผล ส่วนตัวเชื่อว่า พยานหลักฐานคดีนี้ค่อนข้างชัดเจนว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง ทั้งคำสั่งในสำนวนการไต่สวนหลายสำนวน ข้อเท็จจริงจากการสืบพยาน การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน่าที่และการสั่งการ และมั่นใจว่าอัยการมีอำนาจฟ้องคดีนี้ และดีเอสไอมีอำนาจสอบสวน แต่หากศาลมีคำสั่งว่าดีเอสไอไม่มีอำนาจสอบสวน คงต้องยื่นอุทธรณ์ต่อไป" ทนายความญาติ ผู้เสียชีวิตกล่าว
วันเดียวกันนายวิทยา สุริยะวงศ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า อนุมัติให้เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ย้ายผู้ต้องขังจากเรือนจำชั่วคราวหลักสี่จำนวน 22 คน แบ่งเป็นผู้ต้องขังชาย 20 คน ผู้ต้องขังหญิง 2 คน กลับไปควบคุมยังเรือนจำตามภูมิลำเนาตามที่นาย สรสิทธิ์ จงเจริญ ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เสนอ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ต้องขังในเรือนจำดังกล่าว เป็นผู้ต้องโทษตามคำพิพากษาของศาลและมีกำหนดโทษชัดเจนแล้ว ส่วนใหญ่ต้องโทษจำคุกเป็นเวลานาน เพราะก่อคดีที่มีโทษสูง เช่น วางเพลิงเผาศาลากลางจังหวัด หรือเผาสถานที่ต่างๆ ที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมพิสูจน์แล้วว่า ผู้ต้องขังกลุ่มนี้ไม่ใช่ผู้ต้องขังคดีการเมือง แต่เป็นผู้ต้องขังคดีอาญาทั่วไป นอกจากนี้เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ใช้คุมขังผู้ต้องขังจำนวนน้อยมาก แต่มีภาระค่าใช้จ่ายสูง ต้องแบ่งเจ้าหน้าที่ไปปฏิบัติงานร่วมกับตำรวจ โดยค่าใช้จ่ายเฉลี่ยปีละกว่า 1 ล้านบาท ในฐานะอธิบดีกรมราชทัณฑ์จึงอนุมัติให้ย้ายได้ ส่วนสถานที่เดิมจะปิดการใช้งานเนื่องจากขณะนี้ไม่มี ผู้ต้องขังคดีการเมืองที่คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาในชั้นสอบสวนหรือชั้นศาล
รายงานข่าวเปิดเผยว่า วันนี้เรือนจำชั่วคราวหลักสี่ทยอยย้ายผู้ต้องขังไปยังเรือนจำภูมิลำเนาแล้วล็อตแรก 6 คน ที่เหลืออีก 16 คนจะทยอยย้ายให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์นี้
ยืดวัน"พระเทือก"แจงบุกก.คลัง
เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ห้องพิจารณา 710 ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำสั่งคำร้องที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ หรือพระสุเทพ ปภากโร อายุ 64 ปี เลขาธิการ กปปส. ขอขยายเวลายื่นคำให้การต่อสู้คดีหมายเลขดำ 4844/2556 ที่กระทรวงการคลัง เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพเป็นจำเลย เมื่อวันที่ 26 พ.ย. 2556 เรื่องขับไล่ที่ พร้อมเรียก ค่าเสียหายจากการกระทำละเมิดที่บุกเข้าไปในพื้นที่กระทรวงการคลัง กรมธนารักษ์ สำนักงบประมาณ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน และกรมบัญชีกลาง 536,986.30 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี และค่าเสียหายอีกเดือนละ 500,000 บาท หากพวกจำเลยไม่ออกจากพื้นที่
ศาลพิเคราะห์ตามคำไต่สวนของโจทก์ ประกอบเอกสารและคำซักค้าน ได้ความว่าเจ้าหน้าที่ศาลจังหวัดสุราษฎร์ธานี นำหมายเรียกสำเนาคำฟ้องไปปิดที่พักจำเลย ที่บ้านเลขที่ 1/1 ม.2 ต.ท่าสะท้อน อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี จำเลยไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังดังกล่าวแต่พักอยู่ที่กรุงเทพฯและไม่มีผู้ใดแจ้งให้จำเลยทราบว่าถูกฟ้อง พฤติการณ์น่าเชื่อว่าจำเลยไม่จงใจขาดนัดยื่นคำให้การ จึงให้เพิกถอนคำสั่งที่ศาลสั่งว่าจำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ และอนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรได้ภายใน 15 วันนับจากวันนี้ และเลื่อนนัดชี้ 2 สถานหรือนัดตรวจพยานหลักฐาน เป็นวันที่ 29 ก.ย.เวลา 13.30 น.
นายวิโรจน์ ภูมิศิริสวัสดิ์ ทนายความของพระสุเทพ กล่าวภายหลังว่า คดีนี้ทนายความได้เตรียมคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษรปฏิเสธข้อกล่าวหาไว้แล้วว่าพระสุเทพไม่ได้ละเมิดนำมวลชนไปบุกยึดกระทรวงการคลังตามที่ฟ้อง แต่รายละเอียดในคำให้การต้องตรวจสอบอีกครั้ง ศาลนัดชี้สองสถานในวันที่ 29 ก.ย.
'สุเทพ'ย่องบวชเงียบ'วัดท่าไทร' คนแห่ร่วมอนุโมทนาบุญล้น FB
แนวหน้า : ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในโซเชียล เน็ตเวิร์ค มีการแชรข้อความและภาพ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการ กปปส. ได้เข้าพิธีอุปสมบทอย่างเงียบๆ ที่วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ จ.สุราษฎร์ธานี คาดว่าบวชเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้แก่ผูธ้เสียชีวิตจากการชุมนุมทางการเมืองช่วง 7 เดือนที่ผ่านมาของ กปปส. ซึ่งคาดว่าจะอยู่จำวัดจนกระทั่งออกพรรษาและทันทีที่มีภาพปรากฎในโลกออนไลน์ มีผู้เข้าไปแสดงความคิดเห็นร่วมอนุโมทนาบุญอย่างมากมาย
อย่างไรก็ดี เป็นที่คาดหมายกันว่า หลังจากอุปสมบทเสร็จสิ้น "พระสุเทพ" จะไปจำพรรษาอยู่ที่วัดสวนโมกขพนาราม ในอ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี เนื่องจาก "พระสุเทพ" เคยบวชเรียนที่วัดสวนโปกขพนารามมาก่อน
นายเทพไท เสนพงศ์ รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ และอดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช ทวิตข้อความผ่านทวีตเตอร์ว่า เมื่อคืนวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา นายสุเทพยังทานข้าวมื้อค่ำกับพรรคพวกที่กรุงเทพ ตอนเชับินไปสุราษฎร์ธานี ลงเครื่องแล้ว เดินทางต่อไปวัดท่าไทรกับคนขับรถ เข้าพิธีอุปสมบทโดยทันที
รายงานระบุด้วยว่า การอุปสมบทครั้งนี้ แม้แต่นายเชน เทือกสุบรรณ และนายธานี เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ และเป็นน้องขายของนายสุเทพยังไม่ทราบเรื่องการบวชนี้มาก่อนเช่นกัน
วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 10:58 น. ข่าวสดออนไลน์
'มาร์ค'ตอบสื่อเทศ-คำถามประชาธิปไตย
รายงานพิเศษ
ท่าที
วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 บทนำมติชน
หลังจากที่ยืนยันมาแล้วหลายครั้งว่าทหารจะไม่ทำรัฐประหาร ล่าสุด เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคมที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก ได้ยืนยันอีกครั้งว่า ทหารจะไม่ทำรัฐประหาร แม้จะมีเสียงเรียกร้อง กองทัพตัองหนักแน่น จะทำตามใครเรียกร้องไม่ได้ ต้องใจเย็น ขอให้เชื่อมั่นในทหาร ซึ่งจะต้องเป็นที่พึ่งสุดท้ายของประเทศชาติและประชาชนได้ในทุกโอกาส เชื่อว่าการรัฐประหารทำไปก็ไม่จบ ขอให้เข้าใจทหาร เพราะทหารทำหรือไม่ทำก็โดนตำหนิ อย่างไรก็ตาม สังคมต้องหาทางออกตามกฎหมาย แต่อย่าเอากฎหมายมาสู้กัน ตนเองมีหน้าที่ดูแลประชาชนทุกฝ่าย และลูกน้องทำหน้าที่อย่างปลอดภัย
การทำรัฐประหารแก้ปัญหาไม่ได้แน่นอน ครั้งหลังสุดเมื่อปี 2549 ผลเป็นอย่างไร เชื่อว่ากองทัพทราบดีที่สุด เพราะหลายประเทศ ได้แสดงปฏิกิริยาและมีมาตรการตอบโต้ ส่งผลให้ประเทศไทยที่ยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยี ความช่วยเหลือทั้งด้านอุปกรณ์และการฝึกอบรม ต้องประสบปัญหาต่อมาอีกอย่างยาวนานในอดีต ทราบกันว่ามหาอำนาจบางประเทศ สนับสนุนให้ประเทศทางเอเชียทำรัฐประหาร เพื่อประโยชน์ในการทำสงครามเย็นกับมหาอำนาจคู่ขัดแย้ง แต่เหตุการณ์เหล่านี้ได้กลายเป็นอดีตไปแล้วอย่างไม่มีวันย้อนกลับมา สิ่งที่มาแทนที่คือการที่ประเทศต่างๆ จะสร้างระบอบประชาธิปไตยในมาตรฐานที่ใกล้เคียงกัน และร่วมมือแลกเปลี่ยนค้าขายกันบนพื้นฐานนี้
การต่อสู้ทางการเมืองที่ยืดเยื้อและยังไม่มีวี่แววว่าจะยุติ แต่สถานการณ์จะไม่เลวร้ายไปกว่านี้ หากไม่มีการซ้ำเติมด้วยการกระทำนอกรัฐธรรมนูญหรือนอกกฎหมาย ทางออกที่นานาชาติเรียกร้องต่อประเทศไทย คือการเลือกตั้ง การหลีกเลี่ยงความรุนแรง ซึ่งเป็นงานหนักมากสำหรับรัฐบาลรักษาการ หากพิจารณาจากอุปสรรคต่างๆ ที่ผ่านมาและยังเผชิญอยู่ ดังนั้น การนำพาประเทศไปสู่ทางออกที่ถูกต้อง จะต้องไม่ใช่ภาระหน้าที่ของผู้ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลรักษาการแต่ฝ่ายเดียว แต่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากทุกฝ่ายที่มีหน้าที่ด้วย รวมถึงกองทัพ ซึ่งนอกจากจะไม่ทำรัฐประหารแล้ว ยังควรแสดงถึงการสนับสนุนอย่างแจ้งชัดในการไปสู่ทางออกตามกฎหมายด้วย
วันที่ 07 พฤษภาคม พ.ศ. 2557 เวลา 22:21 น. ข่าวสดออนไลน์
นักวิชาการ-อดีต กกต. มองข้อถกเถียง'มาร์ค' ลงสมัครส.ส.ได้-ไม่ได้ !?!
รายงานพิเศษ
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด