ไม่ล้ม 30 บาท บิ๊กตู่ยัน-รถเมล์ฟรีด้วย ป้องไก่อู-เหมือนกก.ห้ามมวย โหรชี้อยู่ 10 ปี'บิ๊กป้อม'เฉยๆ
'บิ๊กตู่' ยืนยันไม่ล้มโครงการ 30 บาท รวมทั้งรถเมล์-รถไฟ-การศึกษาฟรี ยาหอมอนาคตอาจนั่งรถไฟฟ้าฟรีด้วย กางปีกอุ้ม'ไก่อู'บอกต้องมีไว้ห้ามมวย'หมอปิยะสกล'ระบุแค่คิดปรับ 30 บาทให้มั่นคง แต่ไม่กระทบคนมีรายได้น้อย'บิ๊กป้อม'ชี้โหรคมช.ทำนายรัฐบาลอยู่ยาวอีก 10 ปี ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ย้ำ 30 ธ.ค.'บิ๊กช้าง'แถลงผลสอบราชภักดิ์อย่างละเอียด แต่ไม่ชี้ใครทุจริต โยนเป็นหน้าที่ป.ป.ช.-สตง. กรธ.เล็งขยายฐานอายุ 18 ปีกาบัตรเพิ่ม 'วัฒนา'สวนกลับโฆษกกรธ. ลั่นไม่ขอปรองดองถ้าเขียนรธน.นิรโทษกรรมให้คสช.-รัฐบาลที่บริหารประเทศหลังยึดอำนาจ เพื่อหนีการตรวจสอบ 'สมชัย'แจงตั้งลูกชายวัย 26 ปี เป็นผู้ช่วยเลขานุการกกต.ถูกระเบียบ
วันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9162 ข่าวสดรายวัน
ลงใต้ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคสช. ทักทายประชาชน ระหว่างเยี่ยม ชมการปลูกกล้วยหอมทองแซมในสวนยาง บ้านนายวิสูตร คันธรักษา เกษตรกรสวนยาง ต.ท่าเรือ อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 28 ธ.ค.
'บิ๊กตู่'เยี่ยมชาวสวนยาง
เมื่อเวลา 06.30 น. วันที่ 28 ธ.ค. ที่ฝูงเครื่องบิน กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก เขตดอนเมือง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ นายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง นางอรรชกา สีบุญเรือง รมว.อุตสาหกรรม เดินทางไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 7 อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อเยี่ยมชมการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่จ.สุราษฎร์ธานี และสงขลา
ต่อมาเวลา 09.00 น. พล.อ.ประยุทธ์และคณะเดินทางไปยังบ้านนายวิสูตร คันทรักษา เกษตรกรชาวสวนยางพารา หมู่ที่ 4 ต.ท่าเรือ อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล ในโครงการสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรชาวสวนยาง ปลูกกล้วยหอมทองแซมในสวนยางพารา ซึ่งเป็นมาตรการเสริมแก้ปัญหาราคายางตกต่ำ ซึ่งจ.สุราษฎร์ธานี เป็นพื้นที่ผลิตกล้วยหอมทองส่งออกมากที่สุดแห่งหนึ่ง โดยมีนายวงศศิริ พรหมชนะ ผู้ว่าฯสุราษฎร์ธานี ข้าราชการระดับสูง ผู้บริหารส่วนท้องถิ่น เกษตรกรชาวสวนยาง เกษตรกรปลูกกล้วยหอมทอง ประชาชน มาให้การต้อนรับ
ปลูกกล้วยหอมทองแซมได้ผล
พล.อ.ประยุทธ์ ได้สอบถามนายวิสูตร ถึงกระบวนการปลูกกล้วยหอมทองแซมสวนยาง พร้อมแนะนำให้หาวิธีแปรรูปหลายอย่าง และขยายตลาดรองรับ ขณะที่นายวิสูตรกล่าวกับนายกฯว่า "บางคนว่าผม ปลูกกล้วยหอมทองแซมสวนยางแบบนี้ เหมือนผมเป็นคนบ้า" นายกฯจึงกล่าวว่า ทำดีแล้ว คนที่ว่าอย่างนั้นต่างหากคือคนบ้า ถ้ามีปัญหาให้ปรึกษาสหกรณ์จังหวัด กรมส่งเสริมสหกรณ์ กระทรวงเกษตรฯ หรือถ้าเก่งอยู่แล้ว ว่างหรือเปล่า ไปสอนกระทรวงเกษตรฯเขาหน่อย
จากนั้น พล.อ.ประยุทธ์ทักทายประชาชนที่มาต้อนรับ ซึ่งประชาชน อวยพรขอให้เป็นนายกฯ ไปอีก 10 ปี ขณะที่นายกฯ ยิ้มแล้วกล่าวว่า "หนังสือพิมพ์ลงแล้วไม่ใช่หรือว่า ใครเป็นนายกฯ คนต่อไป หมอดูอีทีก็ทำนายแล้วว่าใครเป็นนายกฯคนต่อไป ผมไม่ใช่นักการเมือง เข้ามาช่วยลดความขัดแย้ง ทุกอย่างต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย ขอให้ช่วยกันสร้างความสงบให้กับประเทศชาติ ไม่ใช่ใครเขามาหลอก ให้เงินหรือให้อะไรก็ไปกับเขาหมด"
ปลื้มชาวบ้านแห่ต้อนรับ
เสร็จแล้ว พล.อ.ประยุทธ์เดินทางไปโรงเรียนบ้านหนองเรียน อ.บ้านนาเดิม เพื่อเยี่ยมชมนิทรรศการโครงการประชารัฐ โครง การสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง พร้อมมอบเงินช่วยเหลือโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง 50 ราย และมอบเงินช่วยเหลือโครงการฟื้นฟูกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง 50 ราย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับกว่า 2,000 คนว่า ถ้าตนเป็นนักการเมืองจะดีใจมากๆ เพราะคงได้คะแนนเสียงมาก แต่ตนมาเพื่อรับปัญหาจากทุกคน ไม่ได้หวังผลตอบแทน หวังผลเพื่อทำงานให้ประเทศชาติโดยส่วนรวมเท่านั้น วันนี้เราทุกคนต้องมาร่วมกันทบทวนแก้ปัญหาให้ได้ เพื่อให้ประเทศไทยมั่นคงและแข็งแรง ก่อนจะก้าวเดินกันต่อไป โดยต้องเคารพกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม การแก้ปัญหาจะต้องทำหลายอย่างไปพร้อมกัน เหมือนที่รัฐบาลทำอยู่ นี่คือเหตุผลที่รัฐบาลต้องมาอยู่ในวันนี้ ซึ่งมีความเสี่ยงสูงเพราะปัญหามีมาก ซับซ้อนและยาวนาน รัฐบาลพยายามจะแกะจะรื้อ แต่ยังไม่มีอะไรเสร็จสักอย่าง เพราะมีทั้งปัญหาหลัก ปัญหารอง ปัจจัยภายในภายนอกประเทศ กฎหมาย กระบวนการยุติธรรม ก็ต้องแก้ทั้งหมด ต้องดูว่าจะทำอย่างไรให้ประชาชนมีความสุข เพราะจะบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียวคงไม่ถูกต้อง จะต้องหาสมดุลให้ได้ว่า ทำอย่างไรกฎหมายที่ออกมานั้นจะทำให้สองฝ่ายไม่ขัดแย้ง
ยันไม่ยกเลิกรัฐสวัสดิการ
"ทุกคนจะต้องแข็งแรงด้วยตัวเอง คิดเป็น ทำเป็น และรวมกันให้ได้ อย่าไปหวั่นไหวต่อคนไม่ดีซึ่งจะเป็นใครผมไม่ทราบ หากมีใครมาพูดให้เกิดความขัดแย้ง พวกเราก็ทบทวนใหม่ จะต้องทำให้คนทั้งประเทศรักกันให้ได้ เหล่านี้ถือเป็นหน้าที่ของผู้บริหาร ระดับตำบลจนถึงจังหวัด ต้องทำให้ได้ทั้ง 77 จังหวัด เมื่อทุกคนรู้หน้าที่ เราก็ไม่ต้องใช้กฎหมายมากนัก แต่ประเทศไทยมีระบบเครือญาติเชื่อมโยงก็แก้ ไม่ค่อยได้ ดังนั้น เราต้องใช้คนที่มีประสิทธิภาพเข้าไปทำงานไม่ว่าจะตำแหน่งใด ไม่ใช่เอาใครก็ได้เข้าไปนั่งทำงาน ถ้าอย่างนั้นก็แก้ปัญหา ไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้ประเทศไทยมี 70 ล้านคน อยู่ในระบบภาษี 10 ล้านคน เหลือเสียภาษี 4 ล้านคน อีก 6 ล้านคนลดหย่อนตรงนั้นตรงนี้ ดังนั้น 4 ล้านคนคือ ถือเป็นหลักเพื่อนำมาขับเคลื่อนประเทศ ส่วนข้าราชการเขาก็เสีย ภาษี และข้าราชการโกงภาษีไม่ได้ อีกส่วนหนึ่งของการเสียภาษีคือภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยบวกไปกับราคาสินค้า ซึ่งเก็บ 7 เปอร์เซ็นต์มาหลายปีแล้วยังไม่สามารถขึ้นได้ เพราะบ้านเมืองเรายังไม่เข้มแข็ง ดังนั้น จะยกเลิกเรื่องรัฐสวัสดิการไม่ได้ ไม่ว่ารถเมล์ฟรี รถไฟฟรี การศึกษาฟรี การรักษาพยาบาลฟรี ฉะนั้นอย่าไปฟังใครบิดเบือน ตนไม่เคยคิดเลิก มีแต่คิดว่าหาเงินมาจากไหนแล้วทำให้ดีขึ้นอย่างไร
อย่าก่อม็อบต้าน 30 บาท
"อย่าออกมาเดินขบวนต่อต้านเรื่อง 30 บาทกับผมอีก ได้ยินกันทุกคนแล้ว และต่อไปถ้า ทุกคนมีหมายเลขของตัวเอง ซึ่งไม่ได้เอามาประจานอย่างที่เขาว่า บัตรประชาชนก็คือบัตรประชาชน ยังจะต้องมีบัตรให้คนที่ไม่ได้เสียภาษี เพื่อเป็นข้อมูลเก็บเอาไว้เฉยๆ เพื่อให้เขาไปใช้รัฐสวัสดิการ ขึ้นรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี หรือวันหน้าถ้าทำได้ อาจขึ้นรถไฟฟ้าฟรีก็ได้ และมีอีกหลายอย่างที่จะนำมาสู่เรื่องเหล่านี้ เป็นเรื่องอนาคตที่รัฐบาลทำอยู่ ไม่มีการแบ่งชนชั้น อย่ากังวล ไม่ใช่เอามาเขียนประจานในบัตร ก็เหมือนบัตรเครดิตใบหนึ่ง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ตนมีเวลาเหลือแค่ 1 ปี 6 เดือน ถึงเดือนก.ค.2560 ทำงานตามโรดแม็ป ทำงานตามรัฐธรรมนูญกำหนด ตนต้องการทำให้ประเทศชาติเข้มแข็ง เพื่อให้ ทุกคนกำหนดชะตาชีวิตหรืออนาคตของประเทศได้ด้วยตัวเอง ที่ผ่านมาทุกคนทำอยู่แล้วเพราะลงคะแนนเลือกตั้ง ลงประชามติ ดังนั้น ต้องดูสาระข้างในว่ามันคืออะไร วันนี้หลายคนยังไม่ได้ดู ดูแต่ว่าต้องเลือกตั้ง ซึ่งพอเพียง หรือไม่ จะทำอย่างไรเมื่อเลือกตั้งแล้วได้คน ดีมาปกครองบ้านเมือง มีธรรมาภิบาล มีความหวังและมีการกำหนดชัดเจนว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างในปีนี้ ปีหน้า 3 ปี หรือ 5 ปี หรือแผนการที่จะบอกได้ว่าอีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีอะไรบ้าง ไม่ว่าการคมนาคม น้ำ หรือเศรษฐกิจ
ประชุมกรอ.จังหวัดภาคใต้
ต่อมาเวลา 12.30 น. ที่อาคารกองบังคับการกองบิน 7 จ.สุราษฎร์ธานี พล.อ.ประยุทธ์นำ ครม. ร่วมประชุมกับคณะกรรมการร่วมภาครัฐเอกชน (กรอ.) ส่วนกลาง และกรอ.กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอ่าวไทย ใช้เวลาประชุม 1 ชั่วโมงเศษ
พล.อ.ประยุทธ์แถลงว่า การลงพื้นที่วันนี้ ดีใจที่ชาวสุราษฎร์ฯ ปลูกพืชเสริมกับสวนยางพาราไปกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ ส่วนเรื่องท่องเที่ยว จะเสริมเรื่องการหาลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น โดยมอบกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจัดการ นอกจากนี้ยังต้องเร่งรัดก่อสร้างถนนให้เป็น 4 เลน ถนนต้องดีก่อนแล้วรถไฟค่อยไปดูกันในระยะยาว
กระตุ้นยาง - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช. เตะฟุตบอลบนสนามสร้างด้วยยางพารา ระหว่างตรวจราชการนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยประกาศส่งเสริมการใช้ยางพาราในประเทศมากขึ้น เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. |
เวลา 14.00 น. ที่อาคารศูนย์บริการการลงทุนโครงการนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง ในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ต.ฉลุง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พล.อ.ประยุทธ์ รับฟังการบรรยายสรุปการลงทุนนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง ก่อนทำพิธีเปิดป้ายอาคารศูนย์บริการฯ และชมนิทรรศการผลิตภัณฑ์จากยางพารา แบบจำลองโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา และขึ้นเวทีพบปะประชาชนกว่า 2,000 คน
ระบุต้องมี"ไก่อู"ไว้ห้ามมวย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า พวกเราไม่ใช่คนเก่ง แต่ตั้งใจทำงานอย่างแท้จริง ให้มีผลสำเร็จ ไม่ได้มาเพื่อรังแกใคร ฉะนั้นอย่าให้ใครมาบิดเบือนอีกแล้วกัน ขณะนี้ปฏิรูปทั้งหมด 11 เรื่อง คาดว่าจะมีการเลือกตั้งได้ในปี 2560 ยุทธศาสตร์ได้เขียนไว้ทุกด้านว่าจะทำอะไรใน 20 ปีข้างหน้า รัฐบาลก่อนไม่เคยทำ จึงทำให้ พี่น้องออกมาเรียกร้องอยู่อย่างนี้ ทั้งที่ค่าใช้จ่ายประเทศสูงขึ้นๆ ยิ่งร้องก็ยิ่งต้องใช้งบประมาณ จึงต้องสร้างรายได้ให้มากขึ้น
"การเป็นประชารัฐไม่ใช่เรื่องยาก หลายคนมองว่ารัฐบาลผมต้องการสืบทอดอำนาจ ซึ่งมันไม่ใช่ แต่เข้ามาเพื่อแก้ปัญหาและวางอนาคตให้ลูกหลาน ในอนาคตภาคใต้ต้องมีรถไฟความ เร็วกลาง ไม่ใช่ความเร็วช้าในปัจจุบัน อีกหน่อยคนใต้แหลงใต้กันไม่ทันแล้วเวลาที่รถไฟสวนทางกัน วันนี้ที่แหลงทันเพราะรถไฟวิ่งช้า ทุกคนต้องฟังผม อย่าเพิ่งเบื่อผมพูด ไม่ฟังผม ขอให้ฟังรองนายกฯ รัฐมนตรี หรือฟังพล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกรัฐบาลก็ได้ ฟังไป เพราะต้องมีไอ้นั่นไว้เป็นกรรมการห้ามมวย ไม่พูดก็ไม่ได้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
จากนั้นนายกฯ เดินทางไปยัง อ.สะเดา ทำพิธีเปิดอาคารด่านพรมแดนสะเดาขาออก และทักทายประชาชนมีทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ โดยมีประชาชนมอบดอกกุหลาบให้ และบอกว่า นายกฯ สู้ๆ เป็นกำลังใจให้
ว้ากใครพูดล้ม 30 บ.อีกจะไปด่า
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ถึงโครงการบัตรทอง 30 บาทว่า ใครพูดว่าจะเลิกโครงการ ใครพูดมาว่าใครพูด จะได้ไปด่าถูก ใครเขาจะเลิก อะไรที่เกี่ยวข้องกับคน ถามว่าเลิกได้หรือไม่ มันจะมีปัญหา ก็ต้องสู้ต่อ อย่างน้อยทุกคนต้องได้สิทธิ์เท่าเดิม แต่หาวิธีการให้มันดีขึ้น ตนจะไปเลิกได้ไง อย่ามาหาเรื่องให้ตนทะเลาะ อะไรที่อยากให้เลิก จำนำข้าวเอาอีกไหม อันนี้ให้ไม่ได้ อะไรที่ให้ได้ก็ให้ มันต้องมีกติกา
"ถ้าคิดจะมีรัฐสวัสดิการดีๆ ประชาชนรักมากๆ ก็ต้องหาเงินให้กับประเทศได้เก่งกว่านี้ อย่าทำโครงสร้างเศรษฐกิจเป็นแบบนี้ ประเทศที่เขารวยกว่านี้ยังทำไม่ได้เลย เพราะเขามองปัญหาเรื่องงบประมาณ แต่ของเราเมื่อทำไปแล้วก็ทำไป แต่ผมจะหาเงินเพื่อให้มันทำได้และดีกว่าเดิม ใครช่วยได้ก็ช่วยมา ใครรวยก็ช่วยมา จนก็ไม่ต้องช่วย งบเราให้ได้เท่าเดิม ประกาศครั้งสุดท้าย ผมไม่พูดอีกแล้ว ใครก็อย่ามาพูดอีก ขอพูดให้กระจ่าง ผมจะไม่ยกเลิกนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งเป็นของใครไม่รู้ และอย่าพูดอีก ใครพูดจะโดน มีเรื่องแน่"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สธ.ย้ำต้องปรับให้มั่นคง
นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข (สธ.) กล่าวถึงกระแสวิจารณ์ต่อการประกาศเดินหน้าปี 2559 ให้ประชารัฐมีส่วนร่วมทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า (บัตรทอง) ยั่งยืน มั่นคง แต่ถูกนำไปเป็นประเด็นการเมืองว่า รู้อยู่แล้วว่าคงถูกเอาไปเชื่อมโยงเป็นเรื่องการเมือง แต่ก็เข้าใจ และจำเป็นต้องทำ รัฐบาลยืนยันว่าไม่ยกเลิก ไม่ล้มระบบนี้ แต่ทำให้มีความมั่นคง ยั่งยืน นี่คือสิ่งที่ต้องกล้าทำ เพราะถ้ารอให้เกิดปัญหาก่อนแล้วไปแก้ไขทีหลัง จะสายเกินไป อยากให้ช่วยกันคิด ซึ่งที่ผ่านมายังไม่ได้บอกว่าจะให้ประชาชนร่วมจ่าย หรือไม่ต้องร่วมจ่าย แต่กำลังหาแนวทางว่าจะทำอย่างไรไม่ให้กระทบกับผู้มีรายได้น้อยจริงๆ และระบบอยู่ได้ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป ที่เป็นปัญหาเพราะตนพูดอย่างหนึ่ง แต่ถูกนำไปพูดหรือตีความอีกอย่างหนึ่ง
"ยืนยันว่า ไม่เคยคิดล้มเลิก แต่ต้องปรับให้เหมาะสมกับสถานการณ์ของประเทศ ให้ระบบดียิ่งขึ้น ยั่งยืนขึ้น ทุกคนต้องมาช่วยกัน ปรับแล้วประชาชนไม่เดือดร้อน ให้บริการดีขึ้น เราต้องวางรากฐานให้มั่นคงเพื่อให้รัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามาภายใน 1 ปี 6 เดือนนี้ เดินหน้าต่อไปได้ โดยไม่ต้องมาเจอกับภาวะวิกฤตเช่นนี้" นพ.ปิยะสกลกล่าว
'ป๋า'เปิดบ้านปีใหม่วันนี้
พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานประธานองคมนตรี และทหารคนสนิท เปิดเผยว่า วันที่ 30 ธ.ค. พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ จะเปิดบ้าน สี่เสาเทเวศร์ ให้พล.อ.ประยุทธ์ นำรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.สส. ผบ.เหล่าทัพและผบ.ตร. เข้าอวยพรรวมเป็นคณะเดียวกันในเวลา 09.00 น. จากนั้นจะเปิดให้ตัวแทนสมาคม และองค์กรต่างๆ เข้าอวยพรต่อ อย่างไรก็ตาม ขอความกรุณาบุคคลประชาชนทั่วไปที่จะเข้าอวยพรส่วนตัวขอให้ส่งเป็นการ์ดอวยพรมาแทน เนื่องจากพล.อ. เปรม อายุมากแล้วคงยืนอวยพรเป็นเวลานานไม่ไหว
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันที่ 30 ธ.ค. เวลา 06.30 น. ปลัดกระทรวงกลาโหม ผบ.สส.และผบ.เหล่าทัพ รวมถึงคณะบุคคลจะเข้าอวยพรพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัดภาคตะวันออก ก่อนเดินทางมาที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ด้วย
ผู้บริหารป.ป.ช.งดรับของขวัญ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสรรเสริญ พลเจียก เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีหนังสือเวียนถึงผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สำนักงานป.ป.ช. ขอความร่วมมือเรื่อง งดให้หรือรับของขวัญในช่วงเทศกาลปีใหม่ ใจความว่า เนื่องด้วยเทศกาลปีใหม่ 2559 ตามประเพณีนิยมจะมีการอวยพรและมอบของขวัญให้แก่ผู้บริหาร ซึ่งอาจเป็น กระเช้าหรือสิ่งอื่นๆ
สำนักงานป.ป.ช.เห็นว่า เพื่อเป็นการปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการให้หรือรับของขวัญของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2544 และเสริมสร้างค่านิยมประหยัด ลดภาระค่าใช้จ่ายแก่เจ้าหน้าที่ ขอให้งดการให้หรือรับของขวัญให้แก่ผู้บริหาร ขอให้อวยพรด้วยบัตรอวยพร หรือการอวยพรในรูปแบบอื่นที่ไม่มีค่าใช้จ่ายมากนักแทน
'บิ๊กป้อม'ไม่ลบหลู่-รบ.อยู่ 10 ปี
ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือโหรคมช. ทำนายรัฐบาลชุดนี้จะอยู่อีก 10 ปีว่า ไม่รู้เพราะยังไม่ได้อ่าน และตนยัง ไม่เคยคุยกับนายวารินทร์ ส่วนจะเชื่อหรือ ไม่นั้น คิดว่าถ้าไม่เชื่อก็อย่าลบหลู่ ขอให้ เฉยๆ ไว้ มีหน้าที่ฟังอย่างเดียว ตนไม่มีหน้าที่ต้องตอบ จะตอบเรื่องทำงานเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าปี 2559 ทิศทางการเมืองไทยจะเป็นอย่างไร พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องการเมือง ขอไม่ตอบเพราะไม่ใช่นักการเมือง แต่ทุกอย่างเป็นไปตามกรอบโรดแม็ปที่ระบุไว้ชัดเจน อย่ามาถามให้ตน ไขว้เขว
'บิ๊กช้าง'พร้อมแถลงราชภักดิ์
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงแถลงผลความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการจัดสร้างอุทยาน ราชภักดิ์ ที่มีพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานคณะกรรมการว่า คิดว่ามีความพร้อม พล.อ.ชัยชาญจะเป็นคนแถลงเอง ส่วนผลการตรวจสอบจะเป็นที่พอใจหรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ เพราะแค่ตรวจสอบข้อเท็จจริง เราเอาแต่เรื่องจริงออกมาพูด ส่วนจะถูกหรือผิดต้องว่าตามขั้นตอน
เมื่อถามว่า ผลการตรวจสอบจะมีคนผิดและมีทุจริตหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ไม่รู้ เพราะไม่ใช่ผู้พิพากษาที่จะไปตัดสินว่าใครถูกใครผิด เป็นหน้าที่ทางกฎหมายดำเนินการ แต่จะมีการชี้แจงให้ฟังอย่างละเอียดว่าใช้เงินทั้งหมดเท่าไหร่ มีกี่โครงการ ทำอะไรไปบ้าง ตนตั้งคณะกรรมการชุดนี้ขึ้นเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริง ไม่ได้เพื่อหาคนทุจริต เพราะการตรวจสอบหลักฐานคนทุจริต เป็นหน้าที่ของป.ป.ช. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ดำเนินการ
พักผ่อน - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมด้วยน้องไปป์-ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย ไปพักผ่อนช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ บริเวณชายหาดพัทยา อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. |
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 30 ธ.ค. เวลา 13.30 น. พล.อ.ชัยชาญ จะแถลงถึงความคืบหน้าการตรวจสอบโครงการจัดสร้างอุทยาน ราชภักดิ์ ที่กระทรวงกลาโหม
สปท.เร่งถกเจ้ากระทรวง
ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) แถลงถึงแนวทางการปฏิรูปในรอบปีที่ผ่านมาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้กำชับให้สปท. เร่งประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ไขเพิ่มเติมร่างกฎหมาย 5 ฉบับ ให้เสร็จ ได้แก่ 1.ร่าง พ.ร.บ. จัดตั้งศาลคดีอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบ 2.ร่าง พ.ร.บ. ความผิดเกี่ยวกับการขัดกันแห่งผลประโยชน์ระหว่างผลประโยชน์ส่วนตนและผลประโยชน์ส่วนรวม 3.ร่าง พ.ร.บ.คุ้มครองติดตามทรัพย์สินของแผ่นดินคืนจากทุจริต 4.ร่างพ.ร.บ.ส่งเสริมและพัฒนาระบบเกษตรพันธสัญญาให้เป็นธรรม และ 5.ตั้งคณะกรรมการบริหารจัดการน้ำในภาวะวิกฤต
สำหรับ แนวทางการขับเคลื่อนการปฏิรูปของ สปท. ในปี 2559 จะเน้นประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และทุกกระทรวงอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การปฏิรูปสอดคล้องในทิศทางเดียวกันอย่างเป็นรูปธรรม ทุกข้อเสนอจะต้องมีความเห็นที่เป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการทำงานของแต่ละกระทรวง เพื่อเสนอให้รัฐบาลดำเนินการต่อไป
ชงตั้งกระทรวง-มหา"ลัยกีฬา
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสปท.คนที่ 1 กล่าวว่า วาระที่ สปท.จะขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมในวันที่ 7-8 ม.ค.2559 คือ ข้อเสนอการปฏิรูปกีฬา เช่น การจัดตั้งกระทรวงกีฬา มหาวิทยาลัยกีฬาแห่งชาติ และคณะกรรมการนโยบายการกีฬาแห่งชาติ รวมทั้งข้อเสนอปรับปรุง พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 (กสทช.) และข้อเสนอการปฏิรูปกิจการตำรวจ และตั้งแต่เดือนม.ค.2559 จะพิจารณาวิธีการขับเคลื่อนการปฏิรูปของกมธ.ทั้ง 11 คณะ และส่งผลงานไปยังครม. อย่างต่อเนื่อง ซึ่งต้องวางรากฐานการปฏิรูปทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง เพื่อให้รัฐบาลในอนาคตสานต่อตามแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า การวางกลไกขับเคลื่อนการปฏิรูปแบ่งเป็น 3 ระดับคือ 1.ระดับผู้นำ ได้แก่ แม่น้ำทั้ง 5 สาย ซึ่งประชุมกัน ทุกเดือน 2.ระดับคณะกรรมการประสานงาน นำทุกกรณีที่ต้องการปฏิรูปมาประชุมและประสานทุกสัปดาห์ และ 3.ระดับกมธ.ทั้ง 11 ด้านของ สปท. ทั้งนี้ สปท.มีส่วนร่วมประสานกับกรธ. โดยระดมความคิดเห็นเกี่ยวกับการร่างรัฐธรรมนูญส่งให้กรธ.แล้ว และปี 2559 กรธ.ต้องจัดทำร่างรัฐธรรมนูญให้เสร็จใน 180 วัน ซึ่งสปท.จะเกี่ยวข้องโดยตรงในการร่างกฎ หมายประกอบรัฐธรรมนูญที่จำเป็นเพื่อการปฏิรูป หรือบทบัญญัติที่จะตราไว้ในรัฐธรรม นูญ เพราะรัฐธรรมนูญนี้จะเป็นฉบับปฏิรูปประเทศ จึงจำเป็นต้องวางหลักการและบท บัญญัติที่สำคัญให้สอดคล้องกับการปฏิรูปประเทศ
กรธ.จ่อเพิ่มฐาน 18 ปีกาบัตร
นายนรชิต สิงหเสนี โฆษกคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กรธ.ได้พิจารณาผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายนิติบัญญัติ โดยได้พิจารณานับอายุผู้มิสิทธิเลือกตั้ง ให้ผู้ที่มีอายุ 18 บริบูรณ์ มีสิทธิเลือกตั้งตรงความเป็นจริงมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่กระทรวงมหาดไทยได้ทำบัญชีผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในวันที่ 1 ม.ค. ของทุกปี จึงทำให้คนที่มีอายุครบ 18 ปีบริบูรณ์หลังจากนั้นก่อนวันเลือกตั้ง ทั้งที่อายุครบตามกำหนด หมดสิทธิการเลือกตั้งในครั้งนั้นทันที ซึ่งกรธ.กำลังพิจารณาว่าจะใช้เกณฑ์อายุครบ 18 ปีบริบูรณ์ นับตั้งแต่วันประกาศพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้งหรือวันเลือกตั้ง เชื่อว่าหากแก้ปัญหาดังกล่าวสำเร็จจะมีผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพิ่มขึ้นหลักแสนคน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาทบทวนหลักการของร่างรัฐธรรมนูญ ในส่วนที่เกี่ยวกับการตราร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ โดยควรกำหนดโทษแก่ เจ้าหน้าที่ของรัฐ ผู้รู้ว่ามีการดำเนินการอันเป็นการฝ่าฝืนหลักการของรัฐธรรมนูญกำหนด แล้วอนุมัติหรือจัดสรรงบประมาณ หรือดำเนินการไปโดยมิได้บันทึกข้อโต้แย้งไว้ในหนังสือ ซึ่งความผิดดังกล่าวจะให้ศาลเป็นผู้ชี้ขาดในการตัดสินความผิด
สนช.ยื่น 4 ข้อร่างรธน.ให้'มีชัย'
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา นายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในฐานะประธานกมธ.สามัญพิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความคิดเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญของ สนช. พร้อมคณะ เข้ายื่นรายงานความเห็นเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญต่อนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.
นายสุรชัย กล่าวว่า รายงานที่เสนอ แบ่งเป็น 4 ประเด็น 1.ที่มาของส.ส.และรูปแบบการเลือกตั้ง 2.ที่มาของส.ว. 3.ที่มาของนายกฯ และ 4.ความจำเป็นว่าจะต้องมีคณะกรรมการปรองดองแห่งชาติหรือไม่ โดยรวบรวมจากการลงพื้นที่รับฟังความคิดเห็นประชาชนในทุกภูมิภาคและเปิดกว้างให้สมาชิก สนช. ได้เสนอข้อคิดเห็น รวมทั้งคณะกรรมาธิการ(กมธ.)สามัญประจำสนช. 16 คณะ ทั้งนี้ ข้อเสนอของ กรธ. และสนช.ต่างเป็นอิสระต่อกัน โดยกรธ.มีหลักคิดของกรธ. สนช.ก็มีหลักคิดของสนช.เอง แม้จะเห็นที่ไม่ตรงกันก็เป็นเรื่องดี เพราะแต่ละฝ่ายจะได้นำความคิดเห็นที่ต่างกันมาพิจารณา
ศึกษาเข้มหลังเห็นร่างแรก
นายสุรชัย กล่าวว่า สนช.เสนอความคิดเห็นบนพื้นฐานของบทเรียนทางการเมืองที่ผ่านมา ไม่เฉพาะแค่รัฐธรรมนูญปี 2550 แต่นำบทดังกล่าวมาต่อยอด เพื่อให้เกิดการพัฒนาทางการเมืองและก่อให้เกิดการปฏิรูปการเมืองที่ดีที่สุด ซึ่งหลังจากเห็นร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกแล้ว สนช.จะนำมาศึกษาและส่งข้อคิดเห็นกลับไปกรธ. ภายในวันที่ 15 ก.พ. โดยเนื้อหาจะมีความเข้มข้นขึ้น และจะพิจารณาอีกครั้งว่าสิ่งใดที่เห็นต่างจากกรธ.จะยอมถอยหรือยืนยันตามหลักการเดิม
ด้านนายมีชัยกล่าวว่า ความคิดเห็นที่ได้รับถือเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาร่างรัฐธรรม นูญของกรธ. อย่างมาก โดยหลังจากกรธ. เปิดเผยร่างแรกในวันที่ 29 ม.ค.2559 แล้ว จะเปิดให้ สนช. เสนอความคิดเห็นกลับมาอีกครั้ง
'วัฒนา'ซัดโฆษกกรธ.
นายวัฒนา เมืองสุข สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีนายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ. แถลงระบุพรรคเพื่อไทยมีอคติไม่คิดปรองดองว่า ขอทำความเข้าใจว่า 1.ที่มาของเรื่องนี้ เนื่องจากตนวิจารณ์คำให้สัมภาษณ์ของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ประธาน กรธ.ว่าการนิรโทษกรรมเป็นสูตรที่ต้องมีในรัฐธรรมนูญ ขณะที่เห็นว่าวิกฤตความขัดแย้งที่เกิดขึ้นมีสาเหตุสำคัญมาจากการเมือง การปกครอง กฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม การยุติความขัดแย้งเพื่อสร้างความปรองดองที่ยั่งยืน คือการสร้างกติกาทางการเมืองที่อยู่บนพื้นฐานของหลักนิติธรรม สูตรที่ต้องมีไว้ในรัฐธรรม นูญ คือหลักการปกครองประเทศบนพื้นฐานของหลักนิติธรรม ไม่ใช่การนิรโทษกรรมตามที่นายมีชัยอ้าง
2.เหตุผลที่คัดค้านการนิรโทษกรรมให้กับคสช. เพราะการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ได้นิรโทษกรรมไว้ครั้งหนึ่งแล้วตามมาตรา 48 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ดังนั้น การที่นายมีชัยจะเขียนนิรโทษกรรมไว้ในรัฐธรรม นูญอีกครั้ง คือการนิรโทษกรรมให้กับการ กระทำทั้งหลายของ คสช.และรัฐบาล ที่เกิดขึ้นจากการบริหารประเทศหลังการยึดอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย คดีทุจริตในโครงการอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งตนไม่เห็นด้วย เพราะหนีการตรวจสอบและยังสวนทาง กับท่าทีของนายกฯ ที่อ้างความเป็นคนดีมีจริยธรรม เรียกร้องให้ทุกคนเคารพกฎหมายและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม แต่กลับจะหนีการตรวจสอบเสียเอง ย่อมไม่ชอบ
ลั่นไม่ปรองดองถ้านิรโทษคสช.
3.สิ่งที่โฆษกกรธ. แถลงนั้น เป็นการใส่ร้ายและบิดเบือนอย่างน่าละอาย เนื่องจากการนิรโทษกรรมให้กับคสช.กับการปรองดอง เป็นคนละเรื่องกัน และโฆษกกรธ.กำลังสร้างความชอบธรรมให้กับ กรธ. ในการนิรโทษกรรมให้กับคสช. อ้างการปรองดองบังหน้า ยืนยันว่าหากการปรองดองหรือการทำบุญให้ประเทศ คือการนิรโทษกรรมให้กับคสช.ตามข้ออ้างของ กรธ. จะขอไม่ปรองดองและไม่ทำบุญ
4.สิ่งที่โฆษกกรธ.แถลง ตรงกับคำทำนายของพระพุทธองค์ในเรื่องสังคมวิปริต เห็นผิดเป็นชอบ เมื่อมนุษย์ไร้ศีลธรรม โลกจะวิปริตแปรปรวน จะเกิดภัยพิบัติต่างๆ นักปราชญ์ผู้มีคุณธรรมจะอยู่ยาก จะถูกกีดกัน กลั่นแกล้งจากคนพาลที่มีอำนาจมีอิทธิพล คนส่วนมากจะเชื่อฟังคำโกหกของคนพาล หลงคำยอคำประจบสอพลอ สัจธรรมของอลัชชีจะถูกยกย่องนับถือ ดังนั้น กรธ.ควรใช้เวลาที่เหลืออยู่ สร้างกติกาการเมืองที่เป็นสากลและอยู่บนหลักนิติธรรมจะดีกว่าเสียเวลากับการหาเหตุผลที่วิปริต ซึ่งรวมถึงการนิรโทษกรรมให้กับคสช. เพราะนั่นคือการทำบุญให้กับประเทศ
เสนอ 5 สร้าง 5 หยุดแก้วิกฤต
นายนพดล ปัทมะ สมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในปีหน้า คนไทยจะเผชิญกับความท้าทายหลายรูปแบบจึงเสนอแนวคิด 5 สร้าง 5 หยุด เพื่อพาประเทศให้พ้นวิกฤต 1.สร้างรัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิปไตย เคารพหลักการประชาธิปไตย หลักนิติรัฐ นิติธรรม เคารพการตัดสินใจของประชาชน 2.สร้างสังคมที่อุดมนิติธรรมอย่างแท้จริง ยึดมั่นในกฎหมายไม่ใช้กฎหมู่ การบังคับใช้กฎหมายที่เท่าเทียม เป็นธรรมกับทุกคนทุกฝ่าย
3.สร้างสังคมอุดมเสรีภาพและภราดรภาพ มีความเป็นพี่น้อง เคารพสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ มีเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นและแสดงออกทางการเมือง 4.สร้างเศรษฐกิจที่ยั่งยืนมั่นคงและกระจายความเจริญสู่ชนบทและดูแลคนฐานรากให้อยู่ได้ และ5.สร้างสังคมที่อุดมด้วยปัญญา ทำให้คนมีการศึกษา เพื่อพัฒนาตนเองและช่วยพัฒนาประเทศ
นอกจากการสร้างแล้ว ต้องหยุดการกระทำที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ คือ 1.หยุดวาทกรรมสร้างความเกลียดชัง หยุดใช้วาจาก้าวร้าว เหยียดหยาม ใส่ร้ายป้ายสีกัน ฟังเหตุฟังผลของแต่ละฝ่ายให้มากขึ้น 2.หยุดบังคับใช้กฎหมายสองมาตรฐาน และการเลือกปฏิบัติในสังคมทุกรูปแบบ 3.หยุดเล่นพรรคเล่นพวก ในทำนองพวกเราทำถูกหมด พวกเขาทำผิดหมด ทีใครทีมัน 4.หยุดการทุจริตทั้ง ในภาครัฐและภาคเอกชนอย่างเป็นรูปธรรม และ 5.หยุดการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทุกรูปแบบ
ปชป.อัด'โต้ง'ให้รู้จักสำนึก
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง กล่าวหารัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ลุแก่อำนาจ และไร้ยางอายที่ ไม่ขยายเวลาในคดีค่าเสียหายจำนำข้าวของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า นายกิตติรัตน์น่าจะรู้อยู่แก่ใจดีว่ากรรมการตรวจสอบความรับผิดทางละเมิดต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์และพวก มีการขยายเวลาสอบ ทั้งที่ต้องเสร็จตั้งแต่เดือนก.ย.2558 แต่ได้ขยายเวลาให้ถึงสิ้นปีนี้เพราะขอเพิ่มพยาน แถมพยานขอผัดเปลี่ยนเวลา จนรัฐบาลต้องกำหนดกรอบ
นพ.วรงค์ กล่าวว่า สิ่งที่นายกิตติรัตน์ ต้องรู้จักสำนึกคือใครกันแน่ที่ลุแก่อำนาจและ ไร้ยางอาย ให้ถาม น.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายบุญทรงดูว่าการระบายข้าวแบบจีทูจีตันละ 10,000 บาท แก่พรรคพวก โดยเลือกเอาแต่ข้าวดี ทั้งข้าวขาว ข้าวหอมมะลิไป การเซ็นสัญญาจีทูจีชนิดรีบเซ็น แม้แต่หนังสือรับรองความเป็นตัวแทนรัฐก็ไม่มี ถือว่าลุแก่อำนาจและไร้ยางอายหรือไม่ ยิ่งฝ่ายค้านให้ข้อมูลว่ามีการขนข้าวเน่าส่งโกดังรัฐบาล แทนที่จะฟัง แต่กลับขู่ว่าจะความดำเนินคดีจะให้เรียกว่าอะไร ก่อน จะว่าคนอื่น ต้องหัดดูตนเองก่อน มิเช่นนั้นจะเข้าตำราความผิดตัวเท่าหางอึ่ง ความผิดผู้อื่น เท่าขุนเขา
สื่อทำเนียบงดตั้งฉายาครม.ตู่
วันที่ 28 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล ออกแถลงการณ์ เรื่อง งดตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2558 ระบุว่า ตามที่ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบ มีธรรมเนียมปฏิบัติในการตั้งฉายาของรัฐบาล นายกฯและรัฐมนตรี ในช่วงปลายปี เพื่อสะท้อนการทำงานของคณะรัฐมนตรี(ครม.)ในรอบปีที่ผ่านมา โดยปฏิบัติสืบเนื่องมากว่า 20 ปี แต่เนื่องจากครม.ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ด้วยวิธีพิเศษ ไม่ผ่านกระบวนการเลือกตั้งตามกลไกปกติในระบอบประชาธิปไตย จึงมีมติ "งด" ตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปี 2558
เนื่องจากเป็นหลักปฏิบัติที่ยืดถือว่าจะไม่ตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปีใน 3 กรณี 1.กรณีรัฐบาลรักษาการ ภายหลังนายกฯประกาศยุบสภา หรือกรณีเกิดการเปลี่ยนแปลง จนรัฐบาลยังทำงานไม่ครบปี 2.กรณีรัฐบาลที่มาจากการยึดอำนาจหรือรัฐประหาร และ 3.กรณีสถานการณ์บ้านเมืองอยู่ในภาวะไม่ปกติ
ผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบ ยังเห็นร่วมกันว่า ไม่ต้องการให้การงดตั้งฉายาครั้งนี้ ถูกนำไปใช้ขยายความขัดแย้งที่ยังอยู่ในสังคมไทย หรือถูกนำไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองของกลุ่มบุคคล ไม่ว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ซึ่งการงดตั้งฉายารัฐบาลและรัฐมนตรีประจำปีของผู้สื่อข่าวประจำทำเนียบ เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง อาทิ ในปี 2549-2550 รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ที่มาจากการรัฐประหาร , ปี 2551 รัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช รัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล, ปี 2556 รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เนื่องจากประกาศยุบสภา และปี 2557 รัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ที่มาจากการรัฐประหาร
กกต.สมชัยตั้งลูกชายเป็นผช.
เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. นายสมชัย ศรีสุทธิยากร คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.)ด้านกิจการบริหารงานเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีแต่งตั้งนายปริญ ศรีสุทธิยากร ลูกชายเป็นผู้ช่วยเลขานุการ ประจำกกต.ว่า ดำเนินการตามระเบียบและขั้นตอนที่ถูกต้อง แต่กรณีมีการเสนอข่าวว่าทำเรื่องเบิกค่าใช้จ่ายไปปฏิบัติหน้าที่ที่สำนักงานกกต.ประจำจ.ปทุมธานีและสระบุรีนั้น ลูกตนไม่ได้ ไปด้วย เป็นข้อมูลที่คลาดเคลื่อน ภายหลังที่เรื่องนี้เป็นประเด็น ตนยังไม่ได้พูดคุยกับลูกชาย แต่ไม่มีอะไรต้องกังวล ซึ่งรายละเอียดขอให้ฝ่ายเลขาฯหรือสำนักบริหารทั่วไปเป็นผู้ชี้แจง
นายบุณยเกียรติ รักชาติเจริญ รักษาการแทนเลขาธิการกกต. กล่าวว่า เรื่องนี้ทำได้ ตามระเบียบกกต.ว่าด้วยที่ปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ เลขานุการ และผู้ช่วยเลขานุการ ประจำประธานกกต.และกกต. พ.ศ.2556 ส่วนการเดินทางไปต่างจังหวัดตามที่ปรากฏเป็นข่าวนั้น นายปริญ ไม่ได้ไปด้วย แต่หากร่วมเดินทางไปด้วยจริง ก็ใช้สิทธิเบิกค่าเบี้ยเลี้ยงไปปฏิบัติงานวันละ 250 บาท ตามระเบียบกกต.ว่าด้วยค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปปฏิบัติงาน พ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2553 และไม่ถือเป็นเรื่องผิดปกติ
ด้านนายธนิศร์ ศรีประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิกกต. กล่าวว่า ถือเป็นสิทธิของกกต.แต่ละคน และเป็นธรรมดาที่เลือกคนที่ไว้ใจได้ ซึ่งไม่ใช่การจ้างงาน แต่มาทำงานให้และมีค่าตอบแทนเป็นรายเดือน หากกกต.พ้นจากตำแหน่ง ทีมงานของกกต.คนนั้นต้องพ้นตามไปด้วย เนื่องจากไม่ใช่ เจ้าหน้าที่ประจำ ประเด็นนี้จึงมองว่าเป็นเรื่องปกติ หากดำเนินการตามระเบียบก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีอะไรเสียหาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กกต.แต่ละคนจะมีผู้ช่วยเลขานุการได้ 2 ตำแหน่ง ค่าตอบแทนต่อเดือนจะเป็นไปตามวุฒิการศึกษา คือ ต่ำกว่าปริญญาตรี 15,000 บาท ปริญญาตรี 20,000 บาท และสูงกว่าปริญญาตรี 23,000 บาท รวมทั้งยังได้สิทธิประโยชน์อื่น อาทิ ประกันสุขภาพเบี้ยประกันไม่เกิน 20,000 บาทต่อคนต่อปี และบำเหน็จตอบแทนเป็นเงินจ่ายครั้งเดียวเมื่อพ้นจากตำแหน่ง โดยคำนวณจากค่าตอบแทนรายเดือนคูณด้วยจำนวนปีที่ดำรงตำแหน่ง สำหรับวุฒิการศึกษาของนายปริญ จบมัธยมที่ร.ร.สวนกุหลาบวิทยาลัย ส่วนระดับอุดมศึกษา ที่คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ภาควิชาภาพยนตร์
ถลกไก่อู เพื่อไทยแถลงป้อง30บาท กรธ.โต้ทำรธน.ให้ถูกคว่ำ'ปู'ทวีตตัวชี้วัดฝีมือรัฐบาล ผลเลือกตั้ง-ไม่ใช่คิดเอง
'บิ๊กตู่'บินไปสุราษฎร์ธานี-สงขลา วันนี้ ลุยตรวจงานตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจรัฐบาล'ปู'ทวีตผลเลือกตั้งเป็นตัวชี้วัดฝีมือรัฐบาล ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกตัวเอง เพื่อไทยรุมถล่ม'ไก่อู'โวยใส่ร้ายคนเพื่อไทยพูดเท็จเรื่องโครงการ 30 บาท-พาดพิงจำนำข้าว เหน็บ ไม่ต่างจากตอนเป็นโฆษกศอฉ.ที่มั่วผังล้มเจ้า ไล่ไปฟัง'หมอปิยะสกล'พูดเองเตรียมรื้อโครงการ 30 บาท รักษาการเลขาฯสปสช. เผยเคยศึกษาให้ประชาชนร่วมจ่ายจริง'โต้ง'ฉะรัฐบาลลุแก่อำนาจ-ไร้ยางอาย คิดรวบรัดสอบเพื่อเอาผิดทางละเมิดคดีข้าว โฆษก กรธ.ยันร่างรธน.ไม่มีเกี้ยเซี้ยเรื่องปรองดอง โต้จงใจทำให้มีตำหนิเพื่อให้โดนคว่ำอีก 'เรืองไกร'จี้กลาโหมเคลียร์ 8 ปมราชภักดิ์
28 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9161 ข่าวสดรายวัน
เสวนา - กลุ่มภาคีนักกิจกรรม นักศึกษาเพื่อสังคม และขบวนการประชาธิปไตยใหม่ จัดเสวนา "สอ-อิ-ดอ=สิทธิ ว่าด้วยสิทธิของผู้ต้องหา" โดย ธเนตร อนันตวงศ์ ผู้ต้องหา เยาวลักษณ์ อนุพันธ์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน และงามศุกร์ รัตนเสถียร สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา ม.มหิดล ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.
'บิ๊กตู่'ลงพื้นที่สุราษฎร์ฯ-สงขลา
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมคณะมีกำหนดการลงพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี และจ.สงขลา ในวันที่ 28 ธ.ค. เพื่อตรวจเยี่ยมการดำเนินงานตามนโยบาย ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาล ตรวจโครงการ'รับเบอร์ ซิตี้' และพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ รวมทั้งด่านศุลกากรชายแดน
โดย พล.อ.ประยุทธ์ ออกเดินทางจาก ฝูงเครื่องบิน กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก ดอนเมือง กรุงเทพฯ เวลา 07.00 น. ไปยังท่าอากาศยานทหาร กองบิน 7 อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการปลูกกล้วยหอมทองแซมในสวนยางพารา ที่บ้านนายวิสูตร คันธรักษา (สมาชิกสหกรณ์การเกษตรบ้านนาสาร จำกัด) หมู่ 4 ต.ท่าเรือ อ.บ้านนาเดิม จ.สุราษฎร์ธานี และตรวจเยี่ยมกิจกรรมประชารัฐ พร้อมมอบเงินช่วยเหลือตามโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยางและพบปะประชาชน ที่โรงเรียนบ้านหนองเรียน หมู่ 5 ต.นาใต้ อ.บ้านนาเดิม
ปีหน้าเดินสายทั่วประเทศ
จากนั้นในช่วงบ่าย พล.อ.ประยุทธ์เดินทางต่อไปที่.หาดใหญ่ จ.สงขลา เพื่อรับฟังบรรยายสรุป "โครงการ Rubber City และพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษ" ที่อาคารศูนย์บริการการลงทุนโครงการนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง เยี่ยมชมและทำพิธีเปิดอาคารศูนย์บริการการลงทุนโครงการนิคมอุตสาหกรรมเมืองยาง (Rubber City) อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พร้อมพบปะประชาชน ก่อนเดินทางต่อไปยังอ.สะเดา เพื่อทำพิธีเปิดอาคารด่านพรมแดนสะเดาขาออก พบปะประชาชนและเยี่ยมชมอาคารด่านพรมแดนสะเดาขาออก ที่ด่านศุลกากรสะเดา
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ นายกฯและคณะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร กองบิน 56 อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ถึงฝูงเครื่องบิน กองการบิน ศูนย์การเคลื่อนย้ายกองทัพบก เขตดอนเมือง กรุงเทพฯ ในเวลา 18.40 น. ทั้งนี้ในปี 2559 นายกฯมีกำหนดการเดินทางลงพื้นต่างๆ เพิ่มมากขึ้น เพื่อตรวจเยี่ยมและติดตามการดำเนินงานที่สั่งการตามนโยบายของรัฐบาลว่าแปลงไปสู่การปฏิบัติเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนดตามดัชนีชี้วัดได้จริงหรือไม่
'ปู'ทวีตเหน็บรัฐบาล
วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ส่วนตัว ว่า "การเมืองคือการจัดสรรทรัพยากรที่มีอยู่อันจำกัดของประเทศ เพื่อประโยชน์สุขของคนส่วนใหญ่ เป็นการวัดความสามารถของรัฐบาลผ่านการลงคะแนนเสียงเลือกตั้งของประชาชน ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกหรือความตั้งใจของตัวเองเป็นตัววัด"
ด้านนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวกรณีพล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกฯ อบรมสื่อมวลชนเนื่องจากนำเสนอข่าวสารที่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สบายใจและขอให้สื่อกลับตัวกลับใจหยุดทำร้ายสังคมและประเทศชาติว่า หากไม่มีการพาดพิงถึงโครงการรับจำนำข้าวในทางเสียหาย ตนจะไม่ออกมาให้ความเห็นเพราะกลัวจะถูกป้ายสีว่าเอาใจสื่อ จึงขอแสดงความเห็น ดังนี้
เพื่อไทยชักแถวอัด'ไก่อู'
นายอนุสรณ์ ระบุว่า 1.อยากเตือนสติโฆษกรัฐบาล ผ่านถึงรัฐบาลว่าประชาชนจะทำหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของสื่อ เพราะสื่อเป็นธุรกิจที่อยู่ได้ด้วยการสนับสนุนของประชาชน หากนำเสนอข่าวสารที่ขัดต่อความเป็นจริง ประชาชนจะเลิกเชื่อถือและเลิกบริโภคสื่อนั้น โฆษกรัฐบาลจะวิตกไปทำไม
2.โฆษกรัฐบาลกล่าวหาว่าสื่อมวลชนบางค่าย ช่วยปกปิดกลบเกลื่อนความผิด ความเสียหายที่รัฐบาลเก่าทำไว้กับประเทศชาติ ละเลยที่จะนำเสนอความจริงให้ประชาชนรับทราบเกี่ยวกับโครงการรับจำนำข้าวที่รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องเข้ามาจัดการปัญหานั้น ตนคิดว่าสื่อทุกชนิดได้นำเสนอข้อเท็จจริงในเรื่องนี้ จนประชาชนทราบดีแล้วว่าคดีนี้เป็นคดีแรก ที่นายกฯ ผู้ดำเนินโครงการเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรถูกดำเนินคดีด้วยวิธีที่แปลกพิสดาร แต่เมื่อคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง สื่อจึงไม่วิจารณ์เรื่องนี้อีกเพราะต้องรอผลของคำพิพากษาของศาลที่จะชี้ถูกผิด จะได้ไม่กดดันการพิจารณาคดีของศาล นับได้ว่า สื่อมีจรรยาบรรณหรือมีมารยาท และมารยาทเหล่านี้ โฆษกรัฐบาลน่าจะศึกษาหรือหามาอ่าน แต่คงต้องซื้อมาหลายฉบับ
ชี้ต้องมีจรรยาบรรณด้วย
3.ขอให้ความรู้เป็นวิทยาทานแก่โฆษกฯ ว่า การทำงานของทุกรัฐบาล เป็นการทำงานต่อเนื่อง รัฐบาลใหม่จะต้องรับผิดชอบงานเดิมที่รัฐบาลเก่าทำไว้ซึ่งเป็นหน้าที่ เช่น รัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตรต้องรับผิดชอบใช้หนี้เงินกู้ไอเอ็มเอฟ แม้ไม่ได้เป็นผู้ก่อหนี้ แต่ไม่เคยเห็นนายทักษิณ ต่อว่ารัฐบาลเก่า ซึ่งรัฐบาลหน้าก็มีหน้าที่ต้องแก้ไขความเสียหายที่เกิดจากการยึดอำนาจหรือความเสียหายที่รัฐบาลนี้ก่อไว้โดยไม่มีสิทธิปฏิเสธ รวมถึงรัฐบาลต้องชำระหนี้ซื้อเรือเหาะที่เหาะไม่ได้ หรือ ซื้อเครื่องตรวจจับระเบิดที่ลวงโลก ก็ไม่เคยเรียกร้องให้สื่อโจมตีหรือช่วยกันใส่ร้าย เพราะเรื่องอยู่ระหว่างการดำเนินคดีของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แล้ว แม้จะล่าช้ากว่าคดี ของพวกตน
4.แม้น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นผู้หญิง ก็พร้อมต่อสู้คดีเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ตามกฎหมาย ไม่เคยคิดให้ใครออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ ซึ่งเป็นพฤติกรรมของพวกขี้ขลาดที่หนีการตรวจสอบ สิ่งนี้คือความสง่างามของพวกเรานักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง โฆษกรัฐบาลกล่าวถึงจรรยาบรรณของสื่อ แต่ต้องไม่ลืมว่าโฆษกฯก็ทำหน้าที่ดังกล่าวอยู่และต้องมีจรรยาบรรณด้วยเช่นกัน สิ่งที่ต้องทำ คือพิจารณาตัวเอง หากบกพร่องก็ควรแก้ไข ซึ่งเป็นพฤติกรรมของคนดี ไม่ใช่แก้ตัวด้วยการให้ร้ายผู้อื่น ซึ่งเป็นพฤติกรรมของคนอีกประเภท
ถามกลับใครปูดผังล้มเจ้า
นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ทวีตข้อความทางทวิตเตอร์ ระบุว่า "พล.ต.สรรเสริญ ไหนครับ คนที่พูดเรื่องผังล้มเจ้า ที่การพูดสร้างความชอบธรรมให้ใช้เขตกระสุนจริงทำร้ายประชาชน จะไปใส่ใจทำไม พล.ต.สรรเสริญ คนนี้ที่ตอน มีระเบิดลงที่สี่แยกราชประสงค์และมีคน เสียชีวิตจำนวนมาก เพียงไม่กี่นาทียังไม่ถึงชั่วโมงในขณะที่ยังไม่ได้เข้าไปตรวจจุดเกิดเหตุ ยังไม่มีการไต่สวนใดๆ ก็ออกมาแถลงโยน ความผิดไปให้กลุ่มการเมืองที่คิดต่างทันที คนอย่างนี้มีอะไรที่ควรค่าแก่การใส่ใจ กลับไปทำงานในหน้าที่โดยตรงของท่านเองในหน่วยงานเดิมที่สังกัดดีกว่าไหม ที่พูดไม่ทราบว่าสร้างความนิยมหรือทำลายความนิยมของรัฐบาลลงทุกวัน เบื่อจริงๆ"
นายภูมิธรรม ระบุว่า 30 บาทรักษาทุกโรค จะยกเลิกหรือจะเปลี่ยนแปลงเพราะรัฐบาลแบกภาระไม่ไหว ล้วนเป็นคำพูดที่เริ่มต้นและออกมาจากปากของผู้นำและรัฐมนตรีในรัฐบาลทั้งสิ้น เพียงชั่วค่ำคืนพลิกกลับเป็นไม่ได้พูดแล้ว ยังจะเหลือสิ่งใดให้เชื่อถือ ก่อนจะถามหาจริยธรรมของผู้อื่น เริ่มต้นค้นดูจริยธรรมของตนเองก่อนดีกว่าว่าจะหาได้สักเท่าใด ตนแค่เริ่มต้นสะท้อนความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ที่ยังลำบากอยู่ให้รัฐบาลทราบว่า ถ้ายกเลิก คนส่วนใหญ่ของประเทศจะเดือดร้อนหนัก ถ้ารัฐบาลไม่มีความสามารถจะบริหาร ก็หลีกทางให้คนที่เขาทำได้มาทำง่ายนิดเดียว เสนอแค่นี้ ทนฟังไม่ได้ แล้วจะไปรับฟังความเห็นเรื่องใหญ่ๆ ที่จะนำไปแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศได้อย่างไร เหนื่อยจริงๆ
แนะอดทนเสียงวิจารณ์
ส่วนนายชวลิต วิชยสุทธิ์ รักษาการรองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ความจริงรัฐบาลควรอดทนต่อเสียงวิพากษ์วิจารณ์แล้วมองที่สาเหตุว่าวิจารณ์เพราะอะไร โดยไม่ควรวิตกกังวลเนื่องจากผลโพลสำรวจความนิยมที่มีต่อรัฐบาลก็มีคะแนนนิยมออกมาอย่างท่วมท้น สำหรับประเด็นการวิพากษ์วิจารณ์โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการรับจำนำข้าวนั้น เมื่อรัฐบาลมองต่างมุมกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มโครงการดังกล่าวก็ เป็นธรรมดาที่ พรรคเพื่อไทยจะต้องออกมา ปกป้องโครงการที่มั่นใจว่าเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน
"ผมเคยกล่าวไว้หลายครั้งว่า โครงการรับจำนำข้าว ในส่วนคดีอาญา เรื่องอยู่ในกระบวนการพิจารณาของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ฝ่ายรัฐบาลจึงควรระมัดระวังการให้ความเห็น ที่อาจก้าวล่วงหรือชี้นำไปยังกระบวนการยุติธรรม ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมอย่างยิ่งแก่น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่เป็นผู้ถูกกล่าวหา สำหรับคดีแพ่ง เมื่อรัฐบาลเลือกใช้วิธีออกคำสั่งทางปกครอง ไม่เลือกใช้วิธีฟ้องเรียกค่าเสียหายตามกระบวนการศาลยุติธรรม รัฐบาลควรเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาได้นำพยานหลักฐานเข้าต่อสู้ตามกฏหมายและระเบียบที่กำหนดไว้เพื่อความเป็นธรรม" นายชวลิตกล่าว
อย่าแจงแต่เรื่องที่ได้เปรียบ
นายสมคิด เชื้อคง อดีตส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พล.ต.สรรเสริญ ระบุมีสื่อมวลชนบางฉบับ กล่าวหาใส่ร้ายและค้านการทำงานของรัฐบาลทุกเรื่อง รวมทั้งต่อว่าส.ส.พรรคเพื่อไทยใส่ร้ายหรือพูดชวนเชื่อว่ารัฐบาลจะยกเลิกโครงการ 30 บาทรักษา ทุกโรค คนที่เป็นโฆษกรัฐบาลควรรู้บทบาทและหน้าที่ หากสื่อนำเสนอไม่ตรง ก็ชี้แจงได้อยู่แล้ว เพราะมีเครื่องมือมากมายที่ได้เปรียบใครๆ อยู่แล้ว อย่ากลัวที่จะชี้แจงความจริง และควรชี้แจงทุกเรื่อง ไม่ใช่เลือกชี้แจงแต่เรื่องที่ได้เปรียบคนอื่น ที่สำคัญไม่ควรสร้างความขัดแย้งเพิ่ม ไม่ใช่คิดอะไรไม่ออกก็กล่าวหานักการเมืองที่ตนเองไม่ชอบ
นายสมคิด กล่าวว่า ส่วนที่ระบุว่าคนพรรคเพื่อไทยพูดชวนเชื่อว่าจะยกเลิกนโยบาย 30 บาทนั้น คนเพื่อไทยไม่ได้คิดเอง คนพูดผ่านสื่อคือนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุขและคนก็แสดงความเห็นว่าหากทำจริงก็ไม่เห็นด้วย ไม่ใช่มีแต่คนเพื่อไทย ที่ไม่เห็นด้วย ใครกันแน่ที่ชอบชวนเชื่อ สร้างความเสียหาย ระเบิดตูมราชประสงค์ก็รีบใส่ร้ายคนอีกด้านหนึ่ง ใครกันที่แถลงโครมๆ เรื่องผังล้มเจ้า สุดท้ายเป็นอย่างไร หากคนนี้ยังเป็นโฆษกต่อไปจะสร้างปัญหาต่อไป ถ้าเป็นรัฐบาลปกติเขาไล่ให้ลาออกไปแล้ว
ไล่ไปฟังหมอปิยะสกลพูด
นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวในรายการมองไกล ผ่านยูทูบเมื่อ 27 ธ.ค.ว่า พล.ต.สรรเสริญ ออกมาด่าแบบ ค้ากำไรเกินควร ซึ่งเป็นนิสัยที่ติดมาจาก เมื่อครั้งเป็นโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) เมื่อปี 2553 พรรคเพื่อไทยไม่ได้ให้ข่าวเป็นเท็จ แต่เป็นการแถลงผลงานของ นพ.ปิยะสกล ที่ระบุชัดเจนว่าถ้ายังจ่ายเงิน 30 บาทรักษาทุกโรคต่อไปแล้ว ระบบหลักประกันสุขภาพอยู่ไม่ได้แน่นอน จึงตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะต้องให้ประชาชนมาร่วมออกเงินตามหลักประชารัฐ
"ผมไม่มีหน้าที่มาให้คุณดุด่าได้ คนเผาความรัก ความสามัคคีก็อย่างที่คุณทำอยู่นี่ไง ถ้าไม่เลิก 30 บาท ต้องไปบอก รมว.สาธารณสุขว่า มาพูดอย่างนั้นทำไม เมื่อทำหน้าที่เป็นโฆษกของผู้มีอำนาจ อย่าคิดว่า จะด่าใครได้ คิดผิดแล้ว ถ้าไม่อธิบายตามหลักการโฆษกที่ควรเป็น ก็อย่ามาหลอกด่าคนอื่น ถ้าพูดดีไม่ได้ ก็อย่าพูดชั่ว อย่าเข้าใจว่า ตัวเองพูดอะไรก็ได้" นายจตุพรกล่าว
"โต้ง"ฉะไม่ยืดเวลาสอบคดีข้าว
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง อดีตรมว.คลัง เขียนข้อความทางเฟซบุ๊กถึงการแถลงผลงานรัฐบาลในรอบ 1 ปีว่า วันคริสต์มาสของตนปีนี้ไม่ชื่นมื่นหัวใจ เพราะเผลอไปฟังการกล่าวปิดแถลงสรุปผลการดำเนินงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปี นอกจากจะจับเนื้อหาของสุดยอดผลงานน่าภาคภูมิใจของรัฐบาล จนมีความนิยมจากประชาชนเกือบเต็มร้อยไม่ค่อยได้แล้ว ยังได้ยินการพาดพิงถึงรัฐบาลก่อนในเรื่องโครงการรับจำนำข้าวเปลือก ที่มีใจความสำคัญว่าจะไม่ขยายเวลาสอบสวนเพื่อเอาผิดทางละเมิด เพื่อสั่งให้ชดใช้เป็นทรัพย์สิน และจะไม่ยอมรับผิดชอบใดๆ จากการขายข้าว
นายกิตติรัตน์ ระบุว่า ขอแสดงความรู้สึกอย่างกระชับที่สุดว่า ลุแก่อำนาจ และไร้ยางอาย การให้โอกาสแก่ผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงและให้ข้อมูลอย่างเพียงพอ เป็นสาระสำคัญของพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิด พ.ศ.2539 ที่เอามาใช้ และระเบียบสำนักนายกฯ ที่ใช้ ประกอบพ.ร.บ.ดังกล่าว ดังนั้น การกล่าวว่าจะไม่ขยายเวลาสอบข้อเท็จจริงจนครบถ้วนกระบวนความ ทั้งที่ผู้เกี่ยวข้องยังมีคำชี้แจง และข้อมูลที่จะแสดงต่อคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงอยู่อีกมาก ย่อมตีความเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากจะสรุปได้ว่าผู้มีอำนาจ ช่างใหญ่โตเสียจนอยู่ในภาวะลุแก่อำนาจ ไม่คำนึงถึงกฎหมายของบ้านเมือง
โยนผิดระบายข้าว-ไร้ยางอาย
อดีตรมว.คลัง ระบุว่า ส่วนเรื่องการระบายข้าวด้วยวิธีการและกระบวนการที่อาจไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะปิดโกดังไว้เนิ่นนานจนมีการเสื่อมสภาพเกินควร จนถึงการระบายข้าวที่น่ากังขา โดยเฉพาะการประมูลข้าวที่อ้างว่าเสื่อมสภาพ กว่า 37,000 ตัน ที่ถูกจับตาและทักท้วง แม้จะดูเหมือนมีประกาศตามมาตรา 44 มาคุ้มกันไว้ ก็ชัดเจนในประกาศว่าคุ้มครองแต่การดำเนินการที่สุจริตเท่านั้น การที่คิดจะไปเที่ยวโยนอะไรต่อมิอะไรให้คนก่อนที่ไม่ได้รู้เห็นการปฏิบัติอันอาจไม่สมควรของพวกท่านนั้น อยากถามดังๆ ว่า ไม่มียางอายกันบ้างเลยหรือ
"ผมเข้าใจว่า ผู้นำคงจะเข้าใจผิดเรื่องค่าเสียหายชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ เพราะการขายข้าวราคาถูกกว่าคุณภาพที่ถูกต้องนั้น คนที่ต้องรับผิดชอบคือเซอร์เวเยอร์ หรือเจ้าของโกดังไม่ใช่รัฐบาล แต่ถ้าขายราคาถูกกว่าราคาตลาดจนเกินสมควรนี้ คนที่ได้ประโยชน์จากส่วนต่างราคาคือผู้ซื้อและคนที่ไม่สุจริต ซึ่งรัฐบาลควรรีบตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงโดยเร็ว ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามเหมือนโครงการอุทยานราชภักดิ์" นายกิตติรัตน์ ระบุ
จี้"ดอน"พูดความจริงให้ครบ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า การที่นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ระบุว่าที่ผ่านมาใช้เวลาชี้แจงสร้างความเชื่อมั่นให้ต่างชาติได้เข้าใจถึงการที่ทหารต้องปฏิวัตินั้น เห็นได้ชัดว่านานาชาติเฝ้าติดตามและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในไทย อยากให้พูดความจริงให้ครบถ้วน ที่อยากเห็นมากที่สุดคือชี้แจงให้คนไทยรับรู้ว่า การไปร่วมประชุมในเวทีต่างๆ ของผู้นำรัฐบาล ที่ไม่ได้มาจากกระบวนการประชาธิปไตย แตกต่างจากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งอย่างไรบ้าง การไปขอให้เขาเชิญไทยไปเยือนประเทศเขาอย่างเป็นทางการ มีการตั้งแถวทหารกองเกียรติยศต้อนรับหรือไม่
นายสุรพงษ์กล่าวว่า ส่วนที่ไทยเสนอตัวเข้าแข่งขันเป็นสมาชิกไม่ถาวรในสภาความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ที่จะมีการเลือกตั้งกันในปีนี้ โดยใช้งบรณรงค์หาเสียงไปกว่า 600 ล้านบาทนั้น โอกาสที่จะได้รับเลือกเป็นอย่างไร หรือเราต้องสูญงบ 600 ล้านบาท ถ้ารู้อย่างนี้แล้วนำเงินมาใช้ในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ช่วยเหลือคนยากจนดีกว่า ส่วนการแก้ปัญหาการลักลอบค้ามนุษย์ การดูแลจัดการขบวนการหลบหนีเข้าเมือง การบังคับใช้แรงงานเด็ก จะเป็นปัญหาใหญ่อยู่ดี ขอให้กำลังใจรัฐบาลแก้ปัญหาให้ได้ ไม่ต้องให้โฆษกรัฐบาลออกมาชี้แจงผิดๆ ให้คนไทยเข้าใจอะไรผิดๆ อีกต่อไป
สปสช.กางงบบัตรทอง
นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รักษาการเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) กล่าวถึงโครงการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือบัตรทอง ซึ่งดำเนินการโดย สปสช.มาตั้งแต่ปี 2545 ว่า ที่ผ่านมาระบบการเงินการคลังมาจากงบประมาณแผ่นดินที่ได้จากภาษีที่ประชาชนทุกคนจ่ายอยู่ ซึ่งกองทุนโตขึ้นจริง แต่มีความเข้าใจผิดอยู่ว่า กองทุนบัตรทองใช้จ่ายงบของรัฐร้อยละ 16-17 ของงบประมาณประเทศ แต่ข้อเท็จจริงบัตรทองใช้เพียง ร้อยละ 5 ส่วนตัวเลข ร้อยละ 16-17 นั้น เป็นตัวเลขงบประมาณด้านสุขภาพโดยรวมของกองทุนสุขภาพทุกระบบที่รัฐให้ประชาชน
งบประมาณของบัตรทองปีนี้ อยู่ที่ 1.4 แสนล้านบาท ในจำนวนนี้แบ่งเป็นเงินเดือนของบุคลากร ในโรงพยาบาลสังกัด สธ. 4 หมื่นล้านบาท เหลือซื้อบริการจริง 1.1 แสนล้านบาท ภายใต้งบประมาณแผ่นดินที่มีอยู่ประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท หรือเท่ากับเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยร้อยละ 4-5 ซึ่งเป็นไปตามอัตราเงินเฟ้อของประเทศ และน่าจะมีการเพิ่มใหญ่จริงในปี 2549 เพิ่มมากกว่าร้อยละ 5 และไม่เพิ่มเลยในช่วงหลังน้ำท่วม ปี 2556-2557 ปี 2558 รัฐบาลมีแผนไม่เพิ่ม แต่โรงพยาบาล มีปัญหาขาดสภาพคล่องเลยเพิ่มร้อยละ 3
เผยแนวทางร่วมจ่าย
นพ.ประทีปกล่าวว่า ที่ผ่านมา นักวิชาการทั้งภายในและภายนอก สปสช.ได้ร่วมกันศึกษาหาวิธีการเพิ่มงบประมาณเข้ามาในระบบ ซึ่งส่วนใหญ่เห็นตรงกันหมดว่าระยะยาวต้องมีส่วนร่วมจ่าย แต่วิธีการอาจจะเป็นการร่วมจ่ายก่อนเจ็บป่วยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เช่น 1.เก็บเงินสมทบคล้ายกับกองทุนประกันสังคม ส่วนอัตราจะอยู่ที่เท่าไหร่ต้องขึ้นอยู่กับการคำนวณทางคณิต ศาสตร์ประกันภัย 2.เก็บภาษีผู้บริโภค ภาษีการทำธุรกรรมทางการเงิน ภาษีน้ำมัน แต่ต้องระบุว่าสำหรับกองทุนบัตรทอง คือ ให้เป็นภาษีสำหรับกองทุนเฉพาะ (Earmarked Tax) ตรงนี้ยังต้องศึกษา เพราะมีผลกระทบกับแต่ละกลุ่มคนแตกต่างกัน
ส่วนถ้าหากจำเป็นต้องร่วมจ่าย ณ จุดบริการ หรือหลังการเจ็บป่วย เดิมเก็บ 30 บาทนั้น ถ้าจะทำต้องไม่เป็นอุปสรรคกับคนกลุ่มหนึ่ง โดยเฉพาะคนรายได้น้อยเข้าไม่ถึงบริการ หรือเกิดความรู้สึกว่าถูกแบ่งชนชั้น ดังนั้น อาจจะให้มีการร่วมจ่ายกรณีที่ต้องการบริการที่มากกว่ามาตรฐานด้านสาธารณสุข เช่น ค่าห้องพิเศษ ค่าบุคลากรพิเศษ เป็นต้น ดังนั้น โดยสรุปคือ ต้องมีการหาแหล่งงบประมาณจากหลายแหล่งมาเพิ่มเติมเพื่อให้ระบบยั่งยืน ส่วนแนวทางขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการจัดทำแนวทางการระดมทรัพยากรเพื่อความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ และนโยบายของรัฐบาล
'วันชัย'โดดป้องรัฐบาล
นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมา ธิการ(กมธ.)ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่า ขณะนี้มีนักการเมืองหน้าเดิมๆ หลายคนออกมากล่าวหาโจมตีรัฐบาล รวมทั้ง สปท.และคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)ว่าไม่เข้าใจปัญหาของประเทศ แก้ปัญหา ไม่ถูกจุด ไม่รู้ปัญหาของประชาชน ไม่เข้าใจปัญหาการเมือง พูดเหมือนว่าตัวเองที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้นที่จะรู้ปัญหาเข้าใจปัญหา
"แม้รัฐบาล คสช. สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) สปท.และกรธ. จะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ก็เข้าใจปัญหาของประเทศไม่ได้ ยิ่งหย่อนไปกว่านักการเมืองบางคนเสียอีก เพราะคนพวกนั้น มักจะจมปลักอยู่ในวังวนของการเมืองเก่าๆ ซึ่งเป็นการเมืองที่แสวงประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้องมากกว่า ที่จะคำนึงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน" นายวันชัยกล่าว
นายวันชัย กล่าวว่า เท่าที่รัฐบาลทำงานมา ปีเศษและได้แถลงผลงานมา โดยเฉพาะเกี่ยวกับการแก้ปัญหาความสงบเรียบร้อยในบ้านเมือง แก้ปัญหาการบุกรุกป่าไม้ทำลายทรัพยากร ธรรมชาติ จัดระเบียบสังคม วางรากฐาน การบริหารราชการแผ่นดินและงบประมาณ รวมทั้งการปราบปรามคอร์รัปชั่น ทั้งหมดนี้ถือว่าเป็นผลงานมากกว่ารัฐบาลที่มาจาก การเลือกตั้ง 5-6 ปีที่ผ่านมา ซึ่งไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย
"ชาติชาย"ยันรธน.ไม่มีเกี้ยเซี้ย
นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงแนวทางการทำงานช่วงสุดท้ายก่อนได้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับแรก เดือน ม.ค.2559 ว่า ขณะนี้เหลือในส่วนของการปฏิรูป ที่เบื้องต้นกรธ.ได้หารือกัน แต่ยังไม่เป็นกิจจะลักษณะ ความเห็นส่วนตัวมองว่า คงไม่มีเนื้อหาที่เกี่ยวกับการสร้างความปรองดอง แต่จะมีเพียงเนื้อหาที่เกี่ยวกับการปฏิรูปเท่านั้น เนื่องจากมองว่า หากสามารถผลักดันการปฏิรูปได้แล้ว จะนำไปสู่ความปรองดองเอง เราจะไม่เขียนให้ฝ่ายที่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์มา จับมือกัน เพราะหากกระบวนการต่างๆ ยังเหมือนเดิม เดี๋ยวก็ทะเลาะกันอีก
นายชาติชาย กล่าวว่า เนื้อหาในส่วนนี้ จึงจำเป็นต้องสร้างกลไกหรือรูปแบบใหม่ให้เกิดการปฏิรูป ด้วยการกำหนดหลักการปฏิรูปที่สำคัญไว้ 2-3 เรื่อง ลงรายมาตราสัก 2-3 มาตรา ส่วนปฏิรูปด้านอื่นๆ จะเขียนไว้กว้างๆ แล้วไปใส่รายละเอียดไว้ในกฎหมายลูก เช่น การปฏิรูปกฎหมายเป็นเรื่องสำคัญ ต้องใส่รายละเอียดว่า จะทำอย่างไร ให้ทุกฝ่ายต่างยอมรับได้ ลบคำครหาเรื่องสองมาตรฐานทิ้งไป
โต้จงใจทำตำหนิให้โดนคว่ำ
โฆษกกรธ. กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่า แนวทางปฏิรูปจะใส่ไว้เป็นหมวดเฉพาะ หรือจะกระจายไปอยู่ตามส่วนต่างๆ อย่างหมวดแนวนโยบายพื้นฐานแห่งรัฐ หมวดหน้าที่ของรัฐ และบทเฉพะกาล ที่จะกำหนดวิธีและเวลาการดำเนินการอย่างชัดเจน ซึ่งหากกำหนด อยู่ในหมวดหน้าที่ของรัฐและบทเฉพาะกาล จะมีสภาพบังคับ รัฐบาลต้องทำตาม หากไม่ทำมีโทษ
ผู้สื่อข่าวถามถึงการที่ฝ่ายการเมืองมองว่า กรธ.จงใจร่างรัฐธรรมนูญให้มีตำหนิ เพื่อ ไม่ให้ผ่านประชามติ นายชาติชายกล่าวว่า เป็นคำพูดที่เกินไป ไม่มีใครที่ไหนอยากเสียเวลามานั่งคิดให้ระบมสมอง เพื่อจะให้รัฐธรรมนูญไม่ผ่าน มันไม่มีเหตุจูงใจพอที่จะให้ทำแบบนั้น ตนไม่รู้สึกกังวลอะไรต่อถ้อยคำดังกล่าว แต่ยังคงทำตามหน้าที่ ใช้ความรู้เชิงวิชาการ มาเขียนกฎกติกาให้ทุกคนในสังคม ไม่ใช่เพื่อคนใดคนหนึ่ง
เชื่อนักการเมืองหวังตีรบ.
นายชาติชาย กล่าวว่า ส่วนที่เรียกร้องให้นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.และกรธ. รับผิดชอบ ขอถามกลับว่า จะให้รับผิดชอบอะไร เพราะเมื่อร่างรัฐธรรมนูญเสร็จพวกเราทั้ง 21 คน ต้องไปอยู่แล้ว ขอเรียกร้องให้ ทุกฝ่ายช่วยกันทำความเข้าใจกับประชาชนมากกว่าว่า สิ่งที่กรธ.กำลังร่าง มันมีมูลเหตุที่มาจากความบกพร่องบางอย่าง แล้วกรธ.กำลังทำหน้าที่คลายปมนั้นอยู่
"การร่างรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่การกระทำทางอาญา หรือทางแพ่ง ที่จะมาฟ้องร้องกันภายหลังได้ หากที่สุดร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน พวกเราก็เสียชื่อ อีกทั้งกรธ.ไม่ใช่นักการเมือง ที่จะต้องลาออกจากตำแหน่ง แสดงความรับผิดชอบ เพราะเมื่อร่างไม่ผ่าน กรธ.ก็ไม่มีตำแหน่งอะไรแล้ว ประเด็นดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องเชิงการเมือง ที่นักการเมืองสร้างขึ้นมา โดยเป้าหมายที่แท้จริงไม่ได้อยู่ที่กรธ. แต่อยู่ที่รัฐบาล กรธ.เป็นเพียงส่วนที่ต้องรับแรงกระแทกนี้เท่านั้น" นายชาติชายกล่าว
อนุกก.วางกรอบปรองดอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะอนุกรรมการศึกษาประเด็นปัญหาการสร้างความปรองดองของกรธ. ที่มีนายภุมรัตน์ ทักษาดิพงศ์ เป็นประธาน ได้ประชุมเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ที่ ผ่านมา เห็นควรกำหนดแผนการดำเนินการออกเป็น 3 ระยะ โดยระยะที่ 1 การสร้างบรรยากาศที่ดีในการนำไปสู่การสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น โดยเฉพาะการหยุดพฤติกรรมการใส่ร้ายป้ายสีซึ่งกันและกันผ่านช่องทางการสื่อสารในรูปแบบต่างๆ โดยเฉพาะสังคมออนไลน์ ทั้งนี้ รัฐบาลควร มีมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อควบคุมการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารที่บิดเบือนข้อเท็จจริงเป็นสาเหตุสำคัญในการสร้างความขัดแย้งในสังคม
นอกจากนี้ รัฐบาลควรมีมาตรการขั้นเด็ดขาดเพื่อยุติความขัดแย้งในรูปแบบต่างๆ ผ่านการใช้อำนาจตามกฎหมายอย่างเป็นธรรม เช่น การห้ามการชุมนุมที่ฝ่าฝืนกฎหมาย หยุดพฤติกรรมการปลุกปั่นของแกนนำแต่ละฝ่ายที่ยังสร้างความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องให้ประชาชนหลงเชื่อเป็นไปตามวาทกรรมของตน
ระยะ 2 จัดตั้งคณะกรรมการปรองดอง เพื่อสร้างความปรองดองหรือสมานฉันท์ผ่านกระบวนการเจรจาของคู่ขัดแย้งให้เกิดผล อย่างจริงจัง โดยจะต้องประสานความร่วมมือจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
ระยะ 3 การใช้กระบวนการเยียวยา นิรโทษกรรม หรืออภัยโทษ ผ่านการวางแผนอย่างเป็นขั้นตอน คู่กรณีต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุด แล้วจึงจะพิจารณาเรื่องการเยียวยา นิรโทษกรรม อภัยโทษ ตามกระบวนการของกฎหมาย ยกเว้นคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพและคดีอาญาร้ายแรง ?
ทุกคดีต้องขึ้นศาลก่อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะอนุกรรมการฯ ยังมีข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะเพิ่มเติมต่อการนำไปสู่การสร้างความปรองดองให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม ดังนี้ 1.กระบวนการยุติธรรมถือเป็นเสาหลักของสังคมที่จะยึดเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้อง ต่อการสร้างความปรองดองให้เกิดขึ้น โดยการขับเคลื่อนกระบวนการด้านกฎหมายจะต้องมีความเป็นอิสระ เป็นกลาง มีมาตรฐานเดียวกัน ซึ่งทุกฝ่ายต้องให้การยอมรับ
ที่ประชุมเห็นว่า ควรมีการสร้างความเข้าใจให้กับคู่ขัดแย้งว่าคดีที่เกิดขึ้นจากผลการชุมนุมจะต้องผ่านขั้นตอนการพิจารณาคดีโดยชอบด้วยกฎหมายและทุกฝ่ายต้องให้การยอมรับผลดังกล่าว แล้วจึงมาเริ่มต้นเข้าสู่กระบวนการสร้างความปรองดองอย่างเป็นรูปธรรม ควรมีการนำคดีต่างๆ ในส่วนคดีที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ความขัดแย้งในหลายคดีที่ยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีของศาล ควรเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะได้นำผลของกระบวนการยุติธรรมมาศึกษาและวิเคราะห์เพื่อค้นหาวิธีการที่จะนำข้อมูลและสาเหตุความขัดแย้งมาป้องกันความขัดแย้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
นัดถกอีกครั้ง 8 ม.ค.ปีหน้า
2.กรณีที่คณะอนุกรรมการฯ เห็นว่าการทุจริตถือเป็นสาเหตุหนึ่งซึ่งเป็นต้นเหตุสำคัญที่นำไปสู่ความขัดแย้งของสังคม จึงควรมีการพิจารณาศึกษาเพื่อคิดค้นกระบวนการในการหาแนวทางการป้องกันการทุจริตอย่างเป็นระบบ โดยการสร้างกลไกที่สามารถขับเคลื่อนยุทธวิธีในการป้องกันอย่างรอบด้าน ซึ่งที่ประชุมได้นำเสนอแนวทางในการกำหนดรูปแบบการป้องกันการทุจริตอย่างเป็นระบบ โดยการกำหนดไว้ในยุทธศาสตร์ชาติให้มีแผนในการกำหนดระยะเวลาเปลี่ยนผ่านตามบริบทของแต่ละยุคสมัยของสังคม โดยให้มีรูปแบบคณะกรรมการรับผิดชอบโดยตรง
นอกจากนี้ ที่ประชุมมีข้อเสนอแนะต่อกระบวนการป้องกันการทุจริตต่อการร่างรัฐธรรมนูญในหมวดต่างๆ ทั้งในมิติของภาคประชาชน เช่น การต่อต้านการทุจริตทุกรูปแบบ และภาคประชาชนสามารถใช้กลไกในการเรียกร้องการตรวจสอบการทุจริตของภาครัฐได้ เป็นต้น เพื่อให้การดำเนินการในแต่ละมิติเชื่อมโยงและสอดคล้องกัน สามารถป้องกันการทุจริตอันเป็นสาเหตุของความ ขัดแย้งในระยะยาว
ทั้งนี้ คณะอนุกรรมการฯ ได้นัดประชุม ครั้งต่อไปในวันที่ 8 ม.ค.2559 และจะส่งผลการศึกษาเข้าสู่ที่ประชุมกรธ.เพื่อกำหนดเนื้อหาในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างความปรองดอง ก่อนไปประชุมจัดทำร่างรัฐธรรมนูญร่างแรก ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ในวันที่ 10-17 ม.ค.2559
"คณิน"ย้ำไม่ต้องมีศาลรธน.
นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตส.ส.ร.ปี 2540 และสมาชิกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี กรธ.เสนอแนวคิดให้นำร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาไปให้ประชาชนออกเสียงประชามติด้วย แต่ให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็น ผู้วินิจฉัยว่าจะนำร่างใดไปให้ออกเสียงประชามติว่า เห็นด้วยที่จะให้นำร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมที่ผ่านความเห็นชอบของรัฐสภาแล้วไปให้ประชาชนออกเสียงประชามติ แต่ไม่เห็นด้วยที่จะให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้วินิจฉัย เพราะเท่ากับให้ศาลรัฐธรรมนูญใหญ่กว่ารัฐสภา
นายคณิน กล่าวว่า กรธ.ชุดนี้ให้ความสำคัญกับศาลรัฐธรรมนูญมากเป็นพิเศษจนผิดสังเกตโดยไม่ทราบว่าเป็นเพราะอะไร ยืนยันว่าประเทศไทยไม่จำเป็นต้องมีศาลรัฐธรรมนูญ ยิ่งเห็นท่าทีและจุดยืนของกรธ.ชุดที่นายมีชัยเป็นประธาน เริ่มแน่ใจว่ากรธ.จะออกแบบให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นกลไกทางการเมือง สกัดกั้นและควบคุมการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน หากเป็นจริงเท่ากับทำลายหลักการแบ่งแยกอำนาจอธิปไตยและการตรวจสอบถ่วงดุล และยังทำลายเสถียรภาพทางการเมือง ส่วนที่บอกว่าจะร่างรัฐธรรมนูญเพื่อป้องกันการปฏิวัตินั้นเอาเข้าจริง จะกลายเป็นก่อวิกฤตเพื่อเชื้อเชิญการปฏิวัติมากกว่า
หวั่นเป็นโรดแม็ปสู่หายนะ
นายคณิน กล่าวว่า ส่วนที่มีผู้อ้างว่าศาลรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นจากรัฐธรรมนูญปี 2540 แต่ศาลรัฐธรรมนูญขณะนั้นมีหน้าที่แค่ดูว่าร่างพ.ร.บ.ขัดต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่ ถ้าเห็นว่าขัดก็ส่งคืนให้รัฐสภาพิจารณาใหม่ให้รอบคอบมากขึ้น และดูว่าผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองผู้ใดขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญหรือไม่ แต่ประการหลังนี้ไม่ใช่ว่าใครก็ได้ที่จะเสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย เพราะรัฐธรรมนูญปี 2540 ระบุชัดว่า ต้องเป็นสภาผู้แทนราษฎร วุฒิสภา หรือรัฐสภาเท่านั้นที่จะเสนอได้ การทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญปี 2540 ทั้ง 2 ประการนี้ ถือเป็นหลักที่นอกเหนือจากรัฐธรรมนูญบัญญัติแล้วจะไม่อยู่ในอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญที่จะวินิจฉัย
นายคณิน กล่าวว่า ปัญหาคือในตอนท้ายของการใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 ศาลรัฐธรรม นูญใช้อำนาจเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญบัญญัติหลายเรื่อง แม้รัฐธรรมนูญปี 2550 จะบัญญัติเพิ่มอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญขึ้นอีก แต่ยังวินิจฉัยเกินกว่าที่รัฐธรรมนูญบัญญัติจนกลายเป็นวิกฤตนำไปสู่การรัฐประหารเมื่อปี 2557 ดังนั้น การเพิ่มอำนาจให้ศาลรัฐธรรมนูญมากกว่าที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญปี 2550 จึงเท่ากับเป็นโรดแม็ปสู่หายนะทางการเมือง
"เรืองไกร"ขอฟังแถลงราชภักดิ์
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 28 ธ.ค.จะส่งไปรษณีย์ด่วนพิเศษ (อีเอ็มเอส) ไปที่กระทรวงกลาโหมถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เพื่อขอเข้ารับฟังการแถลงผลสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ซึ่งปรากฏเป็นข่าวว่าจะมีการแถลงผลสอบในวันที่ 30 ธ.ค. จึงมีความสนใจจะขอเข้าร่วมรับฟังการแถลงผลสอบข้อเท็จจริง และจะขอสำเนาผลสอบข้อเท็จจริงเพื่อนำมาใช้พิจารณาประกอบเป็นข้อมูลเพิ่มเติมที่จะส่ง ให้หน่วยงานต่างๆ ได้ตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่อย่างยุติธรรมต่อไป อย่างไรก็ตามหาก มีการแถลงข่าวในวันที่ 30 ธ.ค.นี้จริง ตนพร้อมไปร่วมฟังการแถลงข่าวอย่างแน่นอน
โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะได้รับทราบข้อเท็จจริงต่างๆ ดังนี้ 1.ต้นเรื่องของโครงการ เริ่มมาอย่างไร ตั้งแต่เมื่อใด โดยใคร 2.มีการขออนุญาตและได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการพิจารณาการสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติ ตั้งแต่เมื่อใด 3.แบบรูปการก่อสร้างจัดทำขึ้นโดยหน่วยงานใด มีแผนการก่อสร้างแบ่งเป็นสองระยะใช่หรือไม่ ปัจจุบันเป็นเพียงระยะที่หนึ่งใช่ หรือไม่ และงานก่อสร้างระยะที่สองยังไม่แล้วเสร็จใช่หรือไม่
4.สัญญาการซื้อจ้างมีหรือไม่ กี่สัญญา มีการเลือกคู่สัญญาโดยวิธีใด 5.หน่วยงานของรัฐทั้งในส่วนของกระทรวงกลาโหมและหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องมีทั้งสิ้นกี่หน่วยงาน 6.งบประมาณของรัฐทั้งหมดที่ใช้ไปจนถึงวันตรวจสอบเป็นจำนวนเท่าใด 7.เงินและทรัพย์สินที่มีผู้บริจาคสมทบทุนมีจำนวนทั้งสิ้นเท่าใด ใช้ไปและคงเหลือเท่าใด มีหลักฐานการรับ-จ่ายครบถ้วนหรือไม่ 8.คณะกรรมการเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์มีกี่คณะ มีอำนาจหน้าที่อย่างไร และใครเป็นผู้แต่งตั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ระบุว่า พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ประธานคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง จะแถลงผลสอบการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ในวันที่ 30 ธ.ค.นี้
ดีเอ็นเอโกหกไม่ได้ ตร.งัดโต้ หลักฐาน-เกาะเต่า ใช้วิทยาศาสตร์นำ-หลักสากล โปลิศอังกฤษยังจับตา-ไม่มีมั่ว ปิดแผนกกงสุลสถานทูตไทย ผบ.สส.พม่าจี้-ทบทวนคดีใหม่
โฆษก ตร.แถลงคดีเกาะเต่า ทำตามขั้นตอนกฎหมาย มีมาตรฐาน โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีเจ้าหน้าที่จากอังกฤษร่วมสังเกตการณ์ตลอดเวลา ชี้หลักฐานจากกล้องวงจรปิดกว่า 400 ตัว ยันดีเอ็นเอที่ก้นบุหรี่กับที่พบในศพผู้ตายตรงกับ 2 ผู้ต้องหา ผู้การ สพฐ.ยันเก็บวัตถุพยานต่างๆ เป็นไปตามมาตรฐานสากล ด้านพล.อ.มิน อ่อง หล่าย ผบ.สส.พม่าเรียกร้องทบทวนหลักฐานคดีเกาะเต่า หวั่นลงโทษผู้บริสุทธิ์ เผยส่งข้อความอวยพรปีใหม่ให้ 'บิ๊กป้อม'ผบ.สส.ไทย ส่วนผบ.พล.ร.9 ชี้แจงให้แรงงานพม่าฝั่งไทยให้ใจเย็นๆ ยังเหลือศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา นอภ.สังขละบุรี ระบุแรงงานพม่าทยอยมาทำงาน การท่องเที่ยวเริ่มคึกคัก
วันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9161 ข่าวสดรายวัน
คดีเกาะเต่า - พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษกตร. นำทีมสืบ สวนสอบสวน พฐ. และนิติเวช แถลงข่าวคดีฆาตกรรม 2ฝรั่ง ที่เกาะเต่า ยืนยันเป็นไปตามพยานหลักฐาน โปร่งใส และตรวจสอบได้
จากกรณีศาลเกาะสมุยมีคำพิพากษาในคดีเกาะเต่าให้ประหารชีวิตนายซอริน และนายเวพิว 2 จำเลยในคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ขณะเดินทางท่องเที่ยวที่เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี จนเป็นข่าวครึกโครมไปทั่วโลก และเกิดกระแสความไม่พอใจของชาวเมียนมา จนเกิดการชุมนุมที่สถานทูตไทยในประเทศเมียนมาและอีกหลายแห่งตามที่เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น
ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 27 ธ.ค. เดอะโกลบอล นิว ไลต์ ออฟ เมียนมารายงานว่า พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ผบ.สส.ของพม่า เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าได้ส่งข้อความอวยพรเนื่องในโอกาสวันปีใหม่ให้กับพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม และพล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผบ.สส.ของไทย โดยในข้อความดังกล่าว พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง หล่าย ได้เรียกร้องให้ทางการไทยทบทวนหลักฐานในคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่าที่ศาลได้ตัดสินประหารชีวิตแรงงานชาวเมียนมา 2 คน โดยระบุว่าตนเคารพในกระบวนการยุติธรรมไทย แต่สิ่งที่สำคัญคือการหลีกเลี่ยงการตัดสินที่อาจลงโทษผู้บริสุทธิ์ และแสดงความหวังว่าความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้บนหลักความสัมพันธ์ที่ดี และหลักการเคารพซึ่งกันและกันระหว่างประเทศไทยกับพม่า
ด้านพล.ต.ธรรมนูญ วิถี ผบ.พล.ร.9 กล่าวระหว่างลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี ถึง เหตุชุมนุมประท้วงของชาวเมียนมาในคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่าว่า ได้รับรายงานว่าชาวเมียนมา ฝั่งพญาตองซู ตรงข้ามด่านชายแดนเจดีย์ 3 องค์ จะรวมตัวประท้วงเชิงสัญลักษณ์เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 26-28 ธ.ค.นี้ โดยในวันนี้ มีรายงานว่านัดหมายรวมตัวกันเวลาประมาณ 10.00 น. แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่พบความ เคลื่อนไหวใดๆ ซึ่งในวันนี้ทางด่านฝั่งเมียนมาได้ปิดไม่อนุญาตให้คนไทยหรือนักท่องเที่ยวข้ามฝั่งไปยังฝั่งพญาตองซู แต่ในส่วนของ ฝั่งไทยเปิดด่านตามปกติ
"ในวันที่ 28 ธ.ค.จะให้ทหารช่วยไปทำความเข้าใจและชี้แจงแรงงานเมียนมาที่ทำงานอยู่ในฝั่งไทยถึงขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมของไทยว่าแม้ศาลจะตัดสินประหารชีวิต แต่เป็นเพียงศาลชั้นต้น ยังเหลือศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา ดังนั้น ขอให้ใจเย็นๆ" พล.ต.ธรรมนูญกล่าว
ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น.วันเดียวกัน นายปกรณ์ กรรณวัลลี นอภ.สังขละบุรี จ.กาญจน บุรี เปิดเผยว่า หลังจากมีการประท้วงเมื่อวานนี้ (26 ธ.ค.) และได้สลายตัวในเวลาต่อมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยและฝ่ายเมียนมาก็คอยติดตามความเคลื่อนไหวมาโดยตลอด และจนถึงขณะนี้แรงงานชาวเมียนมาก็ได้กลับเข้ามาทำงานตามโรงงานต่างๆ แล้ว ส่วนนักท่องเที่ยวก็เริ่มทยอยมาจับจ่ายซื้อของที่ระลึกตามร้านค้าต่างๆ ที่อยู่โดยรอบเจดีย์ 3 องค์ โดย มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงขอให้ นักท่องเที่ยวที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว ในพื้นที่ อ.สังขละบุรี สบายใจได้ เพราะสถานการณ์เข้าสู่สภาวะปกติแล้ว
ทางด้านกระทรวงการต่างประเทศของไทยเผยว่า ตามที่เกิดเหตุชาวเมียนมาชุมนุมหน้าสถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ต่อกรณีคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ 2 คนที่เกาะเต่านั้น ขอยืนยันว่าเหตุการณ์ ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเมียนมา และพร้อมที่จะทำหน้าที่ประสานงานเพื่อสร้างความเข้าใจระหว่าง 2 ฝ่าย ตลอดจนให้ความช่วยเหลือต่อทางการเมียนมาในการดำเนินการภายใต้กรอบกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งเป็นไปตามหลักสากลต่อไป
ส่วนกรณีที่มีรายงานข่าวว่ามีการปลุกปั่นยุยงชาวเมียนมาให้มาชุมนุมนั้น สถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงย่างกุ้งได้ยืนยันว่าไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด ขอเรียนว่ากระทรวงการต่างประเทศและสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้งได้ติดตามสถานการณ์และประสานงานกับทางการเมียนมาอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่าการชุมนุมจะเป็นไปด้วยความสงบ แต่ทางการเมียนมาได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงย่างกุ้ง และชาวไทยในเมียนมาตามแนวทางการรักษาความปลอดภัยโดยปกติ
ทั้งนี้ มีรายงานผ่านสื่อมวลชนว่าทางการเมียนมาพร้อมที่จะให้ข้อมูลกับประชาชนชาวเมียนมาต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลชั้นต้นได้ ตลอดจนทางการเมียนมาได้เคารพต่อกระบวนการยุติธรรมของไทยและพร้อมที่จะดำเนินการอย่างเต็มที่ภายใต้กรอบกฎหมายของไทยต่อผลการตัดสินคดีดังกล่าว และยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-เมียนมา ที่อยู่ในระดับดียิ่งและมีความใกล้ชิดกันมายาวนาน
วันเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงย่างกุ้ง ได้ออกประกาศว่าจะปิดบริการแผนกกงสุลระหว่างวันที่ 28-30 ธ.ค. สืบเนื่องจากมีการชุมนุมยืดเยื้อบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูต จึงขออภัยในความไม่สะดวก หากมีความจำเป็นเร่งด่วนให้ติดต่อกงสุลได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 0-9509-0926
เมื่อเวลา 10.00 น. วันเดียวกัน ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก ตร. พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผบช.สพฐ.ตร. พล.ต.ต.อภิชาติ สุริบุญญา ผบก.ตท. พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผบก.นต. พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผบก.สพฐ. พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผกก.4 บก.ป. พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผกก.สภ.เกาะพะงัน ร่วมกันแถลงชี้แจงกระบวนการและขั้นตอนการดำเนินคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ
พล.ต.อ.เดชณรงค์ กล่าวว่า ทีมโฆษก ตร. พร้อมเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษได้มาชี้แจงต่อสื่อมวลชนผ่านไปยังประชาชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง โดยยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมา ตั้งแต่เกิดเหตุเป็นไปอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ เป็นไปตามมาตรฐานสากล และมีผู้สังเกตการณ์จากนานาประเทศเข้าร่วม โดยเฉพาะการทำงานของเจ้าหน้าที่ของไทยถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากประเทศอังกฤษ ซึ่งมีมาตรฐานเรื่องการสืบสวนสอบสวนและเป็นประเทศผู้เสียหายอีกด้วย
ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุสำนักงานตำรวจแห่งชาติในตอนนั้นก็ได้ตั้งคณะกรรมการสืบสวนชุดใหญ่ขึ้นมาเพื่อดูแลคดีนี้ โดยมี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. เป็นหัวหน้าชุด ซึ่งก็ยังมีบุคคลบางกลุ่มยังไม่เข้าใจ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อสื่อมวลชนตามลำดับ
พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบสถานการณ์ตอนนี้พบว่ามีคนบางกลุ่มบางพวกได้นำสถานการณ์หลังศาลมีคำพิพากษาคดีนี้ไปปลุกระดมผู้คนออกมาชุมนุม รัฐบาลและสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เป็นห่วงอย่างยิ่งว่าจะบานปลายกระทบไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้นอย่าตกเป็นเหยื่อ พร้อมกันนี้ตนอยากขอร้องกลุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในตอนนี้ว่าโปรดอย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง เพราะเรื่องนี้เป็นเพียงคดีฆาตกรรมที่เป็นคดีของปัจเจกบุคคลไม่อยากให้นำมาโยงกับเรื่องการเมือง
"ระบบยุติธรรมของประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา จึงมีการถ่วงดุลตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนแล้ว จึงต้องเป็นธรรม และเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นก็จะถึงชั้นพนักงานอัยการซึ่งก็มาถ่วงดุลพนักงานสอบสวนอีกชั้นหนึ่ง เพราะตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวนทั้งหมดจะไม่ใช่ผู้กล่าวหาแต่จะกลายเป็นพยาน ขณะที่อัยการจะเป็นโจทก์แทนเพื่อนำฟ้องต่อศาล เมื่อถึงศาล ศาลก็ทำการไต่สวนใหม่อีกรอบหนึ่ง และยังมีอีก 3 ศาลทั้งศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ และศาลฎีกา จึงขอยืนยันว่ากระบวนการสอบสวนของเราไม่มีการเบี่ยงเบนได้แน่นอน อีกทั้งการสอบสวนคดีนี้ชัดเจนมากเพราะเป็นการพิจารณาตัดสินจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งสากลยอมรับและโกหกกันไม่ได้" รอง โฆษก ตร. กล่าวและว่าวันนี้กระบวนการยุติธรรมเดินมาถึงขั้นสุดท้ายที่ศาลแล้ว จึงไม่อยากให้ต่อยอดมาสู่เหตุการณ์ทางการเมืองนำมาซึ่งการชุมนุมก่อการประท้วงกันขึ้น
พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวอีกว่า ในรอบปี 2558 มีคดีที่ชาวพม่าในประเทศไทยกระทำความผิดในข้อหาฆ่าผู้อื่นมากถึง 126 คดี จึงอยากตั้งคำถามว่าทำไมจึงไม่มีใครออกมาต่อต้านหรือประท้วง จึงน่าสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคดีนี้ จึงเป็นไปได้ว่าจะเป็นความพยายามออกมาเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มหรือไม่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจจะต้องตรวจสอบสืบสวนหาข่าวในเชิงลึกหากพบมีใครเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีต่อไป
พล.ต.ท.มนู กล่าวว่า ทาง สพฐ.ตร. ได้เข้าร่วมตรวจพื้นที่เกิดเหตุตั้งแต่แรก ขอยืนยันว่าการเก็บวัตถุพยานต่างๆ เป็นไปตามมาตรฐานสากล มีขั้นตอนที่ชัดเจนตามระเบียบทุกอย่าง
พล.ต.ต.อภิชาติ กล่าวว่า ประเทศพม่ากับไทยมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอยู่แล้ว เช่นเดียวกันประเทศอังกฤษก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย การดำเนินการของทางการไทยจึงต้องเป็นไปอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
พล.ต.ต.ธวัชชัย กล่าวว่า ทางกองพิสูจน์หลักฐาน 8 จ.สุราษฎร์ธานี ได้เข้าไปร่วมเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง มีเพียงส่วนเดียวคือสถานที่เกิดเหตุเป็นทะเลมีน้ำขึ้นมาจึงต้องเคลื่อนย้ายศพผู้ตายเพื่อตรวจสอบ แต่ขั้นตอนทั้งหมดถูกต้องแน่นอน หลังจากนั้น 1 วัน ก็ได้นำพยานหลักฐานมาตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย ก้นบุหรี่ ซึ่งตำรวจได้โปรไฟล์ของดีเอ็นเอตั้งต้นจากศพปรากฏว่าเข้ากันได้กับดีเอ็นเอจากก้นบุหรี่ จึงทำให้การสืบสวนมีการเชื่อมโยงระหว่างจุดที่พบศพกับจุดที่พบจอบ และจุดที่พบก้นบุหรี่ จึงพอทราบได้ว่าสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกัน จนกระทั่งนำดีเอ็นเอของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้มาเทียบกับดีเอ็นเอจากก้นบุหรี่และดีเอ็นเอจากร่างกายผู้ตายปรากฏว่าตรงกัน
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า ตอนที่สถาบันนิติเวชได้รับศพผู้ตายมาก็ได้มีการตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อพิสูจน์ดีเอ็นเอ ซึ่งพบว่ามีดีเอ็นเอแปลกปลอมอยู่ในร่างกายศพทั้ง 2 รายในจุดสำคัญของร่างกาย เราจึงได้เก็บดีเอ็นเอนั้นเอาไว้เพื่อใช้เป็นโปรไฟล์ตั้งต้นเพื่อนำดีเอ็นเออื่นๆ มาตรวจเทียบเคียง ซึ่งยืนยันว่าทุกขั้นตอนเป็นไปตามหลักสากลถูกต้อง และเราได้หลักฐานจากผู้เสียชีวิตมาทั้งหมดเพื่อใช้เทียบเคียงกับหลักฐานวิทยาศาสตร์จากผู้ต้องหา โดยทุกกระบวนการตรวจสอบมีมาตรฐานของห้องปฏิบัติการควบคุมอยู่และทั่วโลกรับรองมาตรฐานนี้ ซึ่งต่างชาติก็พอใจการทำงานครั้งนี้ของไทย
พ.ต.อ.ประชุม กล่าวว่า ตนขอชี้แจงถึงบทบาทของพนักงานสอบสวนที่ทำคดีนี้ โดยทีมสอบสวนได้ร่วมทำคดีตั้งแต่ได้รับแจ้งเหตุ เข้าไปถึงที่เกิดเหตุ เก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทุกส่วนตามขั้นตอน และได้นำพยานในที่เกิดเหตุทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล เข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการกระทั่งมีการพิสูจน์ในชั้นศาลออกมา จึงขอยืนยันว่าพนักงานสอบสวนทำตามขั้นตอนกฎหมายทุกอย่าง โดยคดีนี้มีเป็นคดีร้ายแรงและมีผู้ต้องหาและผู้เสียหายเป็นชาวต่างชาติ มีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิตซึ่งตามกฎหมายต้องให้ทนายความและล่ามแปลภาษาเข้าร่วมสอบสวนทุกขั้นตอน
พ.ต.อ.สันติ กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.จักรทิพย์ ให้ร่วมกระบวนการสืบสวนในพื้นที่และควบคุมการปฏิบัติอย่างใกล้ชิด โดยเราตีกรอบพื้นที่เกิดเหตุตามแนวชายหาดไม่ต่ำกว่า 1.6 กิโลเมตร และลึกเข้าไปในแผ่นดินไม่ต่ำกว่า 500 เมตร ซึ่งเราได้แสวงหาพยานหลักฐานทั้งพยานบุคคล และพยานวัตถุ ทั้งกล้องวงจรปิดรวมถึงการเข้าไปซักถามบุคคลที่เกี่ยวข้องในที่เกิดเหตุทั้งหมด โดยเฉพาะผู้ประกอบการร้านค้า ร้านอาหาร โรงแรม และเรือประมงทุกคน โดยเราได้เก็บตัวอย่างดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุไม่น้อยกว่า 360 ตัวอย่าง ขณะที่กล้องวงจรปิดเราเก็บภาพมาไม่น้อยกว่า 400 ตัว ซึ่งกล้องวงจรปิดสามารถใช้ประกอบการพิจารณาของศาล ส่วนดีเอ็นเอเป้าหมายนั้นเราวางกรอบในการตรวจสอบตั้งแต่แรก นอกจากนี้ตำรวจสามารถตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไว้ได้จนนำไปสู่การพิสูจน์ตัวผู้ต้องหาร่วมกับดีเอ็นเอได้
จากนั้นผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ. เดชณรงค์ ได้ตั้งคำถามกับ พ.ต.อ.ประชุม ในฐานะตัวแทนพนักงานสอบสวนคดีนี้ต่อหน้าสื่อมวลชนถึงการรวบรวมพยานหลักฐานไปส่งให้อัยการพิจารณา ทางพนักงานสอบสวนถูกตรวจสอบจากอัยการอย่างไรบ้าง ผกก.สภ.เกาะพะงัน กล่าวว่า หลังจากพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการแล้วก็ไม่ได้ส่งฟ้องต่อศาลทันที แต่ทางอัยการได้สั่งให้ให้พนักงานสอบสวนสอบสวนเพิ่มเติมอีก 3 ครั้งเพื่อให้สำนวนเกิดความรอบคอบรัดกุมมากขึ้น ซึ่งถือเป็นการถ่วงดุลกันของเจ้าหน้าที่แต่ละฝ่ายที่รับผิดชอบคดีนี้
พล.ต.อ.เดชณรงค์ถามต่อว่าหลังจากกระบวนการทุกอย่างไปถึงชั้นศาลกระทั่งมีคำพิพากษาออกมานั้น แสดงให้เห็นว่าศาลไม่ได้ใช้คำสารภาพของผู้ต้องหาและคำบอกกล่าวของพยานบุคคลในการตัดสิน แต่ศาลใช้พยานหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้นใช่หรือไม่
พ.ต.อ.ประชุม กล่าวว่า เมื่อเรื่องเข้าสู่ชั้นศาลนั้นจำเลยได้ให้การปฏิเสธ ซึ่งจำเลยทั้ง 2 คน ได้จ้างทนายความมาว่าความรวมทั้งหมด 7 คน ซึ่งเป็นทนายความที่มาจากส่วนกลางและเป็นมือชั้นเยี่ยมทั้งหมด ทำให้เห็นว่าศาลได้ให้โอกาสจำเลยในการสู้คดีอย่างเต็มที่แล้ว โดยคำพิพากษาของศาลไม่ได้พูดถึงคำรับสารภาพในชั้นสอบสวนของผู้ต้องหาเลยแต่ใช้หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า ขอให้ช่วยอธิบายการตรวจสอบดีเอ็นเอของด้ามจอบในคดีนี้เพราะมีข้อสงสัยกันมากโดยเฉพาะจากทนายความฝ่ายจำเลย พล.ต.ต.ธวัชชัยกล่าวว่า การดำเนินการครั้งแรกนั้นทนายความของจำเลยอาจเข้าใจว่ามีผู้ให้ข่าวว่าการตรวจดีเอ็นเอบนจอบไม่ตรงกับจำเลยทั้ง 2 คน ข้อเท็จจริงคือจากการตรวจสอบของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์พบว่ามีดีเอ็นเอของผู้ชาย 2 คนบนด้ามจอบ แต่ปรากฏว่าเมื่อดูรายละเอียดแล้วเป็นโปรไฟล์ที่ตรงกัน คนหนึ่งคือของผู้ตายคือนายเดวิด ส่วนดีเอ็นเออีกตัวนั้นเป็นไมเนอร์โปรไฟล์คือเป็นดีเอ็นเอที่เข้ากันได้กับจำเลยรายหนึ่ง แต่ไม่สามารถยืนยันตามหลักทฤษฎีได้ทั้ง 16 ตำแหน่ง เพราะได้แค่ 5 ตำแหน่ง แปลว่าดีเอ็นเอของด้ามจอบกับจำเลยเข้ากันได้ แต่ยืนยันไม่ได้ แต่ก็ไม่สามารถตัดว่าจำเลยคนนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมไปได้ แต่จะยืนยันว่าจำเลยเกี่ยวข้อง 100 เปอร์เซ็นต์ไม่ได้ แต่ก็มีดีเอ็นเอส่วนอื่นๆ ในการพิสูจน์
"เนื่องจากสถานที่เกิดเหตุมีน้ำขึ้นมาจนทำให้ดีเอ็นเอที่จอบถูกชะไป ทำให้การตรวจสอบไม่สามารถยืนยันได้ เราจึงไม่นำมาใช้ยืนยันตัวผู้กระทำผิดครั้งนี้" พล.ต.ต.ธวัชชัย กล่าว
เมื่อถามว่ามีข้อเรียกร้องให้รื้อคดีนี้ขึ้นมาใหม่จะเป็นไปได้หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ กล่าวว่า คงไม่สามารถรื้อคดีให้มีการสืบสวนสอบสวนคดีนี้ได้อีก เพราะตามกฎหมายของไทยไม่สามารถทำได้ แต่ยืนยันกระบวนการยุติธรรมของไทยได้มาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับทั่วโลก และหลักฐานทั้งหมดก็เป็นหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่สามารถโกหกได้ ดีเอ็นเอน่าเชื่อถือกว่าคำให้การของคน อีกทั้งคนไทยพอไปกระทำผิดในต่างประเทศก็ใช้กระบวนการยุติธรรมของประเทศนั้นๆ ตัดสินเช่นกัน
"เจ้าหน้าที่ได้ดีเอ็นเอของผู้ตายมาก่อน ที่จะได้ดีเอ็นเอจากผู้ต้องหามาเปรียบเทียบ มันจึงไม่สามารถเอาไปยัดใส่ได้แน่นอน กระบวนการตรวจสอบมันชัดเจนกระจ่างชัดมากแล้ว" รองโฆษก ตร. กล่าว
เมื่อถามว่า ข้อต่อสู้ของฝ่ายจำเลยกรณีถูกซ้อมให้รับสารภาพ พ.ต.อ.ประชุมกล่าวว่า ข้อต่อสู้นี้ใช้กันอยู่ตลอดว่าตำรวจซ้อมให้รับสารภาพ โดยคดีนี้ตั้งแต่จับกุมคนร้ายได้คือวันที่ 2 ต.ค.57 มีการสอบสวนวันที่ 3 ต.ค. และส่งตัวให้ศาลวันที่ 4 ต.ค. ซึ่งในวันนั้นเราก็ได้ให้แพทย์มาตรวจร่างกายผู้ต้องหา ปรากฏว่ายังร้องเพลงเล่นกีตาร์อยู่เลย เรามีภาพถ่ายและหลักฐานทุกอย่างยืนยันได้ทุกขั้นตอน ฉะนั้นจะสังเกตได้ว่าถ้ามีการซ้อมจริงก็คงทิ้งร่องรอยไว้บ้าง อีกทั้งปีที่แล้วคือปี 2557 หากใช้วิธีซ้อมทรมานผู้ต้องหาอยู่อีกก็ถือว่าล้าหลังมาก ถ้าซ้อมมาได้ข้อมูลไม่จริงก็ต้องไม่จริงอยู่แล้ว ของจริงวันนี้มันจึงมีคำตัดสินแบบนี้
"ข้อเท็จจริงคือผู้ต้องหารับสารภาพในชั้นสอบสวน พอนำตัวไปฝากขังครั้งแรกผู้ต้องหายังรับสารภาพอยู่ ครั้งที่สองผู้ต้องหาก็ยังรับสารภาพ ทนายฝ่ายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอความเป็นธรรมขอให้สอบเพิ่มเติม ช่วงที่ตำรวจไปสอบเพิ่มเติมก็มีทนายจำเลยไปด้วย ทนายความคนเดียวกันก็ขึ้นเบิกความต่อศาลด้วยว่าจำเลยสารภาพอยู่เลย แม้แต่การมาตรวจสอบขององค์กรต่างๆ ก็ยังมีการแถลงข่าวว่าจำเลยก็รับสารภาพอยู่ กระทั่งมีการกลับคำภายหลัง"ผกก.สภ.เกาะพะงันกล่าว
โฆษก ตร.แถลงคดี'เกาะเต่า'ยันกระบวนการยุติธรรมโปร่งใส-ยึดมาตรฐานสากล ขู่เอาผิดกลุ่มปลุกปั่นโยงการเมือง ย้ำไม่รื้อคดี โฆษกศาลฯชวนดูคำพิพากษา
@ ตร.แจงคดีเกาะเต่าโปร่งใส
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 27 ธันวาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา โฆษก ตร. แถลงข่าวชี้แจงกระบวนการและขั้นตอนการดำเนินคดีฆาตกรรม 2 นักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ที่ศาลจังหวัดเกาะสมุยมีคำพิพากษาตัดสินประหารชีวิต ผู้ต้องหา 2 คน คือ นายซอริน และนายวิน ซอทุน แรงงานชาวพม่า โดยมีผู้ที่ร่วมแถลง อาทิ พล.ต.ท.มนู เมฆหมอก ผู้บัญชาการสำนักงานพิสูจน์หลักฐานตำรวจ (ผบช.สพฐ.ตร.) พล.ต.ต.พรชัย สุธีรคุณ ผู้บังคับการสถาบันนิติเวชวิทยา (ผบก.นต.) พ.ต.อ.ประชุม เรืองทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธร (ผกก.สภ.) เกาะพะงัน ว่า ต้องการชี้แจงไปยังประชาชนเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้อง ยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมที่ผ่านมาตั้งแต่เกิดเหตุเป็นไปอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ เป็นไปตามมาตรฐานสากล และมีผู้สังเกตการณ์จากนานาประเทศเข้าร่วม โดยเฉพาะการทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไทยถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากประเทศอังกฤษซึ่งมีมาตรฐานเรื่องการสืบสวนสอบสวนและเป็นประเทศผู้เสียหายอีกด้วย แต่ยังมีบุคคลบางกลุ่มยังไม่เข้าใจ จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องชี้แจงต่อสื่อมวลชนตามลำดับ
พ.ต.อ.ประชุม กล่าวว่า ทีมสอบสวนได้ร่วมทำคดีตั้งแต่ได้รับแจ้งเหตุวันที่ 15 กันยายน 2557 จึงลงไปตรวจสอบในพื้นที่ที่เกิดเหตุ เก็บพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุทุกส่วนตามขั้นตอน และได้นำพยานในที่เกิดเหตุทั้งพยานวัตถุ พยานบุคคล เข้าสู่กระบวนการสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการ กระทั่งมีการพิสูจน์ในชั้นศาลออกมาจึงขอยืนยันว่าทำตามขั้นตอนกฎหมาย โดยคดีนี้เป็นคดีร้ายแรง และมีผู้ต้องหาเป็นชาวต่างชาติ มีอัตราโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิตซึ่งตามกฎหมายต้องให้ทนายความและล่ามแปลภาษาร่วมสอบสวนทุกขั้นตอน
@ ยันผลตรวจดีเอ็นเอ 2 คนชัด
พ.ต.อ.สันติ ชัยนิรามัย ผู้กำกับการ 4 กองบังคับการปราบปราม (ผกก.4 บก.ป.) กล่าวว่า ได้ร่วมกระบวน การสืบสวนในพื้นที่และควบคุมการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดมีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอในที่เกิดเหตุไม่น้อยกว่า 360 ตัวอย่าง ขณะที่กล้องวงจรปิดเก็บภาพมาไม่น้อยกว่า 400 ตัว และสามารถใช้ประกอบการพิจารณาของศาล ส่วนดีเอ็นเอเป้าหมายนั้นวางกรอบในการตรวจสอบตั้งแต่แรก นอกจากนี้ ยังตรวจยึดโทรศัพท์มือถือของผู้ตายไว้ได้จนนำไปสู่การพิสูจน์ตัวผู้ต้องหาร่วมกับดีเอ็นเอได้
พล.ต.ต.ธวัชชัย เมฆประเสริฐสุข ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.สพฐ.) กล่าวว่า กองพิสูจน์หลักฐาน 8 จ.สุราษฎร์ธานี ได้เข้าไปร่วมเก็บวัตถุพยานในที่เกิดเหตุทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้องโดยได้นำพยานหลักฐานมาตรวจสอบที่กองพิสูจน์หลักฐานกลางที่กรุงเทพฯ ประกอบด้วย ก้นบุหรี่ ซึ่งตำรวจได้โปรไฟล์ของดีเอ็นเอตั้งต้นจากศพปรากฏว่าเข้ากันได้กับดีเอ็นเอจากก้นบุหรี่ จึงทำให้การสืบสวนมีการเชื่อมโยงระหว่างจุดที่พบศพกับจุดที่พบจอบ และจุดที่พบก้นบุหรี่ จึงพอทราบได้ว่าสิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกัน จนกระทั่งนำดีเอ็นเอของผู้ต้องหาทั้ง 2 คนนี้มาเทียบกับดีเอ็นเอจากก้นบุหรี่และดีเอ็นเอจากร่างกายผู้ตายปรากฏว่าตรงกัน
พล.ต.ต.พรชัย กล่าวว่า ตอนที่สถาบันนิติเวชฯได้รับศพผู้ตายมาก็ได้มีการตรวจสอบโดยละเอียดเพื่อพิสูจน์ดีเอ็นเอ ซึ่งตำรวจได้พบว่ามีดีเอ็นเอแปลกปลอมอยู่ในร่างกายศพทั้ง 2 รายในจุดสำคัญของร่างกาย จึงได้เก็บดีเอ็นเอนั้นเอาไว้เพื่อใช้เป็นโปรไฟล์ตั้งต้นเพื่อนำดีเอ็นเออื่นๆ มาตรวจเทียบเคียง
@ ขู่เอาผิดปลุกระดมโยงการเมือง
พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษก ตร. กล่าวว่า ตอนนี้พบว่ามีคนบางกลุ่มบางพวกนำสถานการณ์หลังศาลมีคำพิพากษาคดีนี้ไปปลุกระดมผู้คนออกมาชุมนุมต่อต้านคำตัดสินของศาล ซึ่งรัฐบาล และตร.เป็นห่วงอย่างยิ่งว่าจะบานปลายกระทบไปถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ดังนั้น จึงต้องการสื่อไปถึงประชาชนทุกคนว่าอย่าตกเป็นเหยื่อของคนกลุ่มนี้ และอยากขอร้องกลุ่มที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในตอนนี้ว่าโปรดอย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมือง
"ระบบยุติธรรมของประเทศไทยเป็นระบบกล่าวหา จึงมีการถ่วงดุลตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวนแล้วมันจึงต้องเป็นธรรม และเมื่อการสอบสวนเสร็จสิ้นก็จะถึงชั้นพนักงานอัยการซึ่งก็มาถ่วงดุลพนักงานสอบสวนอีกชั้นหนึ่ง ขณะที่อัยการจะเป็นโจทย์แทนเพื่อนำฟ้องต่อศาล เมื่อถึงศาลจะทำการไต่สวนใหม่อีกรอบหนึ่ง และยังมีอีก 3 ศาล จึงขอยืนยันว่ากระบวนการสอบสวนไม่มีการเบี่ยงเบนได้แน่นอน อีกทั้งการสอบสวนคดีนี้ชัดเจนมากเพราะเป็นการพิจารณาตัดสินจากหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ซึ่งสากลยอมรับและโกหกกันไม่ได้" รอง โฆษก ตร.กล่าว
รองโฆษก ตร.กล่าวว่า ในปี 2558 มีคดีที่ชาวพม่าในไทยทำความผิดในข้อหาฆ่าผู้อื่นมากถึง 126 คดี จึงอยากตั้งคำถามว่าทำไมคดีพวกนี้ไม่มีใครออกมาต่อต้านหรือประท้วง แต่พอมาคดีนี้มีการต่อต้าน เป็นไปได้ว่าจะเป็นความพยายามออกมาเคลื่อนไหวของคนบางกลุ่มหรือไม่ ซึ่งจะต้องตรวจสอบสืบสวนหาข่าวในเชิงลึกหากพบมีใครเกี่ยวข้องจะต้องถูกดำเนินคดีต่อไป
@ ยันไม่มีรื้อคดีขึ้นใหม่-แจงถูกซ้อม
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีข้อเรียกร้องให้รื้อฟื้นคดีใหม่เป็นไปได้หรือไม่ พล.ต.ต.ปิยะพันธ์กล่าวว่า คงไม่สามารถรื้อคดีให้มีการสืบสวนสอบสวนได้อีก เพราะตามกฎหมายของไทยไม่สามารถทำได้ แต่ยืนยันกระบวนการยุติธรรมของไทยได้มาตรฐานสากลเป็นที่ยอมรับทั่วโลก และหลักฐานทั้งหมดเป็นหลักฐานนิติวิทยาศาสตร์ไม่สามารถโกหกได้
เมื่อถามถึงข้อต่อสู้ของฝ่ายจำเลยกรณีถูกซ้อมให้รับสารภาพ พ.ต.อ.ประชุมกล่าวว่า ข้อต่อสู้นี้ใช้กันอยู่ตลอดว่าตำรวจซ้อมให้รับสารภาพ โดยคดีนี้ตั้งแต่จับกุมคนร้ายได้คือวันที่ 2 ตุลาคม 2557 มีการสอบสวนวันที่ 3 ตุลาคม 2557 และส่งตัวให้ศาลวันที่ 4 ตุลาคม 2557 ซึ่งในวันนั้นก็ได้ให้แพทย์มาตรวจร่างกายผู้ต้องหา ปรากฏว่ายังร้องเพลงเล่นกีตาร์อยู่เลย มีภาพถ่ายและหลักฐานทุกอย่างยืนยันได้ทุกขั้นตอน
@ โฆษกศาลชวนตรวจคำพิพากษา
นายสืบพงษ์ ศรีพงษ์กุล โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวว่า ในการพิพากษาคดีของศาลจังหวัดสมุยได้ดำเนินกระบวนพิจารณาคดีตามพยานหลักฐานในสำนวน หลังจากมีคำตัดสินศาลยุติธรรมได้จัดทำสรุปคำพิพากษาเป็นภาษาไทย และภาษาอังกฤษเผยแพร่สู่สาธารณชน เพื่อให้ตรวจสอบได้และสาธารณชนยังสามารถตรวจสอบรายละเอียดได้จากคำพิพากษาฉบับเต็มด้วยว่าการพิจารณาศาลได้วินิจฉัยประเด็นใดบ้าง
"ในชั้นพิจารณาจำเลย มีทนายความดูแลคดีตามกฎหมายและศาลชั้นต้น ได้พิจารณาพยานหลักฐานตามสำนวนครบถ้วน ขณะที่คำพิพากษาคดียังไม่สิ้นสุดเพียงแค่ศาลชั้นต้นนี้ เพราะตามกฎหมายจำเลย สามารถยื่นอุทธรณ์คดีได้ ภายใน 30 วัน นับจากวันที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษา และถ้าคดีจะถึงที่สุดในชั้นฎีกาตามขั้นตอนของกฎหมายแล้ว จำเลยอาจยื่นขออภัยโทษต่อไป" นายสืบพงษ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สรุปคำพิพากษาคดีเกาะเต่าได้จัดทำเผยแพร่ในเว็บไซต์ศูนย์ประชาสัมพันธ์ศาลยุติธรรมสามารถเข้าดูเนื้อหาได้ที่ http://news.coj.go.th/document/25122015170806kao%20tao.pdf
@ ด่านแม่สายไม่มีผลกระทบ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่บริเวณด่านพรมแดนไทย-พม่า อ.แม่สาย จ.เชียงราย ยังมีนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศมาท่องเที่ยวกันอย่างคึกคักเพื่อเดินทางข้ามด่านไปยังจังหวัดท่าขี้เหล็ก หลังจากเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ชาวพม่ากว่า 1,000 คน รวมตัวชุมนุมที่หน้าด่านพรมแดนไทย-พม่าไม่พอใจการตัดสินพิพากษาประหารชีวิต 2 จำเลยชาวพม่าในคดีฆ่านักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ได้กังวลกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนัก
พ.ต.อ.สิทธิ์ ศิริกังวาลกุล ผกก.สถานีตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เชียงราย กล่าวว่า การชุมนุมประท้วงกรณีเกาะเต่าเป็นเรื่องเฉพาะที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพื้นที่อื่นจึงไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการค้า หรือการท่องเที่ยวบริเวณด่านพรมแดนด้าน อ.แม่สาย ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยได้ประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ของพม่ามาโดยตลอด ในเรื่องการดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวที่ยังสามารถท่องเที่ยวได้เป็นปกติ มีความปลอดภัยและไม่น่าวิตกกังวลอะไร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในช่วงคืนที่ผ่านมาภายในตัวจังหวัดท่าขี้เหล็กฝั่งตรงข้าม อ.แม่สาย ยังคงอยู่ในภาวะปกติและอยู่ในความสงบไม่ได้มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มพลังมวลชน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจพม่าจัดชุดออกลาดตระเวนทั้งคืน
@ 'แม่สอด-เมียวดี'ยังปกติ
ที่ จ.ตาก นายสมชัยฐ์ หทยะตันย์ติ ผู้ว่าราชการจังหวัดตาก กล่าวภายหลังเดินทางไปตรวจสถานการณ์ที่ด่านพรมแดนไทย-พม่า (แม่สอด-เมียวดี) ว่า จากการตรวจสอบบริเวณด่านพรมแดนทุกอย่างเป็นไปตามปกติ ชาวพม่าและนักท่องเที่ยวยังข้ามไปมาตามปกติจึงไม่น่ามีเหตุการณ์รุนแรงใดๆ ขณะที่ทางผู้ว่าราชการจังหวัดเมียวดีได้ชี้แจงให้ชาวพม่าได้เข้าใจ และได้แนะนำให้ไปเข้าวัดเจดีย์ทอง ที่จังหวัดเมียวดี เพื่อสวดมนต์ขอให้หลุดพ้นจากการถูกประหารชีวิตตามความเชื่อ
@ พม่าปิดด่านเจดีย์สามองค์แล้ว
ที่ จ.กาญจนบุรี นายปกรณ์ กรรณวัลลี นายอำเภอสังขละบุรี จังหวัดกาญจนบุรี กล่าวถึงกรณีชาวพม่ากว่า 400 คน รวมตัวประท้วงประชิดด่านชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้ 2 จำเลยชาวพม่าว่า ขณะนี้สถานการณ์ยังคงปกติ ไม่มีการชุมนุมหรือมีการเคลื่อนไหวใดๆ โดยชาวพม่าที่ทำงานในโรงงานฝั่งไทย บางส่วนยังคงเดินทางข้ามเข้ามาทำงานยังฝั่งไทยตามปกติ สำหรับด่านชายแดนบ้านพระเจดีย์สามองค์ยังคงเปิดตามปกติแต่ทางพม่ายังคงปิดด่านผ่านแดนชั่วคราวอยู่ และไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวชาวไทยข้ามไปเที่ยวยังฝั่งพม่า เนื่องจากเกรงเรื่องของความปลอดภัย ขณะที่บรรยากาศบริเวณด่านพระเจดีย์สามองค์ พบว่านักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ยังคงเดินทางเข้ามาเที่ยวหาซื้อสินค้ากันอย่างคึกคัก
นายปกรณ์ กล่าวว่า จากการสอบถามโรงแรม รีสอร์ต และที่พักต่างๆ กว่า 50 แห่ง ไม่มีการแจ้งยกเลิกการจองห้องพัก โดยพบว่าที่พักทุกแห่งถูกจองเต็มทั้งหมด โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายของไทย อาทิ ทหาร ฉก.ลาดหญ้า กกล.สุรสีห์ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.สังขละบุรี ตชด.ที่ 134 อส. ฝ่ายปกครอง อ.สังขละบุรี รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น และผู้ประสานงานระหว่างไทย-พม่า ยังคงเฝ้าสังเกตการณ์บริเวณชายแดนอย่างใกล้ชิด และได้บูรณาการร่วมกันในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่อย่างเข้มแข็ง แต่ไม่ได้มีการเพิ่มกำลังเป็นกรณีพิเศษแต่อย่างใด
@ ทหารทำความเข้าใจแรงงาน
พล.ต.ธรรมนูญ วิถี ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 9 (ผบ.พล.ร.9) กล่าวว่า ได้รับรายงานว่าชาวพม่า ฝั่งพญาตองซู ตรงข้ามด่านชายแดนเจดีย์สามองค์ จะรวมตัวประท้วงเชิงสัญลักษณ์ เป็นเวลา 3 วัน ตั้งแต่วันที่ 26-28 ธันวาคม โดยในวันที่ 27 ธันวาคมมีรายงานว่า นัดหมายรวมตัวกันเวลาประมาณ 10.00 น.
แต่ยังไม่พบความเคลื่อนไหวใดๆ อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ทางด่านฝั่งพม่าได้ปิดทำการไม่อนุญาตให้คนไทยหรือนักท่องเที่ยวข้ามฝั่งไปยังฝั่งพญาตองซู ขณะที่ฝั่งไทยยังคงเปิดด่านตามปกติ ในวันที่ 28 ธันวาคม จะให้ทหารช่วยไปทำความเข้าใจ และชี้แจงแรงงานพม่าที่ทำงานอยู่ในฝั่งไทย ถึงขั้นตอนกระบวนการยุติธรรมของไทยว่าแม้ศาลจะตัดสินประหารชีวิต ว่ายังอยู่ในกระบวนการศาลชั้นต้น ยังเหลือศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาจึงขอให้ใจเย็น
@ สั่งเร่งหาข่าวชาวพม่าจ.นครศรีฯ
พ.ต.อ.เชาวศิลป์ บุญประดิษฐ์ ผกก.สส.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวถึงกรณีจะมีการนำตัว 2 จำเลยชาวพม่ามาขังที่เรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชนั้นว่า ในที่ประชุม ตร.ภาค 8 ทางผู้บัญชาการได้สั่งกำชับ ตร.ในพื้นที่เร่งหาข่าวความเคลื่อนไหวของชาวพม่าที่อยู่ในพื้นที่ ภาค 8 เกรงอาจเข้ามาก่อกวน หรือกระทำการที่เป็นภัยต่อชีวิตและทรัพย์สิน
พล.ต.ต.วันไชย เอกพรพิชญ์ ผบก.ภ.จว.นครศรีธรรมราช กล่าวว่า หลังทราบข่าวได้ประสานงานกับทางเรือนจำกลางนครศรีธรรมราช ในเรื่องของความปลอดภัยนั้น ทางเรือนจำมีกำลัง ตชด.41 ค่ายศรีนครินทรา อ.ทุ่งสง ส่งกำลังเวรยามมาดูแลชั้นนอก ส่วน ภ.จว.นครศรีธรรมราช ก็จะมีกำลัง นปพ.เตรียมพร้อมหากทางเรือนจำร้องขอ มั่นใจว่าคงไม่มีเหตุร้ายๆ เกิดขึ้น เนื่องจากแรงงานพม่าในนครศรีธรรมราชไม่มากเหมือน จ.ระนอง
นายจอถิ่น หัวหน้าแรงงานประมงชาวพม่า ในพื้นที่ ต.ท่าแพ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กล่าวว่าไม่ได้เป็นญาติกับผู้ต้องหาทั้ง 2 คน แต่มีบ้านอยู่ในจังหวัดเดียวกัน คนงานในจังหวัดคงไม่มีใครทำเรื่องแบบนี้ คงมีแต่ทะเลาะกันเองในกลุ่ม และคนเหล่านี้เป็นคนไม่มีความรู้และไม่ได้เรียนหนังสือคงไม่เข้าใจเรื่องสิทธิในการเรียกร้องเท่าที่ควร ทุกคนทำงานกันตามหน้าที่และต้องการทำงานหาเงินมากกว่า
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเจ้าหน้าที่เรือนจำกลางจังหวัดนครศรีธรรมราชถึงการควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหา แต่ได้รับการปฏิเสธไม่ทราบว่ามีบุคคลทั้งสอง บอกแต่เพียงว่าเรือนจำกลางแห่งนี้มีความมั่นคงสูง ดังนั้น ไม่ว่าใครที่ถูกตัดสินประหารชีวิตก็จะต้องอยู่ในที่แห่งนี้
@ 'เกาะสอง'นักท่องเที่ยวยังแน่น
ที่ จ.ระนอง นายสุริยันต์ กาญจนศิลป์ ผู้ว่าฯระนอง พร้อมด้วย พล.ต.ต.ชัชวาลย์ วชิรปาณีกูล รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และนายธนิต กุลสุนทร นายอำเภอเมืองระนอง ลงพื้นที่ตรวจจุดผ่านแดนไทย-พม่า ระหว่างจังหวัดระนองและจังหวัดเกาะสอง พบว่ามีการเข้าออกของประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและพม่าเป็นปกติ และยังมีนักท่องเที่ยวของไทยและพม่าเดินทางมาท่องเที่ยวกันปกติ
นายสุริยันต์ กล่าวว่า ได้มีการสร้างความเข้าใจต่อกันเป็นอย่างดี รวมถึงได้มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลและเฝ้าติดตามระมัดระวังสถานการณ์ที่อาจจะเกิดความรุนแรงอยู่ตลอดเวลา และเวลานี้พรมแดนของจังหวัดระนอง-เกาะสองถือว่าเป็นปกติ
@ ผบ.สส.พม่าขอไทยทบทวน
พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของพม่า เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่าได้ส่งข้อความอวยพรเนื่องในโอกาสปีใหม่ ให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุดของไทย และได้เรียกร้องให้ทางการไทย ทบทวนหลักฐานและคำตัดสิน ในคดีฆาตกรรมนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษที่เกาะเต่า ส่วนตัวเคารพในกระบวนการยุติธรรมของไทย แต่สิ่งที่สำคัญ คือการหลีกเลี่ยงการตัดสินที่อาจลงโทษผู้บริสุทธิ์ และแสดงความหวัง ว่าความยุติธรรมจะเกิดขึ้นได้บนหลักความร่วมมือทวิภาคี และหลักการเคารพซึ่งกันและกันระหว่างประเทศไทยกับพม่า
สำนักข่าวเอเอฟพี อ้างรายงานจากหนังสือพิมพ์โกลบอลไลท์ออฟเมียนมาของพม่า รายงานข้อเรียกร้องของ ผบ.สส.ของพม่าในครั้งนี้เช่นกันระบุว่า จนถึงขณะนี้แถลงการณ์ดังกล่าวนับเป็นข้อเสนอแนะที่แข็งกร้าวที่สุดของผู้นำอาวุโสของพม่า ที่แสดงถึงความไม่พอใจคำตัดสินของศาลไทยในคดีดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.อาวุโส มิน อ่องลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) ของพม่า อายุ 60 ปี เป็นนายทหารดาวรุ่งคลื่นใหม่ของกองทัพพม่า และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้นำกองทัพไทย และยังมีความสนิทสนมกับพล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม (กห.) และยังสนิทสนมกับ พล.อ.ธนะศักดิ์ ปฏิมาประกร รองนายกรัฐมนตรี และอดีตผู้บัญชาการทหารสูงสุด และมาสนิทสนมกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นอกจากนี้ ผบ.สส.ของพม่ายังมีฐานะเป็นบุตรบุญธรรมของ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษอีกด้วย
@ กต.ย้ำไม่มียุยงชุมนุมย่างกุ้ง
นายเสข วรรณเมธี อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) กล่าวว่า กต.และสถานเอกอัครราชทูตไทย นครย่างกุ้ง ได้ติดตามสถานการณ์และประสานงานกับทางการพม่าอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ซึ่งแม้ว่าการชุมนุมจะเป็นไปด้วยความสงบ แต่ทางการพม่าได้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้กับสถานเอกอัครราชทูตไทย และชาวไทยในพม่าตามแนวทางการรักษาความปลอดภัยโดยปกติ ทั้งนี้ ได้ปรากฏรายงานผ่านสื่อมวลชนว่าทางการพม่าพร้อมที่จะให้ข้อมูลกับประชาชนชาวพม่าต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย ซึ่งสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาลชั้นต้นได้ ตลอดจนทางการพม่าได้ยืนยันถึงความเคารพต่อกระบวนการยุติธรรมของไทย และยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะไม่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-พม่า ส่วนที่มีรายงานข่าวว่ามีการปลุกปั่นยุยงชาวพม่าให้มาชุมนุมได้ยืนยันว่าไม่ปรากฏว่ามีการดำเนินการดังกล่าวแต่อย่างใด
@ สภาทนายฯขอชาวพม่ามั่นใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเดชอุดม ไกรฤทธิ์ นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้แจกจ่ายประกาศสำนักงานคณะกรรมการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมายสภาทนายในพระบรมราชูปถัมภ์ กรณีศาลมีคำพิพากษาประหารชีวิตจำเลยชาวพม่าเพื่อแจ้งพี่น้องชาวพม่าทราบมี 3 ข้อ อาทิ 1.คดียังไม่ถึงที่สุด คณะทำงานซึ่งได้ตกลงรับให้ความช่วยเหลือตามคำขอของเอกอัครราชทูตแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่าตั้งแต่ต้นจนถึงขณะนี้ ขอให้พี่น้องชาวพม่ามั่นใจในกระบวนการยุติธรรมของไทย 2.ได้นัดหมายเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า บิดา มารดา ของจำเลยทั้งสอง มาพบในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ เวลา 13.30 น. เพื่อชี้แจงขั้นตอนรายละเอียด ประเด็นข้อต่อสู้ที่จะหยิบยกมาอุทธรณ์ เป็นต้น
@ ล่ารายชื่อ-ส่งสถานทูตไทย
วันเดียวกันเฟซบุ๊กอีเลเว่นมีเดียกรุ๊ป สื่อท้องถิ่นของพม่า รายงานความคืบหน้าเหตุประท้วงแสดงความไม่พอใจการตัดสินประหารชีวิตแรงงานพม่า 2 คน ในคดีเกาะเต่า อย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนยังคงรวมตัวกันแสดงออกถึงความไม่พอใจคำตัดสินของศาลไทยด้วยการรวมตัวกันในหลายเมืองรวมถึงมีการลงชื่อเพื่อเรียกร้องให้เปิดเผยความจริงในคดีดังกล่าวด้วย ส่วนที่หน้าสถานทูตเอกอัครราชทูตไทยในนครย่างกุ้งมีผู้เดินทางมาประท้วงที่หน้าสถานทูตตั้งแต่เวลา 09.00 น. ของวันเดียวกันนี้ นอกจากนี้รายงานยังระบุด้วยว่ามีพระสงฆ์และประชาชนจำนวนมากที่เดินทางไปเข้าร่วมกิจกรรมสวดมนต์ขอพรให้มีการปล่อยตัว 2 ผู้ต้องหาชาวพม่าในคดีเกาะเต่าที่เจดีย์ชเวดากอง
รายงานระบุด้วยว่าในเมืองพยู โอ๊คทวิน และตองอู ตอนเหนือของนครย่างกุ้ง มีเยาวชนรวมตัวกันเดินขบวนแสดงความไม่เห็นด้วยกับคำตัดสินและเรียกร้องให้ปล่อยตัว 2 ผู้ต้องหาชาวพม่าในคดีเดียวกันนี้ด้วย ส่วนเมืองมะอูบิน มูลนิธิพโยคินทิด ได้ตั้งโต๊ะล่ารายชื่อเพื่อเรียกร้องให้ไทยเปิดเผยข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีเกาะเต่า โดยล่าสุดสามารถล่ารายชื่อได้แล้ว 2,000 รายชื่อแล้วเพื่อรวบรวมส่งให้สถานเอกอัครราชทูตไทยต่อไป
@ สถานทูตไทยย่างกุ้งปิด 28-30 ธ.ค.
วันเดียวกัน สถานเอกอัครราชทูตประจำนครย่างกุ้ง ประเทศพม่า ออกประกาศเรื่องการปิดให้บริการแผนกกงสุลระหว่างวันที่ 28-30 ธันวาคม 2558 ว่า สถานเอกอัครราชทูตฯจะปิดให้บริการแผนกกงสุลระหว่างวันที่ 28-30 ธันวาคม 2558 สืบเนื่องจากการชุมนุมที่ยืดเยื้อบริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูต จึงขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ ที่นี้ และหากผู้ใดมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องติดต่อแผนกกงสุล โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรณีจำเป็นต้องเดินทางไปรักษาพยาบาลที่ประเทศไทยในช่วงนี้ สามารถติดต่อกงสุลได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 09-5090926 ทั้งนี้ เพื่อมิให้การปิดทำการชั่วคราวของแผนกกงสุลส่งผลกระทบต่อแผนการเดินทางที่มีนัดรับเล่มหนังสือเดินทางที่ได้รับการตรวจลงตราแล้ว สถานเอกอัครราชทูตจะติดต่อตรงเพื่อแจ้งเวลาและสถานที่ในการรับเล่มต่อไป
ปชป.ตะเพิด'กอบกาญจน์' รบ.โต้เลิก 30 บ. ยันแค่ปรับปรุง
รัฐบาลยันไม่คิดเลิกโครง การ 30 บาท อ้างแค่ปรับปรุงให้ดูแลประชาชนทั่วถึง อัดเพื่อไทยจงใจทำให้สังคมตื่นตระหนก แถลงผลงานรัฐบาล ส่อบาน ปชป.ฉุนพาดพิงการเมืองครอบงำท่องเที่ยว ไล่ 'กอบกาญจน์' ลาออก เพื่อไทยเย้ยแถลง 1 ปี ไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น ย้ำกรธ.มีเจตนาเขียนรัฐธรรมนูญให้มีตำหนิ 'ดิเรก' เชื่อประชามติไม่ผ่าน เสนอใช้ ม.44 หยิบฉบับเก่ามาใช้เดินหน้าเลือกตั้ง 'เต้น'ท้ากลาโหม แถลงผลสอบราชภักดิ์ที่อุทยานฯ เชิญสื่อฟังด้วย
วันที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9160 ข่าวสดรายวัน
พท.ไม่ตื่นเต้นผลงาน 1 ปีรัฐบาล
วันที่ 26 ธ.ค. นายสามารถ แก้วมีชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการแถลงผลงาน 1 ปี ของรัฐบาลทั้ง 2 วันที่ผ่านมาว่า เท่าที่ฟังการแถลงมองว่าเนื้อหาไม่มีอะไรเท่าไร เนื่องจากเป็นเรื่องที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พูดอยู่แล้วทุกสัปดาห์โดยสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป จึงไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้นอะไร เพราะผลงานบางเรื่องก่อนหน้านี้สำนักงานสถิติแห่งชาติสำรวจความเห็นประ ชาชนและเปิดเผยว่ากว่าร้อยละ 90 ชื่นชมการทำงานของรัฐบาล จึงไม่ใช่เรื่องแปลก
นายสามารถ กล่าวว่า แต่สำหรับตนอยากขอให้ดูข้อเท็จจริงควบคู่ไปกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่จริงในปัจจุบันนี้ ที่หลายเรื่องสวนทางกับที่มีการสำรวจความเห็น ทั้งเรื่องของความปรองดองที่มาตรฐานยังไม่เหมือนกัน เรื่องการปราบปรามทุจริต ที่เป็นวาระแห่งชาติของรัฐบาล แต่ยังมีกรณีข้อสงสัยในโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ปัญหาทางเศรษฐกิจ ที่แม้แต่บริษัทเอกชนผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังออกมาระบุว่ายอดขายในปีนี้ลดลงเป็นอย่างมาก อีกทั้งเรื่องของร่างรัฐธรรมนูญที่เขียนออกมาสวนทางกับแนวทางประชาธิปไตย ทั้งหมดนี้ต่างจาก ที่มีการทำโพลออกมาจึงขอให้รัฐบาลแก้ปัญหาในสิ่งที่เป็นข้อเท็จจริง โดยเฉพาะปัญหาเรื่องเศรษฐกิจค่าครองชีพของประ ชาชน อย่ามองแต่ตัวเลขผลสำรวจความคิดเห็นเท่านั้น ขณะที่สำนักโพลต่างๆ ควรสำรวจความคิดเห็นที่สะท้อนความเป็นจริงอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นการลดเครดิตวิชาชีพและความน่าเชื่อถือจะหายไป
ชี้เจตนากรธ.เขียนรธน.ให้มีตำหนิ
นายสามารถ กล่าวว่า ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ สรุปปิดท้ายการแถลงผลงานว่าจะดำเนินคดีต่างๆ ที่ยังค้างอยู่ให้ถึงที่สุด รวมถึงคดีโครงการรับจำนำข้าวด้วยนั้น ก็ต้องว่ากันไปตามข้อเท็จจริง เพราะความจริงก็คือ ความจริง เงินในโครงการที่ได้ก็โอนใส่บัญชีชาวนาทั้งหมด ในขณะที่เสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องข้าวหายในประเด็นนี้ก็มีบริษัทที่รับผิดชอบอยู่แล้วตามข้อสัญญา จึงไม่มีอะไรที่ต้องกังวลทุกอย่าง ต้องเป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการที่เป็นธรรม
นายสามารถ กล่าวถึงการร่างรัฐธรรมนูญของกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธาน ซึ่งร่างแรกจะออกมาในเดือนม.ค.2559 ว่า มองว่าเจตนาการเขียนร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ต้องการเขียนให้มีตำหนิ เพื่อไม่ให้ผ่านประชามติ เพราะการเขียนตั้งแต่ต้นขัด ต่อหลักประชาธิปไตยสากลและอำนาจอธิปไตย อย่างที่ตนได้เคยย้ำมาโดยตลอดว่าร่างฉบับนี้แย่กว่าร่างฉบับของคณะกรรมา ธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ (กมธ.) ที่มีนาย บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธานในหลายๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการเปิดช่องให้มีนายกฯ คนนอก ส.ว.มาจากการสรรหา ถึงแม้จะไม่มีอำนาจถอดถอนแต่กลับน่าเป็นห่วงเพราะให้อำนาจไปอยู่ที่ศาลเป็นผู้ตัดสินแทนซึ่งแย่กว่าเดิม จึงได้บอกว่าร่างฉบับนี้เขียนไว้เพื่อไม่ต้องการให้ผ่าน ส่วนพรรค การเมืองเองหากให้ความเห็นเมื่อร่างแรกออกมาแล้วก็จะถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าทำไมไม่ค้านตั้งแต่ต้น ซึ่งที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยก็มีประเด็นชี้แจงในสิ่งที่เห็นต่างมาโดยตลอด เพื่อหักล้างในสิ่งที่ขัดกับหลักการประชา ธิปไตย หากร่างแรกออกมาแล้วเราจะพิจารณาข้อดีข้อเสียเพื่อชั่งน้ำหนักในแต่ละเรื่อง หากเห็นว่าไม่ไหวจริงก็ต้องชี้แจงให้สาธารณชนรับทราบต่อไป
วอน'บิ๊กตู่'อย่าก้าวก่ายคดีข้าว
นายนรวิชญ์ หล้าแหล่ง ทนายความน.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการแถลงผลงานรัฐบาล กรณีพล.อ. ประยุทธ์พูดถึงเรื่องคดีจำนำข้าวว่าเรื่องคดีจำนำข้าว และคดีทั้งหมดจะไม่มีการผ่อนผันใดๆ ทั้งสิ้นว่า น่าแปลกใจที่คดีเรื่องจำนำข้าวถูกนำไปเป็นผลงานเด่นของรัฐบาล ที่จะต้องนำไปแถลงเป็นผลงานของรัฐบาล ทั้งที่คดีความทั้งหลายก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรมที่ต้องไปพิสูจน์กันในชั้นขบวนการของศาล การที่พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า จะไม่ผ่อนผันใดๆ ทั้งสิ้นนั้น ถือเป็นการก้าวก่ายคดี โดยเฉพาะในส่วนคดีความรับผิดในทางแพ่ง ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนชุดของคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิด ที่พล.อ. ประยุทธ์ เป็นผู้ลงนามแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าว และยังมีพยานบุคคลอีกหลายปากที่ต้องไต่สวนข้อเท็จจริง
นายนรวิชญ์ กล่าวว่า หากคณะกรรมการฯ ยึดตามระเบียบการไต่สวน ตามข้อ 15 ที่คณะกรรมการต้องให้โอกาสแก่ผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอและเป็นธรรม คณะกรรมการฯ ก็ต้องดำเนินการไต่สวนพยานบุคคลที่เหลือทั้งหลายให้เสร็จสิ้นก่อน ทั้งนี้ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับผู้เกี่ยวข้องหากคณะกรรมการฯ ยึดตามคำพูดของพล.อ.ประยุทธ์ คงไม่มีการไต่สวนพยานที่เหลืออีกต่อไป อันถือได้ว่าคณะกรรมการฯ เองไม่ได้ให้โอกาสแก่ผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจง ข้อเท็จจริง และโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอ และเป็นธรรมตามระเบียบข้อ 15 จึงร้องขอไปยังพล.อ.ประยุทธ์อย่าได้ก้าวก่ายการไต่สวนคดีของคณะกรรมการฯ ควรให้โอกาสผู้เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้งแสดงพยานหลักฐานของตนอย่างเพียงพอและเป็นธรรม
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีพล.อ.ประยุทธ์ ระบุจะไม่ขยายเวลาคดีรับจำนำข้าวว่า เรื่องนี้หมดเวลามาตั้งแต่ก.ย.แล้ว สำหรับการ จะใช้พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ดำเนินคดีกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ผ่านมาก็พยายามขอเพิ่มพยานกับศาลมาตลอด และพยานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ก็มีความพยายามจะผัดผ่อนมาโดยตลอดเช่นกัน ดังนั้นถือว่ามีการขยายเวลามา 3 เดือนแล้ว ถ้าหากพยานของน.ส.ยิ่งลักษณ์ยังไม่มาอีก ตนคิดว่าก็ควรจะสรุปคดีได้แล้ว
รบ.โวยอีกสื่อเลือกข้าง
ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า นายกฯ กังวลต่อแง่มุมการนำเสนอข่าวของสื่อมวลชนบางสังกัดที่มีพฤติกรรมเลือกข้างอย่างชัดเจน มุ่งโจมตีนโยบายและการทำงานของรัฐบาลแทบทุกเรื่องโดยไม่สนใจ ในสาระข้อเท็จจริง ในทางตรงกันข้ามก็พยายามปกปิดกลบเกลื่อนความผิด ความเสียหายที่รัฐบาลเก่าทำไว้กับประเทศชาติ โดยละเลยที่จะนำเสนอความจริงให้ประชาชนได้รับทราบ อาทิ โครงการจำนำข้าว ที่รัฐบาลชุดปัจจุบันต้องเข้ามาบริหารจัดการปัญหาหนักนับล้านๆ ตันที่รัฐบาลชุดเก่าก่อไว้ โดยหากเร่งระบายข้าวออกมาก็จะกระทบกับราคาข้าวในท้องตลาด กระทบต่อพี่น้องเกษตรกร แต่หากไม่ระบายข้าวเน่าข้าวเสื่อมคุณภาพก็จะมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ มูลค่าข้าวก็จะยิ่งลดลง สร้างความเสียหายให้แก่งบประมาณแผ่นดิน ซึ่งข้อเท็จจริงนี้ไม่เคยได้รับการนำเสนอให้พี่น้องประชาชนรับทราบ
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า รัฐบาลเข้าใจดีว่าสื่อมวลชนมีข้อจำกัดในการนำเสนอข่าวเพราะต้องแข่งกับเวลา โดยเฉพาะในข่าวที่มีความซับซ้อน หรือเรื่องยังไม่ถึงที่สิ้นสุด การเสนอที่มาที่ไปและการวิเคราะห์เหตุ การณ์ให้ครบถ้วนอาจยังทำได้ไม่สมบูรณ์ ซึ่งเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ แต่หากมีเจตนาทำถูกให้เป็นผิด ขณะที่ผิดกลับจงใจเสนอข่าวให้เป็นเรื่องถูก เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และประชาชนควรใช้ความระมัดระวังในการเลือกบริโภคข่าวสาร
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า รัฐบาลคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ประชาชนจะต้องรู้เท่าทันสื่อ และเลือกรับข้อมูลจากสื่อที่ทำหน้าที่อย่างซื่อ ตรง ปราศจากเจตนาเคลือบแฝง ขณะที่หากเป็นข้อมูลที่นำเสนอโดยสื่อที่ขาดความเป็นกลาง หรือมีแรงจูงใจในการเสนอข่าวเพื่อประโยชน์ของกลุ่มการเมืองหรือกลุ่ม ผลประโยชน์ใดเป็นการเฉพาะ ควรหารสองข้อมูลเหล่านั้น เข้าทำนองฟังหูไว้หู
ยันรบ.ไม่คิดยกเลิก 30 บาท
พล.ต.สรรเสริญกล่าวถึงกรณีมีข่าวว่าอดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยระบุว่ารัฐบาลจะยกเลิกโครงการหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า หรือโครงการ 30 บาทว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยมีแนวคิดที่จะยกเลิกโครงการดังกล่าวตามที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยจงใจสร้างข้อมูลเท็จเพื่อให้เกิดความตื่นตระหนกและวุ่นวายในสังคม ขอยืนยันว่าการยกเลิกโครงการ 30 บาทไม่เคยอยู่ในความคิดของรัฐบาลชุดนี้ ไม่ว่าจะก่อนหน้านี้หรือตอนนี้ สิ่งที่รัฐบาลพยายามทำคือการปรับปรุงโครงการให้สามารถดูแลพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้ได้รับการดูแลมากที่สุดและทั่วถึงที่สุด ขณะเดียวกัน ก็แก้ไขช่องโหว่ ความทับซ้อนของการจัดการและการใช้งบประมาณเพื่อ มิให้เป็นภาระต่อการบริหารงบประมาณแผ่นดินในอนาคต
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยหลายคนแสดงพฤติกรรมชี้นำ ชักจูง ให้ผู้หลงผิดเผาบ้านเผาเมือง เป็นภาพสลดที่คนไทยทุกคนยังติดตาไม่รู้ลืม วันนี้พฤติกรรม โอหังฝ่าฝืนกฎหมายเช่นนั้นกระทำไม่ได้แล้วเพราะคสช.และรัฐบาลเข้ามาดูแลความสงบปลอดภัยในประเทศ แต่อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทยยังใช้วิธีเผาความรักเผาความสามัคคีของคนในชาติด้วยการโกหก สร้างข้อมูลเท็จอย่างไม่ละอายใจ ทำให้พี่น้องประชาชนเกิดความวิตกกังวลและสังคมสับสนวุ่นวาย ทุกคนที่มีพฤติกรรมเช่นนี้ควรพิจารณาตนเองได้แล้ว
'นิพิฏฐ์'ไล่'กอบกาญจน์'
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวกรณีนางกอบ กาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ระบุปัญหาการท่องเที่ยวในอดีตที่ผ่านมามีปัญหาจากการครอบงำและแทรก แซงจากนักการเมือง และปลื้มกับตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี 2558 ที่คาดว่าจะมีจำนวน 29.6 ล้านคน ว่าไม่นึกว่ารมว.การท่องเที่ยวฯ จะติดนิสัยคิดไม่ออกก็ด่านักการเมืองไว้ก่อน ยืนยันว่าสิ่งที่พูดนั้นก็ไม่เป็นความจริงด้วย ซึ่งตอนนี้ใครที่ด่านักการเมืองได้ดูเหมือนจะเป็นคนดีในสายตาประชาชนไปแล้ว เพราะประชาชนได้รับข้อมูลฝ่ายเดียว ประชาชนควรรับรู้ข้อมูลที่เป็นจริงในประเทศ ของเขาด้วย ตนไม่เคยบริหารกระทรวงการท่องเที่ยวฯ แต่ไม่อยากให้ใครด่านักการเมืองอย่างไม่มีเหตุผล ตัวเลขนักท่องเที่ยวแม้ไม่มีรัฐมนตรีตัวเลขก็เพิ่มอยู่แล้ว และตัวเลขในขณะที่นางกอบกาญจน์อยู่ในตำแหน่งก็เพิ่มขึ้นน้อย ไม่ได้น่าภูมิใจเลย จะเห็นว่าในระยะหลังจำนวนนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นทุกปีปีละ 3-4 ล้านคน หากคิดอัตราปกติปีนี้ควรจะมีนักท่องเที่ยว 32-33 ล้านคน แต่รมว.การท่องเที่ยวฯ แถลงอย่างภูมิใจว่าปีนี้มีนักท่องเที่ยว 29.6 ล้านคน ตนเห็นว่าพลาดเป้าไปหลายล้าน
"เราควรอยู่กันอย่างยอมรับความจริงกันดีกว่า อยู่อย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน การด่านักการเมืองอย่างไม่มีเหตุผลไม่ทำให้รมว.การท่องเที่ยวฯ ดูดีขึ้น แต่กลับแย่ลงกว่าเดิมอีกหากประชาชนได้ทราบความจริงครบถ้วน เพราะปีนี้ที่ภูเก็ตเขาพูดกันว่าไม่มีไฮซีซั่น หากไม่เชื่อก็ลองลาออกแล้วให้ปลัดกระทรวงรักษาการแทน รับรองนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นแน่นอน เผลอๆ อาจจะเพิ่มขึ้นมากกว่าตอนที่นางกอบกาญจน์เป็นรัฐมนตรีเสียอีก ผมต้องขออภัยหากความจริงนี้ทำให้ไม่สบายใจ แต่ความจริงก็คือความจริง นักการเมืองคนอื่นอาจไม่ออกมาตอบโต้ แต่ผมคงจะไม่ยอมให้ใส่ร้ายนักการเมืองโดยไม่มีเหตุผล" นายนิพิฏฐ์กล่าว
เชื่อกรธ.ไม่ปรับแก้รธน.
นายนิพิฏฐ์กล่าวถึงแนวทางการร่างรัฐ ธรรมนูญของ กรธ.ที่ไม่ตรงกับข้อเสนอขององค์กรอื่น อาทิ สนช. สปท. รวมไปถึงพรรคการเมืองด้วยว่า ในประเด็นหลักๆ กรธ.คงมีธงมาก่อน เพราะเป็นไปไม่ได้ที่การเข้ามารับหน้าที่ประธานกรธ.ของนาย มีชัย ฤชุพันธุ์ ครั้งนี้จะคิดร่างไปเหมือนกับกระบวนการร่างของคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มี นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นประธาน จึงคิดว่าประเด็นที่ต้องใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญคงมีการตกลงกันล่วงหน้าแล้วว่าจะใส่ประเด็นอะไรลงไปบ้าง
นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ใครจะแสดงความเห็นต่างอย่างไร กรธ.คงไม่เปลี่ยน อย่างเช่นประเด็นเรื่องบัญชีรายชื่อนายกฯ ตนเคยเข้าไปแสดงความเห็นต่างในที่ประชุมกรธ. วันนั้นกรธ.ก็รับฟังแต่ท้ายที่สุดก็ยืนเรื่องดังกล่าวไว้ในร่าง ไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไร เช่นเดียวกับประเด็นอื่นๆ อาทิ นายกฯ คนนอก ที่มา ส.ส. รวมไปถึงที่การเลือกตั้ง ส.ว.ทางอ้อม จากกลุ่มอาชีพด้วย จึงไม่มีประโยชน์ที่จะแสดงความเห็น เพราะกรธ.คงยากที่จะเปลี่ยน นอกเสียจากประเด็นที่ กรธ.ลังเลเองก็อาจจะมีการปรับแก้ได้ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการเปิดช่องสภาผัวเมียให้ครอบครัวเดียวกันลงสมัครรับเลือกตั้งได้ที่จะนำกลับไปทำโพลถามประชาชนก่อนหาข้อสรุปกันอีกครั้ง อย่างไรก็ตามหลังจากนี้เมื่อกรธ.ทำร่างเสร็จ เราจะนำมาพิจารณาดูว่าโดยรวมจะรับได้หรือไม่ ดังนั้นคงฟันธงว่าประชามติจะผ่านหรือไม่ผ่านในตอนนี้ยังไม่ได้
"มีชัย"ต้องรับผิดชอบหากรธน.ไม่ผ่าน
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ตนเชื่อว่า กรธ.จะไม่บัญญัติองค์กรแปลกๆ เช่น คปป.เหมือนกับสมัยนายบวรศักดิ์อย่างแน่นอน แต่ กรธ. จะใช้องค์กรตามรัฐธรรมนูญที่มีอยู่เดิมมาแก้ไขโดยเพิ่มอำนาจหน้าที่ อะไรบางอย่างเพื่อเอาไว้ใช้สำหรับแก้วิกฤตตอนเกิดวิกฤตทางตัน อีกทั้งยังเชื่อว่า นายมีชัยไม่พลิกลิ้นสร้างองค์กรใหม่ในรัฐธรรมนูญแน่ เพราะเคยให้สัมภาษณ์ไว้แล้ว
ส่วนกรณีพล.อ.ประยุทธ์ บอกว่า จะรับผิดชอบเองหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านนั้น นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า ตนคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องรับผิดชอบเต็มๆคนเดียวร้อยเปอร์เซ็นต์ก็ได้ เพราะถ้าคสช.กับรัฐบาลไม่ได้เป็น ร่างโดยตรงเองทั้งหมด ขณะที่การร่างรัฐ ธรรมนูญ นายมีชัยเป็นผู้รับผิดชอบอยู่ และก็พูดบ่อยๆว่า การทำงานเป็นอิสระ ฉะนั้นหากจะมีคนมารับผิดชอบแทนถ้าร่างไม่ผ่านประชามติ นายมีชัยคงไม่ยอม อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า รอบนี้รัฐธรรมนูญถูกคว่ำในชั้นประชามติ คสช.ก็คงไม่มีทางเลือกอื่น นอก จากทำตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ที่ให้นำรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งขึ้นมาประกาศใช้
'ดิเรก'หนักใจ-รธน.ไม่น่าผ่าน
นายดิเรก ถึงฝั่ง อดีตส.ว.นันทบุรี และอดีตสปช. กล่าวถึงภาพร่วมของร่างรัฐ ธรรมนูญ ว่า ยังคงมองไปที่ 3 ตัวหลักเหมือนเดิม คือระบบเลือกตั้งนายกฯคนนอก ที่มาส.ว. ซึ่งเท่าที่ดูหนักใจแทนรัฐบาลว่าร่างรัฐธรรมนูญจะไม่ผ่านประชามติ เราตอบโจทย์ตอบสังคมไม่ได้ว่าเมื่อปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตย ทำไมถึงร่างรัฐธรรมนูญเพี้ยนๆ อย่างนี้ การให้คนนอกเป็นนายกฯได้ถือว่าย้อนยุค เพราะนายกฯมาได้ 2 ทางคือ เลือกโดยตรง โดยเสนอชื่อให้ประชาชนทั้งประเทศเป็นผู้เลือกและมาจากส.ส.โดยสภาเป็นคนเลือก และที่ผ่านมาเมื่อครั้งที่ตนเป็นสปช. ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการปฏิรูปการเมือง ได้เคยเสนอไว้ว่าถ้าบ้านเมืองไม่มีทางออกแล้ว ก็ให้เขียนไว้ในบทเฉพาะกาล โดยให้สภาเสนอคนนอกได้ ดังนั้นกรธ.อย่าไปทำอะไรนอกกรอบประชาธิปไตยเลย
จี้รัฐบาลพิจารณาตัวเอง
"ถ้าทำประชามติไม่ผ่านรัฐบาลก็จะต้องมาพิจารณาตัวเองว่าเมื่อประชามติไม่ผ่าน ซึ่งในแง่ของความชอบธรรม ถือว่ารัฐบาลไม่ชอบธรรมแล้ว ก็ต้องหยิบรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งมาใช้ แล้วจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว แม้ยังไม่มีการแก้รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 57 ก็ตาม แต่นายกฯ สามารถใช้มาตรา 44 ทำได้ เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายแล้วเข้าสู่การเลือกตั้ง หากไม่แก้ปัญหาก็ไม่จบ เมื่อนำมาใช้ก็จะต้องมีการแก้ไขอีก ดังนั้น เราควรทำให้เป็นสากล" นายดิเรกกล่าว
ส่วนเรื่องที่มาส.ว. นายดิเรกกล่าวว่า ถ้าเป็นกลุ่มอาชีพโดยให้ทุกคนมีสิทธิ์สมัครแล้วให้ประชาชนเป็นผู้เลือกปัญหาก็จบ แต่สิ่งที่กรธ.กำหนดไม่ใช่ให้ประชาชนเลือกแต่คือการสรรหา เราต้องการให้เกิดความชอบธรรมเกิดการเลือกตั้งโดยตรง ถ้าเลือกตั้งส.ว.โดย ตรงเราพร้อมสู้ จะไปกลัวอะไรกับการเลือกตั้งโดยตรง อยากจะรู้หนัก ถ้าแน่จริงก็ลงสมัครแล้วให้ประชาชนเลือก ถ้าเขาไม่เลือกเราก็จบ ดังนั้นขอว่าอย่าออกรัฐ ธรรมนูญมาฝืนความรู้สึกของประชาชน" นายดิเรกกล่าว
เลือกไขว้ส.ว.-ไม่แก้บล็อกโหวต
นายเสรี สุวรรณภานนท์ ประธานกมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปการเมือง สปท. กล่าวถึงกรณี กรธ.กำหนดคุณสมบัติส.ว.โดยเปิดโอกาสให้เครือญาติของส.ส.มาลงสมัคร ส.ว. ได้ ว่า ถ้าไม่ได้ให้อำนาจส.ว.มากเกินไป เช่น การให้มีอำนาจเฉพาะกลั่นกรองกฎหมายอย่างเดียว ไม่มีอำนาจถอดถอน การไม่ห้ามเรื่องสภาผัวเมียถือว่าพอรับได้ ไม่น่าเป็นห่วง ต้องยอมรับความจริงว่า ที่ผ่านมาแม้มีข้อห้ามเรื่องสภาผัวเมีย แต่การเลือกตั้งส.ว.ก็ยังมีความเชื่อมโยงกับพรรค การเมืองอยู่ ไม่ต่างอะไรจากการมีสภาผัวเมีย ดังนั้น สู้ให้กลับมาสู่โลกความเป็นจริงดีกว่า แล้วไปเพิ่มระบบตรวจสอบให้มีความเข้มแข็งแทนจะดีกว่า
ส่วนข้อเสนอที่ให้ส.ว.จากกลุ่มอาชีพต่างๆ ลงคะแนนแบบไขว้กลุ่มกัน เพื่อเลือกส.ว.กันเองนั้น นายเสรีกล่าวว่า เชื่อว่าไม่สามารถป้องกันการบล็อกโหวตได้ เพราะถึงอย่างไรส.ว.กลุ่มต่างๆ ยังสามารถตกลงผลประโยชน์ แลกเปลี่ยนการลงคะแนนให้กันได้อยู่แล้ว คงไม่สามารถสกัดการฮั้วกันได้
นายเสรี กล่าวว่า เท่าที่ดูภาพรวมเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญของกรธ.ที่ปรากฏขณะนี้ เห็นว่ายังมีความน่าเป็นห่วงอยู่ โดยเฉพาะเรื่องการให้มีส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่จะเปิดช่องให้กลุ่มทุนเข้ามาครอบงำพรรคการเมือง สุด ท้ายแล้วก็หนีไม่พ้นปัญหาเดิมๆ ที่นายทุนเข้ามาถอนทุนคืน อยากให้กรธ.เขียนเรื่องการแยกอำนาจระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติกับฝ่ายบริหารออกจากกัน ระบุลงในรัฐธรรมนูญ ให้ชัดเจน เพราะหากยังเปิดช่องให้ส.ส.เป็นรัฐมนตรีได้อยู่ ก็หนีไม่พ้นปัญหาที่ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหารยังคงต้องเกื้อกูล พึ่งพาหาผลประโยชน์ซึ่งกันและกันตลอดเวลา ระบบการเมืองยังเป็นรูปแบบเดิมๆ เพียงแค่ปรับเปลี่ยนในวิธีการเลือกตั้งเล็กๆ แต่ไม่ได้นำไปสู่การปฏิรูปการเมืองอย่างแท้จริงยังน่าเป็นห่วงอยู่
กรธ.โต้เนติบริกร
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษก กรธ.กล่าวถึงกรณีนายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย ออกมาวิจารณ์นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.ที่ระบุถึงความจำเป็นที่ต้องบัญญัติการนิรโทษกรรมให้กับคสช. เป็นเนติบริกรรับใช้เผด็จการว่า ไม่แปลกใจที่นักการเมืองค่ายเพื่อไทยไม่ยอมรับกรธ. เพราะมีอคติตั้งแต่ต้น ฝ่ายเขาคิดว่าตนเองถูกตลอดโดยไม่คิดปรองดอง ทำบุญร่วมกันเพื่อประเทศจริงๆ ถ้ามีหลักว่า กรธ.เป็นพวกกับคสช.ตั้งแต่ต้นก็คงไม่ต้องมานั่งอธิบายกัน ทำไมถึงไม่คิดบ้างว่า กรธ.เป็นนักวิชาการที่คิดทำเพื่อสังคมบ้าง จึงขอให้วิจารณ์ด้วยหลักการ ไม่ใช้จินตนาการ ใช้อคติ
ส่วนกรณีที่มีคนออกมา ระบุว่า กรธ.จะซ่อนรูปคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ไว้ในร่างรัฐธรรมนูญนั้น นายอุดมกล่าวว่า ยังไม่ได้พูดกันเรื่องนี้ กรธ.กำลังหาแนวทางการปรองดองอยู่ ไม่ได้นำความคิดของคสช.มาเป็นตัวตั้งหลักก่อนความคิดเห็นของประชาชนกลุ่มอื่นๆ เเต่ห้ามใครวิจารณ์ไม่ได้ ขอให้มาคุยกันในบรรยากาศที่สร้าง สรรค์อยู่บนฐานของความเป็นจริงไม่ใช้จินตนาการอคติ เพราะไม่เกิดประโยชน์ ขอให้นักการเมืองอย่างมาดักทางสร้างเรื่องให้กรธ.ต้องมาแก้ตลอดเวลา ยืนยันว่าเราไม่ได้ซ่อนรูปคปป. ไม่มีผลประโยชน์ใดๆ ทั้งนั้น เพราะหลังจากร่างรัฐธรรมนูญก็ต้องถูกเว้นวรรค 2 ปี อยากให้บ้านเมืองเดินหน้าต่อได้ ไม่ได้เป็นเนติบริกรรับใช้เผด็จการตามที่กล่าวหาด้วย
สิงห์ชัยไม่ติดใจเลือกไขว้ส.ว.
นายสิงห์ชัย ทุ่งทอง อดีตส.ว.อุทัยธานี กล่าวถึงกรณีกรธ.กำหนดรูปแบบที่มาส.ว. ให้มีกลุ่มอาชีพ 20 กลุ่ม ว่า ขณะนี้เป็น กระบวนการว่าทำอย่างไรที่มาส.ว.ถึงจะไม่มีข้อครหา การที่กรธ.กำหนดเป็นกลุ่มอาชีพนั้นตนเห็นด้วย แต่ก็ไม่ครอบคลุมเพราะไม่ได้มาจากประชาชนโดยตรง เพียงแต่ต้องหาวิธีการอย่างไรให้เกิดความหลากหลาย สำคัญที่สุดมากกว่าที่มาคือจะเอาส.ว.ไปทำอะไร ถ้าไม่ได้มาจากประชาชน สิ่งที่ไม่ควรทำคืออำนาจการถอดถอนทาง การเมือง ให้ส.ว. เป็นเพียงสภาที่เสนอแนะกลั่นกรองกฎหมาย อภิปรายเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ไม่มีอำนาจถอดถอนและไม่มีอำนาจแต่งตั้งองค์กรอิสระโดยเด็ดขาด หากส.ว.ยังมีอำนาจอยู่ก็จะเข้ารูปแบบเดิม เพราะคนที่เลือกเข้ามาก็ต้องเป็นคนที่รู้จักกัน เป็นกลุ่มอำนาจเดียวกัน ไม่สร้างความชอบธรรม สุดท้ายก็กลับไปสู่ความขัดแย้งเหมือน เดิม
นายสิงห์ชัย กล่าวว่า ส่วนการให้แต่ละกลุ่มเลือกไขว้กันนั้นตนไม่ติดใจอะไร ต้องรู้จักกันอยู่แล้ว ส่วนว่าอาจทำให้เกิดการฮั้วหรือซื้อเสียงเกิดขึ้นนั้น คิดว่าซื้อเสียงโดย ตรงอาจจะไม่มี จะเป็นลักษณะแลกเปลี่ยนกันมากกว่า คือฉันเลือกเธอ เธอเลือกฉัน ซึ่งก็เป็นธรรมชาติ
"ผมชอบแบบเลือกโดยตรงมากกว่า เพราะมีความเชื่ออยู่ตลอดว่าการอยู่ร่วมกันหมู่มาก ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันก็คือระบอบประชาธิปไตย ซึ่งแม้จะไม่ดีที่สุดแต่เหมาะสมที่สุด ถ้าผิดก็ต้องยอมรับผิดร่วมกัน ถูกก็ยอมรับถูกร่วมกัน และเป็นวิธีเดียวที่ผมจะเข้าสู่สภาได้ ถ้าเป็นการเลือกแบบกลุ่มผมก็เข้าสภายาก จะไปรู้จักใครเพราะเป็นอดีตส.ว.บ้านนอก และผมก็มองเห็นภาพได้ว่ากลุ่มไหนจะได้เข้ามาเป็นส.ว. ดังนั้น ขอให้กรธ.ฟังประชาชนบ้าง" นายสิงห์ชัยกล่าว
สปท.ถกปฏิรูปเร่งด่วนหลังปีใหม่
นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธานสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) คนที่ 1 กล่าวว่า ขณะนี้สปท.ได้ส่งแผนปฏิรูปประเทศชุดแรกของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูป สปท.ทั้ง 12 คณะที่ผ่านการประชุมของที่ประชุมสปท. เมื่อวันที่ 21-23 ธ.ค.ที่ผ่านมา ให้กับคณะกรรมการประสานงานวิป 3 ฝ่ายเรียบร้อยแล้ว จากนั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ หรือวิป สปท. จะกำหนดแผนดำเนินการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศในปี 2559 โดยตั้งเป้าหมายว่าใน ปี"59 จะต้องเป็นปีที่ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ โดยจะเริ่มพิจารณาแผนปฏิบัติการปฏิรูปประเทศ ที่เป็นประเด็นสำคัญเร่งด่วนที่สปท.จะประชุมในวันที่ 7-8 ม.ค.59 เมื่อที่ประชุมสปท.ลงมติเห็นชอบแผนดังกล่าวเรียบร้อยแล้วในวันที่ 8 ม.ค.59 ก็จะส่งให้ครม.พิจารณาเห็นชอบ หรือจะปรับปรุงแก้ไขต่อไป
กปปส.จี้เลิกคดีรบ.แห่งชาติ
นายถาวร เสนเนียม กรรมการมูลนิธิมวลมหาประชาชนเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย (มทป.) กล่าวถึงข้อเสนอให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า ขอให้เลิกคิด ขอให้การยกร่างรัฐ ธรรมนูญและการปฏิรูปประเทศไทยเป็นไปตามโรดแม็ปที่คสช.ได้ประกาศเอาไว้น่าจะดีที่สุด และขอให้ผู้ทำหน้าที่รักษากฎหมาย ทำงานอย่างเคร่งครัด การปรองดองและการอยู่ร่วมกันอย่างสมานฉันท์ก็จะเกิดขึ้น ไม่ใช่รัฐบาลไม่ดี แต่ผู้ใช้กฎหมายกลับทำตัว เชลียร์รัฐบาลแบบไม่ลืมหูลืมตา มันก็ไม่ใช่แนวทางที่จะแก้ไขปัญหาได้
นายถาวร กล่าวว่า คนที่คิดเสนอรัฐบาลแห่งชาติคงคิดเอาเองว่าสามารถนำพาบ้านเมืองเดินหน้าไปข้างหน้าได้ แต่ถ้าไม่มีการตรวจสอบจากองค์กรหนึ่ง องค์กรใด ต่างคนต่างก็เป็นรัฐบาล แบบนี้ใครจะมาตรวจสอบใคร ใครจะทำหน้าที่เป็นปากเสียงแทนประชาชนและตรวจสอบการทุจริตก็จะเกิดขึ้นมาก เพราะฉะนั้นรัฐบาลแห่งชาติไม่จำเป็น หน้าที่ของพล.อ.ประยุทธ์คือปฏิรูปประเทศและดูแลการร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นไปตามโรดแม็ป และรักษากติกาอย่าให้มีการทุจริต ถ้าดูแลกองทัพก็ขอให้กองทัพเป็นเอกภาพด้วย เพราะขณะนี้กองทัพยังไม่เป็นเอกภาพแล้วจะมาปฏิรูปอะไร ส่วนเรื่องการปราบปรามการทุจริตก็ยิ่งหนักถ้าขณะนี้เปิดโอกาสให้พูดในสภา ตนจะหยิบยกให้เห็นภาพว่าหน่วยงานราชการใดบ้างที่ทุจริตในขณะนี้ ตั้งแต่การซื้อขายตำแหน่ง
ยันไม่มีม็อบป่วน"บิ๊กตู่"ลงใต้
นายถาวรกล่าวกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จะลงพื้นที่ จ.สุราษฏร์ธานี และ จ.สงขลา ในวันที่ 28 ธ.ค. ว่า มีคนโทรศัพท์มาบอกตนว่ามีบางฝ่ายกังวลว่าประชาชนจะไปชุมนุมกันเพื่อร้องเรียนเรื่องปัญหาราคายางตกต่ำนั้น ตนเชื่อว่าไม่มีประชาชนออกไปเคลื่อน ไหวร้องเรียนอย่างแน่นอน ถึงแม้ว่าเขาจะประสบปัญหาราคายางตกต่ำ หรือมีความทุกข์เรื่องราคาปาล์มตกต่ำ เชื่อว่าสิ่งที่เขาอยากได้อย่างแรกคือ เรื่องที่รัฐบาลบอกว่าจะจัดตั้งเมืองยางและอุตสาหกรรมขึ้นมา ดังนั้นขอให้รัฐบาลรีบดำเนินการ
นายถาวร กล่าวว่า เมื่อรัฐบาลอยากจะส่งเสริมการท่องเที่ยวและอยากจะตั้งเมืองเศรษฐกิจพิเศษก็ขอให้รีบจัดงบประมาณไปดำเนินการ ศึกษา ออกแบบระบบเส้นทาง มอเตอร์เวย์ เหมือนที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับ อ.แม่สอด จ.ตาก เพราะที่ ด่านสะเดา อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ธุรกิจค้าขายอยู่ที่ประมาณปีละ 4 แสนล้านบาท มากกว่าที่ อ.แม่สอด และเป็นเมืองที่มีรูปธรรมของการทำธุรกิจกับประเทศที่ร่ำรวยกว่าประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานทั้งถนนมอเตอร์เวย์ และเมืองหน้าด่าน หลังด่าน ดังนั้นเรื่องของการบริการก็ควรที่จะให้เกิดความสะดวกเต็มที่ เต็มใจและจริงใจ นี่คือข้อเรียกร้องของชาวสงขลา ดังนั้นขอให้สบายใจได้เรื่องที่เป็นห่วงว่าประชาชนจะไปชุมนุม เรารู้ว่าการชุมนุมเกิน 5 คน อาจจะถูกจับได้ เราจึงขอความจริงใจจากรัฐบาลให้เร่งดำเนินการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์จะนำคณะเดินทางมาปฏิบัติราชการตรวจติดตามการดำเนินงานตามนโยบายรัฐบาล และเยี่ยมเยือนประชาชนชาวสุราษฎร์ธานี วันที่ 28 ธ.ค. เวลา 09.40 น. ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจของรัฐบาลโครงการปลูกกล้วยหอมทองแซมสวนยางพารา หมู่ที่ 4 ตำบลท่าเรือ อ.บ้านนา เดิม พื้นที่ผลิตกล้วยหอมทองส่งออก จากนั้นเวลา 10.15 น. ตรวจเยี่ยมกิจกรรมประชารัฐและโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง พบปะและมอบเงินช่วยเหลือตามโครงการสร้างความเข้มแข็งให้แก่เกษตรกรชาวสวนยาง 150 ราย ที่โรงเรียนบ้านหนองเรียน หมู่ที่ 5 ต.นาใต้ อ.บ้านนาเดิม ก่อนเดินทางต่อไปยังสงขลา
พท.ค้านรื้อ 30 บาท 'บิ๊กตู่'โวยสื่ออีก สนช.ชงทั้งคปป. คนนอกนั่งนายก พท.ขวางรื้อ 30 บาท ชี้ทำเพื่อคนจนมีโอกาสรักษา ไม่ ใช่ค้ากำไร จวกประชารัฐแค่เปลี่ยนชื่อ
จากประชานิยม ติง'ประยุทธ์'ไม่เข้าใจปชต.-มีอคติทางการเมือง 'ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข'ยันรบ.แห่งชาติเป็นความเห็นส่วนตัว'บิ๊กตู่'ฉุนคนไม่เข้าใจ รัฐบาลแถลงผลงาน โวย'กสม.' ปกป้องคนร้าย มติสนช.ชงกรธ. ทั้งผุด'คปป.' ส.ว.ลากตั้ง เปิดช่องนายกฯคนนอก
วันที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9159 ข่าวสดรายวัน
ปิดงาน - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ รับประทานอาหารกับผู้ร่วมงาน หลังกล่าวปิดการแถลงสรุปผลงานของรัฐบาลในรอบ 1 ปี พร้อมนำครม.ร้องเพลง?เพราะเธอคือประเทศไทย? ด้วย ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.
'ป้อม'ปัดทบ.ถูกเตือนใช้งบฯ
เมื่อวันที่ 25 ธ.ค.ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์กำชับกองทัพบกให้ระมัดระวังใช้จ่ายงบประมาณว่า นายกฯ ไม่ได้กำชับ สื่ออย่าไปบอกว่านายกฯ กำชับ แต่เป็นการพูดเตือนให้ระมัดระวังเรื่องการใช้งบฯ ขออย่านำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นและโยงไปเป็นเรื่องต่างๆ เพราะเรื่องนี้ไม่มีอะไร อย่างไรก็ตามการใช้งบฯ ของกองทัพบกมีเจ้าหน้าที่ดูแลตามกฎกติกาอยู่แล้ว โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดหายุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่มีคณะกรรมการดำเนินการหลายขั้นตอน ดังนั้นไม่ต้องเป็นห่วง อีกทั้งนายกฯ เตือนทุกหน่วยงาน ไม่ใช่เฉพาะแต่กองทัพบก
รบ.แจงสมุดภาพผลงาน"บิ๊กตู่"
ที่ทำเนียบรัฐบาล รัฐบาลแถลงผลงานรอบ 1 ปี เป็นวันที่ 2 โดยวันนี้เป็นการแถลงผลงานของรัฐมนตรีในกลุ่มงานด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม กลุ่มวัฒนธรรม ท่องเที่ยว กีฬา และกิจการอื่นๆ
ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการนายกฯ ได้นำสมุดภาพ Infographics รัฐบาลเพื่อประชาชน พร้อมซีดี มาแจกจ่ายให้กับสื่อมวลชนและผู้มาร่วมรับฟังการแถลงผลงานรัฐบาล ซึ่งรวบรวมภาพผลงานและการทำงานในภารกิจต่างๆ ของ พล.อ.ประยุทธ์และข้อความคำพูดบางช่วงบางตอน หน้าปกของสมุดภาพ มีลายมือและข้อความจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า "สมุดภาพเล่มนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของผลการดำเนินงานของรัฐบาล ที่จะสะท้อนให้เห็นเจตนารมณ์ ความมุ่งมั่นตั้งใจ ให้ประชาชนได้รับทราบและร่วมมือกัน ด้วยพลังแรงใจ การสนับสนุนจากประชาชน ส่วนราชการและภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ เอกชนได้ร่วมมือกันในลักษณะประชารัฐเพื่อเกื้อกูลกัน นำพาประเทศชาติและประชาชน ไปสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน สืบไป" ด้วยความรักและเคารพ พล.อ.ประยุทธ์
นายกฯตู่ฉุนคนไม่เข้าใจแถลงผลงาน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวปิดการแถลงสรุปผลงานรัฐบาลรอบ 1 ปี มีครม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมรับฟัง นายกฯกล่าวอย่างอารมณ์เสียว่า การแถลงผลงานครั้งนี้อาจแตกต่างจากที่ผ่านๆ มา หลายคนวิจารณ์ว่าใช้เวลานานเกินไป หลายคนไม่เข้าใจหาว่ามีแต่น้ำไม่มีเนื้อ พอถามกลับว่าเนื้อคืออะไรก็บอกว่า อย่างเช่นการขายลอตเตอรี่ได้ราคาฉบับละ 80 บาท ถ้าอย่างนี้ไม่ต้องปฏิรูป เพราะขาดความเข้าใจซึ่งกันและกัน สิ่งที่ทำวันนี้คือการเอาประวัติศาสตร์มาเรียนรู้ว่าปัญหาอยู่ที่ไหน วันนี้จะแก้อย่างไร และจะเริ่มต้นที่จะทำต่อไปในรัฐบาลข้างหน้าอีก 4-5 รัฐบาล
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ต้องสร้างกระบวน การเรียนรู้เหมือนที่มาของทศกัณฐ์ซึ่งมาจากนนทก ถึงจะแก้ปัญหาทั้งระยะสั้นและระยะยาวได้ การดูโขนเราจะรู้ว่ามีเพียงสองฝ่าย และจะเป็นอย่างไรฝ่ายธรรมต้องชนะอธรรมเสมอ ทุกคนต้องทำให้ได้ อ่านหนังสือพิมพ์วันนี้แล้วไม่เข้าใจ ไปเดินเยี่ยมชมนิทรรศการผลงานมาแล้วแต่หนังสือพิมพ์เขียนมันใช้ได้หรือไม่ ไปดูกันได้เลยสร้าง สรรค์อะไรให้ตนบ้าง แล้วก็มาว่าไปละเมิดจรรยาบรรณ ไปเขียนได้อย่างไร วันนี้ทุกคนเหนื่อยกันมหาศาลสื่อเขียนเพียง 4-5 บรรทัด นี่หรือเรียกว่ารักชาติ จะร่วมปฏิรูปประเทศ ตนว่าบางคนเท่านั้นไม่ใช่ทั้งหมด ตนจะไม่ยอมให้คนทำงานเสียกำลังใจ
โวย 50 ล้านคนต้องออกมาเลือกตั้ง
"วันนี้แค่รักษาสถานภาพเศรษฐกิจให้คนอยู่ได้ไม่อดตายก็เก่งแล้ว แล้วสื่อก็ไปเขียนว่าจะรอดหรือไม่ อย่างนี้หรือที่เป็นการให้กำลังใจกัน รัฐบาล คสช. ปี 2559 จะรอดไหม อย่ามาเขียนไม่สร้างสรรค์ ทั้งเรื่องการตัดสินของศาลไม่เป็นธรรม ตำรวจไม่ดี ทำลายกระบวน การยุติธรรมของตัวเอง แล้วมันจะสงบได้อย่างไร ถ้ามันไม่ผิดก็ไปอุทธรณ์มาไปฟ้องศาลปกครองก็ได้ไม่ใช่มาวิพากษ์วิจารณ์จนเสียระบบกันไปหมด ผมไม่ยอมตรงนี้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยว่า ทุกคนอยากเลือกตั้งอาจเป็นพิธีกรรมอะไรสักอย่างที่ทำให้ประเทศชาติเจริญก้าวหน้า ตนไม่รู้ ไม่ขัดแย้ง แต่จะทำอย่างไรให้การเลือกตั้งได้คนดี มีธรรมาภิบาล ไม่ใช่ดีร้อยเปอร์เซ็นต์แต่ต้องดีมากกว่าที่เคยมีมา คนที่เลือกเข้ามาต้องกลั่นกรอง ไม่ใช่เลือกคนที่เคยเข้ามาทั้งหมด การเลือกตั้งไปบอกประชาชนว่าทุกคนทั้ง 50 ล้านคน ต้องลงประชามติให้หมด อย่าบอกว่าไม่ชอบไม่มา และการเลือกตั้งก็ต้องออกมา จะเลือกใครหรือไม่เลือกใครก็ได้ เขามีช่องให้กา ถ้าออกมาครบ 90-100 เปอร์เซ็นต์ นี่คือเสียงส่วนใหญ่ว่าเขาเลือกใคร แต่ถ้าออกมา 20 ล้านคนแล้วบอกว่านี้คือประชาชน ประชาชนตรงไหน ส่วนพรรคจะหาเสียงอย่างไรแล้วแต่ผมไม่เคยยกเลิกสักโครงการแต่เอามาทบทวน แล้วจะมาบอกยกเลิกของเก่าแล้วทำไม่สำเร็จ ไปแกะมาดูว่าต่างกันตรงไหน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ลั่นมีวิธีรับผิดชอบรธน.ไม่ผ่าน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า เรื่องรัฐธรรมนูญจะผ่านไม่ผ่าน ตนมีวิธีของตนและต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว เลือกตั้งได้ไม่ได้รับผิดชอบอยู่แล้ว แต่จะไปรับผิดชอบอย่างไรก็อีกที ถ้าทะเลาะกันดีนักเลือกตั้งแล้วตีกันท่านก็ให้ผมเลิก ตนก็กลับบ้าน ตีกันต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวเรื่องคดีจำนำข้าวว่า คดีทั้งหมดไม่ผ่อนผันใดๆ ทั้งสิ้น จะมาขอยืดเวลาตนไม่ให้เพราะให้มาพอเพียงแล้ว คดีจำนำข้าวเถียงกันมาจนหัวจะผุ ต่อไปนี้ขายเท่าไรก็ได้เท่านั้น เป็นเรื่องอะไรที่ตนต้องรับผิดชอบ ขายข้าวจะได้ราคาหรือไม่ได้ราคาใครทำไว้ ถ้าตนเอาข้าวมาขายเยอะจะเกิดอะไรขึ้น วงจรข้าวข้างนอกก็จะเสีย ข้าวฤดูใหม่ก็จะขายไม่ได้ ดังนั้นไม่ต้องกังวลเอาข้าวเสียขายให้หมด แล้วใครจะต่อต้านถ้าตนให้อำนาจเขาขายก็ต้องขาย ถ้าไม่ขายก็ต้องมารับผิดชอบใช้หนี้แทนเขา ข้าวดีเก็บไว้ ข้าวเสียขายไป ถ้าขายได้น้อยเป็นความรับผิดชอบของเขา เพราะเขาเป็นคนทำ และถ้าข้าวเสียหายเพิ่มอีกขายไม่ออกอีกก็ประเมินไปว่ากี่เดือนก็บวกค่าความเสียหายเพิ่มเข้าไปอีกและไม่ใช่ตนรับผิดชอบ
จวก"กสม."ปกป้องคนร้าย
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ต้องทำหน้าที่เป็น กสม.ทั้งไทยและเทศด้วย ไม่ใช่รักษาประโยชน์ให้ผู้ร้ายอยู่ตลอด มันทำความผิดก็ว่าไปตามความผิด เจ้าหน้าที่รัฐทำงานก็ต้องให้ความเป็นธรรมเขาด้วย ไม่ใช่เมื่อตัดสินไปทั้งๆ ที่มีหลักฐาน มีกฎหมาย ก็ยังหาว่ารังแก มันแทบจะฆ่าคนตายตรงหน้าแล้วยังไปป้องปกมันอีก ทำไมคนไทยถึงคิดแบบนี้ แล้วจะแก้ปัญหากันได้จบหรือไม่ ซึ่งต้องทำงานร่วมกัน ทั้งรัฐบาล คสช. ข้าราชการ ภาคประชาสังคม และกสม. ท่านคือผู้รับผิดชอบประเทศทั้งหมด ไม่ใช่ตน
"วันนี้ไม่ค่อยสบายเพราะโมโห แล้ววันนี้จะพูดแรงครั้งสุดท้ายแล้ว ตั้งใจ เพราะเดี๋ยวจะปีใหม่ ปีหน้าจะให้รองนายกฯ มาดุแทน ผมก็จะยิ้มอย่างเดียวเพราะพูดมาเยอะแล้ว พูดมา 2 ปีแล้ว พูดจนลมเข้าท้องแล้ว พูดจนผอม ไปทำตาม เอาไปคิดกันหน่อยและอย่าไปสร้างความขัดแย้ง" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ขอให้ปีใหม่เป็นปีแห่งการร่วมมือ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวด้วยว่า ขอให้ปีใหม่เป็นปีแห่งการร่วมมือเป็นปีแห่งการร่วมรักสามัคคีไม่ขัดแย้ง เป็นปีแห่งการปฏิรูปอย่างแท้จริง เป็นปีแห่งการเริ่มต้นปฏิรูป เหลือเพียงอีก 1 ปี 6 เดือนเท่านั้น หลังจากนั้นไม่มีโอกาสอีกแล้ว ขอบคุณทุกคนขอให้มีความสุข
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ พร้อมครม.รับประทานอาหารกับสื่อมวลชนและผู้ร่วมงาน มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ร.อ.ทินพันธุ์ นาคะตะ ประธาน สปท. นายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท. พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม ร่วมด้วย โดยพล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเวทีนำ ครม.ร้องเพลง "คืนความสุขของคนในชาติ" และเพลง "เพราะเธอประเทศไทย" จากนั้นได้ลงมาทักทายข้าราชการและสื่อ มวลชน โดยบอกว่า "ฉันจะสู้และแก้ปัญหาต่อไป" และร่วมยืนร้องเพลง "รางวัลแด่คนช่างฝัน" พร้อมยกมือประกอบจังหวะก่อนเดินทางขึ้นตึกไทยคู่ฟ้า พร้อม ครม.
พท.แถลงติงบิ๊กตู่พูดแบ่งแยก
วันเดียวกัน พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ เรื่อง การแถลงผลงานครบรอบ 1 ปี ของรัฐบาล ว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่าคำแถลงของนายกฯในหลายส่วนสร้างความสับสน แบ่งแยกและสร้างความร้าวฉาน แตกแยกในสังคมไทย ดังนี้ 1.คำกล่าวของนายกฯที่ว่า"คนรายได้น้อยมาเลือก เพราะเขาต้องการเงินไปเลี้ยงครอบครัว" และ"คนมีรายได้ปานกลางไม่ออกมาเลือกตั้ง จะทำให้เสียงของคนที่อยากมีรายได้เพิ่มขึ้นมากกว่า" ซึ่งแสดงถึงความขาดความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยและมีอคติต่อการเลือกตั้ง ดูไม่ต่างจากคำพูดในเวทีการชุมนุมชัตดาวน์ประเทศก่อนรัฐประหาร คำพูดของผู้ปราศรัยบนเวทีที่อ้างว่า คนชนบทโง่ คนกรุงเทพฯฉลาดกว่า ดังนั้นเสียงต้องไม่เท่ากัน
พรรคเพื่อไทย เห็นว่า ในอดีตได้พิสูจน์ในการเลือกตั้งหลายครั้งแล้วว่า คนชนบท คนยากจน คนรากหญ้า มิได้มาเลือกตั้งเพราะเห็นแก่รายได้หรืออามิสสินจ้าง แต่มาใช้สิทธิเลือกตั้งเพราะพอใจในนโยบายที่จับต้องได้ นโยบายที่ยกฐานะให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในทางทฤษฎีประชาธิปไตยและหลักสิทธิมนุษยชน ทุกคนเท่าเทียมกัน มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เสมอกัน คำพูดใดๆ ที่แบ่งชนชั้นจึงสะท้อนแนวคิดเพื่อรักษาหน้าตาและผลประโยชน์ของกลุ่มบุคคลที่มีฐานะดีเท่านั้น
แนะหลักการปชต.-30 บาท
แถลงการณ์ ระบุว่า การมองการเลือกตั้งว่าขึ้นอยู่กับการใช้เงินซื้อเสียง สะท้อนให้เห็นภาวะที่ไม่ใช่นักประชาธิปไตยของผู้นำซึ่งนิยมระบบแต่งตั้งมากกว่า จึงไม่แปลกใจว่าร่างรัฐธรรมนูญที่ร่างอยู่ จึงไม่ให้ความเคารพต่อการมีส่วนร่วมและการตัดสินใจของประชาชน เช่น การให้ ส.ว.มาจากการแต่งตั้ง สรรหา การตั้งองค์กรพิเศษเพื่อควบคุมรัฐบาลอีกชั้น การยกอำนาจของประชาชนไปให้องค์กรตรวจสอบและองค์กรตุลาการที่ไม่ได้เชื่อมโยงกับอำนาจประชาชน จนทำให้เสียสมดุลในระบบถ่วงดุลอำนาจ
2.นายกฯ ได้เปรียบเปรยถึงโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคว่า เป็นโครงการสุดยอด แต่รายได้ไม่มี ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่แสดงถึงความไม่เข้าใจ หรือมองปัญหาไม่ถูกต้อง เพราะโครงการนี้มีไว้ช่วยคนยากจน กลุ่มคนที่มีรายได้น้อยไม่เพียงพอจะรองรับค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาล แค่ให้มีหลักประกันในชีวิต ให้คนมีสุขภาพดี ค่าใช้จ่ายที่มีต้นทุนที่ 30 บาทนั้น มีที่มาจากภาษีของประชาชน ซึ่งเป็นของเพื่อนร่วมชาติของเขา ซึ่งเงินจำนวนนี้มีไว้เพื่อเกื้อกูลคนไทยด้วยกัน ไม่ใช่เพื่อค้ากำไร เลขาธิการยูเอ็นยังเคยหยิบยกโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ไปเป็นแบบอย่างให้แก่ประเทศที่ด้อยพัฒนาและประเทศที่กำลังพัฒนา และล่าสุดสหรัฐอเมริกายังมีนโยบายรักษาพยาบาลในแบบเดียวกับโครงการนี้เช่นเดียวกัน
ชี้ประชารัฐก็คือประชานิยม
3.คำกล่าวของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ต่อหน้านายกฯว่า "สิ่งที่ผมทำเมื่อ 10 ปีก่อน ไม่ใช่ประชานิยม และผมไม่สนใจว่าใครจะเรียกว่า ประชานิยม" นับได้ว่าเป็นคำพูดที่ตรงไปตรงมา พิสูจน์ให้เห็นว่าขณะนี้นายกฯ กำลังใช้โครงการที่เคยดูถูกและกล่าวหารัฐบาลที่แล้วว่ามีนโยบายเป็นประชานิยม คำว่าประชานิยมจึงเป็นเพียงคำพูดที่ต้องการทำลายความน่าเชื่อถือของรัฐบาลในอดีตเท่านั้น นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค กองทุนหมู่บ้าน โครงการตำบลละ 5 ล้าน ที่รัฐบาลชุดนี้นำมาใช้ ไม่ใช่ประชานิยมแต่เป็นประชารัฐ จึงดูไม่ต่างจากความพยายามจะเปลี่ยนชื่อโครงการของพรรคเพื่อไทยที่ประสบความสำเร็จในอดีตที่ผ่านมา
แถลงการณ์ ระบุว่า นายกฯได้กล่าวถึงเหตุผลยึดอำนาจไว้ว่าเพื่อยุติความหวาดระแวง ฟื้นฟูความสงบเรียบร้อย ความรู้รักสามัคคีและความเป็นธรรม สร้างบรรยากาศแห่งความสงบเรียบร้อยและปรองดอง เพื่อนำความสุขที่สูญหายไปนานกลับคืนสู่ประชาชน พรรคเพื่อไทยเห็นว่าตลอด 1 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา ไม่ได้มีรูปธรรมอันใดที่สะท้อนความเป็นจริงในการเสริมสร้างและแก้ปัญหาที่กล่าวมา สิ่งที่ปรากฏ กลายเป็นบุคคลกลุ่มหนึ่งถูกแจ้งข้อกล่าวหา ถูกปรับทัศนคติ คนอีกกลุ่มหนึ่งใช้เสรีภาพได้เต็มที่ นายกฯ กลายเป็นคู่ขัดแย้งกับคนอีกกลุ่มหนึ่งอย่างชัดเจน ขณะที่แสดงความปรองดองสมานฉันท์กับคนอีกกลุ่มหนึ่งอย่างแนบแน่น ที่ผ่านมาประเทศเสียเวลาไปกับการใช้อำนาจอย่างไร้ขอบเขตจำกัด เสียเวลาไปกับวาทกรรมสวยหรูเรื่องปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ คำพูดของนายกฯ ในการแถลงครบรอบปีไม่ได้สอดคล้องกับเจตจำนงที่กล่าวไว้ในการยึดอำนาจปกครองประเทศ และน่าจะวิเคราะห์ได้ไม่ยากว่า อีก 1 ปี 6 เดือนข้างหน้า ประเทศชาติจะเผชิญกับชะตากรรมแบบใด
ปึ้งห่วงรบ.ทิ้งขว้างคนจนที่ป่วย
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ฟังจากกระทรวงสาธารณสุขว่าจะรื้อโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ที่เริ่มต้นขึ้นในสมัยนายทักษิณ ชินวัตร และมีความพยายามที่จะกล่าวหาว่าเป็นนโยบายประชานิยมที่รัฐต้องเสียงบประมาณเยอะมากและเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา โดยรมว.สาธารณสุขจึงคิดจะใช้ประชารัฐเข้ามาแก้ไข พูดง่ายๆ ว่าประชาชนต้องควักเงินจ่ายร่วมด้วย จะจ่าย 30 บาทแล้วรักษาทุกโรค ต่อไปอีกไม่ได้แล้ว
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ที่น่าเห็นใจที่สุดคือผู้มีรายได้น้อย จะไม่มีโอกาสได้รับการรักษาพยาบาลที่ดี เพื่อให้หายป่วย รู้สึกเสียดายโครงการดีๆ เช่นนี้ที่ต่างชาตินำไปเป็นแบบอย่าง แม้กระทั่งเลขาธิการยูเอ็น ยังเคยหยิบยกการให้บริการ 30 บาทรักษาทุกโรคให้แก่ประเทศที่ด้อยพัฒนา และประเทศที่กำลังพัฒนานำไปเป็นแบบอย่าง ล่าสุดสหรัฐยังมี นโยบายรักษาพยาบาลให้คนของเขาตามแบบคนไทยเราเลย แต่กลับเป็นที่น่าเสียใจมากๆ ที่เมื่อฟังการแถลงผลงานรัฐบาลนี้กลับพูดว่า 30 บาทรักษาฟรีทุกโรคทำให้เสียงบประมาณเยอะมาก รัฐไม่มีรายได้จากนโยบายนี้เลย
"พล.อ.ประยุทธ์แถลงและให้สัมภาษณ์อยู่แหม็บๆ ว่า คสช.เป็นหมอเข้ามารักษาคนป่วย นี่ไม่ทันอะไรเห็นคนไข้ไม่มีเงิน จะไม่รักษาฟรีให้เขาแล้ว จะทิ้งขว้างกันแบบนี้เลยหรือ" นายสุรพงษ์กล่าว
วัฒนาจวกมีชัยนิรโทษ"คสช.-รบ."
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ได้อ่านคำให้สัมภาษณ์ของนายมีชัย ฤชุพันธ์ุ ประธานกรธ. ที่ตอบคำถามถึงความจำเป็นที่ต้องบัญญัติการนิรโทษกรรมให้กับคสช.ว่า คงต้องกำหนดไว้เหมือนกับรัฐธรรม นูญในอดีต เพราะเป็นสูตรที่ต้องมีไว้ในรัฐธรรมนูญ จึงขอให้ความเห็น ดังนี้ 1.เมื่อดูตามประวัติของนายมีชัย แม้ตนจะไม่มีความเชื่อมั่นว่าเราจะได้รัฐธรรมนูญที่เป็นประชาธิป ไตย แต่ตนยังคงให้โอกาสนายมีชัยและคณะ ทำงานพิสูจน์ตัวเองโดยไม่เคยวิจารณ์ แอบหวังลึกๆ ว่า นายมีชัยน่าจะใช้โอกาสครั้งสุดท้ายของชีวิตใช้ความรู้ทางกฎหมาย สร้างสิ่งที่ดีงามให้กับบ้านเมือง ท้ายที่สุดความคิดของตนผิด คำพังเพยที่เปรียบเทียบว่างาช้างที่หมายถึงสิ่งดีงามย่อมไม่งอกผิดที่ยังคงใช้ได้เสมอ
2.วิกฤตขัดแย้งที่เกิดขึ้น มีสาเหตุสำคัญมาจากการเมือง การปกครอง กฎหมายและการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่เป็นไปตามหลักนิติธรรม การยุติความขัดแย้งเพื่อนำไปสู่การสร้างความปรองดองที่ยั่งยืน คือการสร้างกติกาทางการเมืองที่อยู่บนพื้นฐานของหลักนิติธรรม สูตรที่ต้องมีไว้ในรัฐธรรมนูญ คือหลักการปกครองประเทศบนพื้นฐานของหลักนิติธรรม ไม่ใช่การนิรโทษกรรมอย่างที่นายมีชัย นำมาเป็นข้ออ้าง
ชี้หนีตรวจสอบแย่กว่าหนีคดี
3.เมื่อ คสช.ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พ.ค.57 ได้นิรโทษกรรมการยึดอำนาจไว้ในมาตรา 48 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวครั้งหนึ่งแล้ว ดังนั้นการนิรโทษกรรมที่นายมีชัย จะเขียนไว้อีกในรัฐธรรมนูญฉบับต่อไป คือการนิรโทษกรรมให้กับการกระทำของ คสช. และรัฐบาลที่เกิดขึ้นภายหลังยึดอำนาจ ไม่ว่า คสช.หรือรัฐบาลจะทำผิดกฎหมาย หรือใช้อำนาจในทางมิชอบใดๆ รวมถึงคดีทุจริตในโครงการอุทยาน ราชภักดิ์ด้วย จะถูกนายมีชัยและคณะนิรโทษกรรมให้หมด นี่จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ ประชาธิปไตยของไทยไม่พัฒนา เพราะไม่ได้คำนึงถึงหลักการหรือความถูกต้องใดๆ
4.ขอเรียกร้องให้นายกฯ และหัวหน้า คสช. แสดงให้ปรากฏต่อสาธารณชนว่า สิ่งที่นาย มีชัยคิดจะทำนั้น ล้วนคิดไปเองหรือที่โบราณเรียกว่าสอพลอ ไม่ได้เป็นความต้องการของท่านที่พร้อมจะให้ตรวจสอบ เพราะหากสุจริตจริง ย่อมจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายอยู่แล้ว ไม่ควรให้นายมีชัยไปนิรโทษกรรมให้เป็นการแปดเปื้อนต่อไปอีก แต่หากไม่แสดงความรับผิดชอบด้วยการยอมให้มีการนิรโทษกรรม เท่ากับกำลังรู้เห็นกับนายมีชัย อันเป็นพฤติกรรมของคนขี้ขลาดที่หนีการตรวจสอบ ซึ่งทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลนี้ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และยังสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องให้เกิดขึ้นกับการเมืองไทยอีกด้วย ประการสำคัญ การหนีการตรวจสอบเลวร้าย กว่าการหนีคดีหลายเท่านัก ว่าแต่เขา อิเหนาอย่าเป็นเองเลย
มาร์คติงกรธ.อย่ากลัวเลือกตั้ง
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่กรธ.กำหนดให้ที่มาส.ว.มาจากกลุ่มสาขาอาชีพ 20 สาขา โดยเป็นการเลือกตั้งแบบไขว้จากผู้สมัครต่างกลุ่มอาชีพ ว่า ยังไม่เข้าใจในระบบคิดดังกล่าว ส่วนตัวอยากให้ส.ว.มาจากการเลือกตั้งโดยตรง โดยเลือกตามฐานสายอาชีพของกลุ่มต่างๆ ซึ่งกระบวนการการเลือกตั้งเช่นนี้ จะมีความรัดกุมมากกว่าการสรรหา แม้จะมีความกังวลเรื่องการซื้อเสียง แต่ฐานของผู้เลือกเยอะกว่า จะล็อบบี้ยากกว่า และถ้าไม่อยากให้ส.ว.ผูกพันกับพรรคการเมือง ก็อย่าเลือกตามพื้นที่แต่เลือกตามกลุ่มอาชีพหรือสังคมแทน
"การเลือกไขว้เช่นนี้ ปัญหาจะอยู่ที่กลุ่มผู้เลือกแคบ การให้กลุ่มอาชีพอื่นเลือกไขว้กันยิ่งเป็นเรื่องแปลกเข้าไปใหญ่ จนไม่รู้ว่าเลือกไปเป็นตัวแทนใครกันแน่ ผมไม่เข้าใจว่าระบบนี้ เป็นเหตุเป็นผลอย่างไร อยากบอกว่า อย่ากลัวการเลือกตั้งโดยตรง เพราะถ้ากลัวจะทำให้คิดวิธียาก ระบบที่กรธ.คิดมานี้ไม่คิดว่าจะแก้ปัญหาได้ เพราะปัญหาการฮั้วเกิดจากการเลือกตั้งในฐานที่แคบ ส่วนเรื่องการที่กรธ.เปิดช่องไม่ห้ามเครือญาติของนักการเมืองลงสมัคร ส.ว.นั้น ผมเห็นว่า สภาผัวเมียต้องไม่มีอำนาจมาเกี่ยวข้องกับส.ส.เลย แต่การเลือกทางอ้อมมีปัญหาว่า คนเกี่ยวข้องอยู่ในวงแคบ จึงเท่ากับประชาชนไม่มีส่วนร่วมอย่างแท้จริง" นายอภิสิทธิ์กล่าว
สนช.ชงส.ว.ลากตั้ง-นายกฯคนนอก
ที่รัฐสภา นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เป็นประธานประชุมสนช. พิจารณารายงานการรวบรวมความเห็นเพื่อประกอบการพิจารณาจัดทำร่างรัฐธรรมนูญ ตามที่คณะกรรมาธิการ (กมธ.)สามัญ พิจารณาศึกษา เสนอแนะ และรวบรวมความเห็น เพื่อประกอบการพิจารณา จัดทำร่างรัฐธรรมนูญ พิจารณาเสร็จแล้ว มีสาระสำคัญคือ ควรมีส.ส. 500 คน มาจากแบบแบ่งเขต 350 คน และแบบบัญชีรายชื่อ 150 คน ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เหมือนที่เคยใช้มา แล้วคิดคะแนนแบบสัดส่วนผสม เขตเลือกตั้งควรเป็นเขตใหญ่เรียงเบอร์ 3 คน ต่อ 1 เขต ส่วนส.ว.ควรมีจำนวน 200 คน มาจากการสรรหาทั้งหมด และควรคงอำนาจถอดถอนไว้
สำหรับ นายกฯไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. แต่ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาผู้แทนราษฎร นอกจากนี้ ยังจำเป็นต้องมีองค์กรหรือคณะกรรมการเพื่อทำหน้าที่แก้วิกฤตของประเทศ ในกรณีที่ไม่มีบัญญัติไว้ หรือในกรณีที่ไม่สามารถใช้อำนาจบริหารประเทศได้
จากนั้นจึงเปิดให้สมาชิกสนช.อภิปราย ก่อนมีมติเห็นชอบกับรายงานข้อเสนอแนะ ส่งให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ตามมาตรา 39 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ. 2557 เพื่อนำไปพิจารณาประกอบการร่างรัฐธรรมนูญ ด้วยคะแนน 144 ต่อ 1 เสียง
ปรีชายันเสนอเอง"รบ.แห่งชาติ"
นายปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงข้อเสนอเรื่องตั้งรัฐบาลแห่งชาติว่า เรื่องนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวของตนไม่เกี่ยวกับพรรคแต่อย่างใด ซึ่งตนมองว่าช่วงนี้เศรษฐกิจแย่ และจะปรองดองกันได้อย่างไรเท่านั้น ขอยืนยันอีกครั้งว่าเรื่องนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัว เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าเป็นใบสั่งจากคนแดนไกล นายปรีชากล่าวว่า ไม่มีคำสั่งจากใครทั้งสิ้น ตนเพียงเสนอความเห็นส่วนตัว
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด