ตู่โวยปฏิทินแม้ว-ปู เพื่ออะไร ปลดหมอวิชัย-สสส.ใช้ม. 44 ฟันกราวรูดอีกล็อตใหญ่ อธิการ-นายกอบต. 52 รายด้วย มีชัยยันเอง-มาร์คสมัครสส.ได้
'บิ๊กตู่'งัดม.44 สั่งพักงาน-โยกย้ายขรก.'พลเรือน-ท้องถิ่น'ผู้บริหารสถาน ศึกษา 52 ราย โละบอร์ดสสส.รวด 7 คน ปลด"หมอวิชัย"พ้นเก้าอี้รองประธาน โวยลั่นปฏิทิน 'ยิ่งลักษณ์ -ทักษิณ' ถามทำเพื่ออะไร มทบ.23 เรียกแกนนำแดงขอนแก่นปรับทัศนคติหลังแจกปฏิทิน ตั้งข้อกล่าวหาแกนนำแดงชู 3 นิ้วรับ 'ปู''หมอเหวง' สวนกลับทำไมแจกปฏิทิน'มาร์ค'ทำได้ 'บิ๊กต๊อก'ลั่น ศอตช.สอบปม'ราชภักดิ์'ทั้งหมดยันผู้รับผิดชอบโครงการ'อุดมเดช' เตือนกก.สอบอย่าหลงประเด็น พร้อมให้ข้อมูล
วันที่ 06 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9170 ข่าวสดรายวัน
สายตาดี - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบแว่นสายตาให้เด็กนักเรียน พร้อมชมการสาธิตการตรวจคัดกรองสายตา เพื่อรณรงค์ประชาสัมพันธ์โครงการ เด็กไทยสายตาดี ณ หน้าตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 5 ม.ค.
บิ๊กตู่พูดน้อย-สัมภาษณ์ 7 นาที
เวลา 07.00 น. วันที่ 5 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา และ ครม.ร่วมพิธีเจริญพุทธมนต์พระสงฆ์ 9 รูป ภายในตึกสันติไมตรีหลังนอก จากนั้นเป็นประธานพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 59 รูป เนื่องในวันขึ้นปีใหม่ 2559 ที่สนามหญ้าข้างตึกไทยคู่ฟ้า
จากนั้นหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมครม.โดยใช้เวลาสัมภาษณ์เพียง 7 นาที 30 วินาที ว่า วันนี้ประชุม ครม.ครั้งแรกของปี 2559 เกี่ยวกับเรื่องที่ได้สั่งการการขับเคลื่อนการทำงานและเรื่องการปฏิรูป รวมทั้งการแก้ปัญหาตามเวลาเร่งด่วนทั้ง 6 กลุ่มงานที่รองนายกฯกำกับอยู่ ตนได้ให้แนวทางการทำงานไปแล้วว่าจะชี้แจงกับประชาชนอย่างไร บ้าง นอกนั้นเป็นเรื่องการพิจารณาและแจ้งเพื่อทราบ
ยันไม่ยกเลิก 30 บาท
นายกฯ กล่าวถึงระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติว่า ประชารัฐจะทำให้หลักประกันสุขภาพเข้มแข็งขึ้น โดยโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคหรือบัตรทองยังคงเป็นเหมือนเดิม เคยได้สิทธิอย่างไรก็ได้อย่างนั้น แต่คณะกรรมการส่งเสริมสุขภาพแห่งชาติจะพิจารณาว่าจะทำอย่างไรให้ดีกว่าเดิม แต่หากทำพร้อมกัน 70 ล้านคน ต้องเพิ่มงบประมาณอีกเท่าไร ซึ่งเราหาเงินไม่ได้ส่วนนี้ และยังมีเรื่องการศึกษา รถเมล์-รถไฟฟรี ที่ต้องใช้งบจำนวนมากแต่ก็จำเป็นต้องให้ประชาชนเพราะดำเนินการมาอยู่แล้ว จึงต้องหางบส่วนหนึ่งมาสร้างความเข้มแข็ง เช่น ระบบการป้องกันมากกว่ารักษาอย่างเดียว ให้เรียนรู้ว่าจะป้องกันตัวเองอย่างไรเพื่อลดค่ารักษาลงไป ไม่ใช่ลดหรือไม่ให้เงิน ใครป่วยก็ได้รับสิทธิเช่นเดิม แต่หากป่วยให้น้อยลงก็ดีเพื่อจะได้นำงบไปใช้ในส่วนอื่น จึงมีแนวคิดจากคณะกรรมการว่าจะลดหรือเพิ่มเติมอย่างไร ซึ่งยังไม่ได้ข้อยุติต้องรับฟังความคิดเห็นประชาชนด้วย อย่าไปใจร้อน ใครจะไปยกเลิกสิทธิ 30 บาท
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงสถานการณ์ราคายางที่ตกต่ำที่สุดว่า รู้หรือยังว่าเพราะอะไร ถ้าจะมาถามตนก็ต้องถามกลับว่าเป็นแบบนี้เพราะอะไร เคยมีระบบหรือโครงสร้างทำไว้หรือไม่ ราคาน้ำมันตกต่ำหรือไม่ ทำอย่างไรให้หาเงินมาอุดหนุนให้ "ต้องการแบบนั้นหรือ ก็เอา โครงการ 30 บาทก็ยกเลิก เอามาจ่ายค่ายาง ค่าข้าว ให้มันชดเชยไป เพราะผมมีเงินเท่านี้ แต่ตอนนี้กำลังสร้างความเข้มแข็ง"
จวกปฏิทินคนทำผิดกฎหมาย
เมื่อถามว่า หลายจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือห้ามแจกปฏิทินของอดีต นายกฯ นายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ขอถามก่อนว่ามันสมควรหรือไม่ ซึ่งตนไม่รู้ ขอถามสื่อก่อนปฏิทินแบบนี้ตนไม่ได้บอกว่าแจกแล้วผิดหรือแจกแล้วถูก ถามว่าปฏิทินดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ ทำมาเพื่ออะไร ผิดกฎหมายหรือเปล่า ไม่เช่นนั้นก็เอาคนที่ทำผิดกฎหมายมาทำปฏิทินแจก ซึ่งไม่ใช่การเมือง ไม่ได้ปิดกั้นอะไร ความถูกต้องมันอยู่ตรงไหน เจ้าหน้าที่ก็ต้องทำเท่าที่ทำได้เพราะเขารู้ว่ามีการ กระทำผิดกฎหมาย
"ทำไมจะเอาไปบูชากันหรืออย่างไร คนดีๆ ตั้งเยอะ ถ้าคิดว่าไม่ได้ผิดจริงก็กลับมาจะทำปฏิทินให้หลายๆ เล่มด้วย ถามเรื่องอื่น เรื่องไร้สาระขี้เกียจตอบ" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
ประชดส่งออกปฏิทินนักโทษ
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยยื่นจดหมายถาม ทำไมถึงไม่ให้แจกจ่ายปฏิทินดังกล่าวจะตอบอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ทำไมตนต้องไปตอบเขา คิดกันเอาเองว่ามันถูกหรือมันผิด มีคนทำผิดกฎหมายหรือไม่ในปฏิทินนั้น แล้วสื่อต้องการให้ออกหรือปฏิทินดังกล่าว ถามว่าตนเป็นศัตรูกับเขาหรือ ก็เปล่า ตนเป็นศัตรูกับพรรคเพื่อไทยก็เปล่าอีก ตนทำหน้าที่ของตนแล้วทำไมไม่เอาคนอื่นมาใส่ไว้ในปฏิทินบ้าง ติดคุกกันอยู่เต็มไปหมดในคุกนั่น ก็เอามาออกบ้าง คดีเยอะแยะไปในคุกเอาออกมาทำปฏิทินกันให้หมด
เมื่อถามว่าคิดว่าวันนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์วางตัวเหมาะสมหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็ไปถามเขา
จากนั้นเดินออกจากวงให้สัมภาษณ์ทันที พร้อมโบกมือ และไม่ว่าผู้สื่อข่าวจะตั้งคำถามอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ ก็ไม่หันมาตอบใดๆ
เรียกแดงขอนแก่นปรับทัศนคติ
เวลา 13.00 น. ที่เรือนรับรอง มทบ.23 ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น พ.อ.สมชาย ครรภาฉาย รอง ผบ.มทบ.23 พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้าชุดปฏิบัติการกองกำลังรักษาความสงบ เรียบร้อย (กกล.รส.) ขอนแก่น และนายสัมภาษณ์ ศรีหงส์ ป้องกันจังหวัดขอนแก่น ได้เรียกตัว นางปิญฉาย นาชัย อายุ 72 ปี อยู่บ้านเลขที่ 139/25 ม.4 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ประธานกลุ่มสตรี 20 จังหวัดภาคอีสาน และนางอรทัย โพธิ์ศรี อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 91 ม.4 ต.กระนวน อ.ซำสูง จ.ขอน แก่น แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงขอนแก่น มารายงานตัวและปรับทัศนคติ หลังร่วมกันแจกจ่ายปฏิทินปีใหม่ที่มีภาพของนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมทั้งการออกมาเคลื่อนไหวขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ และอดีตส.ส.เพื่อไทย พบปะประชาชนและทำบุญเนื่องในเทศกาลปีใหม่ในพื้นที่จ.ขอนแก่น โดยใช้เวลาพูดคุยนานกว่า 1 ชั่วโมง
นางปิญฉาย เผยว่า การหารือไม่ได้เคร่งเครียด ทหารขอบคุณที่ไม่มีเหตุรุนแรงหรือเหตุการณ์ใดๆ ในพื้นที่ที่ขัดคำสั่งของคสช. กรณีกลุ่มมวลชนมาร่วมให้การต้อนรับน.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมถึงอดีตรัฐมนตรีและอดีตส.ส.เพื่อไทย ที่ลงพื้นที่และร่วมทำบุญในจ.ขอนแก่น เมื่อ วันที่ 4 ม.ค. ซึ่งทุกอย่างเรียบร้อยและอยู่ในกรอบคำสั่งของคสช.อย่างเข้มงวด แต่มีประเด็นที่หารือคือการแจกจ่ายปฏิทินปีใหม่ 2559 ที่มีภาพของ 2 อดีตนายกฯ ซึ่งตนได้รับจากอดีตส.ส.มา 20 ชุดและแจกจ่ายให้คนสนิท ไปหมดแล้ว และยังมีผู้ที่ไม่ได้รับอีกจำนวนมาก มองว่าปฏิทินดังกล่าวเป็นการมอบของขวัญให้กันตามปกติในช่วงเทศกาลปีใหม่ ไม่ทราบว่าผิดระเบียบหรือขัดต่อคำสั่งของคสช. แต่เมื่อฝ่ายทหารแจ้งมาเราก็พร้อมปฏิบัติตามและแจ้งเตือนญาติพี่น้องหรือผู้ที่ได้รับแจกจ่ายจากอดีตส.ส.ว่าให้ระมัดระวังการแจกจ่ายปฏิทินด้วย
เรียกรายงานตัวแกนนำแดงชู 3 นิ้ว
ด้านพ.อ.สมชายกล่าวว่า การแจกจ่ายปฏิทินปีใหม่ไม่ผิด แต่ที่ตรวจพบและเชิญมารายงานตัว รวมทั้งจัดส่งเจ้าหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวในช่วงที่อดีตนายกฯลงพื้นที่ที่ขอนแก่นนั้น พบว่ามีการแจกจ่ายในพื้นที่โล่งและในเขตชุมชน เข้าข่ายหวังผลทางการเมืองชัดเจนและขัดต่อคำสั่งของคสช. ซึ่งชุดปฏิบัติการของกกล.รส.ขอนแก่น ตรวจยึดปฏิทินที่มีการลงนามโดยอดีตนายกฯมาได้ 11 ชุดและป้ายข้อความต้อนรับอีก 1 แผ่น ซึ่งยึดได้ในเขตอ.บ้านไผ่ หากแจกจ่ายในที่ลับหรือในบ้านและไม่กระทำการที่เปิดเผยก็ไม่ได้ผิด แต่ห้ามแจกจ่ายในสถานที่ราชการ สถานที่ของรัฐ การประชุม สัมมนา หรือการชุมนุมต่างๆ ที่ขัดต่อคำสั่งของคสช. ทหารในพื้นที่จะตรวจสอบความเคลื่อนไหวและตรวจยึดอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น
ขณะที่พ.ท.พิทักษ์พลกล่าวว่า ช่วงการลงพื้นที่ของอดีตนายกฯที่จ.ขอนแก่น พบว่ามีกลุ่มมวลชนไปต้อนรับและร่วมกิจกรรมอย่าง มาก จากการตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดและภาพถ่ายของเจ้าหน้าที่ที่ติดตามความเคลื่อนไหวของอดีตนายกฯ พบว่าแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่เรียกว่า "ป้าวาส ไม้ขอน" มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการชู 3 นิ้วต่อต้านรัฐบาลและคสช. ขณะที่อดีตนายกฯเที่ยวชมความสวยงามของงานมหัศจรรย์พรรณไม้นานาชาติ ที่บึงทุ่งสร้าง เขตเทศบาลนครขอนแก่น ขณะนี้เจ้าหน้าฝ่ายการข่าวได้ตรวจสอบข้อมูลส่วนตัวเพื่อสืบค้นชื่อและนามสกุล รวมถึงที่อยู่ในภาพรวมทั้งหมด เพื่อเรียกมารายงานตัวและรับทราบข้อกล่าวหาเพราะถือเป็นการขัดคำสั่งของคสช.ที่ชัดเจนอีกด้วย
เข้าข่ายแจกโปสเตอร์หาเสียง
แหล่งข่าวระดับสูงจากกกล.รส.กองทัพภาคที่ 2 เผยถึงกรณีขอความร่วมมือจากบุคคลที่เดินแจกปฏิทินและห้ามน.ส.ยิ่งลักษณ์ขึ้นรถแห่ขณะเดินสายทำบุญที่จ.ขอนแก่นว่า เป็น การดำเนินการในส่วนของสายปกครอง สายรักษาความสงบที่เป็นเจ้าของพื้นที่ ดูแล้วการกระทำดังกล่าวเป็นการเคลื่อนไหวในเชิงทางการเมืองจึงเกรงว่าจะปานปลายออกไปอีก มีการพูดคุยกันแล้วและได้รับความร่วมมืออย่างดี สำหรับการแจกปฏิทินนั้น เจ้าหน้าที่ได้ใช้ดุลพินิจแล้วว่าอาจเข้าข่ายแจกโปสเตอร์หาเสียง โดยเฉพาะมีบุคคลเชิงสัญลักษณ์มาอยู่จนทำให้มีคนมารวมกันจำนวนมาก เป็น การชุมนุมแล้วนำปฏิทินมาแจกก็คล้ายกับการโฆษณาหาเสียง เราต้องขอความร่วมมือว่าอย่าเพิ่งมาเคลื่อนไหวในตอนนี้เลย
'เหวง'สวน-ทำไมปชป.ทำได้
นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำกลุ่มนปช. กล่าวกรณีห้ามแจกปฏิรูปรูปน.ส.ยิ่งลักษณ์ และนายทักษิณ แต่มีภาพสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์แจกปฏิทินปรากฏตามสื่อออนไลน์ว่า ภาพที่นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส. พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ เดินแจกปฏิทินรูปตัวเองกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค อย่างชื่นมื่น คสช.อยู่ไหน พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย อยู่ไหน จะสั่งห้ามจะสั่งเก็บสั่งริบเช่นที่เกิดกับปฏิทินของ 2 อดีตนายกฯหรือไม่ อย่าลืมว่าสองมาตรฐานทำลายประเทศไทยให้เสียหายอย่างใหญ่หลวงในช่วงสิบปีที่ผ่านมา คสช.ต้องการแก้ความขัดแย้งแตกแยก ต้องการสันติภาพ ความสงบ ปรองดองสมานฉันท์ใช่หรือไม่ การดำเนินการสองมาตรฐานเช่นนี้จะสร้างสันติภาพ สงบ ปรองดองสมานฉันท์สามัคคี หรือนำไปสู่การเผชิญหน้าอย่างรุนแรง แตกหักต่อไปในอนาคตกันแน่
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ หัวหน้าทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงเจ้าหน้าที่กกล.รส.ขอนแก่น ตรวจยึดปฏิทินปีใหม่ 2559 ที่มีภาพของน.ส.ยิ่งลักษณ์และนายทักษิณ ว่าคนกลุ่มนี้มีเป้าหมายชัดเจนหวังดิสเครดิตทหาร คสช. และรัฐบาล ทำทุกอย่างให้ขัดคำสั่งคสช.เพื่อให้เกิดการจับกุมคุมขัง หวังหยิบข้อเท็จจริงบางส่วนมาบิดเบือนใส่ร้ายทหารในโลกออนไลน์ ซึ่งเช่นเดียวกับที่จ.ขอนแก่น ทหารต้องปฏิบัติอย่างละมุนละม่อม ชี้แจงทำความเข้าใจประชาชน ไม่เช่นนั้นจะเข้าแผน พวกมีเป้าหมายล้มรัฐธรรมนูญ หวังเร่งการจัดเลือกตั้งโดยเร็วเพื่อกลับเข้ามามีอำนาจอีกครั้ง
แจกปฏิทิน - นางปิญฉาย นาชัย อายุ 72 ปี และนางอรทัย โพธิ์ศรี อายุ 48 ปี ถูกทหาร มทบ. 23 จ.ขอนแก่น เรียกรายงานตัวและปรับทัศนคติ หลังร่วมกันแจกจ่ายปฏิทินปีใหม่ที่มีภาพนายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อวันที่ 5 ม.ค. |
ห้ามเคลื่อนไหวทางการเมือง
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีบางจังหวัดสั่งงดแจกปฏิทินรูปคู่ของน.ส.ยิ่งลักษณ์และนายทักษิณ เกรงจะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นหรือไม่ ว่าไม่มีหรอก เขาทำไปตามวิจารณ ญาณว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างไร ขอเรียนว่าอยากให้สังคมเป็นผู้พิจารณาว่าเจตนาเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ หากไม่เกี่ยวก็ไม่เป็นไร แต่คนที่สั่งดูแล้วเห็นว่าน่าเกี่ยวการเมือง ความเห็นส่วนตัวมองว่าการแจกปฏิทินทำได้แต่ถ้าต้องการให้เกิดคุณประโยชน์ กับผู้รับ ไม่จำเป็นต้องใส่รูปก็ได้ เพราะตนไม่ค่อยเห็นใครเอารูปส่วนตัวไปใส่ปฏิทินแจก และตนไม่ได้ไปมองในแง่การเมือง
เมื่อถามว่าในช่วงเวลานี้เรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับการเมืองแสดงว่าจะห้ามเด็ดขาด พล.อ. อนุพงษ์กล่าวว่ารัฐบาลต้องการให้สถานการณ์ทางการเมืองนิ่ง เพราะบ้านเมืองมีความขัดแย้งกันมากพอควรและรัฐบาลไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่ถ้าใครจะทำให้เกิดกลุ่มคนมามีปัญหาทำให้ขัดแย้งกันอีกไม่ว่าเรื่องใด ต้องมีมาตร การที่จะทำไม่ให้เรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้น
มท.ไม่เกี่ยวเปลี่ยนชื่อราชภักดิ์
เมื่อถามถึงการเปลี่ยนชื่อมูลนิธิอุทยาน ราชภักดิ์และเปลี่ยนแปลงคณะกรรมการ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า หากจะมีเสนอเปลี่ยนก็เป็นทางมูลนิธิเสนอขอเปลี่ยน ไม่ใช่กระทรวงมหาดไทยขอเปลี่ยน และขณะนี้อยู่ในขั้นตอนจึงไม่เหมาะสมที่จะพูด เพราะยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์
ศอตช.สอบถึงผู้ดูแลโครงการ
พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่า ที่ผ่านมา ตนระมัดระวังที่จะให้สัมภาษณ์เพราะมีคนใช้ประโยชน์เรื่องนี้กันทางการเมือง จึงควรปล่อยให้เจ้าหน้าที่ได้ทำงานอย่างเต็มที่ ตนได้เชิญสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาพูดคุยแล้ว และสตง.ได้รายงานความคืบหน้าระดับหนึ่งแล้ว จากนี้คงต้องรอประสานกับกระทรวงกลาโหมอีกครั้งเพื่อให้งานคืบหน้าเร็วขึ้น อย่างไรก็ตาม ศอตช.จะตรวจสอบทั้งหมด รวมถึงผู้รับผิดชอบโครงการด้วย แต่ขอเวลาทำงานสักระยะหนึ่ง
พล.อ.ไพบูลย์ กล่าวว่า ส่วนที่นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทยจะยื่นหนังสือถึงพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหมนั้น ทำได้ เป็นเรื่องดีด้วย จะได้นำไปประกอบการพิจารณา แต่ท้ายที่สุดอยากให้เคารพเหตุและผลของกฎหมาย เมื่อ ศอตช.มีผลสรุปออกมาแล้วจะเชิญทุกฝ่ายที่ยังมีข้อสงสัยมาพูดคุยกัน เพราะเข้าใจดีว่าสังคมอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการตรวจสอบเรื่องนี้ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำงานเพื่อให้ตอบโจทย์สังคมให้ได้ ตนจะไม่เข้าไปก้าวก่ายแน่นอน
เมื่อถามว่าสังคมอาจมองว่าพอเป็นเรื่องของรัฐบาลไม่ดำเนินการอะไร แต่กลับตรวจสอบอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า "ผมไม่เคยปฏิบัติเช่นนั้นและเข้าใจดีว่าสังคมคิดอะไรอยู่ แต่ขอให้คิดแบบมีเหตุผลด้วย อย่าใช้ความรู้สึกหรือใช้จินตนาการ ยืนยันว่าเมื่อผลสอบออกมาแล้ว ผมจะชี้แจงและจะเปิดให้ซักถามอย่างละเอียด"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น่าสังเกตระหว่างร่วมพิธีทำบุญตักบาตรที่ทำเนียบช่วงเช้า พล.อ. อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม มีสีหน้าสดชื่นยิ้มแย้มแจ่มใส หลังกระทรวงกลาโหมแถลงผลการสอบการจัดจ้างโครงการอุทยาน ราชภักดิ์ไม่มีการทุจริต อย่างไรก็ตาม แม้จะยืนติดกับพล.อ.ไพบูลย์ แต่ทั้งสองก็ไม่มีการพูดคุยกันแต่อย่างใด
แจงไม่ได้พูดว่ามีหัวคิว
ด้านพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงผลสอบกระทรวงกลาโหม ไม่พบความผิดปกติการใช้งบประมาณโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า ยืนยันการดำเนินการของคณะทำงานทำด้วยความรัดกุม ได้ฟังหัวหน้าส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบ บางหน่วยงานอยากทำความเข้าใจ ให้รู้รายละเอียดให้ถ่องแท้ ไปดูให้ดีก่อน เช่น เรื่องโรงหล่อเป็นเรื่องของเอกชน คณะกรรมการ อุทยาน จึงบอกว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่สื่อมักใช้คำว่า (พล.อ.อุดมเดช นิ่งก่อนพูดต่อ) ตนอธิบายแล้วก็ยังไม่เข้าใจ แต่ถ้าจะเป็นการดีช่วยออกมาพูดรายละเอียดกันสักนิด
"ผมไม่ชอบเลย เราไม่ได้เป็นเช่นนั้นและผมก็รังเกียจคำนั้นด้วย ไอ้คำหัวๆ นั่นแหละ ซึ่งผมไม่ได้ใช้ เพียงได้รับคำถามนั้นแล้วบอกว่ามันอาจเป็นความจริงบางส่วน เป็นเรื่องของเอกชนกับเอกชน เมื่อทราบภายหลังก็พยายามพูดคุยและแก้ปัญหาแล้ว เป็นเรื่องของบุญกุศล จะเสียเงินเสียหายเพิ่มเติมอะไรเราได้แก้ไข แล้วจะมาบอกว่าละเว้นปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 ไม่เกี่ยวข้อง ทั้งหมดเป็นเรื่องเอกชน ผู้ใหญ่ในส่วนต่างๆ ก็เข้าใจ"
เปิดให้หน่วยตรวจสอบเข้าพบ
พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่า อย่าเพิ่งเอ่ยหรือพูดล่วงหน้าว่ามีความไม่ถูกต้องหรือมีทุจริต มันไม่ถูกต้องเพราะจะเกิดความไม่ยุติธรรม ถ้าเป็นหน่วยตรวจสอบถ้าไม่ยุติธรรมก็ต้องรับผิดชอบ การตรวจสอบต้องเป็นไปตามปกติ เมื่อเรื่องไม่มีอะไรก็อย่าให้มันมีอะไร อย่าหลงประเด็น ถ้าหัวหน้าชุดสอบ ผู้ใหญ่ของหน่วยงานต้องการทราบอะไร อยากพบตนหรือมาคุยกันสามารถชี้แจงได้หมดในฐานะประธานอำนวยการ รวมถึงกลุ่มอำนวยการที่มีรองประธานต่างๆ กำกับดูแล สามารถชี้แจงได้ ไปที่กองทัพบกได้ เพราะตนนั่งทำงานที่นั่น รวมถึงการดำเนินงานของมูลนิธิราชภักดิ์ที่ได้อนุมัติจัดตั้งเมื่อปลายปีงบประมาณกลางเดือนก.ย. 2558 ยังไม่ได้ดำเนินการอะไร แต่หัวหน้าชุดสอบจะเอารายละเอียดงบประมาณเงินบริจาคมารับข้อมูลได้ที่ตน
ขอให้สอบอย่างยุติธรรม
"อย่าเพิ่งไปชี้หรือฟันธงว่าทุจริต ผมมั่นใจโครงการนี้ ดังนั้น ขอให้ตรวจสอบด้วยความยุติธรรม ผลที่ออกมาจะได้เป็นธรรมกับผู้ที่ทำงานกับผู้ที่ปฏิบัติงานที่ตั้งใจทำงาน อย่าทำให้เสียกำลังใจ โครงการนี้มีที่มาที่ดี เริ่มต้นดำเนินการมาดี ขอให้ดูวัตถุประสงค์และช่วยดูแลสมบัติของชาติ ยืนยันผมไม่ต้องการทำในสิ่งที่ผิดแล้วทำให้เป็นถูก ไม่ชอบ เพราะผมอยู่ในกระบวนการดูคนที่ไม่ถูกต้อง ไม่สุจริต ไม่ได้รับความยุติธรรม" พล.อ.อุดมเดชกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามถึงการเปลี่ยนชื่อคณะกรรมการ ในมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่าเนื่องจากมีผู้เกษียณจึงต้องปรับเปลี่ยน ผู้สื่อข่าวพยายามถามถึงสาเหตุการเปลี่ยนชื่อมูลนิธิราชภักดิ์ พล.อ.อุดมเดชกล่าวว่าอย่าถามในสิ่งที่ไม่ควรถาม ต่อให้เป็นข่าวก็ช่าง เมื่อถามว่าวันนี้สบายใจแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวพร้อมโบกมือก่อนขึ้นรถออกจากทำเนียบ ว่าไม่เป็นไร
'ป้อม'ชี้เหลือสอบตัวคน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงผลการตรวจสอบโครง การอุทยานราชภักดิ์ว่า ตอนนี้เราสอบแล้วว่ากระบวนการใช้เงินไม่มีอะไรน่าสงสัย เงินทุกบาททุกสตางค์ยังอยู่ คณะกรรมการของกระทรวงกลาโหมได้ทำตามอำนาจหน้าที่อย่างถึงที่สุดแล้ว สอบจนถึงคนที่ไม่อยู่แล้วก็จบแค่นั้น ฉะนั้นไม่มีอะไร หากสตง.หรือคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) ของกระทรวงยุติธรรม จะเข้ามาตรวจสอบต่อในเรื่องของภาคเอกชน มีอะไรที่ไปเกี่ยวข้องอีกหรือไม่ ขอให้ดูต่อว่าจะสอบกันอย่างไร
"ผมคิดว่าโครงการโอเคแล้ว ต่อไปนี้เป็นเรื่องตัวบุคคล ไม่ใช่เรื่องโครงการและหน่วยงานแล้ว เมื่อผลสอบออกมาก็ยังไม่ได้คุยกับพล.อ.อุดมเดช" พล.อ.ประวิตรกล่าว
เมื่อถามว่าจากนี้จะมองที่ประเด็นของเอกชน โรงหล่อ และเซียนพระ ที่มีชื่อเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ว่ากันไป ตนไม่รู้เรื่อง เพราะในผลการสอบระบุเพียงว่ามูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ไม่ได้ใช้เงินอะไร เมื่อถามถึงข้อสังเกตเรื่องการใช้งบประมาณได้ขออนุญาตดำเนินการตามระเบียบสำนักนายกฯหรือไม่ รองนายกฯกล่าวว่าเรื่องนี้หน่วยงานอื่นคงเข้ามาดู เช่น เรื่องการเรี่ยไร เป็นต้น แต่ไม่ใช่เรื่องการทุจริต เมื่อถามว่าผลสอบที่ออกมายังทิ้งข้อสังเกตว่าเหตุใดไม่ฟันธงว่าใครถูกหรือผิด พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะฟันได้อย่างไรเพราะไม่มีอำนาจ ยังไม่มีอะไรเกี่ยวข้องในเรื่องการทุจริตหรือการเงิน เรื่องนี้กองทัพตรวจสอบแล้ว กระทรวงกลาโหมตรวจสอบแล้ว
'เต้น'ชี้เป้า-สอบราคารูปหล่อ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการนปช.กล่าวว่า การแถลงของกระทรวงกลาโหม ทั้งกองทัพบกและกระทรวงกลาโหมอธิบายความในทำนองไปไหนมาสามวาสองศอก ไม่ได้ระบุถึงสาระสำคัญที่สังคมสงสัย สิ่งที่แถลง มาแทบไม่จำเป็นต้องตรวจสอบ แค่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งให้ สตง.ตั้งแต่แรกทุกอย่างก็เดินหน้าได้ ไม่คิดว่าการดึงเวลานานออกไปจะทำให้เรื่องนี้คลี่คลายลง แต่กลับจะทำให้แรงกดดันทั้งหมดไปตกอยู่กับศอตช. ถือเป็นหน่วยสุดท้ายที่จะจัดการเรื่องนี้ให้กระจ่าง หากผลสอบของศอตช.ออกมาทำนองเดียวกับสองหน่วยงานที่ผ่านมา เชื่อว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นเรื่องนโยบายปราบปรามทุจริตของรัฐบาล
นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เพื่อเร่งรัดกระบวนการให้คืบหน้าโดยเร็ว ขอชี้เป้าให้ศอตช.ตรวจสอบข้อมูลราคาการจัดสร้างรูปหล่อขนาดใหญ่ของหลายหน่วยงานว่าใช้วัสดุเหมือนหรือแตกต่างกับโครงการนี้อย่างไร งบประมาณที่ใช้ใกล้เคียงกันหรือไม่ ถ้าเริ่มต้นจากตรงนี้เชื่อว่าจะพบข้อเท็จจริงสำคัญอีกมาก ตนจะรอดูผลสรุปจากศอตช. เพราะไม่อยากถูกกล่าวหาว่าไปหาเรื่องรัฐบาล ระหว่างนี้จะเก็บรวบรวมข้อมูลไปเรื่อยๆ เพราะเวลาไม่ได้กดดันตน
"ถ้ารัฐบาลเห็นว่า ต้องทุ่มเทสรรพกำลังเพื่อเอาชนะปฏิทินภาพถ่าย 2 อดีตนายกฯ ให้ได้ก่อนก็เป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเรามาถึงจุดการหักหัวคิวเป็นเรื่องโปร่งใส แต่แจกปฏิทินเป็นภัยต่อความมั่นคงได้ยังไง" นายณัฐวุฒิกล่าว
มือปาอึบ้านมาร์คขู่นายกฯตู่
เวลา 11.00 น. ที่ศูนย์บริการประชาชน สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ระหว่างพล.อ.ประยุทธ์เป็นประธานประชุมครม. นายวิวิทวิน เตียวสวัสดิ์ อายุ 48 ปี พ่อค้าเนื้อหมูย่านลาดพร้าว อดีตผู้ต้องหาคดีปาอุจจาระ ใส่บ้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ในซอยสุขุมวิท 31 มาโวยวายที่ศูนย์บริการฯ เจ้าหน้าที่พยายามสอบถามว่าจะมาร้องเรียนอะไร ก็ไม่ยอมบอก แต่พูดเสียงดังว่า "ไม่ได้รับความเป็นธรรมเลย ไม่รู้กี่รัฐบาลแล้ว เดี๋ยวจะได้เห็นดีกัน"
เจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปพูดคุยและขอให้มายื่นเรื่องตามขั้นตอน แต่นายวิวิทวินยังคงโวยวาย เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเดินเข้ามาจึงเดินหนี แต่ยังตะโกนเสียงดังทิ้งท้ายฝากถึงพล.อ.ประยุทธ์ด้วยว่า "ผมเคยปาขี้ใส่บ้านนายกฯอภิสิทธิ์มาแล้ว วันนี้ปัญหาของผมยังไม่ได้รับการแก้ไขตามที่เจ้าหน้าที่รับปาก บอกได้เลยว่าผมจะปาใส่พล.อ.ประยุทธ์ หลังจากนี้ขอให้พล.อ.ประยุทธ์เตรียมตัวเจอกับผมได้เลย" ก่อนจะรีบขี่จักรยานยนต์กลับออกไปทันที
นายวิวิทวิน เคยปาถุงอุจจาระใส่บ้านนาย อภิสิทธิ์เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2553 อ้างไม่พอใจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากเคยเข้าร้องเรียนกับตำรวจสน.ลาดพร้าว ให้ดำเนินคดีข้อหาพยายามฆ่ากับเพื่อนบ้านที่มั่วสุมสูบบุหรี่ ทำให้ควันบุหรี่ลอยมาถึงบ้านจนลูกสาวคนโตเกิดอาการป่วยเกี่ยวกับระบบหายใจ แต่ต่อมาถูกศาลสั่งกักขัง 5 วัน
นายกฯสั่งครม.เน้น 4 เรื่องหลัก
ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมครม. ว่านายกฯได้ชี้แจง ให้ครม.ทราบถึงส.ค.ส.พระราชทานพรปีใหม่ 2559 และบอกด้วยว่าครม.ต้องรับพระราชดำรัสดังกล่าวใส่เกล้าใส่กระหม่อม นำไปเป็นแนวทางดำเนินชีวิตของตัวเองและครอบครัว และเป็นแนวทางทำงานของรัฐบาลที่จะสร้างความเข้มแข็งให้กับประเทศชาติและสังคม เพื่อให้ผ่านพ้นปัญหาที่เราเคยเจอในอดีตมาให้ได้ และไม่ให้ปัญหานั้นวนเวียนกลับมา
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ในที่ประชุมพล.อ.ประยุทธ์ชี้แจงแผนงานในปี 59 สำหรับรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ โดยให้ทุกกระทรวง ทุกกลุ่มงาน หยิบเรื่องสำคัญ 4 เรื่องมาเป็นตัวตั้ง 1.การบริหารราชการปกติ 2.เรื่องที่ ต้องปฏิรูป เรื่องที่ต้องทำให้เสร็จในรัฐบาลนี้ เรื่องที่ต้องทำและส่งต่อ 3.การแก้ปัญหาเร่งด่วน อาทิ ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย ปัญหามาตรฐานความปลอดภัยด้านการบินพลเรือน และ 4.การขับเคลื่อนกิจกรรมสำคัญ เช่น โครงสร้างเศรษฐกิจ การเงินการคลัง การบริหารจัดการน้ำ การทวงคืนผืนป่า ทั้ง 4 เรื่องจะเป็นเรื่องหลักที่จะดำเนินการในปีนี้ และต้องมีผลสัมฤทธิ์เกิดขึ้นในระยะเวลาที่ชัดเจน
ให้ทุกกระทรวงตั้งโฆษก
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ในปีนี้นายกฯขอให้ทุกภาคส่วนประชาสัมพันธ์ผลงานให้มากขึ้น โดยนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ได้เสนอให้แต่ละกระทรวงตั้งโฆษกกระทรวงขึ้นใหม่ และนำเสนอครม.รับทราบ ต้องมีตัวตนชัดเจน ถ้ามีข่าวสารเกี่ยวกับกระทรวงนั้นๆ สื่อจะมีตัวเลือกมากขึ้น หากไม่ทำจะมีโทษ แต่ถ้าทำจะมีคุณให้ และอาจมีโฆษกของกลุ่มงานคลัสเตอร์ด้วยเพื่อช่วยกันชี้แจง
"นายกฯบอกว่าท่านจะลดการชี้แจงให้น้อยลง แต่รัฐมนตรีและรองนายกฯจะต้องชี้แจงอธิบายให้มากขึ้น ร่วมกับโฆษกกระทรวง ถ้ามีเรื่องสำคัญก็ต้องชี้แจง รัฐมนตรีจะนั่งนิ่งๆ อย่างเดียวไม่ได้แล้ว" พล.ต.สรรเสริญกล่าว
อนุกรธ.ชงปฏิรูปตำรวจ
เวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา ในการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นาย มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ทำหน้าที่ประธานที่ประชุมได้นำเสนอประเด็นการปฏิรูปการศึกษาและการปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมาย นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ.ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการปฏิรูปการศึกษาและการบังคับใช้กฎหมาย กรธ. เสนอว่าการปฏิรูปการศึกษาสรุปประเด็นที่ต้องเขียนในรัฐธรรมนูญ 5 เรื่องคือ ต้องเขียนแผนการศึกษาให้มีสภาพการบังคับใช้เทียบเท่ากับกฎหมาย มีผลผูกพันกับทุกรัฐบาล ต้องให้รัฐบาลแถลงและรายงานความคืบหน้าปีละครั้งต่อรัฐสภา มีกลไกบังคับใช้รัฐธรรมนูญด้านการศึกษาและมีกลไกส่งเสริมการคิดการตรวจสอบจากภาคประชาชน ต้องกระจายอำนาจและงบประมาณการจัดการศึกษาสู่ท้องถิ่นและสถานศึกษา ต้องปฏิรูปกระบวนการงบประมาณด้านการศึกษาตามอุปสงค์เป็นรายบุคคล
นายอุดม กล่าวว่า ส่วนการปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายได้ศึกษาปัญหาตำรวจ พบมีปัญหาหลัก 4 เรื่อง 1.ปัญหาการเมืองแทรก แซงการบริหารงานบุคคลของตำรวจ ไม่มีการคำนึงถึงระบบอาวุโสหรือความสามารถ 2.ปัญหา การแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจที่ไม่เป็นไปตามระบบคุณธรรม 3.ปัญหางานสอบสวนถูกบงการจากคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย 4.ปัญหาเนื้องานและปริมาณงานของตำรวจ ต้องถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การบริหารงานจราจรอาจจะให้องค์กรส่วนท้องถิ่นดูแล
นายกฯไม่มีอำนาจตั้งผบ.ตร.
หลังการประชุม นายอุดมได้แจกเอกสารผลการศึกษาโดยสรุปปัญหา 4 ข้อดังกล่าว และเสนอแนวทางปฏิรูปสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) ซึ่งยังมิใช่มติกรธ. ในส่วนข้อเสนอแนะกำหนดมีประเด็นที่น่าสนใจ และเป็นเรื่องที่มีการถกเถียงกันมาก่อนหน้านี้แล้ว คือการมีคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) 11 คน ให้นายกฯเป็นประธาน แต่ไม่มีอำนาจแต่งตั้งผบ.ตร. การเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) รวมถึงประเด็นการแยกงานสอบสวนออกจากตร. และตั้งเป็นสำนักงานสอบสวนคดีอาญา เป็นหน่วยงานระดับกรม สังกัดกระทรวงยุติธรรม และเสนอถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักของตร. ไปหน่วยงานอื่น อาทิ งานด้านจราจรไปให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม อาทิ กทม. และเมืองพัทยา โอนภารกิจด้านป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมไปให้กระทรวงทส. ถ่ายโอนภารกิจการป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดอาหารและยาไปให้กระทรวงสาธารณสุข
มีชัยเมินเสียงติงนายกฯคนนอก
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงวิจารณ์การเปิดช่องให้มี นายกฯคนนอกว่า เรื่องนี้ต้องโทษพรรคการ เมือง จะมาโทษรัฐธรรมนูญไม่ได้ เพราะพรรคการเมืองจะเป็นผู้เสนอรายชื่อนายกฯก่อนเลือกตั้ง ผลโพลก็เห็นสอดคล้องกับภาพรวมในเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ ส่วนที่กรธ.ถูกวิจารณ์เยอะจะทำให้เสียความน่าเชื่อถือหรือไม่นั้น ความน่าเชื่อถือของตนมีเท่าไรก็ยังมีอยู่เท่านั้น เพราะความน่าเชื่อถือไม่ได้อยู่ที่คำพูดแต่อยู่ที่การกระทำ
ส่วนความคืบหน้าเรื่องความปรองดอง นายมีชัยกล่าวว่าอนุกรรมการได้รายงานเข้ามา เราพิจารณาแล้วเห็นว่าการปรองดองในวันข้างหน้า กรธ.ได้เขียนแล้วในหลายส่วน เช่น การเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียวจะช่วยเรื่องปรองดอง ทำให้ไม่มีฝ่ายใดชนะจนอีกฝ่ายอยู่ไม่ได้ หรือการให้อำนาจผู้นำฝ่ายค้านขอเปิดอภิปรายเสนอแนะรัฐบาลเพื่อหาทางออกให้ประเทศ หากเกิดวิกฤตการเมืองขึ้น แต่การปรองดองจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ตนยังคิดไม่ออก ไม่รู้จะนำบทสวดมนต์บทไหนไปใส่ไว้แล้วถึงจะเลิกขัดแย้ง อีกทั้งการปรองดองยังต้องอาศัยการกระทำอีกหลายอย่างและยังต้องใช้เวลา กรธ.อาจจะเสนอให้รัฐบาลไปทำ
เมื่อถามว่าการปรองดองจำเป็นต้องเขียนในรัฐธรรมนูญ เพื่อตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่หรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่าไม่จำเป็นต้องเขียนในรัฐธรรมนูญก็ได้ การตั้งคณะกรรมการ องค์กร นายกฯมีอำนาจทำได้เองหรืออาจใช้มาตรา 44 ทำก็ได้
มาร์คถูกปลด-สมัครส.ส.ได้
เมื่อถามถึงคำพิพากษาศาลแพ่งที่ชี้ว่าคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 1163/2555 ให้ปลดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ออกจากราชการชอบด้วยกฎหมาย จะส่งผลให้นายอภิสิทธิ์ขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่าไม่ได้กระทำความผิด ตามคุณสมบัติผู้ลงสมัครส.ส.ที่เราเขียนไว้ชัดเจนว่า ห้ามผู้ทุจริต ทำผิดทางวินัยจนโดนปลดหรือไล่ออกจากราชการ กรณีนายอภิสิทธิ์เกิดจากคุณสมบัติเข้ารับราชการไม่ถูกต้อง กรธ.ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง เพราะรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมาก็เขียนแบบนี้
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 37 เกณฑ์การออกเสียงประชา มติที่ระบุให้ใช้เสียงกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อความชัดเจนหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่ามันชัดเจนอยู่แล้วว่าเสียงประชามติคือการใช้เสียงข้างมากของคนที่ออกมาลงคะแนน ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็เข้าใจแบบนี้เหมือนกัน
พท.จี้ใช้ยาแรงกับทุกฝ่าย
นายชูศักดิ์ ศิรินิล หัวหน้าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ฟังนายมีชัยกล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ต้องใช้ยาแรง ผู้ที่ทุจริตต่อหน้าที่หรือทุจริตเลือกตั้งห้ามสมัครตลอดชีวิตนั้น ฟังดูเหมือนอยากให้ฝ่ายการเมืองโปร่งใส หากจะปฏิรูปและป้องกันแก้ไขปัญหาทุจริตอย่างจริงจัง ร่างรัฐธรรมนูญควรกำหนดมาตรการอื่นๆ ด้วย เช่น ให้เจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับไม่ว่าฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ ตุลาการ หรือองค์กรอิสระ ต้องเปิดเผยบัญชีทรัพย์สินต่อสาธารณะ ตรวจสอบความร่ำรวยผิดปกติของทุกภาคส่วน รวมถึงภาคธุรกิจ เอกชน โดยใช้มาตรการทางรายได้และภาษี
นายชูศักดิ์กล่าวการดำเนินการกับปัญหาทุจริตในอดีต มีการเลือกปฏิบัติสองมาตรฐาน องค์กรที่เกี่ยวข้องมิได้ทำหน้าที่ตรงไปตรงมาตามหลักนิติธรรม เป็นที่มาของความแตกแยกของคนในชาติ จึงควรปฏิรูปองค์กรที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตทั้งที่มา อำนาจหน้าที่และการตรวจสอบการใช้อำนาจ หากทำเช่นนี้เท่ากับให้ยาแรงโดยเสมอหน้า และวินิจฉัยโรคได้ตรงจุด ที่สำคัญต้องไม่มีการนิรโทษกรรมให้กับ คสช.และรัฐบาลไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อให้เกิดการตรวจสอบอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกัน
ให้ศาลรธน.ชี้ขาดวิกฤตผิดมหันต์
นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตส.ส.ร. ประธานคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่าขณะที่ กรธ.เข้มงวดกับคุณสมบัติผู้สมัครส.ส. แต่การเข้าสู่ตำแหน่งของนายกฯ และส.ว.กลับไม่เข้มงวด ถ้านายกฯ ในฐานะหัวหน้าฝ่ายบริหาร และส.ว.ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง ไม่เป็นประชาธิปไตยแล้วยังทำให้โครงสร้างทางอำนาจเสียสมดุลอย่างหนัก แค่ความสมดุลระหว่างฝ่ายประจำ กองทัพและศาล และองค์กรอิสระที่มาจากการแต่งตั้ง กับฝ่ายการเมืองที่มาจากการเลือกตั้งก็แย่อยู่แล้ว ถ้าเอานายกฯและส.ว.ไปอยู่กับฝ่ายแต่งตั้งอีก ยิ่งทำให้รัฐนาวาเอียงกะเท่เร่จนเกิดวิกฤตได้ตลอดเวลา ท้ายที่สุดทหารก็ต้องปฏิวัติอยู่ดี
นายคณิน กล่าวว่า การที่กรธ.คิดจะเอาศาลรัฐธรรมนูญมาตัดสินชี้ขาดเมื่อเกิดวิกฤต ผิดมหันต์ เหมือนเติมฟืนเข้าไปในกองไฟ ศาลรัฐธรรมนูญอยู่ฝ่ายเดียวกับฝ่ายประจำและเป็นองค์กรที่มาจากการแต่งตั้ง จึงไม่อยากเห็น กรธ.ตั้งธง หรือมีอคติกับนักการเมือง การเขียนกติกาที่มีอคติเช่นนี้มีแต่จะนำไปสู่วิกฤตหรือทางตัน กรธ.คงรู้ว่าการเขียนรัฐ ธรรมนูญแบบเล่นซ่อนแอบเช่นนี้ไปไม่รอดและจะเกิดวิกฤตตามมา จึงให้ศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นผู้ดับวิกฤตแทน
ปปช.สอบ"เหลิม"ใช้งบแรงงาน
ที่สำนักงานป.ป.ช. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้เข้าพบคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า เมื่อครั้งเป็นอธิบดีดีเอสไอ นายธาริตร่ำรวยผิดปกติ ที่ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช. มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินนายธาริต และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ มูลค่ากว่า 40 ล้านบาท ต่อมาตรวจพบว่า นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ หลานชายนางวรรษมล มีพฤติการณ์ ถือครองทรัพย์สินแทนนายธาริตและนางวรรษมล เป็นพฤติการณ์โอน ยักย้าย แปรสภาพหรือซุกซ่อนทรัพย์สิน ป.ป.ช.จึงสั่งอายัดทรัพย์สินของบุคคลที่เกี่ยวข้องมูลค่ารวม 26,830,000 บาท
แหล่งข่าวจากสำนักงานป.ป.ช. เผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง อดีตรองนายกฯและรมว.แรงงาน เนื่องจากมีข้อสงสัยการยื่นบัญชีทรัพย์สิน ครั้งล่าสุด โดยรวบรวมข้อมูลเบื้องต้นได้พอสมควร และมีการไต่สวนมาพักใหญ่แล้ว แต่ยังไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นทรัพย์สินในส่วนใดบ้าง
นายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการป.ป.ช. กล่าวว่ากรณีนี้เกี่ยวข้องกับการเบิกจ่ายงบประมาณลับของกระทรวงแรงงานหลายสิบล้านบาทช่วงที่ ร.ต.อ.เฉลิม เป็นรมว.แรงงาน หรือไม่ว่า ไม่สามารถเปิดเผยได้ ต้องรอผลตรวจสอบของคณะอนุกรรมการไต่สวนก่อน ซึ่งตอนนี้ไต่สวนมาได้สักระยะแล้ว
รายงานข่าวเผยว่า สตง.ตรวจสอบพบว่ากระทรวงแรงงาน ยุคร.ต.อ.เฉลิม มีการนำเงินจากหน่วยงานในสังกัดมาใช้จ่ายลักษณะตั้งงบลับวงเงินหลายสิบล้านบาท โดยเฉพาะช่วงปี 2557 ช่วงชุมนุมของกลุ่ม กปปส. เบิกใช้จ่ายงบลับนี้กว่า 6.4 ล้านบาท
กกต.มีมติฟ้องหมิ่น"ภุชงค์"
ที่สำนักงานกกต. นายธนิศร์ ศรีประเทศ ผู้ทรงคุณวุฒิ กกต.แถลงว่า ที่ประชุม กกต. พิจารณาข้อเสนอของสำนักกฎหมายและคดีกรณีการดำเนินการด้านกฎหมายต่อนายภุชงค์ นุตราวงศ์ อดีตเลขาธิการกกต. ฐานหมิ่นประมาทและหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 จากการให้สัมภาษณ์กล่าวหาว่า กกต.ทำงานแค่ 1 วัน นอกนั้นเอาเวลาไปเรียนหนังสือ การไปต่างประเทศของ กกต.ที่ให้ร้ายว่าแม้ไม่มีต่างประเทศเชิญก็ส่งสัญญาณให้เชิญไปดูงาน รวมทั้งการระบุว่าหากตนผิด กกต.ก็ผิดด้วย เพราะเรื่องผลประโยชน์ไม่เข้าใครออกใคร ทำให้สำนักงาน กกต.เสียชื่อเสียงและถูกดูหมิ่น ประธาน กกต.มอบอำนาจให้ ผอ.สำนักกฎหมายและคดีไปร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สน.ทุ่งสองห้อง แล้ว
ติงกก.สอบละเมิดเร่งคดีข้าว
นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรมว.ยุติธรรม กล่าวกรณีนายวิษณุระบุจะไม่ให้เพิ่มพยานคดีจำนำข้าวเพราะเกรงจะปิดสำนวนไม่ทัน แต่อนุญาตให้ส่งเอกสารเพิ่มเติมได้ถึงสิ้นม.ค.นี้ว่า เป็นห่วงแทนคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ความรับผิดทางละเมิดที่เร่งรัดสรุปเรื่องอย่างผิดสังเกต ทั้งที่อายุความใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนมี 2 ปี นับแต่วันที่หน่วยงานรัฐรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้กระทำละเมิด จึงเกิดข้อกังขาว่าคณะกรรมการฯได้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยหลักเกณฑ์การปฏิบัติเกี่ยวกับความรับผิดการละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 ที่ต้องให้โอกาสเจ้าหน้าที่ได้ชี้แจงข้อเท็จจริง และโต้แย้งพร้อมพยานหลักฐานอย่างเพียงพอและเป็นธรรมหรือไม่ ได้ดำเนินการโดยอิสระหรืออยู่ภายใต้การครอบงำจากผู้มีอำนาจ
"น่าเป็นห่วงคณะกรรมการ เกรงจะเร่งรีบสนองนโยบาย โดยทำหน้าที่ไม่ครบถ้วนตามกฎหมายและระเบียบ โดยเฉพาะหลักการของพ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 คือเปลี่ยนจากหลักเรื่องลูกหนี้ร่วม ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่ผู้ร่วมรับผิดในการละเมิด จะต้องร่วมรับผิดในการกระทำของเจ้าหน้าที่อื่นด้วย และให้แบ่งแยกความรับผิดของแต่ละคนมิให้นำหลักฐานลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับ ดังนั้น ตามมาตรา 8 จึงให้สิทธิเรียกให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนจะมีได้เพียงใด ให้คำนึงถึงระดับความร้ายแรงแห่งการกระทำ และความเป็นธรรมในแต่ละกรณีเป็นเกณฑ์ โดยมิต้องให้ใช้เต็มจำนวนของความเสียหายก็ได้" นายชัยเกษมกล่าว
จี้สอบผู้ร่วมรับผิดชอบ
นายชัยเกษมกล่าวว่า กรณีการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่หลายคนมิให้นำหลักเรื่องลูกหนี้ร่วมมาใช้บังคับ และเจ้าหน้าที่แต่ละคนต้องรับผิดชดใช้ค่าสินไหมทดแทนเฉพาะส่วนของตนเท่านั้น ขอถามคณะกรรมการฯ ด้วยความเป็นห่วงได้ตั้งธงไว้ว่าความเสียหายที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว เกิดจากเหตุจงใจหรือประมาทเลินเล่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เพียงผู้เดียวหรือ ซึ่งไม่ควรเป็นเช่นนั้น ถ้ากำหนดค่าเสียหายในการละเมิดเรื่องนี้ได้แล้ว ได้สอบข้อเท็จจริงหรือยังว่ามีผู้ต้องร่วมรับผิดชอบความเสียหายได้แก่ผู้ใดบ้างที่ก่อให้เกิดนโยบายและเกี่ยวข้องในการดำเนินการ หากมีผู้ต้องร่วมรับผิด แล้วได้พิจารณาจำนวนค่าสินไหมทดแทนที่แต่ละบุคคลต้องชดใช้ตามกฎหมายและระเบียบของราชการแล้วหรือยัง หากยังไม่ได้ทำ ขอได้ทำให้เสร็จสมบูรณ์ เพื่อในอนาคตจะได้ไม่ต้องตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ปฏิบัติฝ่าฝืนกฎหมายและระเบียบของทางราชการ ซึ่งอาจต้องรับผิดชอบในทางอาญา และอาจต้องรับผิดทางละเมิด ตาม พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดฯ เสียเอง
ครม.มอบ'บิ๊กเข้'คุมแก้ค้ามนุษย์
วันที่ 5 ม.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.ต.วีรชน สุคนธปฏิภาค รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอแต่งตั้ง 1.นายสาโรจน์ ธนสันติ อัครราชทูต กรุงวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา เป็นเอกอัครราชทูตกรุงซานติอาโก ชิลี 2.นายณัช ภิญโญวัฒนชีพ กงสุลใหญ่เมืองมุมไบ อินเดีย เป็นเอกอัครราชทูต กรุงอัสตานา คาซัคสถาน และเห็นชอบตามที่สำนักเลขาธิการนายกฯ เสนอแต่งตั้ง นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล เป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี อนุมัติตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เสนอแต่งตั้ง นายวรศาสน์ อภัยพงษ์ ผู้ตรวจฯ เป็น รองปลัดทส.
ครม.ยังรับทราบคำสั่งสำนักนายกฯ ที่ 401/2558 เรื่องมอบหมายให้รองนายกฯปฏิบัติหน้าที่ประธานกรรมการในคณะกรรมการป้องกันเจ้าหน้าที่ของรัฐมิให้เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ มอบให้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย เป็นประธาน ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.2558 เป็นต้นไป
โละบอร์ดสสส.-ปลด'หมอวิชัย'
วันที่ 5 ม.ค. ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งหัวหน้าคสช.ที่ 1/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 3 รวม 59 คน อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 44 รัฐธรรมนูญชั่วคราว หัวหน้าคสช. โดยความเห็นชอบของคสช. มีคำสั่งดังนี้
ข้อ 1 ให้ผู้ที่มีรายชื่อกลุ่มที่ 1 ผู้บริหารสถานศึกษา ตามบัญชีแนบท้าย ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในตำแหน่งเดิมชั่วคราว
ข้อ 2 ให้ผู้มีรายชื่อกลุ่มที่ 2 ข้าราชการพลเรือน ตามบัญชีแนบท้าย ระงับการปฏิบัติราชการในตำแหน่งเดิมชั่วคราว และไปปฏิบัติราชการตามที่ผู้บังคับบัญชามอบหมาย
ข้อ 3 ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 3 ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ตามบัญชีแนบ ท้าย ระงับการปฏิบัติราชการหรือหน้าที่ในอปท. ชั่วคราวโดยไม่ได้รับค่าตอบแทน
ข้อ 4 ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 4 ข้าราชการอปท. ตามบัญชีแนบท้าย ไปช่วยราชการที่ศาลากลางจังหวัดที่อปท.นั้นตั้งอยู่หรือสถานที่ราชการอื่น ตามที่ผู้ว่าฯกำหนด แต่มิใช่ อปท.ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่เดิม กรณีนี้ มิให้บุคคลดังกล่าวได้รับเงินประจำตำแหน่งและสิทธิเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางไปราชการชั่วคราว
ข้อ 5 เมื่อ ป.ป.ช. ป.ป.ท. และสตง.แจ้งข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 1-4 ต่อหน่วยงานต้นสังกัดแล้วให้หน่วยงานนั้นเร่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือสอบสวนเพื่อดำเนินการทางวินัย กรณีไม่พบว่ามีความผิดให้รายงานนายกฯ เพื่อพิจารณาเปลี่ยนแปลงคำสั่งต่อไป
ข้อ 6 ให้ผู้มีรายชื่อในกลุ่มที่ 5 กรรมการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ตามบัญชีแนบท้าย พ้นจากการเป็นกรรมการและการดำรงตำแหน่งในกองทุนดังกล่าว และให้ผู้มีอำนาจหน้าที่แต่งตั้งกรรมการใหม่
ข้อ 7 ให้กำหนดตำแหน่ง นายจเร พันธุ์เปรื่อง ที่ปรึกษาประจำสำนักนายกฯ ตามประกาศสำนักนายกฯ ลงวันที่ 3 พ.ย.2558 ไว้ในสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2558
ข้อ 8 การรับเงินเดือน สิทธิประโยชน์ หรือประโยชน์ตอบแทนใดๆ ของผู้มีรายชื่อในกลุ่มต่างๆ ให้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบของทางราชการ
ข้อ 9 กรณีมีปัญหาให้ ก.พ.หรือส่วนราชการเจ้าของเรื่องเสนอปัญหาและแนวทางให้ นายกฯ วินิจฉัย ถือเป็นที่สุด
ข้อ 10 นายกฯหรือครม.แล้วแต่กรณี อาจมีคำสั่งหรือมติเปลี่ยนแปลงคำสั่งนี้ได้ตามที่เห็นสมควร ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป สั่งวันที่ 5 ม.ค. 2559
สำหรับบัญชีแนบท้ายคำสั่งหัวหน้าคสช. ที่ 1/2559
กลุ่มที่ 1 ผู้บริหารสถานศึกษา (2 ราย) นายสุเมธ แย้มนุ่น รักษาการแทนอธิการบดี มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ นายอร่าม ศิริพันธุ์ หัวหน้าภาควิชารัฐประศาสนศาสตร์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ กลุ่มที่ 2 ข้าราชการพลเรือน 2 ราย กลุ่มที่ 3 ผู้บริหาร อปท. 44 ราย กลุ่มที่ 4 ข้าราชการ อปท.4 ราย กลุ่มที่ 5 กรรมการสสส. (7 ราย) 1.นพ.วิชัย โชควิวัฒน กรรมการสสส. และรองประธานคนที่สอง 2.นายสงกรานต์ ภาคโชคดี 3.นายเอ็นนู ซื่อสุวรรณ 4.นายยงยุทธ วงศ์ภิรมย์ศานติ์ 5.นายสมพร ใช้บางยาง 6.รศ.ประภัทร นิยม 7.นายวิเชียร พงศธร
'บิ๊กต๊อก'ลั่นลุยสอบต่อยันผลออกมาจะตอบทุกข้อสงสัย 'บิ๊กโด่ง'ติงหน่วยสอบไม่ควรพูดล่วงหน้า แนะรอผลชัดเจนก่อน 'เต้น'ชี้ผลสอบ กห.อยู่ที่เดิมแค่รวมข้อมูลให้ สตง. 'บิ๊กตู่'ถามแจกปฏิทิน'แม้ว-ปู'เหมาะหรือไม่ งัด ม.44 เช็กบิล ขรก.ล็อต 3
@ 'บิ๊กตู่'นำครม.ตักบาตรปีใหม่
เมื่อเวลา 07.00 น. วันที่ 5 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมนางนราพร จันทร์โอชา ภริยา และคณะรัฐมนตรี (ครม.) ร่วมพิธีเจริญพุทธมนต์พระสงฆ์จำนวน 9 รูป ภายในตึกสันติไมตรีหลังนอก จากนั้นเป็นประธานพิธีตักบาตรพระสงฆ์ 59 รูป เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2559 ที่บริเวณสนามหญ้าข้างตึกไทย
คู่ฟ้า ภายในทำเนียบรัฐบาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การร่วมทำบุญตักบาตรในช่วงเทศกาลปีใหม่ครั้งนี้ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม มีสีหน้าสดชื่นยิ้มแย้มแจ่มใสเป็นพิเศษ หลังจากที่กระทรวงกลาโหมแถลงถึงผลการสอบการจัดจ้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ไม่พบการทุจริต โดยยืนติดกับ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม แต่ทั้งสองก็ไม่พูดคุยกันแต่อย่างใด หลังจากร่วมทำบุญ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐมนตรีได้เข้าประชุม ครม.เป็นนัดแรกของปี 2559
@ ถามแจกปฏิทินแม้ว-ปูเหมาะไหม
พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์หลังการประชุม ครม.ถึงกรณีหลายจังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือห้ามแจกปฏิทินของนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า "มันสมควรหรือไม่ ผมขอถามก่อนว่ามันสมควรหรือไม่ ผมไม่รู้ ขอถามสื่อก่อนว่ามันสมควรหรือไม่ ปฏิทินแบบนี้ผมไม่ได้บอกว่าแจกผิดหรือแจกถูก แต่ถามว่าปฏิทินดังกล่าวเหมาะสมหรือไม่ ทำมาเพื่ออะไร แล้วประเทศนี้ บ้านเมืองนี้มันว่าอย่างไรหรือ แล้วผิดกฎหมายหรือเปล่า ไม่เช่นนั้นก็เอาคนที่ทำผิดกฎหมายมาทำปฏิทินแจกสิ แค่นั้นนะเข้าใจแล้ว ไม่ใช่การเมือง ไม่ได้ไปปิดกั้นอะไรทั้งสิ้น
ผมถามว่า ความถูกต้องมันอยู่ตรงไหน เจ้าหน้าที่เขาต้องทำเท่าที่เขาทำได้ เพราะเขารู้ว่ามีการกระทำผิดกฎหมาย แล้วทำไมจะเอาไปบูชากันหรืออย่างไร คนดีๆ ตั้งเยอะแยะ ถ้าคิดว่าไม่ได้ผิดจริงก็กลับมาจะทำปฏิทินให้หลายๆ เล่มด้วย ถามเรื่องอื่น เรื่องไร้สาระขี้เกียจตอบ"
@ บอกให้เอาคนติดคุกมาใส่บ้าง
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะตอบจดหมายของพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ตั้งคำถามเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า "ทำไมผมต้องไปตอบเขาล่ะ ผมนี่นะต้องไปตอบ คิดกันเอาเองว่ามันถูกหรือมันผิด มีคนทำผิดกฎหมายหรือไม่ในปฏิทินนั้น แล้วเธอต้องการให้ออกหรือปฏิทินดังกล่าว ถามว่าผมเป็นศัตรูกับเขาหรือเปล่าก็เปล่า ผมเป็นศัตรูกับพรรคเพื่อไทยก็เปล่าอีก ผมทำหน้าที่ของผม แล้วทำไมคุณไม่เอาคนอื่นมาใส่ไว้ในปฏิทินบ้างเล่า ติดคุกกันอยู่เต็มไปหมด ในคุกนั่นไง เอามาออกบ้างสิ คดีเยอะแยะไปในคุกเอาออกมาทำปฏิทินกันให้หมด
เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์วางตัวเหมาะสมหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ตอบสวนว่า "ไปถามเขาสิ" จากนั้นเดินออกจากวงให้สัมภาษณ์ทันที พร้อมโบกมือบ๊ายบาย ไม่ว่าผู้สื่อข่าวจะตั้งคำถามอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ก็ไม่หันมาตอบอีกเลย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์เพียง 7 นาที 30 วินาทีเท่านั้น
@ บิ๊กป๊อกชี้ไม่เหมาะพูดชื่ออุทยานฯ
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (มท.) ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุม ครม.ถึงกรณีที่มีการเปลี่ยนชื่อและกรรมการมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ฯว่า หากจะมีเสนอเปลี่ยนก็เป็นทางมูลนิธิเสนอขอเปลี่ยน ไม่ใช่กระทรวงมหาดไทยขอเปลี่ยน อยู่ในขั้นตอน จึงไม่เหมาะสมที่จะพูดเพราะยังไม่ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไม่ควรไปวิพากษ์วิจารณ์
@ ลั่นพร้อมฟันอปท.ทุจริต
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าได้ส่งรายชื่อข้าราชการท้องถิ่นที่อยู่ในบัญชีข้าราชการทุจริตชุดที่ 3 ให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงไปดำเนินการว่า ทางนายสุธี มากบุญ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย รับรายชื่อมาแล้ว และรายงานตนด้วยวาจาแต่ยังไม่เห็นหนังสือ โดยมีรายชื่อในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) แต่จำไม่ได้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ส่วนจะดำเนินการลงโทษนั้นจะทำให้เร็วที่สุดตามขั้นตอนกฎหมาย จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนการทำหน้าที่ตามลำดับเพื่อหาข้อเท็จจริงต่อไป
"ส่วนใดที่สอบสวนและชี้มาแล้วว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริต ก็ลงโทษได้ทันที แต่อาจจะมีที่ล่าช้าในกรณีที่ไปเกี่ยวข้องกับหลายคนที่ต้องตั้งกรรมการสอบสวนเพื่อให้ความยุติธรรมกับผู้ถูกกล่าวว่า อย่างไรก็ตามมาตรการของรัฐบาลได้เร่งรัดลงโทษผู้ที่มีมูลเกี่ยวข้องกับการทุจริต โดยไม่ต้องรอให้สอบสวนเสร็จ ซึ่งบัญชี 1-2 ที่ผ่านมาดำเนินการในลักษณะเดียวกันนี้ โดยให้โยกไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ต้องปฏิบัติหน้าที่ ส่วนครั้งที่ 3 ต้องรอดูจากรายชื่อที่ส่งมาก่อน" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว
@ ชี้'แม้ว-ปู'ไม่ต้องใส่รูปปฏิทิน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดสั่งงดแจกปฏิทินรูปคู่ของนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำมาแจกให้กับประชาชนที่มารอต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะ ในระหว่างการลงพื้นที่ จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 4 มกราคม จะทำให้เกิดความขัดแย้งขึ้นหรือไม่ พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่า ไม่มีหรอก เขาทำไปตามวิจารณญาณว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมอย่างไร
"ขอเรียนว่าอยากให้สังคมเป็นผู้พิจารณาว่าเจตนาเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ หากไม่เกี่ยว ไม่เป็นไร แต่คนที่สั่งดูแล้วเห็นว่าน่าเกี่ยวการเมือง และความเห็นส่วนตัวมองว่าการแจกปฏิทินทำได้ แต่ถ้าต้องการให้เกิดคุณประโยชน์กับผู้รับ ไม่จำเป็นต้องใส่รูปก็ได้ เพราะผมไม่ค่อยเห็นใครเอารูปส่วนตัวไปใส่ปฏิทินแจก และผมไม่ได้ไปมองในแง่การเมือง" พล.อ.อนุพงษ์กล่าว และว่า รัฐบาลต้องการให้สถานการณ์ทางการเมืองนิ่ง เพราะบ้านเมืองมีความขัดแย้งกันมากพอควรและรัฐบาลไม่ใช่คู่ขัดแย้ง แต่ถ้าใครจะทำให้เกิดกลุ่มคนมามีปัญหาทำให้ขัดแย้งกันอีกไม่ว่าเรื่องใด ก็ต้องมีมาตรการที่จะต้องทำไม่ให้เรื่องเหล่านั้นเกิดขึ้น
@ ทหารเรียกแกนแดงหญิงคุย
เวลา 13.00 น. ที่เรือนรับรองมณฑลทหารบกที่ 23 (มทบ.23) ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น พ.อ.สมชาย ครรภาฉาย รอง ผบ.มทบ.23 พร้อม พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้าชุดปฏิบัติการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่น และนายสัมภาษณ์ ศรีหงส์ ป้องกันจังหวัดขอนแก่น ได้เรียกนางปิญฉาย นาชัย อายุ 72 ปี อยู่ที่ 139/25 หมู่ 4 ต.ในเมือง อ.เมือง จ.ขอนแก่น ประธานกลุ่มสตรี 20 จังหวัดภาคอีสาน และนางอรทัย โพธิ์ศรี อายุ 48 ปี อยู่ที่ 91 หมู่ 4 ต.กระนวน อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงขอนแก่น รายงานตัวและปรับทัศนคติ ที่ร่วมกันแจกจ่ายปฏิทินปีใหม่ ที่มีภาพของนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ รวมทั้งการออกมาเคลื่อนไหวในขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และอดีต ส.ส.ของพรรคเพื่อไทย พบปะประชาชนและทำบุญในเทศกาลปีใหม่ในพื้นที่ จ.ขอนแก่น ใช้เวลาคุยนานกว่า 1 ชั่วโมง
จากนั้นนางปิญฉายกล่าวว่า การหารือไม่ได้มีความเคร่งเครียดเนื่องจากเป็นการทำงานร่วมกันของทุกฝ่ายที่มีการติดต่อประสานงานกันเรื่อยมา ในการเข้าหารือนอกจากการที่กำลังทหารจะขอบคุณที่ไม่มีเหตุการณ์ความรุนแรงหรือเหตุการณ์ใดๆ ในพื้นที่ที่ขัดคำสั่งของ คสช. ในการที่กลุ่มมวลชนมาร่วมกิจกรรมหรือให้การต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ลงพื้นที่พบปะประชาชนและร่วมทำบุญในพื้นที่ จ.ขอนแกน เมื่อวันที่ 4 มกราคม
@ แจกปฏิทินขัดคำสั่งคสช.หรือ
"แต่ประเด็นที่ต้องหารือคือการแจกปฏิทินปีใหม่ 2559 ที่มีภาพของอดีตนายกรัฐมนตรี 2 คนในหน้าปก โดยส่วนตัวได้รับการแจกจ่ายจากอดีต ส.ส.มา 20 ชุดเท่านั้น และแจกจ่ายให้กับผู้ที่มีความสนิทสนมกันไปหมดแล้ว คงมีผู้ที่ไม่ได้รับอีกจำนวนมาก ส่วนตัวมองว่าปฏิทินดังกล่าวเป็นการมอบของขวัญให้กันตามปกติในช่วงเทศกาลปีใหม่และปฏิทินก็เป็นของขวัญที่ทุกหน่วยงานได้ให้กันอยู่แล้ว ซึ่งไม่ทราบว่าผิดระเบียบหรือขัดต่อคำสั่งของ คสช.แต่อย่างใด แต่เมื่อทางฝ่ายทหารแจ้งมาก็พร้อมที่จะปฏิบัติตามและแจ้งเตือนไปยังญาติพี่น้องหรือผู้ที่ได้รับแจกจ่ายจากอดีต ส.ส.ว่าให้ระมัดระวังในการแจกจ่ายปฏิทินด้วย" นางปิญฉายกล่าว
@ ทหารชี้แจกที่โล่งขัดคำสั่งคสช.
พ.อ.สมชาย กล่าวว่า การแจกจ่ายปฏิทินปีใหม่ไม่ผิด แต่ที่ตรวจพบและเชิญมารายงานตัว รวมทั้งการจัดส่งเจ้าหน้าที่ติดตามความเคลื่อนไหวในช่วงที่อดีตนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ที่ขอนแก่น นั้นพบว่าแจกจ่ายในพื้นที่โล่งและในเขตชุมชน ถือเป็นการเข้าข่ายของการหวังผลทางการเมืองที่ชัดเจน และขัดต่อคำสั่งของ คสช. ซึ่งชุดปฏิบัติการของกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่นได้ตรวจยึดปฏิทินที่มีการลงนามโดยอดีตนายกรัฐมนตรีมาได้ทั้งหมด 11 ชุด และป้ายข้อความต้อนรับอีก 1 แผ่น ตรวจยึดได้ในเขต อ.บ้านไผ่
"หากแจกจ่ายในที่ลับหรือในบ้านและไม่กระทำการที่เปิดเผยไม่ได้ผิดอะไร แต่ห้ามแจกจ่ายในสถานที่ราชการ หรือสถานที่ของรัฐ หรือในการประชุม สัมมนา หรือการชุมนุมต่างๆ ที่ขัดต่อคำสั่งของ คสช.แล้วนั้น กำลังทหารในพื้นที่จะตรวจสอบความเคลื่อนไหวและตรวจยึดอย่างจริงจังมากยิ่งขึ้น" พ.อ.สมชายกล่าว
@ เล็งเรียกชู3นิ้วแจ้งข้อหา
พ.ท.พิทักษ์พล กล่าวว่า ช่วงของการลงพื้นที่ของอดีตนายกรัฐมนตรีที่ จ.ขอนแก่น พบว่ามีกลุ่มมวลชนไปให้การต้อนรับและร่วมในกิจกรรมต่างๆ อย่างมาก ตรวจสอบข้อมูลอย่างละเอียดและตรวจสอบภาพถ่ายของเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปรักษาการณ์และติดตามความเคลื่อนไหวของอดีตนายกรัฐมนตรี พบว่าแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงที่เป็นที่รู้จักกันของกลุ่มการเมืองในฝั่งของพรรคเพื่อไทยและ นปช.เรียกว่า "ป้าวาส ไม้ขอน" มีการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ด้วยการชู 3 นิ้ว ต่อต้านรัฐบาลและ คสช.
"เจ้าหน้าที่ฝ่ายการข่าวได้ตรวจสอบข้อมูลส่วนตัว รวมไปถึงที่อยู่เพื่อเรียกมารายงานตัวและรับทราบข้อกล่าวหาเพราะถือเป็นการขัดคำสั่งของ คสช.ที่ชัดเจน" พ.ท.พิทักษ์พลกล่าว
@ ป้ายหราปชป.อวยพรปีใหม่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีป้ายคัตเอาต์ติดตั้งในเส้นทางอุบล-เขื่องใน-ยโสธร เป็นป้ายขนาดใหญ่มีรูปนายวิฑูรย์ นามบุตร นายวุฒิพงษ์ นามบุตร อดีต ส.ส.อุบลราชธานี และนางณิรัฐกานต์ ศรีลาภ อดีต ส.ส.ยโสธร พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมข้อความอวยพรปีใหม่ ติดตั้งอยู่ 2 ข้างทาง ทั้งนี้ผู้พบเห็นต่างตั้งคำถามว่าขัดต่อคำสั่งของ คสช. หรือไม่
@ 'บิ๊กต๊อก'สอบต่อราชภักดิ์
พล.อ.ไพบูลย์ ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุม ครม.ถึงการตรวจสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า ที่ผ่านมาได้ระมัดระวังที่จะให้สัมภาษณ์ เพราะมีคนใช้ประโยชน์ในเรื่องนี้ในทางการเมือง จึงไม่อยากให้สัมภาษณ์ ควรปล่อยให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ทำงานอย่างเต็มที่ ได้เชิญทางสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) มาพูดคุยและทาง สตง.ได้รายงานความคืบหน้าในระดับหนึ่ง
"หลังจากนี้ คงต้องรอประสานงานกับทางกระทรวงกลาโหมอีกครั้ง เพื่อให้งานคืบหน้าได้ไวขึ้น อย่างไรก็ตาม ทาง ศอตช.จะตรวจสอบทั้งหมด รวมไปถึงผู้รับผิดชอบโครงการด้วย แต่ขอเวลาในการทำงานสักระยะหนึ่ง" พล.อ.ไพบูลย์กล่าว
เมื่อถามกรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย จะยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ทำได้ เป็นเรื่องดี จะได้นำไปประกอบการพิจารณา แต่ท้ายที่สุดอยากให้เคารพเหตุและผลของกฎหมายด้วย ทั้งนี้ เมื่อทาง ศอตช.มีผลสรุปออกมาแล้ว ตนจะเชิญทุกฝ่ายที่ยังมีข้อสงสัยมาพูดคุยกัน เพราะตนเข้าใจดีว่าสังคมอยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการตรวจสอบในเรื่องดังกล่าว ดังนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะทำงานโดยตอบโจทย์สังคมให้ได้ ตนจะไม่เข้าไปก้าวก่ายอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีความเห็นอย่างไรที่สังคมอาจมองว่าพอเป็นเรื่องของรัฐบาลกลับไม่ดำเนินการอะไร แต่กลับตรวจสอบอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า "ผมไม่เคยปฏิบัติเช่นนั้น และเข้าใจดีว่าสังคมคิดอะไรอยู่ แต่ขอให้คิดแบบมีเหตุมีผลด้วย อย่าใช้ความรู้สึกหรือใช้จินตนาการ เมื่อผลสอบออกมาแล้ว ผมจะชี้แจงและจะเปิดโอกาสให้ซักถามอย่างละเอียดอย่างแน่นอน"
@ บิ๊กป้อมย้ำไม่พบโกง'ราชภักดิ์'
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ว่า ได้สอบแล้วเรื่องกระบวนการใช้เงิน ไม่มีอะไรที่น่าสงสัย นอกจาก สตง.จะเข้ามาตรวจสอบในเรื่องของภาคเอกชน ก็ดูว่าทางนั้นเขาจะสอบไปอย่างไร ส่วนตัวคิดว่าในส่วนของโครงการคงไม่มีอะไรแล้ว ต่อไปนี้เป็นเรื่องของตัวบุคคลแล้ว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตจากคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บางเรื่องอาจจะขัดระเบียบสำนักนายกฯกรณีงบกลาง พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ก็ว่ากันไป หน่วยงานอื่นก็ต้องมาดู เช่น การเรี่ยไรเงิน แต่คงไม่ใช่เรื่องของการทุจริต เมื่อถามว่า สถานการณ์นิ่งขึ้นหรือไม่หลังผลสอบออกมา เพราะที่ผ่านมาพรรคการเมืองและกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ตรวจสอบ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า "ตอบแทนผมทีสิ ตอบสิ ตอบสิ ตอบ"
เมื่อถามว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการฟันธงว่าถูกหรือผิด พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า จะฟันได้อย่างไร ไม่มีอำนาจ ทั้งยังไม่พบว่ามีการเกี่ยวข้องกับการทุจริต แล้วจะตอบอย่างไร
@ 'บิ๊กโด่ง'วอนสอบให้ยุติธรรม
พล.อ.อุดมเดชกล่าวถึงผลสอบโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ ที่กระทรวงกลาโหมตรวจสอบไม่พบความผิดปกติการใช้งบประมาณว่า เริ่มปีใหม่แล้ว การตรวจสอบของคณะกรรมการชุดต่างๆ ดำเนินการอยู่ ได้ฟังหัวหน้าส่วนที่เกี่ยวข้องในการตรวจสอบ บางหน่วยงานอยากทำความเข้าใจว่า ขอให้รู้รายละเอียดให้ถ่องแท้ เช่น เรื่องที่เกี่ยวกับโรงหล่อต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องของเอกชน จึงต้องไปดูให้ดีเสียก่อน และให้คณะกรรมการไปตรวจสอบว่า เอกชนกับเอกชนเป็นอย่างไร ทำไมคณะกรรมการจึงบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการ และกำลังพลของกองทัพบกในปีที่มีการก่อสร้าง
@ ติงหน่วยสอบอย่าพูดล่วงหน้า
"ผมเคยถูกถาม แล้วไปตั้งกันอยู่คำหนึ่ง ผมไม่ชอบเลยรังเกียจคำๆ นั้นด้วย คำหัวๆ อะไรนั่นแหละ ผมเพียงได้รับคำถามนั้นมา แล้วมาบอกว่า อาจเป็นความจริงบางส่วน ผมขยายความในโอกาสต่อมาว่า เป็นเรื่องของเอกชนกับเอกชน เขาดำเนินการกันไป เมื่อทราบภายหลังแล้วพยายามไปพูดคุย สิ่งต่างๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ดีที่กลับมาเกิดในช่วงสุดท้าย นั้นหมายความว่า เราได้แก้ปัญหาแล้ว เป็นเรื่องของบุญกุศล จะเสียเงินเสียหายเพิ่มเติมอะไร และเราได้แก้ไข จะมาบอกว่าละเว้น มาตรา 157 อะไร ผมดูแล้วก็ไม่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องกับคณะกรรมการหรือกำลังพล กับโรงหล่อ ซึ่งไม่มีเลย ทั้งหมดเป็นเรื่องเอกชน สิ่งที่ผมยกตัวอย่าง เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่ในส่วนต่างๆ เข้าใจ อย่าเพิ่งไปเอ่ยอะไร ว่ามีความไม่ถูกต้อง หรือทุจริตแน่นอน แบบนี้ไม่ถูกต้อง เพราะจะเกิดความไม่ยุติธรรม ถ้าท่านเป็นหน่วยตรวจสอบ ถ้าไม่ยุติธรรม ท่านก็ต้องรับผิดชอบต่อ มันอยู่ที่ท่านออกมาพูดก่อนล่วงหน้าด้วย ดังนั้น ก็ควรให้ชุดหน่วยของท่านเข้าไปตรวจสอบกันตามปกติ"
เมื่อถามว่า สบายใจแล้วใช่หรือไม่ พล.อ.อุดมเดชกล่าวพร้อมกับโบกมือว่า "ไม่เป็นไรๆ" จากนั้น ขึ้นรถเดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาลทันที
@ 'ณัฐวุฒิ'ชี้สอบทุจริตไม่คืบ
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) กล่าวว่า การแถลงของคณะกรรมการกระทรวงกลาโหมกลับได้ข้อสรุปว่า สถานการณ์อุทยานราชภักดิ์ยังอยู่ ณ จุดเดิม ทั้งกองทัพบกและกระทรวงกลาโหมอธิบายความในทำนองไปไหนมาสามวาสองศอก ไม่ได้ระบุถึงสาระสำคัญที่สังคมสงสัย สิ่งที่แถลงมาแทบไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอะไร แค่รวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งให้ สตง.ตั้งแต่แรกทุกอย่างก็เดินหน้าได้
"ผมไม่คิดว่าการดึงเวลานานออกไปจะทำให้เรื่องนี้คลี่คลายลง แต่กลับจะทำให้แรงกดดันทั้งหมดไปตกอยู่กับ ศอตช. ถือเป็นหน่วยสุดท้ายที่จะจัดการเรื่องนี้ให้กระจ่าง หากผลสอบของ ศอตช.ออกมาทำนองเดียวกับสองหน่วยงานที่ผ่านมา เชื่อว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อความเชื่อมั่นเรื่องนโยบายปราบปรามทุจริตคอร์รัปชั่นของรัฐบาล" นายณัฐวุฒิกล่าว
และว่า เพื่อเร่งรัดกระบวนการให้คืบหน้าโดยเร็ว ขอชี้เป้าให้ ศอตช.ไปตรวจสอบข้อมูลราคาการจัดสร้างรูปหล่อขนาดใหญ่ของหลายหน่วยงานว่า ใช้วัสดุเหมือนหรือแตกต่างกับโครงการนี้อย่างไร งบประมาณที่ใช้ใกล้เคียงกันหรือไม่ ถ้าเริ่มต้นจากตรงนี้เชื่อว่าจะพบข้อเท็จจริงสำคัญอีกมาก จะรอดูผลสรุปจาก ศอตช. เพราะไม่อยากถูกกล่าวหาว่าไปหาเรื่องรัฐบาล ระหว่างนี้จะเก็บรวบรวมข้อมูลไปเรื่อยๆ เพราะเวลาไม่ได้กดดัน
@ รบ.มั่นใจผ่านเรื่องสาหัสปี 59
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมครม.ว่า หลายภาคส่วนได้วิเคราะห์และเป็นห่วงสถานการณ์บ้านเมืองในปี 2559 ว่า ค่อนข้างหนักหนาสาหัสพอสมควร แต่ ครม.คิดว่า จะสามารถผ่านพ้นไปได้ ถ้าประชาชนใช้วิจารณญาณในการรับฟังข้อมูลให้รอบด้านอย่างเปิดใจ รวมถึงข้อมูลของกลุ่มที่พยายามให้สิ่งที่คลาดเคลื่อนจากความเป็นจริงด้วย โดยขอให้ชั่งใจว่า ข้อมูลที่รัฐบาลให้ว่าเกิดปัญหาอะไรขึ้น
แล้วมีการทำอะไรสำเร็จถึงขั้นไหน ทั้งหมดเหล่านี้จะทำให้เราผ่านพ้นความคาดหมายที่สังคมส่วนหนึ่งที่มองว่าปีนี้จะสาหัสไปได้
"เช่นเดียวกับเรื่องที่เกี่ยวกับการเมือง การเข้าสู่อำนาจ การเลือกตั้ง หรือการตรวจสอบที่หลายส่วนได้ให้ความเห็นมากขึ้น โดยนายกฯไม่ได้ปฏิเสธเลยว่าเราต้องการประชาธิปไตยเหมือนประเทศอื่น" พล.ต.สรรเสริญกล่าว
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า นายกฯย้ำให้รองนายกฯกับรัฐมนตรีทุกคนถึงแผนงานของปี 2559 โดยต้องการให้ทุกหน่วยงานหยิบเรื่องสำคัญ 4 เรื่องมาเป็นตัวตั้ง ดังนี้ 1.การบริหารงานราชการปกติของหน่วยงานราชการ 2.การปฏิรูป 3.การแก้ไขปัญหาเร่งด่วน และ 4.การขับเคลื่อนกิจการสำคัญ ซึ่งในแผนงานดังกล่าว นายกฯอยากให้รองนายกฯ และรัฐมนตรีทุกคน หยิบทั้ง 4 เรื่องมาลงรายละเอียดเพื่อแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติให้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมาย
@ 'วิษณุ'ชงรุกงานพีอาร์มากขึ้น
พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี นำเสนอผลการหาแนวทางในการประชาสัมพันธ์ของรัฐบาลรูปแบบใหม่ โดยปีใหม่นี้ จะประชาสัมพันธ์ที่เป็นรูปเป็นร่างมากกว่าเดิม จะกำหนดให้ในแต่ละกระทรวงจะต้องเสนอโฆษกกระทรวงขึ้นมา โดยให้ไปทบทวนเรื่องเฟ้นหาโฆษกกระทรวงที่มีความสามารถขึ้นมาใหม่ จะเป็นคนเดิมหรือคนใหม่ก็ได้ แต่จะต้องผ่านความเห็นชอบของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวงเพื่อนำเสนอ ครม.ให้รับทราบต่อไป
"เพื่อให้สื่อมวลชนมีตัวเลือกเพิ่มมากขึ้น ขณะเดียวกัน นายกฯกล่าวกับที่ประชุม ครม.ว่าจะลดการชี้แจงของตัวเองลง อย่างที่ได้ปฏิบัติให้เป็นตัวอย่างแล้ว โดยจะให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงชี้แจงในรายละเอียดเพิ่มมากขึ้น ร่วมกับโฆษกกระทรวงต่างๆ" พล.ต.สรรเสริญกล่าว
@ มีชัยเมินค้านนายกฯคนนอก
ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงเสียงวิจารณ์ การเปิดช่องให้มีนายกรัฐมนตรีคนนอก ว่า ต้องโทษพรรคการเมือง จะมาโทษรัฐธรรมนูญไม่ได้ เพราะพรรคการเมืองจะเป็นผู้เสนอรายชื่อนายกรัฐมนตรี ก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งผลโพลเห็นสอดคล้องกับภาพรวมในเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ ส่วนในช่วงนี้ที่ กรธ.ถูกวิจารณ์เยอะ จะทำให้เสียความน่าเชื่อถือหรือไม่นั้น มองว่า ความน่าเชื่อถือของตนมีเท่าไหนก็ยังมีอยู่เท่านั้น เพราะความน่าเชื่อถือ ไม่ได้อยู่ที่คำพูด แต่อยู่ที่การกระทำ
"ส่วนความคืบหน้าเรื่องความปรองดองนั้น อนุกรรมการได้รายงานเข้ามา ซึ่งได้พิจารณาแล้วเห็นว่า การปรองดองในวันข้างหน้า กรธ.ได้เขียนแล้วในหลายส่วน เช่น การเลือกตั้งแบบบัตรใบเดียว จะช่วยเรื่องการปรองดองทำให้ไม่มีฝ่ายใดชนะจนอีกฝ่ายอยู่ไม่ได้ หรือการให้อำนาจผู้นำฝ่ายค้าน ขอเปิดอภิปรายเสนอแนะรัฐบาล เพื่อหาทางออกให้ประเทศ หากเกิดวิกฤตการเมืองขึ้น แต่สำหรับการปรองดองจากสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ ยังคิดไม่ออก ไม่รู้จะนำบทสวดมนต์บทไหนไปใส่ไว้แล้วถึงจะเลิกขัดแย้ง อีกทั้งการปรองดองยังต้องอาศัยการกระทำอีกหลายอย่างและต้องใช้เวลา กรธ.อาจจะต้องเสนอให้รัฐบาลไปทำ" นายมีชัยกล่าว
@ ไม่ต้องเขียนองค์กรปรองดอง
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรองดองจำเป็นต้องเขียนในรัฐธรรมนูญเพื่อตั้งองค์กรใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่หรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ไม่จำเป็นต้องเขียนในรัฐธรรมนูญก็ได้ การตั้งคณะกรรมการหรือองค์กร นายกรัฐมนตรีมีอำนาจสามารถทำได้เองเลยหรืออาจจะใช้มาตรา 44 ทำก็ได้
เมื่อถามว่า จำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 37 เกณฑ์การออกเสียงประชามติ ที่ระบุให้ใช้เสียงกึ่งหนึ่งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง เพื่อความชัดเจนหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ชัดเจนอยู่แล้วว่าเสียงประชามติคือการใช้เสียงข้างมากของคนที่ออกมาลงคะแนน ซึ่งคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็เข้าใจแบบนี้เหมือนกัน
@ ชี้'มาร์ค'ไม่ขัดคุณสมบัติ
เมื่อถามถึงคำพิพากษาศาลแพ่งที่ชี้ว่าคำสั่งกระทรวงกลาโหมที่ 1163/2555 ให้ปลดนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ออกจากราชการ ชอบด้วยกฎหมาย จะส่งผลให้นายอภิสิทธิ์ขาดคุณสมบัติลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ไม่ได้เป็นการกระทำความผิดตามคุณสมบัติผู้ลงสมัคร ส.ส.ที่เราเขียนไว้ชัดเจน ว่าห้ามผู้ที่ทุจริตทำผิดทางวินัยจนโดนปลดหรือไล่ออกจากราชการ กรณีของนายอภิสิทธิ์เกิดจากคุณสมบัติการเข้ารับราชการไม่ถูกต้อง ยืนยันว่า กรธ.ไม่ได้เลือกที่รักมักที่ชัง เพราะรัฐธรรมนูญฉบับที่ผ่านมาก็เขียนแบบนี้
@ ชงแผนปฏิรูปศึกษามีผลทุกรบ.
เมื่อเวลา 13.30 น. ที่รัฐสภา กรธ.ประชุมเพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ โดยนายมีชัยทำหน้าที่เป็นประธาน ซึ่งที่ประชุมนำเสนอประเด็นการปฏิรูปการศึกษาและการปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมาย
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษก กรธ. ในฐานะประธานอนุกรรมการพิจารณาแนวทางการปฏิรูป การศึกษา และการบังคับใช้กฎหมาย กรธ.นำเสนอว่า การปฏิรูปการศึกษาสามารถสรุปประเด็นที่ต้องเขียนในรัฐธรรมนูญออกเป็น 5 เรื่อง คือ ต้องเขียนแผนการศึกษาให้มีสภาพการบังคับใช้เทียบเท่ากับกฎหมายและมีผลผูกพันกับทุกรัฐบาล รวมถึงต้องให้รัฐบาลแถลงและรายงานความคืบหน้าในเรื่องดังกล่าวปีละครั้งต่อรัฐสภา ต้องมีกลไกบังคับใช้รัฐธรรมนูญด้านการศึกษาและมีกลไกส่งเสริมการคิดการตรวจสอบจากภาคประชาชน ต้องกระจายอำนาจและงบประมาณในการจัดการศึกษาสู่ท้องถิ่นและสถานศึกษา ต้องปฏิรูปกระบวนการงบประมาณด้านการศึกษาให้เป็นการจัดสรรตามอุปสงค์เป็นรายบุคคล และต้องปฏิรูปนโยบายการศึกษาให้เป็นเชิงประจักษ์เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการศึกษาชาติ
@ แนะปฏิรูปกม.ตำรวจ 3 ข้อ
นายอุดมกล่าวถึงการปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายว่า ได้ศึกษาปัญหาตำรวจ เพราะถือว่าตำรวจมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย และเจ้าหน้าที่ตำรวจยังกระจายอยู่ทั่วประเทศ จึงเป็นเรื่องใกล้ตัวมากที่สุด จึงได้ศึกษาแนวทางปัญหาแบ่งออกเป็น 3 เรื่อง คือ 1.ตำรวจมักจะถูกแทรกแซงทางการเมือง ส่งผลถึงเรื่องการบริหารงานบุคคล มีการโยกย้ายทุกครั้งที่ฝ่ายการเมืองครอบงำ เป็นแนวทางระบบอุปถัมภ์ ไม่มีการคำนึงถึงระบบอาวุธโสหรือความสามารถ ดังนั้นต้องลดการแทรกแซงจากฝ่ายการเมือง และต้องบัญญัติหลักเกณฑ์ในการบรรจุและโยกย้ายให้ชัดเจนมากขึ้น
"2.จัดการงานสอบสวนให้มีความเป็นภววิสัยและมีประสิทธิภาพ มีหลักประกันปราศจากการแทรกแซง 3.ต้องมีการถ่ายโอนภารกิจที่ไม่ใช่ภารกิจหลักไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง" นายอุดมกล่าว
@ กรธ.ยังไม่สรุปใส่ปฏิรูปลงรธน.
เวลา 15.00 น. นายอมร วาณิชวิวัฒน์ โฆษก กรธ. แถลงผลการประชุมว่า การเสนอผลการศึกษาของอนุกรรมการปฏิรูปการศึกษาและการปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายนั้น ที่ประชุมได้รับทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ส่วนจะบัญญัติลงในรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น จะหารือกันในช่วงที่ไปประชุมกันนอกสถานที่
"การปฏิรูปมีการพูดกันต่างๆ นานา แต่ที่ประชุมเห็นว่าหากจะบัญญัติลงในรัฐธรรมนูญต้องเป็นเรื่องที่เร่งด่วนและที่ประชุมเห็นว่าเรื่องเร่งด่วนมีสองเรื่อง คือ การศึกษาและการบังคับใช้กฎหมาย" นายอมรกล่าว
@ วางกรอบกก.ปฏิรูปตร.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การศึกษาแนวทางการปฏิรูปการศึกษาและการบังคับใช้กฎหมายกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ทั้งหมด 11 คน ให้นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน และไม่ให้มีอำนาจแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) แต่ให้ทำหน้าที่กำหนดนโยบายของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พร้อมเปลี่ยนแปลงองค์ประกอบของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ประกอบไปด้วย กรรมการ 16 คน มีวาระคราวละ 2 ปี และดำรงตำแหน่งไม่เกิน 2 วาระ มีประธาน ก.ตร. ให้คัดเลือกจากอดีตรอง ผบ.ตร.หรือเทียบเท่า โดยรับการลงคะแนนเลือกตั้งจากตำรวจ ยศ พ.ต.อ.ขึ้นไป
ขณะที่กรรมการ ก.ตร.โดยตำแหน่ง ประกอบด้วย ผบ.ตร. เลขาธิการ กพ. จเรตำรวจแห่งชาติ และรอง ผบ.ตร.หรือเทียบเท่าจำนวน 6 คน อดีตข้าราชการตำรวจตำแหน่งผู้บัญชาการหรือเทียบเท่า 3 คน ผู้ทรงคุณวุฒิจากภายนอก ได้แก่ ผู้แทนจาก ครม. ผู้แทนจากวุฒิสภา และผู้มีความรู้จากสาขาวิชาต่างๆ จำนวน 2 คน
@ แยกการสอบสวนออกตร.
นอกจากนี้ให้แยกงานสอบสวนออกจาก ตร. และไปตั้งเป็นสำนักงานสอบสวนคดีอาญาเป็นหน่วยงานระดับกรม สังกัดกระทรวงยุติธรรม ซึ่งสำนักงานสอบสวนคดีอาญา ประกอบด้วย สำนักคดีอาญา สำนักนิติวิทยาศาสตร์ สำนักพิสูจน์หลักฐาน และสำนักทะเบียนประวัติอาชญากร หากการปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพอาจย้ายกรมสอบสวนคดีพิเศษมาสังกัดสำนักงานดังกล่าวด้วย เพื่อให้การดำเนินคดีอาญาชั้นสอบสวน ฟ้องร้องเป็นขั้นตอนเดียวกัน และยังเห็นควรให้พนักงานอัยการเข้ามาเป็นผู้รับผิดชอบการสอบสวนคดีอาญา
@ สปท.ถกวาระเร่งปฏิรูป 6 ม.ค.
นายคำนูณ สิทธิสมาน สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ในฐานะโฆษก สปท. กล่าวว่า วันที่ 6 มกราคม เวลา 13.30 น. จะประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (วิป สปท.) 1 ในวาระสำคัญคือ จะเป็นการพิจารณากำหนดวันอภิปรายทั่วไปของ สปท. เพื่อส่งข้อเสนอไปยัง กรธ.ว่าสมควรบรรจุเนื้อหาเกี่ยวกับกรอบและแนวทางในการปฏิรูปประเทศที่จำเป็นต้องบัญญัติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งรวมทั้งประเด็นยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีด้วย ทั้งนี้ตามที่นายมีชัยได้สอบถามมาเมื่อปลายปี 2558 เนื่องจากเป็นวาระเร่งด่วน อาจกำหนดให้มีการอภิปรายใน สปท.ในการประชุมวันที่ 7 มกราคม เพิ่มเติมจากวาระปกติ หรืออย่างช้าไม่เกินการประชุมวันที่ 11 มกราคม
@ ห่วงกก.สอบข้าวถูกครอบ
นายชัยเกษม นิติสิริ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่าจะไม่ให้เพิ่มพยานคดีจำนำข้าวแล้วเพราะหวั่นว่าจะปิดสำนวนไม่ทัน แต่อนุญาตให้ส่งเอกสารเพิ่มเติมได้ถึงสิ้นมกราคมว่า เป็นห่วงแทนคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงความรับผิดทางละเมิดที่เร่งรัดสรุปเรื่องอย่างลุกลี้ลุกลนจนผิดสังเกต ทั้งๆ ที่อายุความยังเหลืออีกนาน เนื่องจากอายุความใช้สิทธิเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนมีกำหนดอายุความสองปีนับแต่วันที่หน่วยงานของรัฐรู้ถึงการละเมิดและรู้ตัวผู้กระทำละเมิดและเกิดข้อกังขาว่าคณะกรรมการได้ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีในเรื่องนี้ที่ต้องให้โอกาสเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงข้อเท็จจริงและโต้แย้ง พร้อมพยานหลักฐานอย่างเพียงพอและเป็นธรรมแล้วหรือยังทำให้เกิดความสงสัยว่าคณะกรรมการได้ดำเนินการไปโดยอิสระหรืออยู่ภายใต้การครอบงำจากผู้มีอำนาจ
"คำถามที่ผมขอถามคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงฯ ท่านได้ตั้งธงไว้ว่าความเสียหายที่เกิดจากโครงการรับจำนำข้าว นั้นเกิดจากเหตุจงใจหรือประมาทเลินเล่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์เพียงผู้เดียว
เข้มปูลุยขอนแก่น ยึดปฏิทิน ห้ามแจก-ขึ้นรถแห่ บิ๊กตู่พูดน้อยตามสัญญา ให้สัมภาษณ์แค่ 3 นาที รองผู้ว่าฯกทม.โต้วิลาศ พูดไม่จริง-ไม่รู้เรื่องงบ
เดินสายทำบุญที่ขอนแก่น ชาวบ้านแห่มาต้อนรับ'ยิ่งลักษณ์'แน่น คาดผ้าขาวม้าให้ล้นจนถึงคอ ท่ามกลางทหาร-ตำรวจจัดชุดตามประกบทุกจุด พร้อมยึดปฏิทินปีใหม่ที่ส.ส.นำมาแจก ห้ามขึ้นรถขบวนแห่ด้วย เพื่อไทยทำหนังสือถึงประยุทธ์สอบผู้ว่าฯร้อยเอ็ดละเมิดสิทธิ์ห้ามแจกปฏิทิน ด้านภูมิธรรมอัดมีชัยร่างรัฐธรรมนูญสร้างปมซ่อนเงื่อนทำลายสถาบันทางการเมือง ไม่เห็นหัวประชาชน ด้านวัฒนาท้าใช้ยาแรงก็ได้แลกกับการไม่นิรโทษกรรมคสช. วิษณุลั่นไม่เพิ่มพยานคดีความเสียหายจากโครงการจำนำข้าวให้'ปู'อีกแล้ว'บิ๊กตู่'นิวลุกส์มามาดใหม่พูดน้อยลงตามที่ประกาศไว้ ให้สัมภาษณ์สื่อแค่ 2.47 นาที
วันที่ 05 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9169 ข่าวสดรายวัน
ต้อนรับ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้อนรับนายอับดุลลา ยามีน อับดุล กายูม ประธานาธิบดีสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ที่เข้าเยี่ยมคารวะในโอกาสเดินทางมาเยือนประเทศไทย ที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 4 ม.ค.
'ปู'เยือนขอนแก่น-ทหารยึดปฏิทิน
เวลา 10.30 น. วันที่ 4 ม.ค. บริเวณภายในตลาดสดเทศบาลเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมอดีตรัฐมนตรีและส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดย นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายธนิก มาสีพิทักษ์ นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร และ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ลงพื้นที่พบปะประชา ชนและทำบุญเนื่องในเทศกาลปีใหม่ประจำปี 2559 โดยร่วมรับประทานร่วมกับนักการเมืองท้องถิ่นทั้ง สมาชิกสภา อบจ.และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่ร้านกาแฟสะอิ้งโอชา ก่อนจะเดินพบปะพ่อค้า-แม่ค้า ริมสองฟากฝั่งถนนและพบปะพูดคุยกับชาวบ้านที่มาจ่ายตลาดอย่างเป็นกันเอง โดยอดีต ส.ส.เพื่อไทยร่วมแจกจ่ายปฏิทินสวัสดีปีใหม่ 2559 ตามธรรมเนียมในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่มีประชาชนมายืนรอต้อนรับและรอถ่ายภาพกับอดีตนายกฯ กันเป็นจำนวนมาก
การลงพื้นที่พบปะประชาชนในเขตเทศบาล เมืองบ้านไผ่ พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผกก.สส.3บก.สส.ภ.4 พร้อมด้วย พ.ต.อ. สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ และ พ.ท.พิทักษ์พล ชุศรี หัวหน้าชุดปฏิบัติการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่น นำกำลังตำรวจ-ทหารและฝ่ายปกครอง รวมกว่า 100 นาย ประจำตามจุดต่างๆ และตรวจสอบพฤติกรรมและการดำเนินกิจกรรมให้เป็นไปตามคำสั่ง คสช. โดยยึดปฏิทินสวัสดีปีใหม่ที่มีรูปภาพนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่นำมาแจกจ่ายและมีลายเซ็นของน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้รวมกว่า 10 ชุด ขณะที่อดีตส.ส.เพื่อไทย เตรียมรถแห่เพื่อนำอดีตนายกฯขึ้นรถแห่ไปโดยรอบเขตบ้านไผ่ เพื่อสวัสดีปีใหม่ให้กับชาวชุมชนและมอบของขวัญ ก็ถูกเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงห้ามขึ้นรถแห่ด้วยเช่นกัน
หลังสิ้นสุดการพบปะประชาชนแล้ว คณะได้เข้ากราบขอพรพระเจ้าใหญ่ผือบัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของคนบ้านไผ่ ที่วัดบูรณะสิทธิ์ บ.หนองร้านหญ้า ต.หัวหนอง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น
ชาวบ้านแห่ผูกผ้าขาวม้าล้นคอ
อย่างไรก็ตาม ที่วัดบูรณะสิทธิ์ ชาวบ้านไผ่กว่า 200 คน ร่วมต้อนรับและต่างพากันสังเกตรถยนต์ที่อดีตนายกฯนั่งมา เป็นรถตู้โฟล์กสีน้ำเงิน ทะเบียน นบ-1 กรุงเทพฯ ก่อนที่พากันผูกผ้าขาวม้า จนล้นเกือบถึงคอดีตนายกฯปลาบปลื้มและซึ้งน้ำใจที่ชาวบ้านยังคงรักและให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น รวมถึงมอบดอกกุหลาบและร่วมถ่ายภาพท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเอง
ก่อนที่อดีตนายกฯ และอดีตรัฐมนตรีและส.ส.เพื่อไทยในภาคอีสานจะเข้ากราบนมัส การพระเจ้าใหญ่ผือบัง ภายในพระอุโบสถ โดยมีพระครูปทุมสารพิมนต์ พร้อมพระอธิการบุญธรรม กัลยาณธัมโม เจ้าอาวาสวัดบูรณะสิทธิ์ นำประกอบพิธีทางศาสนา มีพระเถระในเขตอ.บ้านไผ่ ร่วมบริกรรมคาถา ให้พรและสนทนาธรรมกับอดีตนายกฯโดยใช้เวลานานกว่า 30 นาที หลังเสร็จสิ้นพิธีทางศาสนาแล้วนั้นคณะสงฆ์มอบพระยอดธงกะไหล่เงิน และพระรูปเหมือนพระเจ้าใหญ่ ผือบัง เพื่อความเป็นสิริมงคลให้อดีตนายกฯ ด้วย
จากนั้น อดีตนายกฯ พร้อมคณะเดินทางต่อไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับชาวชุมชนที่ร้านบะหมี่กวงตัง ไปร่วมทำบุญเนื่องในเทศกาลปีใหม่ 2559 ทั้งที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น บ.โคกสี ต.โคกสี อ.เมืองขอนแก่น และเป็นประธานในการประกอบพิธีตัดลูกนิมิตและสมโภชศาลาการเปรียญที่วัดโพธิ์ชัย ต.กระนวน อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น โดยมีลูกนิมิตของ 3 อดีตนายกฯ คือนายกฯทักษิณ นายกฯยิ่งลักษณ์ นายกฯสมชาย มีประชาชนให้ความสนใจจำนวนมาก
อดีตส.ส.โวยทหารตามประกบ'ปู'
นายธนิก มาสีพิทักษ์ อดีต ส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชนและร่วมทำบุญเพื่อเสริมสิริมงคลเนื่องในช่วงเทศกาลปีใหม่ร่วมกับ อดีต ส.ส.และสมาชิกพรรคเพื่อไทยและชุมชนนั้นเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนไทยในการทำบุญรับขวัญปีใหม่ ซึ่งไม่มีนัยยะหรือสิ่งอื่นสิ่งใดที่บ่งบอกหรือบอกเหตุว่าเกี่ยวข้องหรือยุ่งเกี่ยวกับการเมือง ตลอดทั้งเส้นทางของ การเดินทางทำบุญของอดีตนายกฯร่วมกับครอบครัวและอดีต ส.ส.ในหลายจังหวัดที่ผ่านมาก็ไม่ประสบปัญหาอะไร
นายธนิก กล่าวต่อว่าแต่เมื่อเข้าถึงเขตขอนแก่นถูกกำลังทหารและตำรวจเฝ้าจับตาและจำกัดกรอบในการทำบุญทั้งหมด ไม่เว้นแม้กระทั่งการส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำในพระอุโบสถ ซึ่งไม่นับรวมการยึดป้ายข้อความและปฏิทินปีใหม่ที่อดีตนายกฯนำมามอบให้ประชาชนที่เดินทางไปพบหรือพบเห็นตามสถานที่ต่างๆ โดยส่วนตัวมองว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุและบ้าอำนาจจนเกินไป ควรที่จะแยกแยะก่อนและหลังว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องอะไรคือธรรมเนียมปฏิบัติ
พท.บี้ประยุทธ์สอบผู้ว่าฯร้อยเอ็ด
วันเดียวกัน พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้ทำหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้า คสช.ให้ตรวจสอบคำสั่งและการกระทำของผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ว่า ตามที่ได้ปรากฏภาพข่าวและรายงานข่าวของสื่อมวลชนและ สื่อออนไลน์ว่านายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด ได้ออกคำสั่งไปยังนายอำเภอทุกอำเภอเพื่อให้ตรวจสอบการแจกปฏิทินปี 2559 ที่มีภาพนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งภาพปฏิทินดังกล่าวจัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2559 แต่คำสั่งดังกล่าวได้อ้างเรื่องความสงบเรียบร้อยและเพื่อความปรองดองสมานฉันท์นั้น
ตนในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเห็นว่าการกระทำของผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ด เป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เนื่องจากการจัดทำปฏิทินเป็นเรื่องของการใช้สิทธิในการสื่อสารถึงกันระหว่างบุคคล นิยมจัดทำขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ โดยผู้ที่จัดทำปฏิทินมีทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคลจำนวนมาก
มท.1ไม่เคยเห็นรูปตัวเองใส่ปฏิทิน
พล.ต.ท.วิโรจน์กล่าวว่า ไม่เคยมียุคสมัยใดที่รัฐบาลหรือข้าราชการ สั่งห้ามมิให้มีการแจกจ่ายปฏิทินให้ประชาชน เว้นแต่ปฏิทิน ดังกล่าวเข้าข่ายลามกอนาจาร สำหรับปฏิทินที่มีรูปอดีตนายกฯ ทั้งสองคนนั้น เป็นภาพถ่ายปกติของทั้งสองคนและเนื้อหาก็มีรูปแบบเหมือนปฏิทินที่แจกจ่ายกันทั่วไป ส่วนผู้ที่รับแจกปฏิทินก็เป็นสิทธิเฉพาะตัวว่าจะรับหรือไม่รับปฏิทินดังกล่าว ทั้งสองคนเป็นอดีต นายกฯ เป็นบุคลากรที่มีความสำคัญของพรรค ย่อมมีความผูกพันกับประชาชน การจัดทำปฏิทินเพื่อสื่อสารถึงความรักและความผูกพันระหว่างกันจึงมิใช่เรื่องที่ผิดกฎหมาย หรือกระทบต่อความสงบเรียบร้อย หรือจะเป็นอุปสรรคขัดขวางต่อการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ดังที่ผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ดกล่าวอ้างแต่อย่างใด แต่เป็นการเลือกปฏิบัติโดยไม่เป็นธรรมด้วย
รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนเห็นว่าความปรองดองสมานฉันท์เป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้สังคมเกิดความสงบเรียบร้อย แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของความเป็นธรรมและการเคารพสิทธิซึ่งกันและกันด้วย กรณีนี้จึงไม่ควรนำเรื่องการแจกปฏิทินมาเป็นประเด็นทางการเมือง จึงขอนายกฯ ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและสั่งการไปยังผู้ว่าฯ ร้อยเอ็ดและ จังหวัดอื่นๆ ให้ยุติการกระทำดังกล่าว
ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีผวจ.ร้อยเอ็ด สั่งห้ามแจกปฏิทินอวยพรปีใหม่ 2559 ภาพคู่ของนายทักษิณ กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าสามารถแจกได้หากไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ถือว่าไม่เป็นไร แต่ก็ต้องพิจารณากันด้วยว่าเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วตนไม่เคยเห็นใครทำปฏิทินโดยเอารูปภาพของตัวเองมาใส่ในปฏิทินในลักษณะนี้
บิ๊กตู่ พูดน้อย-สัมภาษณ์ 2.47 นาที
เมื่อเวลา 15.50 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการบูรณาการฐานข้อมูลกลางภาครัฐ ครั้งที่ 1/2559 ว่า ได้หารือเพื่อบูรณาการข้ามแท่งได้ด้วย ให้ทุกกระทรวงมีข้อมูลร่วมกันอยู่ในฐานข้อมูลและเพื่อเป็นข้อมูลให้กับประชาชน เช่น การเกษตร การค้าขายต่างๆ รวมทั้งข้อมูลด้านความมั่นคง ซึ่งจะต้องเป็นบ่อเกิดอีก 4-5 กลุ่มงานที่ต้องให้ประชาชนได้เรียนรู้ด้วย
หลังพล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์เสร็จ ได้ถามผู้สื่อข่าวว่า "อยากถามอะไรหรือไม่" แต่เมื่อพูดจบก็ได้กล่าวสวัสดี ก่อนเดินออกจากวงให้สัมภาษณ์ทันทีแบบไม่ลังเล เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามว่า เป็นห่วงสถานการณ์ทางการเมืองในปีนี้ที่มีการมองว่าจะมีความรุนแรงหรือไม่ โดย พล.อ.ประยุทธ์ เพียงแต่หันมายิ้มแล้วโบกมือปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อ
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวของพล.อ. ประยุทธ์ เป็นไปตามที่ได้กล่าวไว้ในรายการคืนความสุขให้คนในชาติเมื่อวันที่ 1 ม.ค. ที่ผ่านมาว่าจะปฏิรูปตัวเองด้วยการพูดให้น้อยลง และหงุดหงิดน้อยลง จะไม่ทะเลาะกับ ผู้สื่อข่าว โดยการให้สัมภาษณ์ในวันนี้เพียง 2.47 นาทีเท่านั้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการประชุมครม.ในวันอังคารที่ 5 ม.ค. นายกฯ และภริยาพร้อม ครม. ร่วมในพิธีเจริญพระพุทธมนต์ตักบาตรพระสงฆ์ 59 รูปเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2559 บริเวณสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล โดยมีข้าราชการจากหน่วยงานภายในทำเนียบ เข้าร่วมด้วย
วิษณุไม่เพิ่มพยานให้ปู-จำนำข้าว
ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีการสืบพยานเพิ่มเติมในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่าจะไม่ขยายเวลาสืบพยานเพิ่มแล้ว เพราะศาลต้องใช้เวลาในการปิดสำนวนเพื่อประชุมกันเองอีก 4 ครั้ง ก่อนสรุปสำนวนคดี หากมีอะไรเพิ่มเติมก็ขอให้ส่งมาเป็นในรูปแบบลายลักษณ์อักษรมาได้จนถึงสิ้นเดือนม.ค.นี้ เนื่องจากไม่ได้แจ้งชื่อไว้ตั้งแต่ต้น เพราะหากเป็นตัวบุคคลเดี๋ยวจะเลื่อนให้ปากคำไปอีก ขนาดการขอเพิ่มพยานครั้งล่าสุดอีกสิบกว่าคน ศาลให้แจ้งมาว่าพยานคนใดว่างวันไหนบ้างเพื่อจะได้อำนวยความสะดวก แต่กรรมการก็มองเห็นว่าเป็นการยืดเวลา ดีไม่ดีอาจจะเลื่อนอีกก็ได้ เพราะบางรายว่างตอน เม.ย.เลย ซึ่งไม่ทราบว่าบุคคลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวด้วยหรือไม่อย่างไร แต่ผู้ขอเพิ่มพยานคงทราบจึงแจ้งกับศาลให้ขอเพิ่มพยานเหล่านี้ เข้ามา
ยึดปฏิทิน - ทหารและตร.ยึดปฏิทินรูปทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ที่อดีตส.ส.เพื่อไทยนำมาแจกจ่ายให้ชาวบ้านที่มาต้อนรับน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ทั้งยังห้ามจัดขบวนรถแห่ ระหว่างมาทำบุญและพบปะประชาชน จ.ขอนแก่น เมื่อวันที่ 4 ม.ค. |
เมื่อถามว่าการให้สอบพยานเพิ่มเติมนั้น ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาถ่วงเวลาการพิจารณาคดีหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า เราไม่ได้บอกแบบนั้น รัฐบาลไม่เคยพูดแบบนั้น ไม่กล้าพูด
เมื่อถามถึงความคืบหน้าของคณะกรรมการ สอบข้อเท็จจริงของกระทรวงพาณิชย์ นายวิษณุกล่าวว่า ยังไม่คืบหน้า เพราะติดอยู่ที่คณะกรรมการพิจารณาความรับผิดทางแพ่งที่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบในส่วนของเขา ตนทราบว่าทางคณะกรรมการได้ประชุม ทุกวันอยู่แล้ว
บัญชีดำล็อตใหม่ไม่มีระดับปลัด
นายวิษณุ กล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาบัญชีข้าราชการทุจริตชุดที่ 3 ว่า คงคืบหน้าภายใน 1-2 วันนี้ก่อนจะส่งรายชื่อให้พล.อ.ประยุทธ์ เพราะติดอยู่กลุ่มเดียวที่ต้องไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ขอยกตัวอย่างว่ามีข้าราชการได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ แต่ข้าราชการคนนี้มีปัญหาในการมาเป็นกรรมการชุดดังกล่าว ดังนั้นข้าราชการคนนี้ก็สามารถปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการได้อยู่ เนื่อง จากไม่ได้ทำผิดในหน้าที่ราชการ แต่ทำผิดตอนเป็นกรรมการ ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะแบ่งกลุ่มอย่างไร
นายวิษณุ กล่าวว่า จากที่เห็นรายชื่อพบว่าไม่มีข้าราชการในระดับปลัดกระทรวง แต่จะเป็นตำแหน่งข้าราชการขั้นสูงก็จะสูงในหน่วยงานของเขาเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และที่น่าแปลกใจคือ เมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดใดมีชื่อในบัญชี มักจะมีพัวพันหลายคนแสดงว่าต้องมีอะไรประหลาดเกิดขึ้น และในบัญชีชุด 3 จากที่เห็นมีบางรายที่เสียชีวิตเราก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนที่ลาออกไปก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. ในการตรวจสอบต่อไป ซึ่งหากส่งให้นายกฯ ก็จะใช้หลักเกณฑ์เดิมในการจัดการคือมาตรา 44
เห็นด้วยรธน.ใหม่มีกลไกแก้โกง
นายวิษณุกล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ ระบุว่า ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะกำหนดกลไกขจัดการทุจริตการเลือกตั้งของนักการเมือง โดยออกกฎเหล็กคุมเข้มจริยธรรมหากฝ่าฝืนเจอโทษตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ว่า เห็นด้วย ดีแล้ว เพราะจำเป็นต้องทำนั้น และใช้ยาแรงในบางเรื่อง เช่น เรื่องการสกัดกั้นการทุจริตการเลือกตั้งไม่ให้เข้ามาสู่เวทีการเลือกตั้ง ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) นายมีชัยก็ยืนยันว่าไม่มีในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากมีก็ให้ออกไปในรูปแบบกฎหมายลูก หากไม่อยากมี ก็ไม่ต้องออก
เมื่อถามว่า หากออกในรูปแบบกฎหมายลูกก็ไม่ต่างจาก คปป. นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ลองดูในรายละเอียดต่อไปแล้วกัน ตนยังจับประเด็นอะไรไม่ได้นัก เมื่อถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยจะมีเพียงแค่ 260 มาตราเท่านั้น นายวิษณุกล่าวว่า เห็นว่าจะตัดให้เหลือน้อยกว่านั้นอีกหลายสิบมาตรา
มีชัยนำกรธ.สัญจรไปร่างที่ชะอำ
ที่รัฐสภา นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมกรธ.วาระพิจารณาเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับประเด็นที่นักการเมืองทักท้วงถึงการเผยแพร่เนื้อหาและการรับฟังความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ ว่า สัปดาห์หน้าที่ กรธ.จะไปประชุมนอกสถานที่ จ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 11-17 ม.ค. นั้น ตนจะให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟังการพิจารณาและจะให้นำเนื้อหารายมาตราเผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นเบื้องต้น จากนั้นวันที่ 29 ม.ค. จะเผยแพร่เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญเพื่อรับฟังความเห็นอย่างเป็นทางการ ส่วนการปรับแก้ไขเนื้อหาตามที่มีข้อท้วงติงนั้นหากมีเหตุผลทางกรธ.พร้อมจะรับฟังและพิจารณา
นายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษกกรธ. แถลงหลังจากการประชุมว่า หลังจากที่อนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายนิติบัญญัติได้นำเสนอเรื่องวิธีการได้มาซึ่ง ส.ว. แบบเลือกข้ามกลุ่ม จำนวน 20 กลุ่มอาชีพออกมา และมีการตั้งข้อสังเกตว่า หากมีการช่วยเหลือกัน หรือฮั้วกัน กรธ.จะทำอย่างไร ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ เพราะอาจรู้จักกัน และมีการขอแรงเพื่อช่วยเลือกกันได้ โดยในเบื้องต้น กรธ.ยังยืนในหลักการเดิม คือให้เลือกข้ามกลุ่มกันต่อไป โดยเฉพาะในระดับการเลือกรอบที่ 2 จากระดับอำเภอไปสู่จังหวัด ก่อนจะเข้ามาส่วนกลาง ซึ่งในระดับจังหวัดอาจไม่รู้จักกันจึงได้หารือกันว่าอาจจะให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดทำเอกสารเปิดเผยประวัติของผู้สมัครแต่ละคน โดยเฉพาะข้อมูลในทางร้าย จึงอาจต้องร่างกฎหมาย ภายหลังเพื่อคุ้มครองกกต.ในจังหวัดต่างๆ เพราะ กกต.ได้เปิดเผยประวัติอาชญากรของผู้สมัครจึงต้องได้รับความคุ้มครอง
ให้เปิดประวัติอาชญากรผู้สมัครส.ว.
นายชาติชาย กล่าวว่า ที่ผ่านมา กกต.ไม่ค่อยกล้าบอกกับประชาชนว่าผู้สมัครแต่ละคนมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ขณะที่การขอเอกสารประวัติอาชญากร เจ้าหน้าที่ตำรวจหรือกรมบังคับคดีก็ช้า ทำให้ประชาชนไม่ได้รู้ข้อมูลผู้สมัครครบถ้วนจึงเป็นจุดอ่อนมาก อย่างไรก็ตาม กกต.ได้นำแนวทางดังกล่าว ของกรธ.ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง ส.ว.ข้ามกลุ่ม หรือการเปิดประวัติอาชญากรรม กลับไปพิจารณาถึงความเป็นไปได้
นายชาติชาย กล่าวว่า ล่าสุด คณะอนุกรรม การรับฟังและสรุปความคิดเห็นได้จัดกลุ่มโดยข้อสรุปของผู้ที่เสนอความเห็นประกอบร่างรัฐธรรมนูญ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ 1.คสช. ครม. สปท. และสนช. 2.หน่วยงานของรัฐ กระทรวง ทบวงกรม องค์กรอิสระต่างๆ และองค์กรอื่นๆ 3.พรรคการเมืองต่างๆ และ 4.ประชาชนทั่วไป กรธ.จะนำความเห็นของทั้ง 4 กลุ่ม มาเรียงว่าความเห็นและความต้องการที่เสนอเข้ามาตรงกับมาตราใดในร่าง เช่น ข้อเสนอเรื่องสิทธิเสรีภาพ ศาล หรือ ฝ่ายนิติบัญญัติ ก็จะนำมาเรียงกันและมอบให้กรธ.เรียบร้อยแล้ว
เข้มส.ส.แปรญัตติงบฯทับซ้อน
วันเดียวกัน มีการเผยแพร่บันทึกการประชุมของ กรธ. ซึ่งพิจารณารายละเอียดร่างรัฐธรรมนูญ ประเด็นมาตรการป้องกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองกระทำการอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับส.ส.ว่า การพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ ควรมีหลักการให้ส.ส. หรือ ส.ว.จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสภา เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าการเสนอ การแปรญัตติ หรือการ กระทำใดเกี่ยวกับงบประมาณเป็นการเอื้อประโยชน์ โดยกรณีศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเสนอการแปรญัตติหรือการกระทำ ดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์แล้ว ผู้กระทำการนั้นต้องพ้นจากสมาชิกภาพและถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมกำหนดบทลงโทษให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อนุมัติ จัดสรรงบประมาณ หรือดำเนินการไปตามโครงการนั้นให้ต้องร่วมชดใช้เงินคืนด้วย
ภูมิธรรม อัดมีชัยไม่เชื่อมั่นชาวบ้าน
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ประเทศไทยปี 2559 มีเรื่องท้าทายที่คนไทยต้องช่วยกันหาข้อสรุปอยู่หลายเรื่อง เรื่องแรกที่จะเผชิญ กับการใช้วิจารณญาณของคนไทย คือ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย หรือฉบับเนติ บริกร สรรค์สร้าง ชื่อชั้นของเนติบริกรกลุ่มนี้ไม่ธรรมดา เก่งทั้งหลักการ เชี่ยวชาญทั้งเทคนิคทางกฎหมาย แต่จะร่างรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไร อยู่ที่ว่ามีความเชื่อและศรัทธาในหลักการเรื่องอะไร ก็จะสรรค์สร้างเรื่องราวไปตามทิศทางที่ตนเองเชื่อและยึดในขณะนั้น ที่สำคัญกลุ่มนี้ล้วนเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์การทำงาน สนับสนุนให้ฝ่าย ผู้มีอำนาจมาหลายยุคหลายสมัย
นายภูมิธรรม กล่าวว่า แต่ที่น่าจับตามองโดยเฉพาะประธานกรธ. เพราะยังไม่ทันคลอดร่างที่ปรุงแต่งขึ้นมาให้สาธารณชนได้ทราบว่าเป็นแบบใด ก็ออกมาคาดโทษ ดักคอเสียงแข็งว่าหากรัฐธรรมนูญที่กำลังปรุงแต่งไม่ผ่านประชามติ คนที่ออกมาคัดค้านหรือคิดต่างและชักจูงให้ประชาชนเห็นคล้อยตามต้องรับผิดชอบ เล่นเอาพิศวงกันไปทั่วเมือง เพียงคำขู่ก็สะท้อนให้เห็นความคิดที่ไม่เชื่อมั่นในประชาชน ที่เขามาลงประชามติว่ามีศักยภาพที่จะเลือกสิ่งที่เขาคิดว่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขา ตรงข้ามกลับคิดว่าประชาชนไม่ฉลาดถูกชักจูงได้ง่าย ถือเป็นความคิดที่ดูถูกประชาชนอย่างยิ่ง หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ กลุ่มคนผู้ร่างและกลุ่มคนที่ทำหน้าที่ควบคุมหรือกำกับการร่าง ต่างหากที่ควรเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ประเทศเสียเงินทอง เสียเวลาและเสียโอกาสมากมาย
ปมซ่อนเงื่อนตอนพรรคการเมือง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ครั้งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งยวดโดยเฉพาะเนื้อหาที่สร้างปม ซ่อนเงื่อน มุ่งหวังให้สถาบันการเมืองต่างๆ รวมทั้งพรรคการเมืองไม่เข้มแข็งและถูกพันธนาการด้วยกติกาเกือบทุกขั้นตอน อย่างที่นายมีชัย หลุดปากออกมาว่าต้องใช้ยาแรง ขณะเดียวกันก็มุ่งสร้างเสริมอำนาจหรือเพิ่มพูนอำนาจให้กับองค์กรที่มาจากการคัดสรรและแต่งตั้งโดยพวกของตน ที่เรียกตัวเองว่าเป็นกลุ่มคนดีให้มีอำนาจ วิลิศพิศวงเป็นล้นพ้น ทั้งนี้ ระบบที่ดีต่างหากที่จะเป็นกลไกควบคุมให้คนอยู่ในกรอบและอยู่ในร่องรอย ทำหน้าที่ตรวจสอบคนทุกคน ทุกสาขาวิชาชีพ ไม่เว้นแม้แต่ตัวประธานเอง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า หวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังร่างจะไม่มีบทเฉพาะกาล หรือมาตราใดออกมาเพื่อนิรโทษให้แก่การกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการกระทำรัฐประหาร เพราะหากการกระทำใดที่ชอบและเป็นไปโดยสุจริต กฎหมายได้ให้อำนาจคุ้มครองอยู่แล้ว และต้องแสดงความยินดีที่ประธาน กรธ.ประกาศเสียงดังฟังชัดว่าในรัฐธรรมนูญจะไม่มีองค์กรแบบ คปป. แสดงว่าอาจให้ความสำคัญต่อเสียงคัดค้านของประชาชนกลุ่มต่างที่ไม่เห็นชอบที่จะให้มีองค์กรที่มีอำนาจเหนืออำนาจอธิปไตย หรือมีอำนาจเหนืออำนาจบริหารและอำนาจนิติบัญญัติที่ยึดโยงกับอำนาจประชาชนหรือที่ประชาชนเลือกมา
อย่าสร้างองค์กรมีอำนาจเหนือรัฐ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า หากจะให้เกิดความชัดเจนแก่ทุกฝ่ายมากขึ้นต้องไม่มีเนื้อหา เช่น คปป.แฝงอยู่ในองค์กรใดๆ ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญหรืองค์กรอิสระอื่น ไม่ควรมีการสร้างองค์กรเหนือรัฐในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรมีองค์กรใดมีอำนาจเหนืออำนาจประชาชน ไม่ต้องไปห่วงกังวลและยิ่งไม่ต้องไปดิ้นรนคิดค้นหาหนทางผ่าวิกฤต
เริ่มงาน - พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานป.ป.ช. พร้อมกรรมการป.ป.ช.ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งใหม่ รวม 5 คน สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในสำนักงานป.ป.ช. ก่อนเข้าทำงานวันแรก เผยพร้อมตรวจสอบทุกโครงการ รวมถึงอุทยานราชภักดิ์ด้วย เมื่อวันที่ 4 ม.ค. |
"ทางออกจากวิกฤตที่ดีที่สุดคือการคืนอำนาจกลับไปสู่ประชาชน เว้นแต่พวกปากประชาธิปไตยแต่หัวใจรับใช้และฝักใฝ่เผด็จการเท่านั้นที่มองไม่เคยเห็นหัวประชาชน มองเห็นแต่วิกฤตอยู่ร่ำไป และที่สำคัญหลายครั้งที่วิกฤตแก้ไม่ได้เพราะพวกตนล้วนเป็นต้นตอของการสร้างวิกฤตทั้งสิ้น"นายภูมิธรรมระบุ
วัฒนา ท้ามีชัยแลกไม่นิรโทษคสช.
นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊กกรณีนายมีชัยขู่ใช้ยาแรงกำราบนักการเมืองนั้น เห็นด้วยที่จะห้ามไม่ให้ผู้ที่ทุจริตในหน้าที่และการเลือกตั้งเข้าสู่การเมืองตลอดชีวิต และเชื่อว่านักการเมืองที่มาจากประชาชนอย่างพวกตนไม่มีใครเกรงกลัวยาแรงของนายมีชัย แต่ที่กังวลคือการทำหน้าที่ของ กรธ. อยากให้นายมีชัยกับพวกเข้าใจว่าหน้าที่ของ กรธ.คือการยกร่างฯที่มีความเป็นประชาธิปไตยบนหลักนิติธรรม เพื่อใช้เป็น กติกาทางการเมืองของประเทศที่ทุกคนให้การยอมรับ และควรตระหนักเสียทีว่าอำนาจอธิปไตยไม่ได้เป็นของใครคนใด คนหนึ่ง
นายวัฒนา กล่าวว่า นอกจากนี้หากมีการนิรโทษกรรมให้กับ คสช.ตนไม่เห็นด้วย เพราะเมื่อคราวยึดอำนาจก็ได้มีการนิรโทษกรรมไปแล้วตามมาตรา 48 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ดังนั้นการนิรโทษกรรมที่จะมีขึ้นอีกครั้งคือการนิรโทษกรรมให้กับ คสช.และรัฐบาลในการบริหารประเทศภายหลังการยึดอำนาจอันเป็นการหนีการตรวจสอบ ซึ่งนอกจากจะเป็นการทำลายความชอบธรรมของรัฐบาลที่อ้างความเป็นคนดีที่มีคุณธรรมอันสูงส่งแต่กลับกลัวการตรวจสอบแล้ว ยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอีกด้วย
ร่างให้เป็นปชต.-ผ่านประชามติแน่
นายวัฒนา ระบุว่า ดังนั้นรัฐธรรมนูญฉบับที่นายมีชัยกับพวกยกร่างขึ้นจะผ่านการทำประชามติหรือไม่ ล้วนขึ้นอยู่กับเนื้อหาสาระที่จะเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง หากเป็นร่างรัฐธรรมนูญที่มีความเป็นประชาธิปไตยบนหลักนิติธรรมและเคารพในอำนาจของประชาชน เชื่อว่าประชาชนจะต้องลงมติรับร่างรัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน นายมีชัยกับพวกจึงควรเอาเวลาที่เหลืออยู่ไปแก้ไขทำให้รัฐธรรมนูญมีความเป็นประชาธิปไตย ให้ความเคารพประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจดีกว่าจะมาเสียเวลาหาข้อแก้ตัว
นายวัฒนากล่าวด้วยว่าจงรับรู้ไว้ว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านการทำประชามติคนที่ต้องรับผิดชอบคือนายมีชัยกับคณะ รวมถึงคนที่ตั้งนายมีชัย เข้ามา คำว่าความรับผิดชอบยังสะกดกันไม่เป็นอีกหรือ
5 ปปช.ใหม่ไหว้ศาลทำงานวันแรก
เมื่อเวลา 08.30 น. ที่สำนักงานป.ป.ช. สนามบินน้ำ พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานกรรมการ ป.ป.ช. นำคณะกรรมการป.ป.ช.ชุดใหม่ ได้แก่ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ น.ส.สุวณา สุวรรณจูฑะ นายสุรสักดิ์ คีรีวิเชียร และ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณสำนักงาน ป.ป.ช. ก่อนเข้าทำงานเป็นวันแรก
พล.ต.อ.วัชรพล ให้สัมภาษณ์ถึงแนวทางการทำงาน ว่า หลังจากนี้กรรมการป.ป.ช.ชุดใหม่ จะร่วมประชุมกับกรรมการป.ป.ช.ชุดเก่า เพื่อรับทราบถึงการดำเนินงานที่ผ่านมาและ ยังค้างอยู่ จากนั้นจึงจะร่วมประชุมกับส่วนราชการเพื่อกำหนดทิศทางการทำงานให้ชัดเจน ตนจะยึดหลักการทำงานแบบมืออาชีพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามคำขวัญของสำนักงานป.ป.ช. ส่วนกรรมการทุกคนที่เข้ามาใหม่ก็มีความรู้ ประสบการณ์ในการทำคดีและการแสวงหาข้อเท็จจริง เบื้องต้นทั้งยังมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานนี้ นอกจากนี้ตนยังเชื่อมั่นว่าในยุคที่โซเชี่ยลมีเดียมีความเข้มแข็งก็จะช่วยตรวจสอบการทำงานของ ป.ป.ช.ให้มีความโปร่งใส สุจริตอย่างแท้จริงได้
บิ๊กกุ้ย พร้อมสอบ'อุทยานราชภักดิ์'
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ส่วนข้อห่วงกังวลว่า ป.ป.ช.มีคดีค้างอยู่เยอะนั้นคงจะมีการพูดคุยกับส่วนราชการและคณะกรรมการชุดเดิม เพื่อเร่งรัดให้มีความชัดเจนขึ้น หากคดีใดมีมูลความผิดก็ดำเนินการ คดีใดไม่มีมูลความผิดก็ตีตกไป เชื่อว่าเมื่อกรรมการป.ป.ช.ชุดนี้ทำงานไปสักระยะหนึ่งแล้วก็น่าจะทำให้เกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าทุจริตกันอีก ขณะเดียวกัน ป.ป.ช.ก็พร้อมจะทำงานร่วมกับหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ผู้ตรวจการแผ่นดิน ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพ ลดจำนวนคดีฟ้องลง ซึ่งจะทำให้กรรมการป.ป.ช.มีเวลาไปพิจารณาคดีที่สำคัญมากขึ้น
เมื่อถามว่ากระทรวงกลาโหมได้เผยแพร่ผลตรวจสอบการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่าไม่พบการทุจริต ในส่วนของ ป.ป.ช.จะเข้าร่วมตรวจสอบด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า คดีดังกล่าวส่วนราชการและหน่วยงานอื่นได้ดำเนินการตรวจสอบไปแล้ว สำหรับป.ป.ช.เองก็มีอำนาจหน้าที่ พร้อมจะดำเนินการแต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย
เมื่อถามถึงกระแสวิจารณ์มติป.ป.ช.ชุดที่ผ่านมา ต่อกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มนปช. เมื่อปี 2553 กับการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรฯ เมื่อปี 2551 ที่สถานการณ์คล้ายกัน แต่กลับมีมติแตกต่างกัน พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ในการดำเนินคดีอาญา ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน ของแต่ละคดี ซึ่งคดีที่เหมือนกันอาจจะมีพยานหลักฐานและรายละเอียดบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน จึงต้องดูไปตามพยานหลักฐานแต่ละคดี
พร้อมให้อดีตปปช.ร่วมเป็นอนุกก.
เวลา 13.30น. พล.ต.อ.วัชรพล เผยภายหลังร่วมประชุมกับคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดเก่า และอดีตกรรมการที่พ้นวาระไปแล้ว ว่า นายวิชา มหาคุณ อดีตกรรมการ ป.ป.ช. ได้ฝากแนวทางการทำงานของกรรมการเกี่ยวกับการประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้ต่างๆ ให้กับประชาชน ซึ่งเป็นทิศทางที่เรามุ่งเน้นอยู่แล้ว ส่วนเรื่องการแบ่งงาน ขณะนี้ยังไม่การพูดถึง
พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวต่อว่าสำหรับคดีที่ค้างอยู่ในป.ป.ช.ก็ต้องมีการรวบรวมพยานหลักฐาน ทั้งนี้ ตามกฎหมายคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดเก่ายังสามารถเข้ามาพิจารณาคดีได้ และเข้าเป็นอนุกรรมการหรือผู้เชี่ยวชาญได้ ขณะที่การวางตัวของตำแหน่งประธานป.ป.ช. ที่ผ่านมา นายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ อดีตประธาน ป.ป.ช. ไม่เข้ามาเป็นอนุกรรมการ ก็ถือว่าเป็นแนวทางที่เหมาะสม
แนะปปช.จังหวัดตรวจสอบ5ล้าน
นายประสาท พงษ์ศิวาภัย อดีตกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวถึงการประชุมเพื่อส่งมอบงานและชี้แจงถึงปัญหาและอุปสรรคในการทำงานที่ผ่านมาระหว่างป.ป.ช.ชุดเก่าและใหม่ ว่า กรรมการ ป.ป.ช.ชุดเก่าได้ฝากในเรื่อง ป.ป.ช.จังหวัด ซึ่งตนเห็นว่าเมื่อตั้งเขามาแล้วเราก็ควรใช้งานเขาและเขาก็เป็นคนที่มีความสามารถเป็นอดีตข้าราชการ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัด สตง. แต่ที่ผ่านมา ป.ป.ช.จังหวัดไม่ค่อยมีผลงาน เพราะเขาไม่ได้มีการลงไปคลุกคลีกับชาวบ้าน และการทำงานที่ผ่านมา ป.ป.ช.จังหวัดรอการสั่งงานจากสำนักงาน ป.ป.ช.ตนจึงอยากให้ ป.ป.ช.จังหวัดลงไปตรวจสอบในพื้นที่ด้วยตัวเอง
นายประสาท กล่าวว่าขณะนี้หนูมันเยอะ หนูที่ว่าก็คือทุจริต ถ้าแมวยังมัวแต่นอนก็จับหนูไม่ได้ และที่ตนเห็นว่ายังไม่ควรยุบ ป.ป.ช.จังหวัดเพราะมีโครงการมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล(ตำบลละ 5 ล้านบาท) ที่ ป.ป.ช.จังหวัดต้องเข้าไปตรวจสอบ รวมๆ ก็เป็นเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งเรื่องนี้ยังใหม่สำหรับป.ป.ช.จังหวัด
แจงข้อครหา 2 มาตรฐานพท.-ปชป.
นายประสาทกล่าวว่า กรรมการชุดเก่ายังได้ชี้แจงข้อครหาถึงการทำงานของ ป.ป.ช. ช่วงที่ผ่านมาว่าสองมาตรฐาน เนื่องจาก ป.ป.ช. ต้องพิจารณาคดี โดยดูจาก 3 ประเด็น ได้แก่ หนึ่งเรื่องของคน ซึ่งกรรมการป.ป.ช.ชุดเก่าได้ชี้แจงเหตุผลว่าเพราะเหตุใดจึงชี้มูลความผิดคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย แต่ไม่ชี้มูลความผิดคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ สองเรื่องฐานความผิด เพราะเหตุใดคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยจึงถูกชี้มูลความผิดทุกฐานความผิด คือ ฐานความผิดถอดถอนออกจากตำแหน่งทางการเมือง เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อไปในทางปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบและฐานความผิดทางอาญา แต่ในทางกลับกันคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์กลับถูกชี้มูลความผิดเพียงฐานความผิดถอดถอนทางการเมืองเท่านั้น โดยได้ยกตัวอย่างว่าจากการสลายการชุมนุมเสื้อแดง ปี 2553 ผู้มีอำนาจในขณะนั้นได้ปฏิบัติมาตรการตามหลักสากลเบาไปหาหนักและมีกฎหมายรองรับจึงได้ยกคดีทิ้ง
ส่วนสามเรื่องของเวลา เพราะเหตุใดคดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทยจึงใช้เวลาในการพิจารณาคดีอย่างรวดเร็วแต่คดีที่เกี่ยวข้องกับพรรคประชาธิปัตย์ถึงล่าช้า ซึ่งเปรียบเทียบอย่างคดีจำนำข้าวรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นคดีที่มีมูลค่าความเสียหายสูงและเหมือนคนป่วยที่ถูกยิงอาการสาหัสจึงต้องเข้ารับการรักษาก่อน
บิ๊กติ๊กก็การันตีอุดมเดชไม่โกง
เวลา 07.30 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกลาโหม เป็นประธานพิธีทำบุญตักบาตรอาหารแห้งพระสงฆ์และสามเณร จำนวน 89 รูป เนื่องในโอกาสเทศกาลปีใหม่ 59 และถวายเป็นพระราชกุศล มีนางผ่องพรรณ จันทร์โอชา ภริยาพล.อ.ปรีชา ในฐานะนายกสมาคมภริยาข้าราชการสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม
พล.อ.ปรีชา ให้สัมภาษณ์กรณีต้องนำผลการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ส่งให้กับสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า คงไม่เกี่ยวกัน เพราะผลสอบดังกล่าวต้องส่งให้กองทัพบก ในส่วนของ สตง.จะเข้ามาตรวจสอบอยู่แล้วคงไม่จำเป็นต้องส่ง ยืนยันว่าการตรวจสอบ ดังกล่าวไม่ใช่เป็นการหาผู้กระทำความผิด คณะกรรมการได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกเรื่องแล้ว ส่วนการดำเนินการดังกล่าวเพื่อให้ความเป็นธรรมกับพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม ในฐานะประธานมูลนิธิราชภักดิ์ หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
"เท่าที่ผมได้สัมผัสช่วงที่ดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ.ของพล.อ.อุดมเดชนั้น เป็นคนที่มีความตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง ส่วนที่มีการกล่าวหาว่าจะมีการทุจริตนั้นคิดว่าไม่น่าจะมี เพราะท่านเป็นคนมีความตั้งใจในการทำงาน ส่วนคนอื่นจะทุจริตหรือไม่นั้นผมไม่ทราบ ยืนยันว่าในส่วนของพล.อ.อุดมเดชไม่น่าจะมี" พล.อ.ปรีชากล่าวและว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากที่คณะกรรมการแถลงข่าวแล้วถือว่าทุกภาคส่วนก็ได้รับทราบ ไม่จำเป็นต้องทำหนังสือปกขาวเพื่อชี้แจงอีก คงจะเหลือเพียงแค่ประเด็นเดียวคือการหาคนผิด แต่ประเด็นดังกล่าวคิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคงเข้ามาดำเนินการ ซึ่งอาจต้องใช้เวลา เพราะโครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นโครงการเร่งด่วน ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 8 เดือน
บิ๊กช้าง ส่งผลสอบให้บิ๊กป้อมแล้ว
ด้านพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกลาโหม ในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ กล่าวกรณียังมีการตั้งข้อสังเกตเรื่องการใช้งบกลางในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่นำไปรวมกับงบบริจาคว่า เป็นเพียงการชี้แจงให้เห็นงบประมาณที่ใช้ในการดำเนินการ แต่ไม่ได้นำมารวมกัน งบฯทั้งสองส่วนนี้แยกกันชัดเจนอยู่แล้วเพียงแต่คณะกรรมการต้องการชี้ให้เห็นว่าเป็นงบที่ใช้ในโครงการดังกล่าว ซึ่งงบกลางตามที่ได้ชี้แจงไปได้นำไปก่อสร้าง 5 รายการ เกี่ยวกับการก่อสร้างรอบฐานอนุสาวรีย์และรั้ว ส่วนงบของโรงเรียนนายสิบก็เป็นส่วนของโรงเรียนนายสิบ กรณีที่ฝ่ายการเมืองตั้งข้อสังเกตว่าการนำงบกลางมาใช้มีความไม่เหมาะสมนั้น งบกลางใช้ในเรื่องของสนับสนุน แต่งบที่ใช้จริงคืองบที่ได้มาจากการบริจาค พื้นที่ดังกล่าวถือเป็นพื้นที่ของโรงเรียนนายสิบ เพราะฉะนั้นโรงเรียนนายสิบที่ ทบ.ใช้ก็จะได้รับผลประโยชน์ไปด้วย
กรรมการตรวจสอบฯ กล่าวว่า ผลสอบ ดังกล่าวได้นำเรียนพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและรมว.กลาโหมไปแล้ว ในส่วนของหน่วยงานที่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเข้ามาตรวจสอบเพิ่มเติมก็สามารถเข้ามาดำเนินการได้ พร้อมทั้งยืนยันว่าในส่วนของงบกลางก็สามารถใช้ได้ สำหรับความพึงพอใจต่อผลตอบรับภายหลังการแถลงข่าวนั้นต้องดูความคิดเห็นจากหน่วยงานอื่นด้วย เช่น สตง.
วิลาศโต้กลับรองผู้ว่าฯกทม.
ที่รัฐสภา นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวตอบโต้นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร ที่ยืนยันว่าโครงการตกแต่งประดับลานคนเมืองมีความโปร่งใสว่า อยากให้เอาเอกสารที่มีเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) ของการประมูลมาเปิดเผยเพื่อยืนยันความโปร่งใส เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นถือว่าทุจริตอย่างแน่นอน โดยอาจรู้เห็นกับบริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ เทรเวล จำกัด ที่เป็นผู้ได้รับการประมูล เพราะมีการเปิดซองประมูลวันที่ 17 ธ.ค. โดยงานจะต้องมีขึ้นในวันที่ 30 ธ.ค. 58 ห่างกันไม่กี่วัน หากไม่มีการรู้เห็นกันล่วงหน้าบริษัทที่ประมูลได้จะไปหาหลอดไฟ 5 ล้านดวงจากไหน เพื่อให้ทันเวลา หากไม่เตรียมไว้ก่อนแล้ว อย่างนี้ถือเป็นการล็อกสเป๊กกันหรือไม่ และคุ้มค่ากับเงิน 39.5 ล้านบาทหรือไม่ ถึงแม้ตนจะไม่มีรายละเอียดมากมายแต่ถือว่าพฤติกรรมส่อทุจริตแล้ว และจะยื่นเรื่องให้กับคณะกรรมการและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในวันที่ 6 ม.ค. เวลา 11.30 น. แล้ว ทางป.ป.ช.ก็สามารถขอเอกสารและข้อมูลต่างๆ จากผู้ถูกร้องมาสอบได้ ซึ่งเวลา 09.30 น. ตนจะไปยื่นสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ก่อน
ยอมรับเอาผิดถึง'สุขุมพันธุ์'ไม่ได้
นายวิลาศกล่าวว่า ในส่วนของการต่อสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอสที่ นายอมรแย้งว่า เรื่องนี้มีคนยื่น ป.ป.ช.ไปแล้วนั้น ขอบอกว่าการที่ตนไปยื่นซ้ำ เพราะต้องการให้จำเลยติดคุก เนื่องจากคนเก่าที่ไปยื่นอาจไม่มีข้อมูลเพียงพอ แต่ตนมีหลักฐานการขยายสัญญาครั้งนี้เนื่องจากสัญญาเหลืออีก 17 ปี แต่กลับต่อสัญญาเพิ่มอีก 30 ปี โดยไม่มีการเสนอราคา และ รมว.มหาดไทยไม่ได้รับรอง ส่วนกรณีกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) ยืนยันว่าเอกสารที่ตนขอไปทางกทม. ระบุว่าขอข้อมูลการติดตั้งกล้องวงจรปิดตั้งแต่ปี"56 เป็นต้นไป ซึ่งทาง กทม.ก็ส่งข้อมูลมาให้ตั้งแต่ปี 56-58 ดังนั้น นายอมรจะอ้างว่าตนขอเพียงปี 2556 เท่านั้นไม่ได้ เพราะการที่ กทม.ส่งข้อมูลมาให้ตนถึง 3 ปี แสดงว่าเขาเข้าใจสิ่งที่ตนขอไป โดยในเอกสารระบุว่า ปี 2556 ติดตั้งกล้องวงจรปิดจำนวน 111 ตัว ปี"57 จำนวน 11,435 ตัว และปี"58 จำนวน 540 ตัว ซึ่งก็ไม่ครบ 47,000 กว่าตัว
"ทั้ง 3 เรื่องนี้ นายอมรต้องรับผิดชอบ เพราะมีความเกี่ยวข้องทั้งหมด โดยกรณีซีซีทีวี เป็นความรับผิดชอบของสำนักงานจราจรและขนส่งกทม. ส่วนการติดตั้งไฟลาน คนเมืองอยู่ในความรับผิดชอบของสำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ซึ่งทั้งสองหน่วยงานนี้นายอมร เป็นผู้รับผิดชอบในฐานะรองผู้ว่าฯกทม. ส่วนการขยายสัญญาให้กับรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้น ขณะทำสัญญาก่อนที่นายอมร จะมาเป็นรองผู้ว่าฯกทม. ได้ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการบริษัทกรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นบริษัทที่ กทม.ตั้งขึ้นให้มาดูแลรถไฟฟ้าบีที เอสมาก่อน ดังนั้น นายอมรจะปัดความรับผิดชอบไม่ได้ ทั้งนี้เรื่องคงไม่สามารถเอาผิดไปถึง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม.ได้ เพราะได้มอบหมายให้รองผู้ว่าฯ รับผิดชอบแล้ว" นายวิลาศกล่าว
อมร แจงติดตั้งกล้องซีซีทีวีของกทม.
เวลา 14.40 น. ที่ศาลาว่าการกทม. นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวกรณีนายวิลาศเตรียมยื่นเรื่องการทุจริตของกทม. ต่อป.ป.ช. และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ตรวจสอบการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสของกทม. 3 ประเด็น คือ 1.การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) 2.การขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสออกไป 30 ปี และ 3. โครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง มูลค่า 39 ล้านบาทว่า การติดตั้งกล้อง ซีซีทีวี กว่า 47,000 ตัว ที่อ้างมีการติดตั้งจริง 11,000 ตัวนั้น คิดว่าเป็นความเข้าใจผิดของนายวิลาศ เนื่องจากวันที่ 22 ต.ค.2558 นายวิลาศขอเอกสารการจัดซื้อจัดทำกล้องซีซีทีวี ซึ่งสัญญาการจัดซื้อจัดจ้างต้องมีสัญญาตั้งแต่ปีงบประมาณ 2550 เป็นต้น
นายอมร กล่าวว่า ได้ดำเนินการตามที่นายวิลาศ ขอดึงสัญญาตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไปนำมาส่งเอกสาร และตนก็เป็นผู้อนุญาตให้นำมาส่งเอกสารดังกล่าวให้นายวิลาศ ตรวจสอบ ซึ่งสัญญาตั้งแต่ปี 2556-2558 นั้นมีสัญญาทั้งหมด 6 สัญญา เป็นจำนวนกล้องกว่า 11,000 ตัว เป็นสัญญาทั้งหมดที่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นไป ส่วนข้อเท็จจริงที่ผู้ว่าฯกทม. ดำเนินการติดตั้งกล้องซีซีทีวี ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นมา ขณะนี้ได้มีกล้องซีซีทีวีทั้งหมด 59,154 ตัว เป็นกล้องที่ดำเนินการติดตั้งใช้ได้แล้ว 47,719 ตัว ขอยืนยันว่าประชาชนอุ่นใจได้เรามีกล้องที่พร้อมจะดูแลรักษาทั้งหมด 47,719 ตัว ที่ดำเนินการไปแล้ว แต่ยังเหลืออีกกว่า 10.000 ตัว คาดว่าจะติดตั้งให้แล้วเสร็จในปี 2559 โดยเมื่อแล้วเสร็จกทม. จะมีกล้องกว่า 60,000 ตัว ไม่ใช่แค่ 10,000 ตัว
ยืนยันประมูลโดยถูกต้อง-โปร่งใส
ส่วนที่นายวิลาศ อ้างว่า กทม.ส่งเอกสารสัญญาจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างมาให้ ถือเป็นพฤติกรรมที่ทุจริตนั้น นายอมรกล่าวว่า การจัดซื้อจัดจ้าง กล้องซีซีทีวีของกทม.ทุกครั้ง ใช้วิธีการตามสำนักงบประมาณ และใช้รายละเอียดทั้งหมดตามข้อบังคับของสำนักนายกรัฐมนตรี โดยประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auction) ไม่มีการจัดซื้อจัดจ้างรายใดที่ใช้วิธีกรณีพิเศษ ขอให้นายวิลาศให้เกียรติข้าราชการในการดำเนินการ และทุกเรื่องที่ข้าราชการดำเนินการเป็นไปตามระเบียบ และตนยืนยันว่าได้ตรวจสอบแล้วและการดำเนินการถูกต้องตามกฎหมายทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า กล้องซีซีทีวี 47,719 ตัว เชื่อมสัญญาณไฟเรียบร้อยแล้วหรือไม่ นายอมร กล่าวว่า เป็นกล้องที่ใช้งานได้จริง กล้องใน กทม. แบ่งเป็น 2 ประเภท คือ 1. เป็นกล้องที่เชื่อมสัญญาณกับออพติกไฟเบอร์ เพื่อส่งภาพทั้งหมดไปที่กทม. และส่งภาพไปที่หน่วยงานของรัฐ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานเขต 12 เขต เป็นต้น และ 2. บางส่วนยังเป็นกล้องอิสระ ซึ่งหมายความว่ากล้องจะติดตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ หรือซอยลึก หรือเขตพื้นที่ที่ไม่สามารถโยงสายออพติกไฟเบอร์ไปได้ แต่จะใช้วิธีการเก็บภาพจากตัวกล้อง ซึ่งระยะเวลาในการเก็บภาพประมาณ 30 วัน ถ้าในช่วงนี้ไม่เกิดเหตุใดๆ ภาพจะถูกลบ และบันทึกใหม่แทน ลักษณะเช่นนี้เป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกใช้กัน
แจงขยายสัญญาบีทีเอสอยู่ที่ปปช.
นายอมร กล่าวกรณีนายวิลาศ อ้างว่าการต่อสัญญารถไฟฟ้าบีทีเอสไปอีก 30 ปี ทั้งที่สัญญาเดิมเหลือ 17 ปี หมดอายุ ธ.ค. 2572 และไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.ร่วมทุน เข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายเนื่องจากต้องได้รับความเห็นชอบจากรมว.มหาดไทยว่า ในฐานะผู้ดูแลสำนักการจราจรและการขนส่ง เรื่องนี้แต่แรกเริ่มเป็นประเด็นการเมือง การดำเนินการ ของกทม.เพื่อความสุขของประชาชนและเป็นการแก้ไขปัญหาการจราจรและวิกฤตในการเดินทางของประชาชน กทม. ให้ทางเลือกโดยการขยายส่วนต่อขยายบีทีเอส ตั้งแต่ช่วงสะพานสาทรไปจนถึงบางหว้า ส่วนทางทิศตะวันออกตั้งแต่พระโขนงไปจนถึงแบริ่ง ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายที่กทม.ลงทุนเองทั้งหมด เมื่อกทม.ดำเนินการสำเร็จการเมืองต่างพรรคนำเรื่องให้บริการส่วนต่อขยายนำสู่กระบวนการป.ป.ช. ดีเอสไอซึ่งออกมาประกาศว่ามีการโกง แต่เมื่อท้ายสุดเรื่องดำเนินการถึงสำนักงานอัยการสูงสุด ซึ่งแจ้งทางดีเอสไอว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่หน้าที่ของดีเอสไอ และให้ส่งเรื่องต่อไปยังป.ป.ช. เรื่องยังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณาของป.ป.ช.
ซัดกลับพูดไม่จริง-ไม่เข้าใจงาน
นายอมรกล่าวว่า วิธีการที่นายวิลาศพูดนั้น ไม่เป็นจริงแม้แต่ข้อเดียว ไม่ว่าจะเรื่องของการร่วมทุน ซึ่งแสดงว่านายวิลาศไม่เข้าใจว่าขบวนการขั้นตอนที่กทม. ลงทุนเองแล้วดำเนินการเดินรถเองนั้นสิ่งที่ได้ประโยชน์สูงสุดคือประชาชน การยกให้เอกชนรายใดรายหนึ่งเป็นสัมปทานระยะยาวและตั้งค่าโดยสารเอง จะเกิดเรื่องของผลกำไร ส่งผลกระทบต่อการเดินทางของประชาชนซึ่งกทม.คงยอมไม่ได้เช่นกัน ผู้ว่าฯกทม.จึงตัดสินใจให้กทม.ดำเนินการเดินรถเองโดยใช้วิธีการว่าจ้างบริษัทกรุงเทพธนาคม ซึ่งเป็นวิสาหกิจของกทม. และไม่ต้องเข้าพ.ร.บ.ร่วมทุน วิสาหกิจส่วนนี้จดทะเบียนและดำเนินการผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้วว่าเป็นหน่วยงานหนึ่งของกทม. ซึ่งจ้างให้เป็นผู้เดินรถ โดยรายได้จากการเดินรถและค่าใช้จ่ายการเดินรถทั้งหมดจะกระทบกันที่งบประมาณของ กทม. ทุกปี ซึ่งทุกปีก็จะมีการตรวจสอบจากสภากทม. ที่ได้พิจารณางบประมาณและอนุมัติในการเดินรถทุกปี ดังนั้นการพูดของนายวิลาศ พูดในเรื่องที่เป็นความเข้าใจผิดโดยสิ้นเชิง และเรื่องดังกล่าวคงให้คำตอบไม่ได้ เพราะจะกระทบกับการทำงาน ของป.ป.ช. ซึ่งนายวิลาศ ควรจะหยุดพูดเรื่องดังกล่าวเสีย
กทม.ยกทีมโต้'วิลาศ'ยัน"อุโมงค์ไฟ-ติดวงจร'โปร่งใส ไม่ฮั้ว ท้าดวลความจริงทุกเวที 'บิ๊กตู่'ลุคใหม่ให้สัมภาษณ์น้อยลง 'วิษณุ'หนุนมีชัยใช้ยาแรงร่าง รธน.ห้ามคนทุจริต-โกงเลือกตั้งเล่นการเมืองตลอดชีวิต
@'บิ๊กตู่'ลุคใหม่ให้สัมภาษณ์น้อยลง
เมื่อวันที่ 4 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการบูรณาการฐานข้อมูลกลางภาครัฐ ครั้งที่ 1/2559 ว่า ได้หารือเพื่อบูรณา
การข้ามแท่งได้ด้วย ให้ทุกกระทรวงมีข้อมูลร่วมกันอยู่ในฐานข้อมูลและเพื่อเป็นข้อมูลให้กับประชาชน เช่น การเกษตร การค้าขายต่างๆ รวมทั้งข้อมูลด้านความมั่นคง ซึ่งจะต้องเป็นบ่อเกิดอีก 4-5 กลุ่มงานที่ต้องให้ประชาชนได้เรียนรู้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์เสร็จถามผู้สื่อข่าวว่าอยากถามอะไรหรือไม่ แต่เมื่อพูดจบก็ได้กล่าวสวัสดีแล้วเดินออกจากวงให้สัมภาษณ์ทันที
เมื่อผู้สื่อข่าวพยายามถามว่าห่วงสถานการณ์ทางการเมืองที่มีการมองว่าจะมีความรุนแรงหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ได้หันมายิ้มแล้ว โบกมือปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ต่อ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติเมื่อวันที่ 1 มกราคม ว่าจะปฏิรูปตัวเองด้วยการพูดให้น้อยลง และหงุดหงิดน้อยลง การให้สัมภาษณ์ครั้งนี้ใช้เวลาเพียง 2.47 นาที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในเช้าวันที่ 5 มกราคม พล.อ.ประยุทธ์ และภริยาพร้อม ครม. จะร่วมพิธีเจริญพุทธมนต์พิธีตักบาตรพระสงฆ์ 59 รูป เนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2559 บริเวณสนามหญ้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล
@'วิษณุ'หนุนมีชัยใช้ยาแรง
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุว่าในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะกำหนดกลไกขจัดการทุจริตการเลือกตั้งของนักการเมือง โดยออกกฎเหล็กคุมเข้มจริยธรรมหากฝ่าฝืนมีโทษตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตว่า เห็นด้วย เพราะจำเป็นต้องทำ และใช้ยาแรงในบางเรื่องเช่นเรื่องการสกัดกั้นการทุจริตการเลือกตั้งไม่ให้เข้ามาสู่เวทีการเลือกตั้ง ส่วนคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) นายมีชัยยืนยันว่าไม่มีในรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว แต่ถ้าอยากมีก็ให้ออกไปในรูปแบบกฎหมายลูก หากไม่อยากมีก็ไม่ต้องออก
ผู้สื่อข่าวถามว่า หากบรรจุ คปป.ไว้ในกฎหมายลูกก็ไม่แตกต่างที่บรรจุในร่างรัฐธรรมนูญ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ลองดูในรายละเอียดต่อไปก็แล้วกัน ยังจับประเด็นอะไรไม่ได้นัก เมื่อถามว่ารัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยจะมีเพียงแค่ 260 มาตราเท่านั้น นายวิษณุกล่าวว่า เห็นว่าจะตัดให้เหลือน้อยกว่านั้นอีกหลายสิบมาตรา
@ ยันไม่เพิ่มพยานคดีจำนำข้าว
นายวิษณุกล่าวถึงกรณีการสืบพยานเพิ่มเติมในคดี น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯทุจริตโครงการรับจำนำข้าวว่า จะไม่ขยายเวลาสืบพยานเพิ่มแล้ว เพราะศาลต้องใช้เวลาในการปิดสำนวนเพื่อประชุมกันเองอีก 4 ครั้ง ก่อนสรุปสำนวนคดี หากมีอะไรเพิ่มเติมขอให้ส่งมาเป็นในรูปแบบลายลักษณ์อักษรมาได้จนถึงสิ้นเดือนมกราคม เนื่องจากไม่ได้แจ้งชื่อไว้ตั้งแต่ต้น เพราะหากเป็นตัวบุคคลเดี๋ยวจะเลื่อนให้ปากคำไปอีก
"เพราะขนาดการขอเพิ่มพยานครั้งล่าสุดอีกสิบกว่าคน ซึ่งศาลให้แจ้งมาว่าพยานคนใดว่างวันไหนบ้างเพื่อจะได้อำนวยความสะดวก แต่กรรมการก็มองเห็นว่าเป็นการยืดเวลา ดีไม่ดีอาจจะเลื่อนอีกก็ได้ เพราะในบางรายว่างตอนเดือนเมษายนเลย ผมไม่ทราบว่าบุคคลเหล่านี้เกี่ยวข้องกับโครงการรับจำนำข้าวด้วยหรือไม่อย่างไร แต่ผู้ขอเพิ่มพยานคงทราบจึงแจ้งกับศาลให้ขอเพิ่มพยานเหล่านี้เข้ามา" นายวิษณุกล่าว
เมื่อถามว่า การให้สอบพยานเพิ่มเติมนั้น ผู้ถูกกล่าวหามีเจตนาถ่วงเวลาการพิจารณาคดีหรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า "เราไม่ได้แบบนั้น รัฐบาลไม่เคยพูดแบบนั้น ไม่กล้าพูด"
@ 2 วันส่งบัญชีขรก.ทุจริตล็อต 3
นายวิษณุกล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาบัญชีข้าราชการทุจริตชุดที่ 3 ว่า คงคืบหน้าภายใน 1-2 วันก่อนจะส่งรายชื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช. ) เพราะติดอยู่ 1 กลุ่มเดียวที่เป็นกลุ่มซึ่งต้องไปตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติม ขอยกตัวอย่างว่า มีข้าราชการได้รับแต่งตั้งให้เป็นกรรมการ แต่ข้าราชการคนนี้มีปัญหาในการมาเป็นกรรมการชุดดังกล่าว ดังนั้น ข้าราชการคนนี้สามารถปฏิบัติหน้าที่ข้าราชการได้อยู่ เนื่องจากไม่ได้ทำผิดในหน้าที่ข้าราชการแต่ทำผิดตอนเป็นกรรมการ ซึ่งกำลังพิจารณาอยู่ว่าจะแบ่งกลุ่มอย่างไร
"ที่เห็นรายชื่อพบว่าไม่มีข้าราชการระดับปลัดกระทรวง แต่จะเป็นตำแหน่งข้าราชการขั้นสูงก็จะสูงในหน่วยงานของเขาเท่านั้น ส่วนใหญ่เป็นองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ที่น่าแปลกใจคือเมื่อองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นจังหวัดใดมีชื่อในบัญชี มักจะมีพัวพันหลายคนแสดงว่าต้องมีอะไรประหลาดเกิดขึ้น และในบัญชีชุด 3 จากที่เห็นมีบางรายที่เสียชีวิตก็ทำอะไรไม่ได้ ส่วนที่ลาออกไปก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในการตรวจสอบ หากส่งให้นายกฯจะใช้หลักเกณฑ์เดิมในการจัดการคือมาตรา 44" นายวิษณุกล่าว
@'มีชัย'พร้อมพิจารณาข้อท้วงติง
ที่รัฐสภา นายมีชัยให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม กรธ.วาระพิจารณาเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญ กรณีที่นักการเมืองทักท้วงถึงการเผยแพร่เนื้อหาและการรับฟังความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ระหว่างวันที่ 11-17 มกราคม ที่ กรธ.จะไปประชุมนอกสถานที่ที่ จ.เพชรบุรี จะเปิดให้ผู้สื่อข่าวเข้ารับฟังการพิจารณาและจะให้นำเนื้อหารายมาตราเผยแพร่ต่อสาธารณะเป็นเบื้องต้น
"วันที่ 29 มกราคม จะเผยแพร่เนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อรับฟังความเห็นอย่างเป็นทางการ ส่วนการปรับแก้ไขเนื้อหาตามที่อาจมีข้อท้วงติงนั้น หากมีเหตุผล กรธ.พร้อมจะรับฟังและพิจารณา" นายมีชัยกล่าว
@ ชงกกต.เปิดด้านมืดผู้สมัครส.ว.
ต่อมานายชาติชาย ณ เชียงใหม่ โฆษก กรธ. แถลงผลการประชุม กรธ.ว่า หลังจากที่อนุกรรมการศึกษาโครงสร้างฝ่ายนิติบัญญัติได้นำเสนอวิธีการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แบบเลือกข้ามกลุ่ม 20 กลุ่มอาชีพออกมา และมีการตั้งข้อสังเกตว่า หากช่วยเหลือกัน หรือฮั้วกัน กรธ.จะทำอย่างไร ทั้งนี้ กรธ.ยอมรับว่ามีความเป็นไปได้ เพราะอาจรู้จักกันและขอแรงเพื่อช่วยเลือกกัน แต่เบื้องต้น กรธ.ยังยืนในหลักการเดิม คือให้เลือกข้ามกลุ่มกันต่อไป โดยเฉพาะในระดับการเลือกรอบที่ 2 จากระดับอำเภอไปสู่จังหวัด ก่อนที่จะเข้ามาส่วนกลาง ในระดับจังหวัดอาจไม่รู้จักกัน จึงได้หารือกันว่าอาจจะให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จัดทำเอกสารเปิดเผยประวัติของผู้สมัครแต่ละคน โดยเฉพาะข้อมูลในทางร้าย จึงอาจต้องร่างกฎหมายภายหลังเพื่อคุ้มครอง กกต.ในจังหวัดต่างๆ
"เพราะ กกต.ได้เปิดเผยประวัติอาชญากรรมของผู้สมัคร จึงต้องได้รับความคุ้มครอง ที่ผ่านมา กกต.ไม่ค่อยกล้าบอกกับประชาชนว่าผู้สมัครแต่ละคนมีประวัติความเป็นมาอย่างไร ขณะที่การขอเอกสารประวัติอาชญากรรม เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ กรมบังคับคดีก็ช้า ทำให้ประชาชนไม่ได้รู้ข้อมูลผู้สมัครครบถ้วน จึงเป็นจุดอ่อนมาก" นายชาติชายกล่าว และว่า กกต.ได้นำแนวทางดังกล่าวของ กรธ.ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้ง ส.ว.ข้ามกลุ่ม หรือ การเปิดประวัติอาชญากรรม กลับไปพิจารณาถึงความเป็นไปได้ ก่อนจะนำกลับมาหารือกับ กรธ.อีกครั้งหนึ่ง
@ ห้ามส.ส.แปรงบเอื้อตัวเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีการเผยแพร่บันทึกการประชุมของ กรธ.ซึ่งพิจารณารายละเอียดของร่างรัฐธรรมนูญ ประเด็นมาตรการป้องกันไม่ให้ฝ่ายการเมืองกระทำการอันเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับ ส.ส. ว่า การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ควรมีหลักการให้ ส.ส.หรือ ส.ว. จำนวนไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 ของจำนวนสมาชิกเท่าที่มีอยู่ของสภา เสนอความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยว่าการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำใดเกี่ยวกับงบประมาณเป็นการเอื้อประโยชน์ โดยกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าการเสนอ การแปรญัตติ หรือการกระทำดังกล่าวเป็นการเอื้อประโยชน์แล้ว ผู้กระทำการต้องพ้นจากสมาชิกภาพและถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง พร้อมกับกำหนดบทลงโทษให้เจ้าหน้าที่ของรัฐที่อนุมัติ จัดสรรงบประมาณ หรือดำเนินการไปตามโครงการนั้นให้ต้องร่วมชดใช้เงินคืนด้วย
@ ภูมิธรรมส่งบันทึกถึง'มีชัย'
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย (พท.) เขียนบันทึกจากภูมิธรรมถึงนายมีชัย ว่า ประเทศไทยปี 2559 มีเรื่องท้าทายที่คนไทยต้องช่วยกันหาข้อสรุปอยู่หลายเรื่อง เรื่องหนึ่งที่สำคัญ คือการร่างรัฐธรรมนูญ ที่จะถูกนำมาเป็นกติกาใหม่ของประเทศ เริ่มตั้งแต่ต้นปี
"เรื่องแรกที่จะเผชิญกับการใช้วิจารณญาณของคนไทย คือ ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย หรือบางคนเรียก ฉบับเนติบริกร สรรค์สร้าง ชื่อชั้นของเนติบริกรกลุ่มนี้ไม่ธรรมดา เก่งทั้งหลักการ เชี่ยวชาญทั้งเทคนิคทางกฎหมาย แต่จะร่างรัฐธรรมนูญออกมาอย่างไร อยู่ที่ว่ามีความเชื่อและศรัทธาในหลักการเรื่องอะไร ซึ่งจะสรรค์สร้างเรื่องราวไปตามทิศทางที่ตนเองเชื่อและยึดในขณะนั้นที่สำคัญทุกท่านในกลุ่มนี้ ล้วนเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในการทำงาน สนับสนุนให้ฝ่ายผู้มีอำนาจมาหลายยุคหลายสมัย มากบ้างน้อยบ้าง ตามประสบการณ์และวัยวุฒิของแต่ละท่าน ถือว่าไม่ธรรมดา"
@ ให้กรธ.รับผิดหากรธน.คว่ำ
นายภูมิธรรม ระบุว่า ก่อนจะถึงช่วงเวลาในการลงประชามติ ของประชาชนในเรื่องรัฐธรรมนูญ ภายในช่วงเวลาปี 2559 (ตามโรดแมปของ คสช.) คงได้เห็นบรรยากาศการถกแถลง หรือ เกิดการลุ้นกันอีกหลายยก แต่อย่างที่กล่าวไว้แล้วว่า กลุ่มคนที่มีอำนาจหน้าที่ในการร่างรัฐธรรมนูญครั้งนี้เป็นที่น่าจับตามองโดยเฉพาะประธาน กรธ. ผู้มีหน้าที่ในการคุมทิศทางให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของผู้มีอำนาจ เพราะยังไม่ทันคลอดร่างที่ปรุงแต่งขึ้นมาให้สาธารณชนได้ทราบว่าเป็นแบบใดก็ออกมาคาดโทษ ดักคอเสียงแข็งว่า หากรัฐธรรมนูญที่กำลังปรุงแต่งไม่ผ่านประชามติ คนที่ออกมาคัดค้านหรือคิดต่าง และชักจูงให้ประชาชนเห็นคล้อยตามจะต้องรับผิดชอบ เล่นเอาพิศวงกันไปทั่วเมือง
เพียงคำขู่ก็สะท้อนให้เห็นความคิดที่ไม่เชื่อมั่นในประชาชนที่เขามาลงประชามติ ว่าประชาชนเขามีศักยภาพที่จะเลือกสิ่งที่เขาคิดว่าจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขา ตรงข้ามกลับคิดว่า ประชาชนไม่ฉลาด ถูกชักจูงได้ง่าย ซึ่งถือเป็นความคิดที่ดูถูกประชาชนอย่างยิ่ง ความจริงหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติกลุ่มคนผู้ร่างและกลุ่มคนที่ทำหน้าที่ควบคุมหรือกำกับการร่างต่างหากที่ควรเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะเป็นต้นเหตุที่ทำให้ประเทศเสียเงินทองและเสียโอกาสไปมากมาย"
@ หวังไม่มี'คปป.'สอดไส้ในรธน.
นายภูมิธรรมระบุว่า อีกเรื่องที่เสนอหวังว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำลังร่างจะไม่มีบทเฉพาะกาล หรือมาตราใดออกมาเพื่อนิรโทษกรรมให้แก่การกระทำใดๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการกระทำรัฐประหาร เพราะหากการกระทำใดที่ชอบและเป็นไปโดยสุจริต กฎหมายได้ให้อำนาจคุ้มครองอยู่แล้ว ที่ขอเช่นนี้เพียงหวังว่าทุกสิ่งที่เกิดขึ้น จากนี้ควรเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นโดยชอบและเป็นไปตามหลักนิติธรรม เพื่อให้ทุกเรื่องก้าวไปสู่ภาวะปกติโดยเร็วที่สุด
"สุดท้ายที่ต้องขอแสดงความยินดียิ่ง คือสิ่งที่ประธาน กรธ.ได้ประกาศเสียงดังฟังชัดว่า ในรัฐธรรมนูญที่กำลังร่างขึ้นจะไม่มีองค์กรแบบ คปป. แสดงว่าท่านอาจให้ความสำคัญต่อเสียงคัดค้านของประชาชนกลุ่มต่างที่ไม่ยินดีและไม่เห็นชอบที่จะให้มีองค์กรที่มีอำนาจเหนืออำนาจอธิปไตย ดังนั้นหากจะให้เกิดความชัดเจนแก่ทุกฝ่ายมากขึ้น ต้องยึดกุมที่เนื้อหา ไม่ใช่เพียงไม่มีองค์กรเช่น คปป. แต่ต้องไม่มีเนื้อหาเช่นองค์กร คปป. แฝงอยู่ในองค์กรใดๆ ไม่ว่าจะเป็นศาลรัฐธรรมนูญหรือองค์กรอิสระอื่นเพราะในระบอบประชาธิปไตย ไม่ควรมีองค์กรใดมีอำนาจเหนืออำนาจประชาชน" นายภูมิธรรมระบุ
@ ปึ้งติง'มีชัย'อย่าชี้นำผิดๆ
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศแกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า รัฐธรรมนูญใหม่ การเมืองใหม่ ปลอดการทุจริต ที่ กรธ.คิดจะใช้ประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนตื่นตัวในการออกมาทำประชามตินั้น คิดว่าใช้ไม่ได้ เพราะขณะนี้ไม่มีนักการเมืองอยู่ในรัฐบาล คสช. การทุจริต คอร์รัปชั่น ยังมีอยู่เหมือนเดิมในบ้านเมือง พล.อ.ประยุทธ์ยังปราบไม่หมดอยู่ดี ทั้งๆ ที่เป็นรัฐบาลและยึดอำนาจมาบริหารประเทศเกือบปีครึ่งแล้ว
"หรือว่านายมีชัยยังคงเข้าใจผิดอยู่คิดว่าเขียนรัฐธรรมนูญ ขึ้นมาใหม่ในครั้งนี้แล้วจะได้การเมืองแบบใหม่แล้วการทุจริตจะหมดสิ้นไปจากผืนแผ่นดินไทย ผมคิดว่าท่านต้องกลับไปคิดใหม่ดีกว่า เพราะทุกครั้งที่เกิดการปฏิวัติรัฐประหารที่ผ่านๆ มากระทั่งถึงยุค คสช. ก็ล้วนแต่กล่าวอ้างว่านักการเมืองทุจริต คอร์รัปชั่น แต่มักจะลืมไปว่าการฉ้อราษฎร์บังหลวง ยังคงดำรงอยู่มาโดยตลอดในแวดวงราชการ เพราะฉะนั้นการที่จะกล่าวหาว่านักการเมืองระดับชาติหรือ ส.ส. เป็นพวกคนโกงและพรรคการเมืองโกง ต้องดูข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทุกวันนี้ด้วย" นายสุรพงษ์กล่าว และว่า อยากให้นายมีชัยแก้คำพูดที่จะนำไปโฆษณาประชาสัมพันธ์เสียใหม่เพื่อให้คนตื่นตัวเรื่องการที่จะออกมาทำประชามติน่าจะดีกว่า เพราะถ้าเรื่องง่ายๆ เช่นนี้ยังไม่เข้าใจ แล้วจะยกร่างรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตยที่สากลยอมรับ และยึดหลักนิติรัฐ นิติธรรม เคารพในเสียงของประชาชนได้อย่างไร
@ 'บิ๊กติ๊ก'การันตี'บิ๊กโด่ง'ไม่โกง
พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกรณีที่จะต้องนำผลการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ส่งให้กับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ว่า คงไม่เกี่ยวกัน เพราะผลสอบต้องส่งให้กองทัพบก ในส่วนของ สตง.จะเข้ามาตรวจสอบอยู่แล้ว คงไม่จำเป็นต้องส่ง การตรวจสอบของกระทรวงกลาโหม ไม่ใช่เป็นการหาผู้กระทำความผิด ซึ่งทางคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงทุกเรื่องแล้ว ส่วนการดำเนินการก็เพื่อให้ความเป็นธรรมกับ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานมูลนิธิราชภักดิ์ หรือไม่นั้น ตนไม่ทราบ
"เท่าที่ได้สัมผัสช่วงที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกของ พล.อ.อุดมเดช เป็นคนที่มีความตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง ที่กล่าวหาว่าจะมีการทุจริตนั้นคิดว่าไม่น่าจะมี สำหรับในตัวของท่านเอง เพราะท่านเป็นคนมีความตั้งใจในการทำงาน ส่วนคนอื่นจะทุจริตหรือไม่นั้น ผมไม่ทราบ ยืนยันว่าในส่วนของ พล.อ.อุดมเดชไม่น่าจะมี" พล.อ.ปรีชากล่าว และว่า หลังจากที่คณะกรรมการแถลงข่าวแล้วถือว่าทุกภาคส่วนก็ได้รับทราบ ไม่จำเป็นต้องทำหนังสือปกขาวเพื่อชี้แจงอีก คงจะเหลือเพียงแค่ประเด็นเดียวคือการหาคนผิด แต่คิดว่าหน่ายงานที่เกี่ยวข้องคงเข้ามาดำเนินการ อาจต้องใช้เวลา เพราะโครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นโครงการเร่งด่วน ใช้เวลาก่อสร้างเพียง 8 เดือน
@'บิ๊กช้าง'แจงงบกลางใช้ถูกต้อง
พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ กล่าวถึงกรณีที่ยังมีการตั้งข้อสังเกตการใช้งบกลาง 63 ล้านบาท ในการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ที่นำไปรวมกับงบบริจาคว่า เป็นเพียงการชี้แจงให้เห็นงบฯที่ใช้ในการดำเนินการ แต่ไม่ได้นำมารวมกัน ซึ่งงบฯทั้งสองส่วนนี้แยกกันชัดเจนอยู่แล้ว เพียงแต่ทางคณะกรรมการต้องการชี้ให้เห็นว่าเป็นงบที่ใช้ในโครงการดังกล่าว
"ซึ่งงบกลางตามที่ได้ชี้แจงไปก็ได้นำไปก่อสร้าง 5 รายการเกี่ยวกับการก่อสร้างรอบฐานอนุสาวรีย์ และรั้ว ส่วนงบของโรงเรียนนายสิบเป็นส่วนของโรงเรียนนายสิบ" พล.อ.ชัยชาญกล่าว และว่า สำหรับกรณีที่ฝ่ายการเมืองตั้งข้อสังเกตว่าการนำงบกลางมาใช้มีความไม่เหมาะสมนั้น งบกลางใช้ในเรื่องของสนับสนุน แต่งบที่ใช้จริงคืองบที่ได้มาจากการบริจาค พื้นที่ดังกล่าวถือเป็นพื้นที่ของโรงเรียนนายสิบ เพราะฉะนั้นโรงเรียนนายสิบที่กองทัพบกใช้ก็จะได้รับผลประโยชน์ไปด้วย ขอยืนยันว่าในส่วนของงบกลางก็สามารถใช้ได้ สำหรับความพึงพอใจต่อผลตอบรับภายหลังการแถลงข่าวนั้นต้องดูความคิดเห็นจากหน่วยงานอื่นด้วย เช่น สตง.
@'บิ๊กป้อม'ยันกห.ไม่กั๊กผลสอบ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ถึงผลการตรวจสอบการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ของกระทรวงกลาโหม (กห.) ว่าต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) และสตง. เข้ามาดำเนินการตรวจสอบต่อ ซึ่งทางกระทรวงกลาโหมพร้อมให้ข้อมูลอย่างเต็มที่
"ไม่ใช่จะปฏิเสธว่ากระทรวงกลาโหมกั๊ก ไม่ใช่ ทำทุกอย่างชัดเจนอยู่แล้ว แต่เราไม่ชี้นำใครผิดใครถูก" พล.อ.ประวิตรกล่าว
@ 'บิ๊กกุ้ย'ลั่นปปช.ชุดใหม่มืออาชีพ
เมื่อเวลา 08.30 น. ที่สำนักงาน ป.ป.ช. จ.นนทบุรี พล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธาน ป.ป.ช. นำ ป.ป.ช.ชุดใหม่ ได้แก่ นายวิทยา อาคมพิทักษ์ น.ส.สุวณา สุวรรณจูฑะ นายสุรสักดิ์ คีรีวิเชียร และ พล.อ.บุณยวัจน์ เครือหงส์ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์บริเวณสำนักงาน ป.ป.ช. ก่อนเข้าทำงานเป็นวันแรก
พล.ต.อ.วัชรพล กล่าวถึงแนวทางการทำงานว่า จะยึดหลักการทำงานแบบมืออาชีพ โปร่งใส ตรวจสอบได้ ตามคำขวัญของสำนักงาน ป.ป.ช. ส่วนกรรมการทุกคนที่เข้ามาใหม่ก็มีความรู้ ประสบการณ์ในการทำคดีและการแสวงหาข้อเท็จจริงเบื้องต้น ทั้งยังมีความมุ่งมั่นที่จะทำงานนี้
"ผมยังเชื่อมั่นว่าในยุคที่โซเชียลมีเดียมีความเข้มแข็ง จะช่วยตรวจสอบการทำงานของ ป.ป.ช.ให้มีความโปร่งใส สุจริต อย่างแท้จริงได้" พล.ต.อ.วัชรพลกล่าว และว่า ส่วนข้อห่วงกังวลว่า ป.ป.ช.มีคดีค้างอยู่มาก มองว่าคงจะมีการพูดคุยกับส่วนราชการและคณะกรรมการชุดเดิม เพื่อเร่งรัดให้มีความชัดเจนขึ้น เมื่อกรรมการ ป.ป.ช.ชุดนี้ ทำงานไปสักระยะหนึ่งแล้วก็น่าจะทำให้เกิดความเกรงกลัว ไม่กล้าทุจริตกันอีก
@ ชี้คดีราชภักดิ์ต้องยึดกม.
ผู้สื่อข่าวถามว่า กระทรวงกลาโหมได้เผยแพร่ผลตรวจสอบการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่าไม่พบการทุจริต ในส่วนของ ป.ป.ช.จะร่วมตรวจสอบด้วยหรือไม่ พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า ส่วนราชการและหน่วยงานอื่นได้ดำเนินการตรวจสอบไปแล้ว สำหรับ ป.ป.ช.ก็มีอำนาจหน้าที่พร้อมจะดำเนินการ แต่ต้องเป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย เมื่อถามถึงกระแสวิจารณ์มติ ป.ป.ช.ชุดที่ผ่านมาต่อกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 กับการสลายการชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) เมื่อปี 2551 ที่สถานการณ์คล้ายกัน แต่กลับมีมติแตกต่างกัน พล.ต.อ.วัชรพลกล่าวว่า การดำเนินคดีอาญาทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับพยานหลักฐาน คดีที่เหมือนกันอาจจะมีพยานหลักฐานและรายละเอียดบางอย่างที่ไม่เหมือนกัน จึงต้องดูไปตามพยานหลักฐานแต่ละคดี
@ เหนือแจกปฏิทิน'แม้ว'ปกติ
นายวิทยา ทรงคำ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ เขต 4 พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี ผู้ว่าฯร้อยเอ็ดสั่งห้ามแจกปฏิทินปีใหม่ของพรรคเพื่อไทย ที่มีรูปนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่าในพื้นที่เชียงใหม่และภาคเหนือไม่มีปัญหา เพราะอดีต ส.ส.และทีมงานเป็นคนแจกเอง ไม่ได้แจกผ่านส่วนราชการหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่และเป็นสายใยสัมพันธ์ที่ดีระหว่างผู้รับและผู้ให้ ไม่มีเรื่องการเมืองเกี่ยวข้องหรือหาเสียง เพราะไม่ใช่เวลาหาเสียง
"ส.ส.แต่ละเขตได้รับปฏิทินเพียงเขตละ 1,000 ชุดเท่านั้น เนื่องจากมีจำกัด เฉพาะทีมงานแทบไม่พออยู่แล้ว มีแต่คนขอเพิ่ม ไม่มีใครนำมาคืนหรือไม่สบายใจอย่างใด เพราะหลายคนรักและผูกพัน ศรัทธาอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองคนอย่างมาก เชื่อว่าการแจกปฏิทินดังกล่าวเป็นการคืนความสุขให้ประชาชนอย่างหนึ่ง รัฐบาลควรส่งเสริมและสนับสนุนด้วยซ้ำไป" นายวิทยากล่าว
@ ทหาร-ตร.ยึดปฏิทิน'ปู-แม้ว'
เมื่อเวลา 10.30 น. ที่บริเวณภายในตลาดสดเทศบาลเมืองบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมอดีตรัฐมนตรีและ ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดยนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช นายธนิก มาสีพิทักษ์ นายจักริน พัฒน์ดำรงจิตร และ ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช ลงพื้นที่พบปะประชาชนและทำบุญเนื่องในเทศกาลปีใหม่ประจำปี 2559 ก่อนร่วมรับประทานกับนักการเมืองท้องถิ่น ที่ร้านกาแฟสะอิ้งโอชา และเดินพบปะพ่อค้า-แม่ค้า โดย น.ส.ยิ่งลักษณ์คุยกับชาวบ้านที่มาจ่ายตลาดอย่างเป็นกันเอง มีอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยร่วมแจกจ่ายปฏิทินรูปนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ให้ประชาชนที่มารอต้อนรับและรอถ่ายภาพกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ จำนวนมาก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างนั้นมี พ.ต.อ.พงศ์ฤทธิ์ คงศิริสมบัติ ผู้กำกับการ 3 กองบังคับการสืบสวนสอบสวน ตำรวจภูธรภาค 4 (ผกก.3บก.สส.ภ.4) พร้อมด้วย พ.ต.อ.สิทธิชัย ศรีโสภาเจริญรัตน์ ผกก.สภ.บ้านไผ่ และ พ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้าชุดปฏิบัติการกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยพื้นที่ขอนแก่น นำกำลังตำรวจ-ทหารและฝ่ายปกครอง กว่า 100 นาย ประจำตามจุดต่างๆ เพื่อสังเกตการณ์และตรวจสอบพฤติกรรมและการดำเนินกิจกรรมที่ไม่ขัดคำสั่งของ คสช. รวมทั้งได้ยึดปฏิทินสวัสดีปีใหม่ที่มีรูปภาพและลายเซ็นของนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่นำมาแจกจ่ายกว่า 10 ชุด
@ สั่งเบรกห้ามปูขึ้นรถแห่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เตรียมรถเพื่อนำ น.ส.ยิ่งลักษณ์ขึ้นรถแห่ไปโดยรอบเขตบ้านไผ่เพื่อสวัสดีปีใหม่กับชาวชุมชนและมอบของขวัญ แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง เข้ามาสั่งห้ามคณะของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ต้องยกเลิกขบวนแห่ ทางคณะ น.ส.ยิ่งลักษณ์จึงขึ้นรถตู้โฟล์กสีน้ำเงินทะเบียน นบ 1 กรุงเทพมหานคร ไปกราบขอพรพระเจ้าใหญ่ผือบัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของคนบ้านไผ่ ที่วัดบูรณสิทธิ์ ต.หัวหนอง อ.บ้านไผ่ มีชาวบ้านไผ่กว่า 200 คนร่วมต้อนรับ ผูกผ้าขาวม้า มอบดอกกุหลาบและร่วมถ่ายภาพ
จากนั้น พระครูปทุมสารพิมนต์ พร้อมด้วย พระอธิการบุญธรรม กัลยาณธรรมโม เจ้าอาวาสวัดบูรณสิทธิ์ นำประกอบพิธีทางศาสนา มีพระเถระใน อ.บ้านไผ่ ร่วมให้พรและสนทนาธรรมกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ก่อนมอบพระยอดธงกะไหล่เงิน และพระรูปเหมือนพระเจ้าใหญ่ผือบังให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เพื่อเป็นสิริมงคล
จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมคณะเดินทางไปรับประทานอาหารกลางวันกับชาวชุมชนที่ร้านบะหมี่กวงตัง ก่อนเดินสายทำบุญ ที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตขอนแก่น ที่บ้านโคกสี ต.โคกสี อ.เมืองขอนแก่น และเป็นประธานการประกอบพิธีตัดลูกนิมิตและสมโภชศาลาการเปรียญที่วัดโพธิ์ชัย ต.กระนวน อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น
@ อดีตส.ส.ซัดทำเกินกว่าเหตุ
นายธนิก กล่าวว่า อดีต ส.ส. สมาชิกพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่เพื่อพบปะประชาชนและร่วมทำบุญเพื่อเสริมสิริมงคลเนื่องในเทศกาลปีใหม่ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนไทยในการทำบุญรับขวัญปีใหม่ โดยไม่มีนัยยะหรือสิ่งอื่นสิ่งใดที่บ่งบอกเหตุว่าเกี่ยวข้องกับการเมือง
"ตลอดทั้งเส้นทางเดินทางทำบุญของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ร่วมกับครอบครัวและอดีต ส.ส.ในหลายจังหวัดที่ผ่านมาไม่ประสบปัญหาอะไร แต่เมื่อเข้าเขตขอนแก่นถูกกำลังทหารและตำรวจเฝ้าจับตาและจำกัดกรอบในการทำบุญทั้งหมดไม่เว้นแม้กระทั่งการส่งเจ้าหน้าที่ไปประจำในพระอุโบสถ ซึ่งไม่นับรวมการยึดป้ายข้อความและปฏิทินปีใหม่ที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์นำมามอบให้ประชาชนที่เดินทางไปพบตามสถานที่ต่างๆ ส่วนตัวมองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุควรแยกแยะก่อนและหลังว่าอะไรคือสิ่งที่ถูกต้องอะไรคือธรรมเนียมปฎิบัติ" นายธนิกกล่าว
@ ร้อง'บิ๊กตู่'ห้ามแจกปฏิทิน'แม้ว'
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.วิโรจน์ เปาอินทร์ รักษาการหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) ทำหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ เรื่อง ขอให้ตรวจสอบคำสั่งและการกระทำของผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดหนังสือระบุว่า ตามที่ได้ปรากฏภาพข่าวและรายงานข่าวของสื่อมวลชนและสื่อออนไลน์ว่านายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ออกคำสั่งจังหวัดร้อยเอ็ดไปยังนายอำเภอทุกอำเภอ เพื่อให้ดำเนินการตรวจสอบการแจกปฏิทินปี 2559 ที่มีภาพนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ซึ่งภาพปฏิทินดังกล่าวจัดทำขึ้นเนื่องในโอกาสวันขึ้นปีใหม่ 2559 โดยคำสั่งดังกล่าวได้อ้างเรื่องความสงบเรียบร้อยและเพื่อความปรองดองสมานฉันท์นั้น
"ในฐานะรักษาการหัวหน้าพรรค พท.เห็นว่าการกระทำของผู้ว่าฯร้อยเอ็ดเป็นการละเมิดสิทธิและเสรีภาพของประชาชน เนื่องจากการจัดทำปฏิทินเป็นเรื่องของการใช้สิทธิในการสื่อสารถึงกันระหว่างบุคคล ซึ่งนิยมจัดทำขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ ไม่เคยมียุคสมัยใดที่รัฐบาลหรือข้าราชการได้สั่งห้ามมิให้แจกจ่ายปฏิทินกับประชาชน เว้นแต่ปฏิทินเข้าข่ายลามกอนาจาร สำหรับปฏิทินที่มีรูปอดีตนายกรัฐมนตรีทั้งสองท่านนั้น เป็นภาพถ่ายปกติของทั้งสองท่านและเนื้อหาก็มีรูปแบบเหมือนปฏิทินที่แจกจ่ายกันทั่วไป" พล.ต.ท.วิโรจน์ระบุ
@ ทหารแจงแจกปฏิทินไม่เหมาะ
พล.ต.สถาภรณ์ ใบพลูทอง ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 27 (ผบ.มทบ.27) เปิดเผยว่า ได้เรียกพบนายฉลาด ขามช่วง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย จ.ร้อยเอ็ด ที่ให้นายประเทือง ศรีคะเนย์ ที่เคยเป็นโฆษกประจำตัวนำปฏิทินไปแจกในที่ประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด ให้มาพบเพื่อสอบถามข้อเท็จจริง ทำความเข้าใจกรณีการแจกปฏิทินภาพนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ที่ อ.เชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด เพื่อทำความเข้าใจ และขอร้องให้เห็นแก่ความสงบเรียบร้อยของบ้านเมือง
"แจ้งให้ทราบการกระทำดังกล่าวเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง และไม่ควรปฏิบัติ เพราะรูปบุคคลในปฏิทินมีสถานะของการเป็นนักโทษและผู้ต้องหาที่มีความผิดและหนีคดี จึงไม่เหมาะโดยเฉพาะอย่างยิ่งที่นำไปแจกในสถานที่ราชการ หรือที่ประชุมสถานที่ราชการ หากยังจำเป็นจะแจกขอให้ใช้คนของตัวเองไปแจกเอง โดยไม่ให้ส่วนราชการและบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วย ซึ่งเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง" พล.ต.สถาภรณ์กล่าว และว่า ทั้งนี้นายฉลาดยอมรับว่าเกิดจากความเข้าใจผิดของลูกน้องและจะไม่กระทำอีก
นายฉลาด กล่าวว่า เข้าพบ พล.ต.สถาภรณ์คุยทำความเข้าใจกันแล้ว ตนไม่มีเจตนาอื่นๆ ขณะเกิดเหตุอยู่ที่กรุงเทพฯ ส่วนปฏิทินมีอยู่ที่บ้านนานแล้ว ทำเป็นม้วนไว้ม้วนละ 2 แผ่นเพื่อแจกให้ประชาชน ช่วงใกล้ปีใหม่มีประมาณ 200 ม้วน จึงสั่งให้นายประเทืองนำไปแจกเพราะเกรงว่าหากพ้นปีใหม่ไปจะไม่มีประโยชน์
"เป็นความผิดพลาดของคนของผม ซึ่งพร้อมที่จะขอโทษทุกฝ่าย รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดด้วย หากติดใจพร้อมจะไปกราบขออภัย"นายฉลาดกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.สถาภรณ์เรียกนายฉลาดมาคุยไม่ถึง 1 ชั่วโมงจึงให้เดินทางกลับ
@ บิ๊กป๊อกติงอย่าโยงการเมือง
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์กรณีที่นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดสั่งห้ามแจกปฏิทินอวยพรปีใหม่ 2559 ภาพคู่ของนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า โดยส่วนตัวเห็นว่าสามารถแจกได้หากไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง ถือว่าไม่เป็นไร แต่ต้องพิจารณากันด้วยว่าเป็นเรื่องการเมืองหรือไม่ เพราะโดยปกติแล้วตนไม่เคยเห็นใครทำปฏิทิน โดยเอารูปภาพของตัวเองมาใส่ในปฏิทินในลักษณะนี้
@ กทม.ยกทีมงานโต้'วิลาศ'
เมื่อเวลา 14.30 น. นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) นางเบญทราย กียปัจจ์ ผู้ช่วยเลขานุการผู้ว่าฯ กทม. และนายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่าฯกทม. ร่วมแถลงชี้แจงกรณีที่นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ ระบุจะยื่นตรวจสอบการทุจริตในการบริหารงานของ กทม.ต่อ ป.ป.ช. และ สตง. ทั้งเรื่องการติดตั้งกล้องวงจรปิด (ซีซีทีวี) การขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส 30 ปี และการจัดงาน กรุงเทพฯ แสงสีแห่งความสุข: Bangkok Light of Happiness ซึ่งประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง
นายอมรแถลงว่า การติดตั้งซีซีทีวีที่นายวิลาศระบุว่า กทม.ติดตั้งไปเพียง 11,000 ตัวนั้น
ปชป.แฉกทม.อีก ไฟ 39 ล.บาน คสช.ปัดห้ามแจกปฏิทินปู-แม้ว พท.ยื่นป้อมสอบ-8ปมราชภักดิ์ จี้'กรธ.'รับผิดชอบถ้ารธน.แป้ก
ปชป.แฉปมในกทม.อีก บริษัททัวร์รับงานประดับไฟลานคนเมือง งบฯ 39 ล้าน ยื่นป.ป.ช.-สตง.สอบพร้อมกรณีซีซีทีวีต่อสัญญาบีทีเอส 'ไก่อู'ยันรัฐบาลคสช.ไม่เกี่ยวห้ามแจกปฏิทินปีใหม่"แม้ว-ปู" อ้างเป็นดุลยพินิจของฝ่ายปกครอง ด้านผู้ว่าฯร้อยเอ็ดแจงห้ามแจกเฉพาะในสถานที่ราชการ ผู้การจังหวัดชี้ไม่ผิดกฎหมาย เพื่อไทยเย้ยกลัวปฏิทิน รุมยำ'มีชัย-กรธ.'ต้องรับผิดชอบ หากร่างรธน.ทำประชามติไม่ผ่าน เพราะเนื้อหาขัดใจประชาชน ปชป.ชี้ข่าวปล่อยเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรค ทำ"สุรินทร์"เสียหาย ศอตช.เน้นสอบค่าหัวคิว'ราชภักดิ์''เรืองไกร'จี้ 'บิ๊กป้อม'สอบ 8 ประเด็น
วันที่ 04 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9168 ข่าวสดรายวัน
เซลฟี่ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีต นายกฯ พร้อม "น้องไปป์" บุตรชาย ถ่ายรูปเซลฟี่ระหว่างเข้าสักการะพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมเยี่ยมอุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ ที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 3 ม.ค.
'ไก่อู'อ้ำอึ้งข่าวปรับครม.
วันที่ 3 ม.ค. พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อปรับภาพลักษณ์และเรียกความเชื่อมั่นให้รัฐบาลช่วงการเข้าสู่โรดแม็ประยะที่ 2 โดยมีชื่อพล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และพล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศึกษาธิการ ว่า ตนไม่ทราบเรื่องนี้ แต่ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่มีการพูดคุยเกี่ยวกับการปรับครม.แต่อย่างใด
หนุนห้ามแจกปฏิทินแม้ว-ปู
พล.ต.สรรเสริญกล่าวกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดสั่งห้ามแจกปฏิทินอวยพรปีใหม่ 2559 ภาพคู่ของนายทักษิณ ชินวัตร กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ ว่า นโยบายดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับรัฐบาลหรือ คสช. แต่เป็นอำนาจของฝ่ายปกครองที่จะพิจารณาถึงความเหมาะสมในพื้นที่ ถือเป็นเรื่องของดุลพินิจของแต่ละคน เขาคงพิจารณาและมองหลายหลายปัจจัยว่าอยากให้เกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งก็เป็นเรื่องที่สามารถทำได้
เมื่อถามว่าฝ่ายพรรคการเมืองมองว่าอาจเป็นคำสั่งมาจากรัฐบาล หรือคสช. ซึ่งเท่ากับเป็นการลิดรอนสิทธิ พล.ต.สรรเสริญกล่าวปฏิเสธว่าไม่ใช่ อย่าไปคิดเช่นนั้นเราต้องให้เกียรติผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะผู้ว่าฯอยู่ในพื้นที่ รู้ว่าอะไรควรและอะไรที่ต้องขอความร่วมมือ เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย ทุกวันนี้ไม่มีใครอยากให้บ้านเมืองกลับไปอยู่จุดเดิม ขอถามกลับว่าการที่ผู้ว่าฯทำแบบนั้นทำให้บ้านเมืองไม่สงบเรียบร้อยหรือเปล่า ก็ไม่ใช่ ดังนั้นเราต้องให้เกียรติคนทำงานในด้านฝ่ายปกครอง ซึ่งต้องมีข้อมูลในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ดังนั้นทำอะไรต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน
เมื่อถามว่าการแจกปฏิทินอดีตนายกฯส่วนตัวมองว่าผิดตรงไหน พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า ตรงนี้ไม่ทราบรายละเอียดเพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ เรื่องนี้คงต้องถามทางฝ่ายปกครองว่ามีมุมมองจากปัจจัยอะไร แต่ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าผู้ว่าฯ ไม่อยากให้เกิดการแบ่งสี แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แล้วทำไมไม่แจกปฏิทินรูปอื่นบ้าง
ผู้ว่าฯแจงห้ามเฉพาะที่ราชการ
นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าฯร้อยเอ็ด กล่าวว่า หลังรับรายงานการแจกปฏิทินปีใหม่นายทักษิณ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้สั่งการให้นายอำเภอเชียงขวัญและผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงด่วน พร้อมสั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอทั้ง 20 แห่ง ตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างนี้และประเด็นอื่นๆ อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้มีปัญหาด้านการเมืองในพื้นที่ร้อยเอ็ดโดยเด็ดขาด ให้เพิ่มความระมัดระวังและวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของพรรคหนึ่ง พรรคใด และเพื่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ในพื้นที่
"ไม่ได้ห้ามแจก แจกได้แต่ไม่ควรไปแจกในสถานที่ราชการ เพราะอาจทำให้มองว่าไม่เป็นกลางและมีเหตุกระทบต่อความมั่นคง" ผู้ว่าฯร้อยเอ็ดกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบไปตามอำเภออื่นของจ.ร้อยเอ็ด ไม่พบมีการแจกปฏิทินดังกล่าวอีก
พล.ต.ต.ยงเกียรติ มนปราณีต ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด เผยว่า ได้รับรายงานแล้วในวัน เกิดเหตุ เรื่องการแจกปฏิทินไม่มีความผิด ไม่เข้าข้อกฎหมายอะไร เป็นเรื่องของฝ่ายปกครองที่จะดำเนินการโดยตรง ทราบว่าบางจังหวัดแจกไปแล้วก็ไม่มีอะไร เว้นแต่ปักป้ายปลุกปั่นโจมตีรัฐบาล ผิดแน่ สำหรับปฏิทินแจกแล้วจะไปไล่เก็บก็ไม่ได้เพราะเป็นของขวัญตามประเพณีปีใหม่ที่สืบทอดกันมา
ด้านนายฉลาด ขามช่วง อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด เขต 2 พรรคเพื่อไทย เผยสั้นๆ ว่า ได้รับมาแจกแค่ 200 ชุด แจกไปหมดแล้ว คงไม่มีมาแจกอีก
พท.ยันจังหวัดอื่นไม่มีปัญหา
นายสมคิด เชื้อคง อดีต ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตนแจกปฏิทินไปตั้งแต่ช่วงก่อนปีใหม่ ได้มาก็แจกประชาชนทันที สอบถามจังหวัดอื่นๆ ในพื้นที่อีสานไม่มีปัญหาเหมือนกับที่ จ.ร้อยเอ็ด การแจกปฏิทินรูปนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ คงไม่ได้ทำลายความมั่นคงของประเทศได้ การมีคำสั่งออกมาแบบนี้หยุมหยิมมากไป คิดและมองให้เกิดปัญหาไปเอง การเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ต้องแจกปฏิทินก็เคลื่อนไหวได้ และไม่ง่ายกว่าหรือ ยิ่งทำแบบนี้บ้านเมืองจะปรองดองกันได้อย่างไร
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในพื้นที่ จ.เชียงราย ก็แจกปฏิทินกันตามปกติ ไม่มีปัญหา เข้าใจว่าที่ จ.ร้อยเอ็ดเกิดปัญหาขึ้นเพราะไปแจกในพื้นที่จัดประชุมของส่วนราชการ บางครั้งก็รู้สึกเห็นใจเจ้าหน้าที่เพราะหากไม่แสดง ออกอะไรเลยก็อาจจะถูกมองว่าฝักใฝ่ฝ่ายการเมืองได้ และก็อาจจะเกิดปัญหาตามมา
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นมองว่าเจ้าหน้าที่รัฐพยายามเอาใจเจ้านายมากเกินไป ทำแบบนี้จะทำให้เจ้านายพังเสียมากกว่า ไม่ว่าบริษัทห้างร้านไหนๆ ก็แจกปฏิทินกัน ไม่เห็นแปลกตรงไหน แต่พอเป็นรูปสองอดีตนายกฯ กลับมีปัญหา กลายเป็นประเด็นทางการเมือง ทำไมต้องห้ามแจกด้วย เสียหายหรือผิดตรงไหน แต่ในพื้นที่ของตนไม่มีปัญหาได้แจกให้ประชาชนแล้วประชาชนก็ไปแจกจ่ายกันเอง ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่รัฐมาห้าม เพราะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย มาตรา 44 ก็ไม่ได้กำหนดว่าห้ามแจกปฏิทินรูปนายทักษิณและ น.ส.ยิ่งลักษณ์
พท.จี้ตอบรธน.ไม่ผ่านจะทำไง
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงส่วนราชการบางที่ห้ามแจกปฏิทินรูปนายทักษิณ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ความกลัวทำให้เสื่อมจริงๆ วันนี้ถึงขั้นกลัวปฏิทินกันแล้ว คนไทยคุ้นชินกับ ส.ค.ส.ที่แปลว่าส่งความสุขมาช้านาน คืนความสุขเพิ่งมีช่วงหลัง ถึงอย่างไรปฏิทินแบบไทยๆ ที่แสนจะเรียบง่าย ใครเห็นใครก็อยากได้ ยิ่งมีรูป 2 อดีตนายกฯ มีคำอวยพร ผู้คนก็อยากได้แล้วอย่าไปสร้างปฏิบัติการข่าวปฏิทินปีใหม่โมเดล ให้อายชาวโลก จะให้ชาวบ้านฟังแต่เพลงที่ผู้นำแต่งหรืออย่างไร
นายอนุสรณ์ กล่าวถึงกรณีกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ยืนยันรัฐธรรมนูญร่างแรกออกแน่วันที่ 29 ม.ค. เหลือพิจารณาประเด็นปฏิรูป ปรองดอง บทเฉพาะกาล แต่ไม่พูดถึงหากร่างไม่ผ่านประชามติว่าต้องทำอย่างไร ว่า ผู้มีอำนาจและเครือข่ายทั้งหลายควรมีความชัดเจนให้กับคนไทยทั้งประเทศ ให้ได้รับรู้ชะตากรรมของประเทศว่าจะเดินไปในทิศทางไหน ถ้ากล้าวางเดิมพันว่าหากไม่ผ่านประชามติจะหยิบรัฐธรรมนูญฉบับใดฉบับหนึ่งขึ้นมาปรับปรุง แล้วเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งภายในปี 2559 คิดว่ากระแสจะตีกลับ ความคึกคักด้านเศรษฐกิจการลงทุนจะกลับมา บรรยากาศการลงทุนไม่ชอบอะไรที่คลุมเครือ มีเงื่อนงำ จะตอบแต่ว่าเดินตามโรดแม็ปไม่ได้อีกแล้ว
เย้ยรบ.ฟังแต่ฤๅษี-โพล
นายอนุสรณ์กล่าวด้วยว่า กรณี พล.ต. สรรเสริญ แก้วกำเนิด ระบุรัฐบาลไม่ได้กังวลหรือให้ราคากับอดีต ส.ส.เพื่อไทยที่ออกมาคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2559 จะย่ำแย่นั้น ไม่เหนือความคาดหมายที่โฆษกรัฐบาลจะออกมาทางนี้ ถือเป็นแนวถนัด สวนไว้ก่อน ไม่ดูข้อเท็จจริง ไม่ดูเจตนา พูดโดยไม่มีชุดข้อมูลวิชาการมารองรับ ตั้งแต่ผังล้มเจ้า ระเบิดศาลพระพรหมเอราวัณ หรือแม้แต่กล้าพูดว่ารัฐไม่เคยมีแนวคิดยกเลิก 30 บาทรักษาทุกโรค ทั้งที่คนในรัฐบาลพูดเอง รัฐบาลจะจงใจเลือกฟังแต่เฉพาะหลวงปู่ฤๅษีเกวาลัน ที่ทำนายว่ารัฐบาลชุดนี้จะอยู่อีก 10 ปี ฟังแต่มโนโพลที่บอกว่าคน 99.50% ชื่นชอบรัฐบาล แต่ต้องฟังเสียงตักเตือนทางวิชาการด้วย อย่าฟังแต่โหร หลงเสียงโพล
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า กำลังทำงานสาธารณะ ต้องคิดให้เป็นจิตสาธารณะ ถ้ากลัวเปียกน้ำอย่ามาเล่นสงกรานต์ กลับไปอยู่ในค่ายอย่างเดิม ถ้ามีประเด็นไหนที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง ขอให้โฆษกชี้มาเป็นเรื่องๆ ไม่ใช่พูดกว้างๆ ปีที่แล้วนายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมว.พลังงาน ก็ทำนายว่าจะ ไม่ดี ผลออกมาก็ไม่ดีจริงๆ จึงอยากให้นำการคาดการณ์ไปศึกษาให้ดี ไม่ได้เป็นการโจมตีทางการเมือง
'มาร์ค'ชี้ศก.59 ได้แค่ประคอง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงทิศทางเศรษฐกิจไทยในปี 2559 ว่า อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับคนที่ไม่มีกำลังซื้อ เช่น เกษตรกร เพราะรายได้ตกต่ำ และอย่ามองว่าการช่วยเหลือเป็นประชานิยม แต่ควรมองว่าเป็นสวัสดิการพื้นฐานระดับหนึ่ง และเป็นการบริหารเศรษฐกิจมหภาคด้วย มองว่ารัฐบาลไม่มีความชัดเจน เช่น ขอความร่วมมือการใช้น้ำแต่ไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับมาตรการชดเชยว่าจะดำเนินการอย่างไร ส่วนนโยบายที่จะนำรายจ่ายมาหักภาษีได้เป็นการช่วยคนมีกำลังซื้ออยู่แล้ว คนไม่มีกำลังซื้อก็จะไม่ได้ประโยชน์ มาตรการนี้อาจช่วยให้ตัวเลขเศรษฐกิจปลายปีกระเตื้องขึ้นเพียงนิดหน่อย แต่จะไม่ได้ช่วยเหลือปากท้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างแท้จริง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เรื่องการลงทุนโครงการใหญ่ในปี 2559 รัฐบาลต้องมีแผนทางการคลังให้ชัดเจน โครงการขนาดใหญ่ต้องดูรายละเอียดให้รัดกุมว่าตัวเลขลงทุนคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ สังคม สมเหตุสมผลหรือไม่ ต้องดูรูปแบบการลงทุนถ้านำเอกชนเข้ามา หรือร่วมทุน ไม่ใช่การกู้เงินอย่างเดียว เช่น กรณีรถไฟไทย-จีน อยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ พูดคุยในระดับผู้นำจะหาข้อยุติทำได้ไม่ยาก เพราะที่ผ่านมามีการเจรจาหลายคนมากเกินไป หรือไม่ทำให้มีปัจจัยแทรกซ้อน จนทำให้ยังหาข้อยุติเรื่องการลงทุนโครงการใหญ่ๆ ไม่ได้
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าภาวะเศรษฐกิจโลกเป็นอย่างนี้แรงกดดันต่างประเทศ เช่น ประมง การบิน ที่ยังสะสางไม่ได้การฟื้นตัวเต็มที่ยังไม่ได้ รัฐบาลคงทำได้แค่ประคองจึงต้องดูแลใกล้ชิด แนะนำให้ประชาชนนำปรัชญาพอเพียงแบบไม่สุดโต่งใช้จ่ายสมเหตุสมผล เพราะจะคาดหวังเศรษฐกิจดีทันทีไม่ได้ เนื่องจากมีความผันผวน หลายเรื่องอยู่ที่บริหารจัดการดีก็ไม่ถึงขั้นเป็นการเผาจริงอย่างที่มีการวิเคราะห์
กรธ.แจงไม่เขียน'ปรองดอง'
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขานุการ กรธ. คนที่ 1 กล่าวถึงการประชุม กรธ. วันที่ 4 ม.ค. จะประชุมเพื่อหารือประเด็นการปฏิรูปและการปรองดองให้จบ โดยหลักการหากมีการบัญญัติเรื่องเหล่านี้จะใส่ไว้ในส่วนของบทเฉพาะกาล เนื่องจากเนื้อหาส่วนข้างหน้าเป็นเรื่องที่บัญญัติเป็นการถาวร แต่หมวดเหล่านี้บัญญัติไว้ชั่วคราว สิ่งสำคัญคือเราควรเลิกทะเลาะกันได้แล้ว หยุดสักที ทะเลาะกันก็ไม่ได้อะไรเพราะปีหน้าประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหามากมาย ทั้งภัยแล้ง เศรษฐกิจ เราสามารถปรองดองกันได้โดยไม่จำเป็นต้องเขียนอะไรเพราะเมื่อเขียนเรื่องนี้ลงไปมันมีนัยทางการเมือง
นายปกรณ์ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญเราต้องแปลให้ต่างชาติรับทราบ หากมีการเขียนสิ่งเหล่านี้ลงไปแล้วเช่นนี้ต่างชาติที่ไหนจะกล้ามาลงทุนในบ้านเรา นอกจากนี้เรื่อง คปป.ที่มีการพูดถึง หากมีจริงใส่ไปแล้วอย่างนี้ต่างชาติจะมองเราอย่างไร ทั้งนี้ตนเห็นว่าทั้งเรื่องการปรองดองและคปป.ตนเห็นว่าหากต้องการให้บ้านเมืองสันติ ไม่อยากให้มีและไม่จำเป็นต้องมี ส่วนเรื่องการปฏิรูปหากจะใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญก็เขียนเฉพาะประเด็นเร่งด่วน และไม่จำเป็นต้องมีการสร้างองค์กรมาติดตามแต่ให้สาธารณชนเป็นคนติดตามเอง
เสนอแบนกรธ.ถ้ารธน.ไม่ผ่าน
นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) กล่าวว่า การร่างรัฐธรรมนูญของไทยมีอาถรรพณ์ 9 ใน 11 ฉบับที่สิ้นสุดโดยผลของการรัฐประหาร จะเรียกว่าอาถรรพณ์หรือวงจรอุบาทว์ก็สุดแล้วแต่ ที่แน่ๆ คือการที่ใครบางคนออกมายืนยันหรือการันตีว่าจะไม่มีการปฏิวัติอีกแล้ว หรือบอกว่ากำลังร่างรัฐธรรมนูญเพื่อป้องกันการปฏิวัตินั้น เชื่อถือไม่ได้แล้วยังไร้สาระด้วย ไม่ทราบว่านายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.มีส่วนร่างหรืออยู่เบื้องหลังการร่างรัฐธรรม นูญปี 2550 หรือไม่ แต่ได้เป็นประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หลังปฏิวัติ และเมื่อรัฐธรรมนูญปี 2550 ถูกฉีกทิ้งโดยการรัฐประหาร นายมีชัยไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย แถมยังได้กลับมาเป็นประธาน กรธ. ยังมีนักกฎหมายระดับปรมาจารย์อีกหลายคนที่มีครรลองแบบเดียวกับนายมีชัย
นายคณิน กล่าวว่า สำหรับคนไทยก็มีแต่เสียกับเสีย เพราะต้องเสียค่าโง่ซ้ำแล้วซ้ำอีกกับทั้งในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และเมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนั้นถูกยกเลิกไปโดยการรัฐประหาร ก็มีการยกร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่อีก ถ้าคนไทยไม่อยากเสียค่าโง่ซ้ำซากสังเวยวงจรอุบาทว์นี้แล้ว ก็คงต้องทวงถามนายมีชัย และกรธ.ชุดนี้ว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ผ่านประชามติ หรือผ่านประชามติแล้วถูกฉีกทิ้งโดยการรัฐประหารอีก นายมีชัยและกรธ.จะรับผิดชอบต่อค่าโง่ซ้ำซ้อนที่คนไทยต้องเสียไปอย่างไร ให้ถูกตัดสิทธิในการร่างรัฐธรรม นูญตลอดชีวิตดีหรือไม่
สปท.เสนอใช้ยาแรงขรก.โกง
นายสมพงษ์ สระกวี กรรมาธิการ(กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ระบุว่า ในร่างรัฐธรรมนูญจะมีกลไกจัดการทุจริตการเลือกตั้งของนักการเมือง หากฝ่าฝืนเจอโทษตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตว่า เป็นประเด็นที่สอดคล้องกับแนวทางของกมธ. ที่ต้องการวางกลไกในการปราบปรามการทุจริตคอร์รั่ปชั่น เชื่อว่านักการเมืองจะไม่ขัดข้อง และไม่กังวลกับเรื่องดังกล่าวมากเท่าไร เพราะเชื่อว่านักการเมืองส่วนใหญ่ต้องการเข้ามาทำการเมืองให้ดีและคงไม่ได้เข้ามาเพื่อโกงอย่างที่กล่าวหากัน แต่ด้วยอารมณ์ของคนในยุคที่กระแสการต่อต้านการทุจริตมาแรงจึงไม่แปลกที่นักการเมืองจะเป็นคนกลุ่มแรกที่โดนจัดระเบียบ แต่ในความเป็นจริงไม่ว่า คนกลุ่มไหนหรือจะภาคส่วนใดก็มีเรื่องทุจริตด้วยกันทั้งนั้น โดยเฉพาะข้าราชการ หากพบว่ามีการทุจริตก็ควรมีบทลงโทษที่รุนแรงเสมอกันด้วย ไม่ใช่มุ่งแต่จะจัดการกับนักการเมืองเพียงอย่างเดียว
เนื้อหารธน.ขัดใจปชช.
นายสมพงษ์ กล่าวว่า การที่กรธ.กำหนดบทลงโทษในการบังคับใช้กฏหมายอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงการให้อำนาจองค์กรอิสระที่เพิ่มมากขึ้น แต่กลับไม่มีความชัดเจนในเรื่องการให้อำนาจประชาชนในการตรวจสอบเหล่านี้เลย จึงเป็นประเด็นที่อยากให้ กรธ.จัดสมดุลให้ดี และควรคำนึงถึงประเด็นที่ประชาชนมีความต้องการให้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่มานายกรัฐมนตรี กับที่มา ส.ว.ที่ควรมาจากการเลือกตั้งเพื่อความเสมอภาค มิเช่นนั้นจะผ่านด่านประชามติลำบาก
นายสมพงษ์ กล่าวว่า เมื่อถึงตอนนั้นจะมากล่าวโทษว่านักการเมืองนำเนื้อหาของร่างไปบิดเบือนไม่ได้ เพราะจากการที่ สนช.ซึ่งถือเป็นแม่น้ำสายหนึ่งของคสช. ลงพื้นที่รับฟังความเห็นของประชาชนใน 4 ภาค ประชาชนก็สะท้อนผ่านเวทีดังกล่าวชัดเจนว่าต้องการนายกรัฐมนตรี และส.ว.ที่มาจากการเลือกตั้ง แต่นายมีชัยกลับไม่ฟัง และยืนยันในสิ่งที่ตนเองคิด แล้วจะมาพูดว่า ร่างออกมา ไม่ได้เอาใจนักการเมืองมันไม่ได้ เพราะชัดเจนว่าเนื้อหาที่ออกมาขัดใจประชาชน
กปปส.ซัดมีชัย-ไม่ฟังเห็นต่าง
นายถาวร เสนเนียม แกนนำกกปส. กล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ระบุหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ใครก็ตามที่ให้ข้อมูลบิดเบือนกับประชาชน ต้องรับผิดชอบว่า เดาว่าคงพูดด้วยอารมณ์ จะเอาอะไรเป็นตัวชี้วัดว่าใคร คนไหนพูดบิดเบือนหรือไม่ เป็นคำพูดของผู้สูงอายุที่มารับหน้าที่ยกร่างรัฐธรรมนูญ เป็นคนที่ค่อนข้างรับฟังความคิดเห็นแตกต่างไม่ได้ ไม่มีสมาธิเพียงพอ ขอให้ตั้งสติ มีสมาธิ เปิดใจกว้าง ข้อเสนอใดนำมาวิเคราะห์แล้วเป็นประโยชน์ต่อประชาชนก็ใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญเสีย
"ไม่เห็นด้วยที่ถ้ารัฐธรรมนูญถูกคว่ำแล้วนายมีชัยต้องรับผิดชอบคนเดียว แต่ก็ไม่เห็นด้วยเช่นกันที่จะโยนให้คนอื่นรับผิดชอบ สิ่งที่ทำให้รัฐธรรมนูญไม่ถูกคว่ำคือต้องอดทน รับฟัง ชี้แจง ความจริงท่านก็เป็นผู้ใหญ่แล้วอย่าใช้อารมณ์เลย เดาว่าท่านแก่แล้วงานเยอะคงจะเหนื่อย ถ้าเหนื่อยมากท่านพักผ่อนเสียบ้างก็ดี" นายถาวรกล่าว
ปชป.หนุนใช้ยาแรงคุมนักการเมือง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ระบุรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะกำหนดกลไกขจัดการทุจริตของนักการเมือง คุมเข้มจริยธรรมหากฝ่าฝืนเจอโทษตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิต ว่า ประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับกลไกดังกล่าวมาโดยตลอด เชื่อว่าหากรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ระบุให้ตัดสิทธิทาง การเมืองกับนักการเมืองที่โกงการเลือกตั้งตลอดชีวิต จะทำให้ปัญหาการทุจริตทางการเมืองลดลงแน่นอน การทุจริตมีหลายรูปแบบ เช่น การทุจริตการเลือกตั้ง การทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ ควรต้องแบ่งเป็นกรณีๆ ไปเพื่อให้เกิดความชัดเจนจะได้ทำความเข้าใจตรงกัน และคิดว่าทางพรรคเพื่อไทยก็น่าจะเห็นด้วย
เมื่อถามถึงการบรรจุการปฏิรูปการศึกษาและการบังคับใช้กฎหมายลงในรัฐธรรมนูญ นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้องเพราะการปฏิรูปการศึกษาถือเป็นหัวใจของการปฏิรูปประเทศ จึงควรเขียนในรัฐธรรมนูญเช่นเดียวกับการบังคับใช้กฎหมาย ส่วนการปฏิรูปเรื่องอื่นที่ต้องทำแต่ไม่มีความจำเป็นเท่าเรื่องการศึกษาอาจบรรจุไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญแทนก็ได้
รู้ตัวคนปล่อยข่าว'สุรินทร์'
นายนิพิฏฐ์ กล่าวถึงกระแสข่าวว่านายชวน หลีกภัย อดีตนายกฯและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ จะกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกครั้งเพื่อสางปัญหาภายในพรรค ว่า เรื่องนี้ไม่ทราบมาก่อนและอยากให้ฟังเรื่องนี้จากปากนายชวนเอง ส่วนกรณีความเข้าใจผิดเรื่องนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียนและอดีต ส.ส.นครศรี ธรรมราช จะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค แทนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นั้น นายสุรินทร์ได้ปฏิเสธแล้วว่าไม่ได้พูดเช่นนั้น คนในพรรคทุกคนเข้าใจเพราะทราบดีว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ขึ้นมา คนคนนั้นเป็นสมาชิกพรรค แต่ไม่ได้ใกล้ชิดกันแล้ว แต่คนคนนี้ก็ยังพยายามเคลื่อนไหว ซึ่งก็ไม่มีผลอะไรเพราะไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว
เซลฟี่ - น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เดินทางมา กราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุ พร้อมเยี่ยมชมอุโบสถพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว จ.เพชร บูรณ์ โดยมีประชาชนมาขอร่วมถ่ายรูปด้วย เมื่อวันที่ 3 ม.ค. |
"ดร.สุรินทร์ เป็นเบอร์ต้นๆ ของประชาธิปัตย์ที่เราเล็งไว้แล้วว่าสามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้ จึงคิดว่าคนที่ปล่อยข่าวอย่าไปทำท่านแบบนั้นเลย เพราะทำให้ดร. สุรินทร์ เสียหาย ผมก็สงสารและเห็นใจท่าน มากๆ" นายนิพิฏฐ์กล่าว
นายเกียรติ สิทธีอมร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกระแสข่าวนายสุรินทร์ พร้อมเป็นหัวหน้าพรรค ว่า ไม่ทราบว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่วาระของนายอภิสิทธิ์ ยังไม่ครบจึงยังไม่มีอะไร ทั้งหมดนี้ไม่ได้เป็นประเด็นที่จะมาคุยกัน และผู้มีสิทธิ์ที่จะเข้ามาเป็นหัวหน้าพรรคก็มีมากไม่ใช่มีนายสุรินทร์เพียงคนเดียว ตนทำงานอยู่ในวงการธุรกิจมีการพูดหยอกเล่นกันในวงสนทนา บางทีก็อาจเป็นเรื่องได้ถ้าบางกรณีหยอกเล่นกันหนักเกินไป แต่เรื่องนี้ขอย้ำว่าไม่น่าจะเป็นประเด็นอะไรเลย
'วิลาศ'ยื่นร้องกทม.พุธนี้
เวลา 10.30 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีตส.ส.กทม. แถลงว่าวันที่ 6 ม.ค.นี้ ตนจะยื่นเรื่องการทุจริตของ กทม.ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ตรวจสอบการบริหารงานที่ไม่โปร่งใส 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ที่ผู้ว่าฯกทม.ระบุว่ามีการติดตั้ง 47,000 กว่าตัว แต่ติดตั้งจริง 11,000 ตัว และเมื่อขอเอกสารสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง กทม.กลับส่งเอกสารที่ไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างมาให้ ซึ่งถือว่าเป็นพฤติ กรรมที่ทุจริต
2.การขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอส ออกไปอีก 30 ปี ทั้งที่สัญญาเดิมเหลืออีก 17 ปี หรือหมดอายุในเดือนธ.ค.2572 การต่อสัญญาครั้งนี้ไม่ปฏิบัติตามพ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ หรือพ.ร.บ.ร่วมทุน และถือว่าเข้าข่ายกระทำผิดกฎหมายเนื่องจากต้องได้รับความเห็นชอบจากรมว.มหาดไทย แต่ครั้งนี้ไม่ได้ขอความเห็นชอบจากรมว.มหาดไทย รวมทั้งยังผิดพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ หรือพ.ร.บ.ฮั้ว เพราะไม่มีการเปิดซองประมูลราคา
ปูดอีกประดับไฟลานคนเมือง
3.โครงการประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมือง 5 ล้านดวง ระหว่างวันที่ 30 ธ.ค. 58-31 ม.ค.59 มูลค่า 39.5 ล้านบาท จากการตรวจสอบพบว่า บริษัทที่รับทำคือบริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด ซึ่งที่ผ่านมาเป็นบริษัทรับทำทัวร์ตลอด และเป็นที่รู้จักกันในนาม "ทัวร์ก้อย" เพราะรับทำทัวร์ให้กับกทม.ตลอด แต่อยู่ดีๆ วันที่ 7 ก.ย.58 ก็ไปแจ้งต่อกรมทะเบียนการค้าขอเพิ่มวัตถุประสงค์การทำธุรกิจ คือ 1.รับตกแต่งไฟและขายหลอดไฟประดับ และ 2.จัดจำหน่ายเครื่องดนตรีทุกประเภท แสดงให้เห็นว่ามีการพูดคุยว่าต้องมารับงานดังกล่าว เนื่องจากกทม.ประกาศเชิญชวนให้ยื่นซองประมูลทำโครงการประดับไฟตกแต่งวันที่ 26 พ.ย. และเปิดซองประมูลวันที่ 17 ธ.ค.โดยที่บริษัทดังกล่าวเข้ามาทำงานทันทีทั้งที่ยังไม่ทำสัญญา เพราะต้องมีการประกาศผู้ที่ได้รับการประมูลในวันที่ 22 ธ.ค. เรื่องนี้ นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. ออกมาระบุว่าไม่เป็นไร ไหนๆ บริษัทนี้ก็ได้งานอยู่แล้ว
"ขอตั้งข้อสังเกตว่างานนี้ถ้าไม่มีการติดต่อกันหรือฮั้วกันไว้ก่อน ไฟจำนวน 5 ล้านดวง ไม่ใช่เป็นสิ่งที่หามาได้ทันเวลา และจากที่ผมไปตรวจสอบดูพบว่ามีไฟประดับ 3 แบบ แบบแรกเป็นสาย ขายเป็นม้วน ม้วนละ 500 ดวง ราคาขายปลีก 550 บาท ส่วนแบบที่สองเป็นแบบท่อมีหลอดไฟ ขายราคาเมตรละไม่เกิน 60 บาท ส่วนอีกแบบยังไม่พบตามท้องตลาดแต่เชื่อว่าราคาไม่ต่างกันมาก จากการคำนวณการใช้ไฟ 5 ล้านดวง ต้องใช้ความยาว 1 แสนเมตร หรือ 100 กิโลเมตร เทียบเป็นระยะทางคือจากกรุงเทพฯ ถึงธนบุรีปากท่อ ไม่สามารถนับจำนวนว่าครบ 5 ล้านดวงหรือไม่ แต่ถึงจะครบ 5 ล้านดวง งบประมาณก็ไม่น่าถึง 39.5 ล้านบาท แค่หลอดไฟไม่รวมค่าแรงก็เพียง 5 ล้านบาทเศษ ถามว่าใช้งบประมาณเกินไปหรือไม่ ถ้าผู้ว่าฯ และรองผู้ว่ากทม. บริสุทธิ์ใจจริงขอให้นำสัญญาว่าจ้างมากาง เพื่อให้ตรวจสอบความโปร่งใส ผมจะได้ช่วยตรวจสอบให้ และท่านจะได้ฟอกตัวเองด้วย" นายวิลาศกล่าว
บริษัทได้งานจัดทัวร์มาก่อน
นายวิลาศกล่าวว่า จากการตรวจสอบบริษัทคิวริโอฯ เคยรับงานจัดทัวร์ของ กทม.ในช่วงเดือนม.ค.-มี.ค. 54 โดยเป็นสมาชิกสภาเขต(ส.ข.) จำนวน 362 คน เดินทางไปยุโรปฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมัน 7 วัน ส่วน ผู้ช่วยส.ข. จำนวน 244 คน เดินทางไปกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน 6 วัน 5 คืน ซึ่งตามระเบียบการเดินทางของราชการต้องใช้สายการ บินไทย แต่ทัวร์ของทั้ง 2 โครงการซื้อตั๋วจากสายการบินศรีลังกาแอร์ อ้างว่าในระหว่างวันเดินทางที่นั่งของสายการบินไทยเต็ม สมัยที่ตนเป็นประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฏร ได้ตรวจสอบการทุจริตของกทม. ซึ่งตัวแทนศรีลังกาแอร์ได้ชี้แจงว่าได้ขายตั๋วเดินทางจากกทม.-มิลาน ในราคา 28,000 -29,000 บาท แต่บริษัทคิวริโอฯ กลับนำตั๋วไปเก็บกับกทม.ในราคา 39,000 บาท
นายวิลาศ กล่าวว่า ขณะที่ถ้าเป็นราคาของการบินไทยในชั้นประหยัดจะอยู่ที่ราคา 38,000 บาท ชั้นธุรกิจอยู่ที่ราคา 1 แสนบาท ส่วนทริปผู้ช่วยส.ข. เดินทางไปจีน ราคาของการบินไทยในชั้นประหยัดอยู่ที่ 17,000 บาท ชั้นธุรกิจ ราคา 31,000 บาท ส่วนตั๋วของศรีลังกาแอร์ ในชั้นประหยัดอยู่ที่ 16,000 บาท แต่บริษัทกลับนำไปเก็บในชั้นประหยัดราคา 21,000 บาท และราคาชั้นธุรกิจ 52,800 บาท รวมเบ็ดเสร็จทุจริต 5 ล้านกว่าบาท ซึ่งตนคิดว่าบริษัทอาจไม่ได้เงินแต่อาจเป็นหน่วยงานที่ได้ แต่บริษัทจะปฏิเสธไม่รู้ไม่ได้และจะถือว่ารับรู้รับทราบ และมีส่วนร่วมในการกระทำผิด และอยู่ดีๆ ก็มารับงานประดับไฟ
ด้านนายพรชัย เทพปัญญา สมาชิกสภากทม.สรรหา จากการแต่งตั้งของคสช. แถลงว่า บริษัทคิวริโอฯกำลังจะจัดทำทัวร์ให้ไปประเทศโปรตุเกส ซึ่งปกติเจ้าหน้าที่จัดทำเองจะใช้งบประมาณล้านกว่าบาท แต่ถ้าให้บริษัททำราคาจะสูงขึ้น ตนจะติดตามตรวจสอบโดยยื่นเป็นกระทู้ในสมัยการประชุมสภากทม.ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้
รองผู้ว่าฯกทม.ยันโปร่งใส
นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวยืนยันว่าโครงการตกแต่งไฟ มีความโปร่งใส การจัดซื้อเป็นไปตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายงบประมาณซึ่งเป็นงบประมาณกลางเป็นไปตามเงื่อนไขที่ระบุว่าสามารถเบิกใช้ตามอำนาจบริหารของผู้ว่ฯ กทม. แต่ทางสตง.ไปโยงเข้าเงื่อนไขเบิกใช้กรณีฉุกเฉิน เริ่มดำเนินโครงการต.ค. 2558 ซึ่ง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่ากทม. ตั้งใจจะส่งมอบความสุขให้กับคนกรุงเทพ จึงสรรหาผู้รับเหมาโดยการจัดจ้างผ่านขั้นตอนการประกวดราคา โดยดำเนินการตามระเบียบจัดซื้อจัดจ้างโดยวิธีประมูลด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Auction) ซึ่งมีผู้รับเหมา 2 ราย ยื่นประมูล และได้ผู้ชนะการประมูลที่ราคา 39.5 ล้านบาท ประกาศผลการประมูล 17 ธ.ค. และลงนามสัญญาวันที่ 22 ธ.ค. แต่กทม.แจ้งให้ผู้รับเหมาเริ่มเข้าพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 18 ธ.ค. เพื่อเตรียมความพร้อม ยืนยันว่าไม่มีการฮั้วประมูล
ศอตช.เน้นสอบหัวคิวราชภักดิ์
นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ในฐานะเลขานุการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) กล่าวถึงความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบโครงการอุทยานราชภักดิ์ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อมูลอย่างเป็นทางการสำหรับผลสอบข้อเท็จจริงของกระทรวงกลาโหม เนื่องจากติดช่วงวันหยุดยาวคาดจะได้ข้อมูลในช่วงเปิดทำการ จึงยังไม่ทราบข้อมูลละเอียดในการตรวจสอบ รวมทั้งประเด็นข้อสังเกตจำนวน 16 หน้า ในเรื่องโรงหล่อพระบรมรูปฯ คาดว่าผลสอบจะเป็นประโยชน์ต่อการตรวจสอบของทางศอตช. ซึ่งตอนนี้มีความคืบหน้าไปมาก โดยทางผู้ว่าฯ สตง.ได้ตรวจสอบเรื่องการใช้จ่ายงบประมาณอย่างต่อเนื่อง ส่วนประเด็นการจ่ายค่าหัวคิว ซึ่งในทางกฎหมายมีความผิด ดังนั้น จะเน้นการตรวจสอบเรื่องหัวคิว เมื่อได้รับเอกสารหลักฐานจากกระทรวงกลาโหมจะเร่งดำเนินการ ทั้งนี้ พฤติการณ์การเรียกหัวคิวมีความผิดตามกฎหมาย ส่วนใครจะผิดอย่างไร ผิดแค่ไหนขึ้นอยู่กับข้อเท็จจริง
เรืองไกรจี้ลุยสอบ8ประเด็น
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า วันที่ 4 ม.ค. ตนจะทำหนังสือถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม เรื่องข้อสังเกตเพิ่มเติมจากการเข้ารับฟังการแถลงผลสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างโครงการ อุทยานราชภักดิ์ พร้อมด้วยเอกสาร 29 แผ่น เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการส่งต่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตรวจสอบต่อไป
นายเรืองไกร ระบุว่า ตามที่ตนได้รับอนุญาตให้เข้าร่วมรับฟังการแถลงผลสอบข้อเท็จจริง ข้อเท็จจริงที่ได้รับฟังมีการแจงรายละเอียดการรับ-การจ่ายเงินในโครงการอย่างเพียงพอ และสอดคล้องข้อมูลที่ปรากฏต่อสังคมก่อนหน้านี้ทำให้สามารถนำไปประกอบการพิจารณาของหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบต่อไปได้เป็นอย่างดี ดังนี้ 1.ข้อมูลตัวเลขรายรับ-รายจ่ายของโครงการที่นำมาแสดงในตารางเอ็กเซล เป็นตัวเลขสรุปรวม (บางรายการยังเป็นตัวเลขโดยประมาณ) อันจะนำไปสู่การหารายละเอียดประกอบได้ต่อไป ซึ่งควรแจ้งต่อให้ สตง.ทราบด้วย เพื่อตรวจสอบกับเอกสารการขออนุมัติงบประมาณ เอกสารสัญญา แบบรูป รายงานการตรวจรับ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง
โยกงบกลางเป็นเงินบริจาค
2.จากการแถลงข้อเท็จจริงมีการนำตัวเลขงบกลางไปรวมเป็นยอดเงินบริจาคด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปรากฏหลักฐานทางราชการว่างบกลาง 63 ล้านบาท เป็นการขอใช้เพื่อจัดจ้างสินทรัพย์ถาวรใหม่ ดังนั้น ควรนำข้อเท็จจริงนี้ไปตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอกสารการขอใช้งบกลางตั้งแต่แรก ว่ามีการขอใช้งบกลางที่นายกฯ เป็นผู้อนุมัติหรือไม่ สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติเรื่องไว้อย่างไร การเบิกจ่ายเงินงบกลางเป็นไปตามสัญญาใด ใครเป็นคู่สัญญา มีการตรวจรับงานโดยคณะกรรมการใด
นายเรืองไกร กล่าวว่า หากถือเป็นเงินบริจาคตามข้อเท็จจริงที่นำมาแถลง จะเป็นการแสดงข้อมูลที่ขัดต่อข้อเท็จจริงเดิมที่ ครม.เคยรับทราบหรือไม่ และมีการแก้ไขตกแต่งรายการบัญชีจากงบลงทุนเป็นงบรายจ่ายประเภทอื่นหรือไม่ และเมื่อสินทรัพย์ถาวรใหม่ถูกเปลี่ยนแปลงกรรมสิทธิ์ไปจากส่วนราชการเดิม จะเข้าข่ายลักษณะเป็นการยักยอกหรือเบียดบังทรัพย์สินของราชการตามความในประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 หรือไม่
3.การแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของโรงเรียนนายสิบทหารบก 2 รายการ คือ การโอนเงินไปไว้ในมูลนิธิ อุทยานราชภักดิ์ประมาณ 106 ล้านบาท และการใช้เงินงบประมาณอีก 149 ล้านบาทนั้น ควรตรวจสอบเพิ่มเติมว่าเงินที่โอนให้มูลนิธิราชภักดิ์เกิดขึ้นเมื่อวันใด และที่ใช้ไป 11 รายการเป็นการใช้เงินไปในพื้นที่ หรือเกี่ยวข้องกับพื้นที่โครงการอุทยานราชภักดิ์หรือไม่
ต้องตรวจสอบอีก 3 บัญชี
4.การรับบริจาคจากโรงหล่อทั้ง 5 แห่ง เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการออกมายอมรับค่าหัวคิวก่อนหน้านี้หรือไม่ จำนวนเงินค่าหัวคิวที่กรรมการบางคนเรียกเก็บไปมีจำนวนเท่าใด ค่าหัวคิวดังกล่าวถือเป็นการทุจริตที่เข้าข่ายลักษณะความผิดตามประ มวลกฎหมายอาญา ม.147 หรือไม่ 5.เงินส่วนที่ได้รับจากการจัดกิจกรรมที่เหลืออยู่ 76 ล้านบาท ควรส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตรวจสอบควบคู่ไปกับหมายศาลทหารที่ออกมาเพื่อดำเนินคดีก่อนหน้านี้ว่ามีบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการในโครง การเกี่ยวข้องกับรายการในจำนวนเงินดังกล่าวด้วยหรือไม่
6.ยังมีรายละเอียดที่ต้องตรวจสอบขยายผลต่อไปทั้ง 3 บัญชี คือ บัญชีกองทุนสวัสดิการกองทัพบก บัญชีกองทุนสวัสดิการอุทยานราชภักดิ์ และบัญชีมูลนิธิราชภักดิ์ เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย 7.โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ตามแผนน่าจะยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จะดำเนินการต่อไปอย่างไร ใช้เงินจากบัญชีใด 8.มีการดำเนินการตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ.2520 อย่างถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ สำนักงานเลขาธิการ ครม.รับรู้และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องการขออนุญาตต่างๆ อย่างไรบ้าง
ปปช.จ่อสรุปสอบทรัพย์ 5 รมต.
นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการป.ป.ช. เผยความคืบหน้าการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรี 5 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโครงการรับจำนำข้าวรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่า การตรวจสอบใกล้สรุปคดีแล้ว 2 ราย ตรวจสอบแล้วประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ อีก 3 ราย ที่ตรวจสอบแล้วประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์ มีการเรียกพยานในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการทำนิติกรรมของรัฐมนตรีทั้ง 5 ราย มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงแล้ว คาดภายในเดือนม.ค.จะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น และภายในต้นเดือนก.พ.นี้ คาดว่าจะสามารถสรุปคดีดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการป.ป.ช.ได้ ส่วนพบความผิดปกติของทรัพย์สินหรือไม่นั้นไม่ขอตอบ บอกไม่ได้ว่าเป็นอย่างไร แต่ทุกอย่างต้องมีคำตอบหากเขาทำไม่ถูกเราก็มีคำตอบ หากเขาทำถูกต้องเราก็มีคำตอบ
แหล่งข่าวจากคณะคณะอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงกรณีการระบายข้าวแบบจีทูจีรอบ 2 กับบริษัทจากจีน 4 แห่ง โดยมิชอบ มีนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ และนางปราณี ศิริพันธ์ อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เป็นผู้ถูกกล่าวหา เผยว่า ก่อนหน้านี้อนุกรรมการไต่สวนพบว่าไม่ได้มีการขายข้าวส่งออกต่างประเทศจริง แต่กลับมีการซื้อขายข้าวภายในประเทศไทยโดยเป็นแคชเชียร์เช็ค 1,822 ใบ วงเงินกว่า 96,390 ล้านบาทนั้น ก่อนหน้านี้คณะอนุกรรมการไต่สวนฯตรวจสอบแคชเชียร์เช็คทั้งหมดแล้ว แต่ขณะนี้กำลังมีการตรวจสอบแคชเชียร์เช็คทีละรายการเพื่อดูที่มาที่ไปให้เกิดความชัดเจนเพื่อให้เกิดความรอบคอบที่สุด ยังตอบไม่ได้ว่าแคชเชียร์เช็คดังกล่าวเกี่ยวข้องกับการซื้อขายข้าวแบบจีทูจีรอบแรกหรือไม่ แต่หากพบความเกี่ยวโยงจะสั่งอายัดแคชเชียร์เช็ค ดังกล่าว
ปู-ไปป์เที่ยวเขาค้อ
วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ พร้อมลูกชาย ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร หรือ "น้องไปป์" เดินทางท่องเที่ยวตามสถานที่ท่องเที่ยวบนเขาค้อ หลังเมื่อคืนที่ผ่านมาได้นอนพักค้างแรมที่บุรีทันตาเขาค้อรีสอร์ท อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ อดีตส.ส.เพชรบูรณ์ พรรคเพื่อไทย ต้อนรับ น.ส.ยิ่งลักษณ์และน้องไปป์แวะชมและ เก็บสตรอว์เบอร์รี่ที่ไร่ GP บ้านเพชรดำ อ.เขาค้อ จากนั้นยังทดลองเล่นรถไม้ม้ง หรือรถเลื่อนภูเขาพร้อมเล่นชิงช้า ก่อนจะถ่ายรูปร่วมกันด้วยความสนุกสนาน
ต่อมาเดินทางไปยังวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ ชมทิวทัศน์ และสถาปัตยกรรมรวมทั้งสิ่งปลูกสร้างอันอลังการ ขณะเดียวกันยังเข้ากราบไหว้สัก การะพระบรมสารีริกธาตุภายในวัด โดยได้มีนักท่องเที่ยวขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึกจำนวนมาก จากนั้นเดินทางไปกินขนมเส้นหล่มเก่า อาหารประจำถิ่นที่มีชื่อของเพชรบูรณ์ ที่ร้านขนมจีนเส้นสดแม่บุญมี อ.หล่มเก่า แล้วเดินทางไปต่อที่จ.ขอนแก่น ระหว่างน.ส.ยิ่งลักษณ์เดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ บนเขาค้อ มีนักท่องเที่ยวมาขอถ่ายรูป จับมือให้กำลังใจจำนวนมาก โดยก่อนหน้านี้ไปร่วมงานพิธีตัดหวายลูกนิมิตที่วัดท่าด้วง อ.หนองไผ่ จ.เพชรบูรณ์ ก่อนเดินทางไปพักค้างแรมและท่องเที่ยวที่เขาค้อ
เที่ยวต่องานดอกไม้ขอนแก่น
เวลา 18.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมอดีตส.ส.เพื่อไทย นายธนิก มาสีพิทักษ์ นพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ นายอดิศร เพียงเกษ นายจักริน พัฒนดำรงจิตร นางมุกดา พงษ์สมบัติ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช เดินทางมาเที่ยวงานมหัศจรรย์พรรณไม้นานาชาติ ขอนแก่น ครั้งที่ 3 ที่สวนสุขภาพบึงทุ่งสร้าง เขตเทศบาลนครขอนแก่น
พล.ต.ต.จิตรจรูญ ศรีวนิชย์ ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น พ.ต.อ.สุภากร คำสิงห์นอก รอง ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น รักษาการ ผกก.สภ.เมืองขอนแก่น และกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจประมาณ 50 นายมารักษาความสงบเรียบร้อยในเขตพื้นที่ และพ.ท.พิทักษ์พล ชูศรี หัวหน้ากองข่าว มทบ.23 หรือผบ. ชุดปฏิบัติการประจำพื้นที่กองกำลังรักษา ความสงบเรียบร้อย จ.ขอนแก่น ได้มาสังเกตการณ์
น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้เดินชมพรรณไม้นานาชาติตามโซนต่างๆ ทุกโซนมีนักท่องเที่ยวประมาณ 200-300 คน ต้อนรับอย่างอบอุ่น พร้อมมอบดอกกุหลาบสีแดงให้และตะโกนเชียร์ว่า "ฉันรักนายกฯยิ่งลักษณ์" "นายกฯต้องสู้" "นายกฯสู้ตาย" และเข้ามาขอถ่ายรูปและถ่ายเซลฟี่ตลอดเวลา ก่อนกลับไปที่พักในโรงแรมเจริญธานีขอนแก่น
ไหว้ศาลเจ้าจอมนรินทร์
นายธนิก มาสีพิทักษ์ อดีตส.ส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย เผยว่าหลังไปเที่ยวที่อ.หล่มเก่า จ.เพชรบูรณ์ คณะของอดีตนายกฯ มาที่อุทยานภูเวียง อ.ภูเวียง จ.ขอนแก่น เยี่ยม ชมธรรมชาติในอุทยานภูเวียง และเข้าสักการะศาลเจ้าจอมปากช่องภูเวียง หรือศาลเจ้าจอมนรินทร์ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวอ.ภูเวียง และมาที่งานมหัศจรรย์พรรณไม้ฯ ในวันที่ 4 ม.ค. เวลา 09.00 น.จะเดินทางไปอ.บ้านไผ่ เพื่อกราบนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชาว อ.บ้านไผ่ เดินทางต่อไปยังอ.ซำสูง จ.ขอนแก่น เพื่อเป็นประธานพิธีปิดทองตัดลูกนิมิต ณ วัดโพธิ์ชัย อ.ซำสูง จ.ขอนแก่น แล้วจะเดินทางไปยังท่าอากาศยานขอนแก่น กลับกทม.
เลขาฯกรธ.ค้านใส่'ปรองดอง-คปป.'ในรัฐธรรมนูญ ห่วงสร้างนัยยะการเมืองเป็นปัญหาภายหลัง 'นิพิฏฐ์'หนุนกลไกสกัดโกง ตัดสินนักการเมืองเลือกตั้งตลอดชีวิต
@ กรธ.ค้าน'ปรองดอง-คปป.'ใส่รธน.
เมื่อวันที่ 3 มกราคม นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขานุการคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ คนที่ 1 เปิดเผยว่า ในการประชุม กรธ.ในวันที่ 4 มกราคม จะหารือประเด็นการปฏิรูปและการปรองดองให้แล้วเสร็จ ซึ่งโดยหลักการหากบัญญัติเรื่องเหล่านี้ก็จะใส่ไว้ในส่วนของบทเฉพาะกาล เนื่องจากในหมวดเหล่านี้เป็นการบัญญัติไว้ชั่วคราว ความจริงเรื่องการปรองดองสามารถทำกันได้โดยไม่จำเป็นต้องเขียนอะไร แต่หากเขียนเรื่องนี้ลงไปในรัฐธรรมนูญจะมีนัยยะทางการเมือง และรัฐธรรมนูญต้องแปลให้ต่างชาติรับทราบ หากเขียนสิ่งเหล่านี้ลงไป ต่างชาติอาจกล้าเข้ามาลงทุน
"หรือเรื่องคณะกรรมการยุทธศาสตร์ปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ที่มีการพูดถึง หากมีจริงและใส่ไปแล้ว อย่างนี้ต่างชาติจะมองเราอย่างไร ผมเห็นว่าทั้งเรื่องการปรองดองและ คปป. หากต้องการให้บ้านเมืองสันติ ไม่อยากให้มีและไม่จำเป็นต้องมี ส่วนเรื่องการปฏิรูปหากจะใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญก็เขียนเฉพาะประเด็นเร่งด่วน และไม่จำเป็นต้องมีการสร้างองค์กรมาติดตามแต่ให้สาธารณชนเป็นคนติดตามเอง" นายปกรณ์กล่าว
@ "นิพิฏฐ์"หนุน"มีชัย"สกัดโกง
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงกรณีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุว่าในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะกำหนดกลไกขจัดการทุจริตการเลือกตั้งของนักการเมือง หากฝ่าฝืนต้องถูกโทษตัดสิทธิทางการเมืองตลอดชีวิตว่า ปชป.เห็นด้วยมาตลอด เชื่อว่าตัดสิทธิทางการเมืองกับนักการเมืองที่โกงการเลือกตั้งตลอดชีวิต จะทำให้ปัญหาการทุจริตทางการเมืองลดลงแน่นอน เพราะนักการเมืองคงไม่มีใครอยากสูญเสียโอกาสทำงานไปตลอด
นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า การทุจริตมีหลายรูปแบบ เช่น การทุจริตการเลือกตั้ง การทุจริตในการปฏิบัติหน้าที่ ควรต้องแย่งเป็นกรณีไปเพื่อให้เกิดความชัดเจน และเข้าใจตรงกัน คิดว่าพรรคเพื่อไทย (พท.) ก็น่าจะเห็นด้วย
เมื่อถามถึงกรณีนายมีชัยจะบรรจุการปฏิรูปการศึกษาและการบังคับใช้กฎหมาย ลงไปในรัฐธรรมนูญด้วยนั้น นายนิพิฏฐ์กล่าวว่า เป็นสิ่งที่ถูกต้อง การปฏิรูปการศึกษาถือเป็นหัวใจของการปฏิรูปประเทศจึงควรเขียนในรัฐธรรมนูญ เช่นเดียวกับการบังคับใช้กฎหมายก็เช่นกัน ส่วนการปฏิรูปอื่นๆ ที่ต้องทำ แต่ไม่มีความจำเป็นเท่าเรื่องการศึกษาก็ไม่จำเป็นต้องบรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ แต่อาจบรรจุไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญแทนได้
@ สปท.เชื่อนักการเมืองหนุนยาแรง
นายสมพงษ์ สระกวี กรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวว่า การที่นายมีชัยจะกำหนดกลไกขจัดการทุจริตการเลือกตั้งของนักการเมือง เป็นประเด็นที่สอดคล้องกับแนวทางของ กมธ.ในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น เชื่อว่านักการเมืองจะไม่ขัดข้อง และไม่กังวลกับเรื่องดังกล่าวมากเท่าไรนัก เพราะเชื่อว่านักการเมืองส่วนใหญ่ต้องการเข้ามาทำการเมืองให้ดี คงไม่ได้เข้ามาเพื่อโกงอย่างที่กล่าวหากัน แต่ด้วยอารมณ์ของคนในยุคการต่อต้านการทุจริตมาแรง จึงไม่แปลกที่นักการเมืองจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ถูกจัดระเบียบ
"การที่ กรธ.กำหนดบทลงโทษในการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด รวมไปถึงการให้อำนาจองค์กรอิสระเพิ่มมากขึ้น แต่กลับไม่มีความชัดเจนในเรื่องการให้อำนาจประชาชนในการตรวจสอบเหล่านี้เลย จึงเป็นประเด็นที่อยากให้ กรธ.จัดสมดุลให้ดี และควรคำนึงถึงประเด็นที่ประชาชนมีความต้องการให้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่มานายกรัฐมนตรี กับที่มา ส.ว.ที่ควรมาจากการเลือกตั้งเพื่อความเสมอภาค มิเช่นนั้นจะผ่านด่านประชามติลำบาก" นายสมพงษ์กล่าว
@'ปึ้ง'จี้ถาม'มีชัย'หากรธน.ไม่ผ่าน
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล แกนนำ พท. และอดีตรองนายกฯ กล่าวว่า กรณีนายมีชัยออกมาบอกว่า หากรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ใครก็ตามหรือคนใดที่ให้ข้อมูลที่บิดเบือนแก่ประชาชนหรือให้ข้อมูลไม่ถูกต้อง ต้องรับผิดชอบ จึงอยากทราบว่านายมีชัยจะให้ออกกฎหมายกำหนดบทลงโทษอย่างไร จะให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้มาตรา 44 เขียนบทลงโทษให้เรียกค่าใช้จ่ายในการลงประชามติคืนหรืออย่างไร และถ้าหาก กรธ.เขียนรัฐธรรมนูญ และประชาชนไม่เห็นด้วย ไม่ผ่านร่างรัฐธรรมนูญให้ กรธ.จะต้องชดใช้ความเสียหายอย่างไร
"การที่มีแนวคิดที่จะใช้ทหารหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐไปชี้แจงรัฐธรรมนูญให้ประชาชนได้รับทราบ สมมุติว่าหากมีการชี้แจงไปผิดๆ หรือมีการบิดเบือนเกิดขึ้น อาจจะเป็นด้วยข้อมูลที่คลาดเคลื่อนหรือไม่เข้าใจเจตนารมณ์ที่แท้จริงในการยกร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ.และประชาชนเขาไม่เอาด้วย ทหารหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐเหล่านั้นจะต้องรับผิดชอบหรือไม่ อยากให้นายมีชัยช่วยชี้แจงให้ความกระจ่าง" นายสุรพงษ์กล่าว
@ อดีตสปช.ตั้ง 3 ปมถามกรธ.
นายบุญเลิศ คชายุทธเดช อดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญที่ร่างแรกจะเสร็จในวันที่ 29 มกราคมนี้ ว่า มีประเด็นที่อยากได้คำตอบที่จะเป็นประโยชน์ต่อกระบวนการร่างรัฐธรรมนูญและการออกเสียงประชามติ ดังนี้ 1.กรธ.จะประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการ รวมทั้งกำหนดเวลาในการรับฟังความเห็นประชาชนได้เมื่อไร เพราะการชี้แจงสาระของร่าง รธน. และการรับฟังความเห็นประชาชน ควรจะทำในรูปประชาพิจารณ์อย่างเข้มข้น 2.คณะรัฐมนตรี (ครม.) จะแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 เมื่อไร โดยเฉพาะในประเด็นการลงมติประชามติให้ถือเอาเสียงข้างมากของผู้มาใช้สิทธิ มิใช่ผู้มีสิทธิ รวมทั้งประเด็นหากประชาชนลงประชามติไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ จะทำอย่างไรต่อไปเพื่อให้มีรัฐธรรมนูญฉบับถาวร ซึ่งต้องมีความชอบธรรม เป็นที่ยอมรับได้ของประชาชน ไม่เกิดวิกฤตรัฐธรรมนูญในอนาคต
@ ห่วงรัฐธรรมนูญสะดุดประชามติ
นายบุญเลิศกล่าวต่อว่า 3.รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 กำหนดให้สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอประเด็นคำถามต่อ ครม.เพื่อให้ประชาชนลงประชามติไปพร้อมกับร่างรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อ สปช.ลงมติคว่ำไปเสียก่อน จึงไม่มีการเสนอประเด็นเพื่อนำไปสอบถามประชาชน เมื่อ กรธ.มาร่างรัฐธรรมนูญต่อจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญชุดนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ คสช.และรัฐบาลจะยืนยันในความคิดที่จะสอบถามประเด็นเพิ่มเติมอยู่หรือไม่ อย่างไรก็ตาม หากมุ่งหวังให้ร่างผ่านประชามติ กรธ.ไม่ควรปล่อยให้บรรยากาศเงียบสงัดเช่นนี้ กรธ.ไม่มีกระบวนการสื่อสารสาธารณะ หรือการประชาสัมพันธ์เลย เป็นเรื่องแปลกมาก จึงรู้สึกหวั่นเกรงว่าร่างรัฐธรรมนูญอาจไม่ผ่านประชามติได้
@ เหน็บคนปล่อยข่าว'สุรินทร์'
สำหรับ กระแสข่าวนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา ปชป. จะกลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อสางปัญหาภายในพรรค นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้า ปชป. กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบมาก่อน และอยากให้ฟังเรื่องนี้จากปากนายชวนเอง ส่วนกระแสข่าวนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียนจะลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ปชป. เห็นว่านายสุรินทร์ได้ปฏิเสธแล้วว่าไม่ได้พูดเช่นนั้น คน ปชป.ทุกคนเข้าใจดี เพราะทราบว่าใครเป็นคนปล่อยข่าวนี้ขึ้นมา คนคนนั้นเป็นสมาชิก ปชป.แต่ไม่ได้ใกล้ชิดกันแล้ว แต่ก็ยังพยายามเคลื่อนไหวเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งก็ไม่มีผลอะไรเพราะไม่มีใครสนใจอยู่แล้ว
"นายสุรินทร์เป็นเบอร์ต้นๆ ของ ปชป.ที่เราเล็งไว้แล้วว่า ท่านสามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้ จึงคิดว่าคนที่ปล่อยข่าวอย่าไปทำท่านแบบนั้นเลย เพราะทำให้นายสุรินทร์เสียหาย" นายนิพิฏฐ์กล่าว
@ ปชป.เชื่อเลื่อยเก้าอี้'มาร์ค'มีต่อ
นายบุญยอด สุขถิ่นไทย อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ ปชป. กล่าวว่า แม้นายสุรินทร์ จะออกมาปฏิเสธแล้ว แต่เรื่องนี้ดูเหมือนมีหลายเหตุการณ์เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ส่อให้เห็นถึงความพยายามในการจะให้ นายอภิสิทธิ์ออกจากการเป็นหัวหน้าพรรค และเชื่อว่าความพยายามดังกล่าวจะยังมีอีกต่อไป เพราะมีบางฝ่ายมองว่านายอภิสิทธิ์เป็นอุปสรรคขัดขวางในการนิรโทษกรรม
@'หมอผี'ชี้'สุขุมพันธุ์'น่าสน
ผู้สื่อข่าว จ.นครศรีธรรมราช รายงานว่า ในวงน้ำชาเมืองนครศรีฯยังคงมีการพูดคุยถึงกระแสข่าวนายสุรินทร์จะชิงตำแหน่งหัวหน้า ปชป. และมีการสอบถามผู้ใหญ่ใน ปชป.ที่อยู่ในกรุงเทพฯ ถึงความเป็นไปได้ของการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคในคราวหน้า
นายสัมพันธ์ ทองสมัคร อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช เขต 1 ปชป. กล่าวว่า ได้คุยกับนายสุรินทร์แล้ว ไม่ได้เป็นเรื่องจริงแต่อย่างใด แต่หากเป็น ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. ตนมองว่าก็น่าจะสนใจอยู่เหมือนกัน
"ต้องไม่ลืมว่า ปชป.เป็นพรรคเก่าแก่ มีความเคารพในกฎกติกา ผมยังเชื่อมั่นว่าน่าจะมีทางออกที่ดี ผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรคคงหาทางออกที่ดี ส่วนกระแสข่าวนายชวนจะขึ้นมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อแก้ปัญหาความวุ่นวายนั้น อาจจะมีความเป็นไปได้ แต่เป็นเพียงหัวหน้ารักษาการ จนกว่าการเลือกตั้งภายในพรรคจะแล้วเสร็จ ทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลงได้ การเมืองไทยไม่เคยนิ่ง คาด 2-3 วัน น่าจะรู้ผล" นายสัมพันธ์กล่าว
@ พท.ขำกลัวกระทั่งปฏิทินแม้ว
นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รักษาการรองโฆษก พท. กล่าวถึงกรณีจังหวัดร้อยเอ็ดเบรกเรื่องการแจกปฏิทินขึ้นปีใหม่ที่มีรูปนายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคการเมือง ว่า "ความกลัวทำให้เสื่อมจริงๆ วันนี้ถึงขั้นกลัวปฏิทินกันแล้ว คนไทย
คุ้นชิน กับ ส.ค.ส.ที่แปลว่า ส่งความสุข มาช้านาน คืนความสุข เพิ่งมีช่วงหลัง ยังไงปฏิทินแบบไทยๆ ที่แสนจะเรียบง่าย เข้าใจชาวบ้าน ใครเห็นใครก็อยากได้ ยิ่งมีรูป 2 อดีตนายกฯ มีคำอวยพร ผู้คนก็อยากได้ แล้วอย่าไปสร้างปฏิบัติการข่าว ปฏิทินปีใหม่โมเดล ให้อายชาวโลก จะให้ชาวบ้านฟังแต่เพลงที่ท่านผู้นำแต่งหรืออย่างไร"
@ ซัดจนท.เอาใจนายเกินเหตุ
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พท. กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพราะเจ้าหน้าที่รัฐพยายามเอาใจเจ้านายมากเกินไป ทำแบบนี้จะทำให้เจ้านายพังเสียมากกว่า เพราะไม่ว่าบริษัทห้างร้านไหนก็แจกปฏิทินกันทั้งนั้น ไม่เห็นจะแปลกตรงไหน แต่พอปฏิทินเป็นรูปสองอดีตนายกฯ กลับมีปัญหา กลายเป็นประเด็นทางการเมือง อยากถามว่าทำไมต้องห้ามแจกด้วย เป็นเรื่องเสียหายหรือผิดตรงไหน อย่างไรก็ตาม สำหรับในพื้นที่ตนไม่มีปัญหา แจกให้ประชาชนไปแจกจ่ายกันเอง ไม่ได้มีเจ้าหน้าที่รัฐมาห้ามแต่อย่างใด เพราะไม่ใช่เรื่องผิดกฎหมาย
@ ผวจ.ร้อยเอ็ดรับห้ามแจก
ขณะที่นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด กล่าวยอมรับว่า ได้สั่งการให้ตรวจสอบการแจกปฏิทินดังกล่าวจำนวน 200 ชุดจริง ในระหว่างประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน และยังสั่งการไปยัง 20 อำเภอ ให้มีการตรวจสอบเช่นเดียวกัน แต่ยังไม่พบว่าอำเภออื่นมีการแจกปฏิทินดังกล่าว เนื่องจากเห็นว่าเป็นความไม่เหมาะสม และห้ามแจกปฏิทินดังกล่าวในการประชุมของทางราชการโดยเด็ดขาด
นายอนุสรณ์ กล่าวว่า คำสั่งดังกล่าวไม่ได้ขัดขวางการแจกปฏิทินปีใหม่ และไม่ได้หมายความว่าจะขัดขวางการอวยพรปีใหม่ให้กับประชาชนชาวร้อยเอ็ด แต่การแจกปฏิทินในวาระเวลาราชการ ต้องมองที่ความเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแจกปฏิทินดังกล่าวในที่ประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้าน อ.เชียงขวัญ ถือเป็นเรื่องที่ไม่ควรปฏิบัติ และไม่ควรที่จะนำปฏิทินของนักการเมือง ไม่ว่าจะเป็นของใครก็ตามมาแจก เพราะถือเป็นความไม่เหมาะสม และจะถูกมองว่ามีความไม่เป็นกลางทางการเมือง หากอยากจะแจกก็แจกในเวลาอื่น ไม่ได้ห้าม
@ ห่วงถูกมองไม่เป็นกลาง
ด้านนายวัลลภ จินดาเงิน นายอำเภอเชียงขวัญ จ.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า มีการแจกปฏิทินดังกล่าว 200 ชุด ในที่ประชุมประจำเดือนให้กับกำนันผู้ใหญ่บ้านจริง เบื้องต้นไม่ทราบว่าเป็นของใคร เพราะม้วนเอารูปภาพไว้ข้างใน และมีผู้นำมาวางไว้ จึงคิดว่าเป็นของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) จึงนำมาแจกให้กับผู้เข้าร่วมประชุมไป ภายหลังจึงทราบว่าเป็นปฏิทินที่ผู้ประสานงานนักการเมืองในพื้นที่นำมาวางฝากไว้ให้แจก แต่หลังจากทางจังหวัดสั่งการให้มีการตรวจสอบเฝ้าระวัง ไม่ให้เกิดขึ้นในที่ประชุมส่วนราชการ หรือส่วนการปกครองส่วนท้องถิ่น จึงได้แจ้งเตือนไปยังกำนันผู้ใหญ่บ้านให้ระวังตรวจสอบ ไม่ให้มีการนำปฏิทินดังกล่าวมาแจกให้กับประชาชน เพราะเหตุเกิดขึ้นที่อำเภอถือว่าเป็นความผิดพลาดและไม่เป็นกลาง หากจะมีผู้ประสานงานนักการเมืองจะแจกปฏิทินชาวบ้าน ก็ให้แจกกันเอง โดยไม่ให้เข้าไปเกี่ยวข้องโดยเด็ดขาด
@'ไก่อู'ปัดรัฐเอี่ยวห้ามแจกปฏิทิน
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ดสั่งห้ามแจกปฏิทินอวยพรปีใหม่ 2559 ภาพของนายทักษิณคู่กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยยืนยันว่า นโยบายดังกล่าวไม่ได้เกี่ยวข้องกับรัฐบาลหรือ คสช. แต่เป็นอำนาจของฝ่ายปกครองที่จะพิจารณาถึงความเหมาะสมในพื้นที่ของตัวเอง ถือเป็นเรื่องของดุลพินิจ ซึ่งคงพิจารณาและมองในหลายปัจจัยว่า อยากให้เกิดความสงบเรียบร้อย ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ เรื่องนี้คงต้องไปถามฝ่ายปกครองไม่ใช่ทุกเรื่องจะมาถามรัฐบาลอย่างเดียว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ฝ่ายพรรคการเมืองมองว่า อาจเป็นคำสั่งมาจากรัฐบาล หรือคสช. ซึ่งเท่ากับเป็นการลิดรอนสิทธิ พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า อย่าไปคิดเช่นนั้น ต้องให้เกียรติผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะเป็นผู้อยู่ในพื้นที่ รู้ว่าอะไรควรและอะไรที่ต้องขอความร่วมมือ เพื่อให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย เมื่อถามต่อว่า การแจกปฏิทินอดีตนายกรัฐมนตรี ส่วนตัวแล้วมองว่ามีความผิดตรงไหน พล.ต.สรรเสริญกล่าวว่า ตรงนี้ไม่ทราบรายละเอียด เพราะไม่ได้อยู่ในพื้นที่ คงต้องถามทางฝ่ายปกครองว่ามีมุมมองปัจจัยอะไร
@ ปัดกระแสปรับคณะรัฐมนตรี
ส่วนกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อปรับภาพลักษณ์และเรียกความเชื่อมั่นให้กับรัฐบาล ในช่วงการเข้าสู่โรดแมป ระยะที่ 2 โดยมีชื่อ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการรวมอยู่ด้วยนั้น พล.ต.สรรเสริญกล่าวปฏิเสธเพียงสั้นๆ ว่า ไม่ทราบในเรื่องนี้ และที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ก็ยังไม่มีการพูดคุยเกี่ยวกับการปรับ ครม.แต่อย่างใด
@ 80%ไม่สมหวังปราบโกง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มหาวิทยาลัยสวนดุสิต (สวนดุสิตโพล) เผยแพร่ผลสำรวจความคิดประชาชน เรื่องสิ่งที่คนไทยคาดหวังในปี 2559 โดยในประเด็นความคาดหวังต่อการเมืองไทย ส่วนใหญ่ ร้อยละ 79.20 หวังให้รัฐบาลเข้มแข็ง มีเสถียรภาพ ไม่แตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ร้อยละ 72.99 การเมืองดี สร้างสรรค์ เป็นประชาธิปไตย และร้อยละ 55.84 ได้นักการเมืองที่ดี มีคุณภาพ ไม่ทุจริตคอร์รัปชั่น
เมื่อถามสิ่งที่คิดว่าจะไม่สมหวัง ส่วนใหญ่ ร้อยละ 80.94 ระบุการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นให้หมดไปจากสังคมไทย ร้อยละ 75.91 ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน /เหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และร้อยละ 74.82 การบังคับใช้กฎหมาย การเคารพกฎหมายและปฏิบัติตามกฎระเบียบของประชาชน
@ เรืองไกรถามกห.8 ปม'ราชภักดิ์'
ด้านความคืบหน้าการตรวจสอบการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (3 ม.ค.) นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พท. ส่งเอกสารไปที่กระทรวงกลาโหมจ่าหน้าซองถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เรื่องข้อสังเกตเพิ่มเติมจากการเข้ารับฟังการแถลงผลสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างโครงการอุทยานราชภักดิ์ ของกระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2558 ว่า 1.ข้อมูลตัวเลขรายรับ-รายจ่ายของโครงการที่นำมาแสดงในตาราง Excel เป็นตัวเลขสรุปรวม (บางรายการยังเป็นตัวเลขโดยประมาณ) อันจะนำไปสู่การหารายละเอียดประกอบได้ต่อไป ซึ่งควรแจ้งต่อให้ สตง.ได้ทราบด้วย เพื่อตรวจสอบกับเอกสารการขออนุมัติงบประมาณ เอกสารสัญญา รายงานการตรวจรับ และเอกสารที่เกี่ยวข้องต่อไป 2.จากการแถลงข้อเท็จจริงอาจเห็นได้ว่ามีการนำตัวเลขงบกลางไปรวมเป็นยอดเงินบริจาคด้วย ทั้งที่ก่อนหน้านี้ปรากฏหลักฐานทางราชการว่างบกลางจำนวนประมาณ 63 ล้านบาท เป็นการขอใช้เพื่อจัดจ้างสินทรัพย์ถาวรใหม่ ดังนั้น ควรนำข้อเท็จจริงนี้ไปตรวจสอบเพิ่มเติมเกี่ยวกับเอกสารการขอใช้งบกลางตั้งแต่แรก ว่ามีการขอใช้งบกลางที่นายกฯเป็นผู้อนุมัติหรือไม่ สำนักงบประมาณพิจารณาอนุมัติเรื่องไว้อย่างไร
@ ชี้ 5 โรงหล่อบริจาคผิดม.147
นายเรืองไกรระบุอีกว่า 3.การแถลงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของโรงเรียนนายสิบทหารบก 2 รายการ คือ การโอนเงินไปไว้ในมูลนิธิอุทยานราชภักดิ์ ประมาณ 106 ล้านบาท และการใช้เงินงบประมาณอีก 149 ล้านบาท ควรมีการตรวจสอบเพิ่มเติมว่าเงินที่โอนให้มูลนิธิราชภักดิ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ใด และที่ใช้ไป 11 รายการ เป็นการใช้เงินไปในพื้นที่หรือเกี่ยวข้องกับพื้นที่โครงการอุทยานราชภักดิ์หรือไม่
4.การรับบริจาคจากโรงหล่อทั้ง 5 แห่ง เกี่ยวข้องสัมพันธ์กับการออกมายอมรับค่าหัวคิวก่อนหน้านี้หรือไม่ จำนวนเงินค่าหัวคิวที่กรรมการบางคนเรียกเก็บไปมีจำนวนเท่าใด ค่าหัวคิวดังกล่าวถือเป็นการทุจริตที่เข้าข่ายลักษณะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 147 หรือไม่ 5.เงินส่วนที่ได้รับมาจากการจัดกิจกรรมที่เหลืออยู่ประมาณ 76 ล้านบาท ควรส่งให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติตรวจสอบควบคู่ไปกับหมายศาลทหารที่ออกมา เพื่อดำเนินคดีก่อนหน้านี้ ว่ามีบุคคลที่ได้รับแต่งตั้งเป็นคณะกรรมการในโครงการอุทยานราชภักดิ์เกี่ยวข้องกับรายการในจำนวนเงินดังกล่าวด้วยหรือไม่
@ แนะขยายผลสอบ 3 บัญชี
นายเรืองไกรระบุต่อว่า 6.ยังมีรายละเอียดที่ต้องตรวจสอบขยายผลต่อไปทั้ง 3 บัญชี คือ บัญชีกองทุนสวัสดิการกองทัพบก บัญชีกองทุนสวัสดิการอุทยานราชภักดิ์ และบัญชีมูลนิธิราชภักดิ์ 7.โครงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ตามแผนน่าจะยังดำเนินการไม่แล้วเสร็จ จะดำเนินการต่อไปอย่างไร ใช้เงินจากบัญชีใด 8.มีการดำเนินการตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการก่อสร้างอนุสาวรีย์แห่งชาติและการจำลองพระพุทธรูปสำคัญ พ.ศ.2520 อย่างถูกต้องครบถ้วนหรือไม่ สำนักงานเลขาธิการ ครม.รับรู้และดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องการขออนุญาตในขั้นตอนต่างๆ อย่างไรบ้าง
@ 2 แสนคนชมอุทยานราชภักดิ์
พล.ต.สัญญา จันทร์สงวน ผู้บัญชาการโรงเรียนนายสิบทหารบก อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า จากการเก็บสถิติจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวภายในอุทยานราชภักดิ์ ภายในโรงเรียนนายสิบทหารบก เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีสมเด็จพระบูรพกษัตริย์ทั้ง 7 พระองค์ และขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ที่ผ่านมา พบว่ามีประชาชนเข้าชม 204,941 คน ยานพาหนะ 44,207 คัน แบ่งเป็น จักรยาน 53 คัน รถจักรยานยนต์ 266 คัน รถกระบะ 20,812 คัน รถเก๋ง 22,534 คัน รถตู้ 484 คัน และรถบัสใหญ่ 58 คัน ซึ่งไม่พบมีปัญหาในการบริการด้านโครงสร้างพื้นฐาน แต่ยอมรับว่าสภาพการจราจรบนถนนเพชรเกษมติดขัดอย่างหนักเนื่องจากมีปริมาณรถจำนวนมาก ทั้งนี้โรงเรียนนายสิบทหารบกได้รับคำชื่นชมจากผู้บังคับบัญชาระดับสูง หลังจากประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประสบความสำเร็จ จากการจัดกิจกรรมสวดมนต์ข้ามปีครั้งแรกและมีประชาชนร่วมงานจำนวนมาก
@ สรุปสอบทรัพย์สิน 5 รมต.สิ้นม.ค.
นายณรงค์ รัฐอมฤต กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของรัฐมนตรี 5 ราย ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในโครงการรับจำนำข้าวรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าในการตรวจสอบใกล้ที่จะสรุปคดีแล้ว โดยที่ผ่านมาได้เรียกพยานที่เกี่ยวข้องกับการทำนิติกรรมของรัฐมนตรีทั้ง 5 ราย มาให้ข้อมูลข้อเท็จจริงแล้ว คาดว่าภายในเดือนมกราคมจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เพราะขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังเร่งตรวจสอบอยู่ และภายในต้นเดือนกุมภาพันธ์จะสามารถสรุปคดีเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้
@'วัฒนา'ชี้'ปู"คือแพะทางการเมือง
นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำ พท. โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวเรื่องแพะทางการเมืองชื่อ "ยิ่งลักษณ์" ว่า วันที่ 15 มกราคม จะเป็นวันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองเริ่มการไต่สวนคดีรับจำนำข้าวที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ถูก ป.ป.ช.กล่าวหาว่าดำเนินโครงการเพื่อให้เกิดการทุจริตในทุกขั้นตอน ความจริงแล้วโครงการรับจำนำข้าวเปลือกเป็นโครงการแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกเพื่อช่วยเหลือชาวนา อันเป็นนโยบายสาธารณะทางเศรษฐกิจของรัฐบาล จะมีความคุ้มค่าหรือไม่ มีความเห็นที่แตกต่างกันเสมอ ส่วนข้อกล่าวหาว่ามีความเสียหายหรือเกิดการทุจริต ล้วนเป็นข้อกล่าวหาในเรื่องงานด้านปฏิบัติการหรือการแปลงนโยบายไปสู่การปฏิบัติ แต่ไม่ใช่ความผิดพลาดในการกำหนดนโยบาย
@ 'วิลาศ'ยื่น'ป.ป.ช.-สตง.'สอบกทม. พิรุธจ้างโครงการอุโมงค์ไฟ 39 ล้าน
เมื่อวันที่ 3 มกราคม ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ อดีต ส.ส.ปชป. แถลงว่า ในวันที่ 6 มกราคมนี้ จะยื่นเรื่องการทุจริตของ กทม.ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ให้ตรวจสอบการบริหารงานที่ไม่โปร่งใสใน 3 เรื่อง ได้แก่ 1.การติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (ซีซีทีวี) ที่ผู้ว่าฯกทม.ระบุว่ามีการติดตั้งจำนวน 47,000 กว่าตัว แต่มีการติดตั้งจริง 11,000 ตัว 2.การขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสออกไปอีก 30 ปี 3 โครงการ ประดับไฟตกแต่งที่ลานคนเมืองจำนวน 5 ล้านดวง ระหว่างวันที่ 30 ธันวาคม 2558-31 มกราคม 2559 มูลค่า 39.5 ล้านบาท
นายวิลาส กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าบริษัทที่รับทำโครงการประดับไฟคือ บริษัท คิวริโอ ทัวร์ แอนด์ แทรเวิล จำกัด ซึ่งทำธุรกิจัดทัวร์มาตลอด ต่อมาเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2558 แจ้งต่อกรมทะเบียนการค้าขอเพิ่มวัตถุประสงค์ในการทำธุรกิจคือ 1.รับตกแต่งไฟและขายหลอดไฟประดับ และ 2.จัดจำหน่ายเครื่องดนตรีทุกประเภท แสดงให้เห็นว่ามีการพูดคุยว่าจะต้องมารับงานดังกล่าว เนื่องจาก กทม.ประกาศเชิญชวนให้บริษัทมายื่นซองประมูลโครงการประดับไฟตกแต่งในวันที่ 26 พฤศจิกายน และเปิดซองประมูลในวันที่ 17 ธันวาคม โดยบริษัทดังกล่าวเข้ามาทำงานทันทีทั้งที่ยังไม่ทำสัญญา เพราะจะต้องมีการประกาศผู้ที่ได้รับการประมูลในวันที่ 22 ธันวาคม เรื่องนี้นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. ออกมาระบุว่า ไม่เป็นไร เพราะบริษัทนี้ก็ได้งานอยู่แล้ว จึงขอตั้งข้อสังเกตว่างานนี้ถ้าไม่มีการติดต่อกันไว้ก่อน ไฟจำนวน 5 ล้านดวง ไม่ใช่เป็นสิ่งที่หามาได้ทันเวลา
"ผมไปตรวจสอบดูพบว่าแค่หลอดไฟไม่รวมค่าแรง ก็เพียง 5 ล้านบาทเศษ ถามว่าใช้งบประมาณเกินไปหรือไม่ ถ้าผู้ว่าฯและรองผู้ว่าฯกทม.บริสุทธิ์ใจจริง ขอให้นำสัญญาว่าจ้างมากางเพื่อให้ตรวจสอบความโปร่งใส" นายวิลาศกล่าว
นายวิลาศ กล่าวว่า จากการตรวจสอบยังพบว่าบริษัทคิวริโอฯเคยรับงานจัดทัวร์ของ กทม.ในช่วงเดือนมกราคม-มีนาคม 2554 มีสมาชิกสภาเขต (สข.) กทม. จำนวน 362 คน เดินทางไปฝรั่งเศส อิตาลี เยอรมนี 7 วัน ส่วนผู้ช่วย สข.จำนวน 244 คน เดินทางไปกรุงปักกิ่ง ประเทศจีน 6 วัน 5 คืน ซึ่งตามระเบียบการเดินทางของราชการจะต้องใช้สายการบินไทย แต่ปรากฏว่าทัวร์ของทั้ง 2 โครงการ ได้ซื้อตั๋วจากสายการบินศรีลังกาแอร์ โดยอ้างว่าในระหว่างวันเดินทางที่นั่งของสายการบินไทยเต็ม
นายพรชัย เทพปัญญา สมาชิกสภา กทม.สรรหา จากการแต่งตั้งของ คสช. แถลงว่า บริษัทคิวริโอฯกำลังจะจัดทำทัวร์ให้ไปประเทศโปรตุเกส ซึ่งปกติเจ้าหน้าที่จัดทำเอง โดยจะใช้งบประมาณล้านกว่าบาท แต่ถ้าให้บริษัททำราคาจะสูงขึ้น ซึ่งจะติดตามตรวจสอบโดยยื่นเป็นกระทู้ในสมัยการประชุมสภา กทม.ที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้
ด้านนายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯกทม. ชี้แจงกรณีดังกล่าวว่า นายวิลาศต้องการจะยื่นตรวจสอบ กทม. เป็นเรื่องที่สามารถทำได้ แต่ควรทำให้ถูกต้องและมีจริยธรรม หากกระทำด้วยจิตใจคับแคบหรือเพื่อประโยชน์ส่วนตัว คงจะไม่เกิดผลดีต่อสังคมหรือต่อใคร
ส่วนเรื่องที่นายวิลาศระบุว่า กทม.อาจติดตั้งกล้องซีซีทีวีเพียง 11,000 ตัวนั้น นายอมรกล่าวว่า จากข้อเท็จจริงที่ทราบคือ นายวิลาศได้ขอเอกสารสัญญาจัดซื้อจัดจ้างการติดตั้งกล้องในปี 2556 เท่านั้น ทางสำนักการจราจรและขนส่ง กทม.ก็ได้รวบรวมและส่งรายละเอียดการจัดซื้อในปีดังกล่าวให้นายวิลาศ ซึ่งมีการจัดซื้อตามจำนวนข้างต้น หากนายวิลาศขอรายละเอียดปีอื่นๆ ด้วย ก็จะพบ กทม.ได้ติดตั้งกล้องไปแล้วกว่า 47,000 ตัว โดยทยอยติดตั้งมาตั้งแต่ปี 2552 ซึ่งในการจัดซื้อปี 2552-2554 ก็ได้ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร ส่วนประเด็นการขยายสัญญาเดินรถไฟฟ้าบีทีเอสออกไปอีก 30 ปี เรื่องนี้ ป.ป.ช.รับเรื่องไว้พิจารณาแล้ว นายวิลาศไม่ต้องไปเพิ่มงานให้ ป.ป.ช.อีก ขณะที่การติดตั้งไฟประดับที่ลานคนเมือง ก็ได้อธิบายไปหมดแล้วว่า กทม.ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง เปิดประมูลบริษัทจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ (e-Auction) หากนายวิลาศอ่านข่าวบ้าง จะทราบรายละเอียดว่าเป็นอย่างไร
งาน'บิ๊กป้อม' พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และ รมว.กลาโหม เปิดบ้านพักย่านมีนบุรี กทม. จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่เมื่อค่ำวันที่ 1 มกราคม โดยมี ครม.สายทหารและนายทหารระดับสูงจาก 3 เหล่าทัพร่วมงานคับคั่ง
'บิ๊กป้อม'จัดปีใหม่'ครม.-ผบ.เหล่าทัพ'แห่ร่วมแนะทำงานเพื่อชาติยึดโรดแมป 'บิ๊กตู่'บ่นเหนื่อยทำอะไรก็ถูกด่า 'มีชัย'แย้มบัญญัติปฏิรูปการศึกษา-บังคับใช้ กม.ใน รธน.เล็งยกเครื่ององค์กรตามรัฐธรรมนูญ หวังคัดคนดีเข้าสู้การเมือง
@ "ป้อม"จัดปีใหม่"บิ๊กตู่"นำครม.ร่วม
เมื่อวันที่ 2 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดบ้านพักส่วนตัวภายในหมู่บ้านกฤษดานคร เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่เมื่อวันที่ 1 มกราคม โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.สมหมาย เกาฏีระ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.สส.) พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) รวมถึงนายทหารระดับสูงของกองทัพบก มาร่วมงานอย่างคึกคักกว่า 500 คน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย แขกภายในงานพูดคุยหยอกล้อกัน และมีร้านอาหารมาออกร้านกว่า 30 ร้าน
@ บอกขอให้ทำงานตามโรดแมป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทั่งเวลา 21.54 น.พล.อ.ประวิตรขึ้นเวทีกล่าวอวยพรผู้มาร่วมงานว่า พรที่น้องๆ ให้มาขอให้น้องๆ ได้กลับไปทั้งหมด ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ ช่วยกันขับเคลื่อนงานตามโรดแมป ช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีและพี่น้องประชาชน ส่วนที่ทำงานหนักมาทั้งปีเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไป ปี 2559 ขอให้ทางเหล่าทัพร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน และเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศต่อไปให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์พร้อมรัฐมนตรี และผู้บัญชาการเหล่าทัพ ขึ้นเวทีร่วมกันร้องเพลง 3 เพลง ได้แก่ เพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย เพลงเพราะเธอคือประเทศไทย และเพลงมาร์ชสามัคคีสี่เหล่า ก่อนที่จะลงเวทีมาพูดคุยร่วมกัน และแยกย้ายกันกลับบ้านประมาณเที่ยงคืน
@ "บิ๊กตู่"บ่นทำงานเหนื่อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้กล่าวกับผู้ที่มาร่วมงานว่าทำงานมารู้สึกเหนื่อยมาก ทำอะไรก็มักถูกด่า และขอให้ทุกคนร่วมกันทำงานเพื่อประเทศชาติ แหล่งข่าวใกล้ชิด พล.อ.ประวิตรเปิดเผยว่า การจัดงานเลี้ยงปีใหม่ ทาง พล.อ.ประวิตรจัดเป็นประจำทุกปี โดยจะจัดทุกวันที่ 31 ธันวาคม แต่ในปีนี้เลื่อนมาเป็นวันที่ 1 มกราคม เพราะ พล.อ.ประวิตรต้องการให้น้องๆ ได้เข้าวัดทำบุญสวดมนต์ข้ามปีและฉลองข้ามปีพร้อมกับครอบครัว เนื่องจาก พล.อ.ประวิตรตั้งใจไว้ อีกทั้ง พล.อ.ประวิตรได้ไปสวดมนต์ข้ามปีด้วยเช่นกัน เพราะต้องการทำตามนโยบายและโครงการสวดมนต์ข้ามปีที่วางไว้
@ "มีชัย"ชี้รธน.ปชช.มีส่วนร่วม
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงสิ่งที่ประชาชนจะได้รับจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ว่า อยากชักชวนให้ดูกลไกที่ประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแท้จริง และกลไกการขจัดทุจริตประพฤติมิชอบทั้งในหน้าที่และการเลือกตั้ง เพื่อทำให้การเมืองบริสุทธิ์ ประเทศเดินหน้าไปได้ โดยไม่ติดกับดักเหมือนที่เป็นอยู่
"การมีส่วนร่วมของประชาชนจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนคือ 1.การรับรองการมีส่วนร่วมที่เกี่ยวกับนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ประชาชนมีสิทธิรับรู้และมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น 2.การมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกบุคคลเป็นผู้บริหารประเทศที่จะมีกลไกทำให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลการเลือกตัวบุคคล พรรคการเมือง และนายกรัฐมนตรี และ 3.การมีส่วนร่วมของประชาชนที่จะเข้ามาสมัครเป็น ส.ว.โดยกระบวนการเลือกกันเองแบบทางอ้อม ทำให้ประชาชนที่สนใจทางการเมืองสามารถมาลงสมัครได้โดยไม่ต้องพึ่งพิงพรรคการเมืองหรืออยู่ใต้อาณัตินักการเมือง" นายมีชัยกล่าว
@ วางกรอบคัดคนดีสู่การเมือง
นายมีชัยกล่าวถึงการวางกลไกให้การทุจริตลดลงอย่างเป็นรูปธรรมว่า จะกำหนดคุณสมบัติของคนที่เข้าสู่การเมืองทุกองคาพยพ จะต้องไม่เคยถูกตัดสินว่าเป็นผู้ทุจริตทั้งในหน้าที่และการเลือกตั้ง ถ้าใครถูกตัดสินเช่นนั้นต้องถูกห้ามตลอดชีวิต เป็นมาตรการแรง
"หวังว่าคนที่เข้าสู่การเมืองจะตระหนักถึงความรุนแรงอันนี้ และจะหลีกเลี่ยงไม่ทำความผิด ขณะเดียวกันระหว่างการเข้ามาทำหน้าที่ของฝ่ายการเมืองก็จะมีกลไกควบคุมไม่ให้ประพฤติในทางที่ไม่สุจริตอย่างชัดแจ้งและทางจริยธรรมที่มีการฝ่าฝืนอย่างร้ายแรง หากใครถูกตัดสินว่ากระทำแบบนั้นก็จะถูกห้ามเข้าสู่การเมืองตลอดชีวิตเช่นกัน" นายมีชัยกล่าว และว่า กลไกเหล่านี้จะกระจายไปอยู่ตามองค์กรอิสระและศาลรัฐธรรมนูญ โดยปรับปรุงการทำหน้าที่และที่มาขององค์กรอิสระให้มีความเข้มข้นเพื่อเป็นที่พึ่งของประชาชน สิ่งที่เคยห้ามในรัฐธรรมนูญ แต่ถูกละเลย กลายเป็นการปฏิบัติที่ทุกคนวางเฉย เช่น การห้าม ส.ส.แปรญัตตินำงบประมาณไปใช้เป็นงบ ส.ส. ซึ่งมีการละเมิดเป็นประจำ แต่ไม่มีบทลงโทษชัดเจน ครั้งนี้จะให้มีบทลงโทษที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นหากฝ่าฝืนก็จะให้พ้นจากตำแหน่งและไม่สามารถเข้าสู่วงการเมืองได้อีก ซึ่งจะครอบคลุมทั้ง ส.ส. ส.ว. ครม.และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้อง
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตั้งเป้าให้ร่างรัฐธรรมนูญสั้น กระชับ จะมีทั้งหมดกี่หมวด กี่มาตรา นายมีชัยกล่าวว่า ขณะนี้มี 250-260 มาตรา แต่เป็นเพียงแค่ร่างเบื้องต้น ต้องไปปรับให้กระชับมากขึ้น จะเหลือมากน้อยเท่าใดยังบอกไม่ได้ แต่วิธีการเขียนจะเขียนให้กระชับ แม้จะมีเลขมาตรามาก แต่เนื้อหาแต่ละมาตราจะไม่ยืดยาว เว้นแต่บางมาตราที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องบรรยายให้ยืดยาว แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเขียนให้กระชับ
@ แย้มวางปฏิรูป 2 เรื่องในรธน.
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปฏิรูปจะระบุลงไปในร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า กำลังอยู่ในการพิจารณาว่าจะมีเรื่องการปฏิรูปเรื่องใดที่มีความจำเป็นต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญเพื่อให้การปฏิรูปเดินไปข้างหน้าได้ เท่าที่คิดมี 2 เรื่อง คือ 1.การปฏิรูปการศึกษา ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญทำให้รัฐธรรมนูญสามารถใช้บังคับได้อย่างมีประสิทธิภาพ 2.การปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวด ไม่ใช่ปล่อยปละละเลยแบบที่เป็นมา
"ส่วนการปฏิรูปเรื่องอื่นๆ ทาง กรธ.กำลังมีหนังสือสอบถามไปยังสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) ว่า มุ่งปฏิรูปเรื่องใด และเรื่องใดมีความรีบด่วน ต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ ส่วนยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20 ปี จะมีในรูปแบบใด ยังไม่มีความชัดเจน แต่เป็นไปได้ว่าหลังจากที่รัฐธรรมนูญร่างแรกเสร็จแล้ว จะส่งไปให้ ครม.พิจารณา ซึ่ง ครม.อาจจะมีข้อเสนอในเรื่องยุทธศาสตร์แห่งชาติและการปฏิรูปที่อยากให้ใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญ ถึงตอนนั้น กรธ.จะกลับมาดูอีกที" นายมีชัยกล่าว
นายมีชัยกล่าวถึงแนวทางการปฏิรูปจะทำในภาพรวม หรือมีองค์กรขึ้นมากำกับดูแล ว่า กำลังรอดูว่าทาง สปท.มีความคิดอย่างไร หากคิดว่ามีกฎหมายออกมาฉบับหนึ่งแล้วการปฏิรูปเดินหน้าไปได้ ก็ไม่จำเป็นต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือถ้าจำเป็น เพียงแต่เขียนบังคับให้มีกฎหมายเท่านั้น
@ ไม่สรุปปฏิรูปตำรวจในรธน.
ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เสนอให้ปฏิรูปตำรวจโดยให้แยกการสอบสวนออกจาก ตร.จะเขียนในรัฐธรรมนูญ หรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ปัญหาของตำรวจมีอยู่เรื่องเดียวคือ การเจริญเติบโต ไม่ขึ้นอยู่กับความรู้ ความสามารถ การเลื่อนตำแหน่งขึ้นอยู่กับการวิ่งเต้น เป็นจุดอ่อน ทำให้ตำรวจเสียกำลังใจในการทำหน้าที่ ถ้าขจัดเรื่องวิ่งเต้นได้ ตำรวจทั้งประเทศจะมีขวัญกำลังใจ สามารถเจริญก้าวหน้าตามหน้าที่ของตนเอง
"ส่วนเรื่องอื่นปรับเปลี่ยนแก้ได้ง่าย ไม่ยาก การเสนอให้แยกงานสอบสวนออกมา เป็นผลมาจากคนที่มีความรู้ ความสามารถ ไม่สามารถเลื่อนขึ้นไปได้ตามลำดับขั้น ทั้งนี้ การปฏิรูปตำรวจยังไม่ได้คิดว่าจะเขียนลงไปในรัฐธรรมนูญหรือไม่" นายมีชัยกล่าว
@ รอผลศึกษาปฏิรูป-ปรองดอง
เมื่อถามว่าสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เสนอให้มีคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติ (คปป.) ในร่างรัฐธรรมนูญ นายมีชัยกล่าวว่า กรธ.จะนำข้อโต้แย้งของฝ่ายต่างๆ มาประกอบการพิจารณาว่าจำเป็นมากน้อยแค่ไหน แต่ยังไม่เคยคิดว่าจะมี และยังนึกไม่ออกว่าจะมีไปทำไม หน้าตาไปอย่างไร
"ส่วนข้อวิจารณ์ระบบจัดสรรปันส่วนผสมจะทำให้การเลือกตั้งเกิดความรุนแรง และมีการซื้อเสียงมากขึ้น ยังไม่เห็นว่าจะทำให้การเลือกตั้งรุนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่หากใครไปซื้อเสียงขอให้นึกถึงผลลัพธ์ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญว่าต้องไปหมดและไปแบบไม่กลับมา มาตรการแซงก์ชั่นจะเป็นตัวสำคัญจะทำให้เกิดความยับยั้งชั่งใจได้พอสมควร" นายมีชัยกล่าว
เมื่อถามว่าการปฏิรูปและการปรองดองจะแยกหรือจะเชื่อมโยงกันในรัฐธรรมนูญ นายมีชัยกล่าวว่า กรธ.กำลังรอฟังผลการศึกษาจากคณะอนุกรรมการของ กรธ.ที่กำลังพิจารณาอยู่ แต่ที่สื่อมวลชนบางฉบับนำเสนอความเห็นเรื่องนี้ไปแล้ว ไม่รู้ว่านำมาจากไหน แต่ยืนยันว่า กรธ.ยังไม่ได้พิจารณา อย่างไรก็ตาม กรธ.พร้อมนำข้อเสนอมาพิจารณาประกอบร่วมกัน ไม่ทิ้งต้องมีกลไกปรองดองในรธน.
ผู้สื่อข่าวถามว่า สถานการณ์ขณะนี้จำเป็นต้องมีกลไกมาสร้างความปรองดองในช่วงเปลี่ยนผ่านหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ไม่น่าจะต้องมีกลไกอะไร ถ้าคิดออกว่าจะปรองดองกันอย่างไร ค่อยมาดูกันอีกทีว่าจะทำให้เกิดผลได้อย่างไร หากตั้งเป้าว่าจะต้องมีนั่นมีนี่ อาจจะไม่ตรงกับความจำเป็น
เมื่อถามว่าจำเป็นต้องเขียนเรื่องการปรองดองไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า อาจจะต้องมีกระบวนการทำให้เกิดความปรองดองขึ้นมา ซึ่งไม่จำเป็นต้องเขียนในรัฐธรรมนูญ ลำพังการเขียนในรัฐธรรมนูญให้ทุกฝ่ายดำเนินการให้เกิดความปรองดอง ถ้าเขียนเพียงเท่านั้นแล้วทำให้เกิดการปรองดองได้ เราเขียนไปนานแล้ว มันไม่น่าสัมฤทธิ์ผลได้เพียงแค่การเขียนเท่านั้น
@ เล็งยกเครื่ององค์กรตามรธน.
นายมีชัยกล่าวถึงการเขียนบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญว่า ยังไม่ได้คิด เพราะต้องรอให้เนื้อหาเสร็จสมบูรณ์ก่อน จึงจะเริ่มเขียนบทเฉพาะกาล หากการไปประชุมยกร่างรัฐธรรมนูญนอกสถานที่สามารถพิจารณาเนื้อหาทั้งหมดเสร็จ อาจจะพิจารณาเรื่องบทเฉพาะกาลได้ในช่วงนั้น แต่หากเสร็จไม่ทัน จะพิจารณาหลังจากนั้น
เมื่อถามว่า องค์กรตามรัฐธรรมนูญหลายองค์กรที่เปลี่ยนแปลงโครงสร้างตามรัฐธรรมนูญใหม่ ควรให้ชุดเดิมอยู่ทำงานครบวาระ หรือเปลี่ยนตามโครงสร้างใหม่ นายมีชัยกล่าวว่า มีการหารือกันอยู่ว่าจะทำอย่างไร มีแนวคิดหนึ่งว่า ควรให้เริ่มต้นใหม่ เพราะบางองค์กรระยะเวลาอายุเปลี่ยนไป สมควรเริ่มต้นใหม่ แต่อีกความคิดหนึ่งบอกว่า ถ้าให้เริ่มต้นใหม่พร้อมกันทั้งหมดจะเกิดความโกลาหลได้ บางองค์กรเพิ่งมีคนใหม่เข้ามา ถ้าให้ไปเริ่มต้นใหม่เหมือนไปฆ่าเขาให้สิ้นชีวิต จึงยังไม่มีข้อยุติออกมาว่าจะทำอย่างไร
@ เชื่อรธน.ผ่านประชามติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่ามีปัจจัยใดทำให้รัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ นายมีชัยกล่าวว่า "ยังไม่เคยคิดในแง่นั้น คิดว่า เราทำดีที่สุดแล้ว ถ้าประชาชนเข้าใจอย่างที่เราพยายามอธิบาย ก็น่าจะผ่าน จริงอยู่แม้พรรคการเมืองจะคัดค้าน แต่อาจเป็นการพูดด้วยอารมณ์ ถึงเวลาต้องเห็นแก่ประเทศชาติ และประชาชนเป็นสำคัญ"
เมื่อถามว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ประชาชนจะได้อะไร จะกำหนดเงื่อนไขให้ชัดเจนหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า แน่นอนอยู่แล้ว ถ้าไม่ผ่านต้องไปร่างกันใหม่ คือยังไงก็ต้องไปทำกันใหม่ เมื่อถามว่าจะรับผิดชอบอย่างไรกับความเสียหายหากประชามติไม่ผ่านทำให้เสียงบประมาณใครจะรับผิดชอบ นายมีชัยกล่าวว่า คนที่ทำให้ไม่ผ่านก็ต้องรับผิดชอบ เมื่อถามว่าหมายถึงประชาชนหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ไม่ ใครที่บิดเบือนจนทำให้ประชาชนเข้าใจผิด คนนั้นต้องรับผิดชอบ เมื่อถามว่าถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านแสดงว่ามาจากการบิดเบือนใช่หรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า มาถามคนร่าง คนร่างต้องตอบอย่างนั้น เพราะคนร่างก็ร่างดีที่สุด เท่าที่สติปัญญาจะมี
@ เผยยกร่างรายมาตรา11-17ม.ค.
นายมีชัยกล่าวถึงรูปแบบการประชุม กรธ.ที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 11-17 มกราคม ว่าจะพิจารณาตั้งแต่มาตรา 1 เป็นต้นไป จะดูถ้อยคำและความสอดคล้อง ความสมบูรณ์ คิดว่าน่าจะเห็นออกมาเป็นรายมาตราได้ และคิดเหมือนกันว่าจะเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าไปร่วมรับฟังได้ หากไม่มีเรื่องหารือที่เป็นเรื่องสำคัญ แต่มีเงื่อนไขว่าเข้าไปแล้วห้ามลุกออก ต้องอยู่ด้วยกัน จะได้รู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน
เมื่อถามว่า ร่างรัฐธรรมนูญจะต้องมีเนื้อหาในส่วนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพื่อช่วยในการตีความหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า เจตนารมณ์ของการตีความกฎหมายไม่ได้ดูที่คนร่างคิด แต่ดูที่เขียนออกมาอย่างไร เวลาตีความจะดูจากถ้อยคำทั้งหมด แล้วนำมาประมวลว่าเจตนารมณ์จากตัวหนังสือเหล่านั้น มีความมุ่งหมายอย่างไร เพราะไปถามคนร่างไม่ได้ คนร่างอาจลืมไปบ้าง เปลี่ยนความคิดบ้าง หรือตายไปแล้ว ตีความไม่ได้จะแย่ เมื่อถามว่า การร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่แล้ว มีเนื้อหาในส่วนบันทึกเจตนารมณ์ประกอบด้วย นายมีชัยกล่าวว่า เป็นความตั้งใจที่จะบังคับคนตีความว่าจะต้องมา แต่เอาเข้าจริง หลักการตีความไม่ใช่แบบนั้น
@ แย้มมีกลไกผ่าทางตัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีกลไกในรัฐธรรมนูญไม่ให้ประชาชนออกมาเรียกร้องตามท้องถนนอีกอย่างไร นายมีชัยกล่าวว่า วางเป็นขั้นตอนในทุกเรื่อง โดยมีองค์กรมีอำนาจวินิจฉัยและคำวินิจฉัยจะสิ้นสุด ไม่ปล่อยให้เรื่องคาราคาซัง
อยู่จนต้องไปตีความบนท้องถนนอีก อย่างไรก็ตาม ไม่ได้แปลว่าเมื่อรัฐธรรมนูญนี้ออกมาใช้บังคับแล้วชาวบ้านจะเดินขบวนแสดงความคิดเห็นอะไรไม่ได้เลย มันไม่ใช่ เพราะสิทธิดังกล่าวเป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญรองรับไว้ ตราบเท่าที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือละเมิดสิทธิคนอื่น ซึ่งอันนี้จะเป็นจุดเน้นอย่างหนึ่งของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่าสิทธิที่รับรองไว้ จะต้องใช้โดยไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น
เมื่อถามว่า ควรมีเวทีให้พรรคการเมืองได้รณรงค์ในช่วงการทำประชามติหรือไม่ นายมีชัยกล่าว ไม่รู้ ไม่ใช่หน้าที่ของ กรธ.จะไปคิดแทนคนอื่น กรธ.มีหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ จุดมุ่งหมายและผลที่ต้องการคืออะไร เพื่อให้ประชาชนทราบอย่างกระจ่างเท่านั้น
@ กรธ.ย้ำ29ม.ค.ร่างแรกเสร็จ
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษก กรธ. กล่าวถึงการทำงานของ กรธ.หลังปีใหม่ว่า การร่างรัฐธรรมนูญเกือบเสร็จสิ้นหมดแล้ว เหลือเพียงการปฏิรูปและการปรองดอง เพราะทาง กรธ.ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนำเรื่องเหล่านี้ไปใส่ไว้ตรงไหน และอีกเรื่องคือบทเฉพาะกาล ส่วนการร่างรัฐธรรมนูญเรื่องอื่นนั้น หลักการยุติเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้อาจจะทบทวนในส่วนที่มีการทักท้วงหรือเห็นต่าง
นายอุดมกล่าวว่า วันที่ 4 มกราคม กรธ.จะประชุมตามปกติ จะนำส่วนที่อนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นฯสรุปความเห็นที่ได้ไปรับฟังที่ต่างๆ มาให้ที่ประชุมใหญ่รับทราบว่ามีประเด็นสำคัญอะไรบ้าง และประเด็นใดที่ประชาชนจับตามอง รวมถึงที่ประชาชนท้วงติง ส่วนการกลั่นกรองคำและรายละเอียดอื่นจะไปทบทวนกันในวันที่ 11-17 มกราคม ที่ทาง กรธ.จะออกนอกสถานที่ เพื่อที่จะได้เสร็จสิ้นและเผยแพร่ออกสู่สาธารณชนตามกำหนดการ คือวันที่ 29 มกราคม และหลังจากวันที่ 29 มกราคม จะรับฟังความเห็นและรับมาปรับเปลี่ยนดูข้อดีข้อเสียให้ชัดขึ้น
@ รบ.-คสช.รับผิดชอบประชามติ
นายอุดมกล่าวถึงการทำประชามติว่า ที่ประชุมเกือบจะไม่มีการพูดถึงเลย กรธ.พูดกันแต่แผนประชาสัมพันธ์ เมื่อข้อมูลเสร็จก็ส่งมอบให้อนุกรรมการฝ่ายรับฟังฯมาทำงานดูว่าประชาชนมองสิ่งที่ร่างออกมาเป็นอย่างไร ประชาชนคิดอย่างไร กรธ.จะมีเวลาทบทวนอีกครั้งหลังวันที่ 29 มกราคม
เมื่อถามว่า ยังไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 37 วรรคท้ายกังวลหรือไม่จะส่งผลให้ประชามติไม่ผ่าน นายอุดมกล่าวว่า เรื่องประชามติจะผ่านมากน้อยหรือไม่ผ่าน ในส่วน กรธ.ถือว่าให้ข้อมูลประชาชนแล้ว ส่วนประชามติจะออกมาเป็นอย่างไรอยู่ที่รัฐบาลและ คสช.จะปรับออกมาเป็นอย่างไร ไม่ได้พูดถึงเลยเพราะเราทำหน้าที่ในการยกร่างและก็ประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลประชาชนเท่านั้น
@ ไม่ผ่านประชามติกลับเลี้ยงหลาน
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขานุการ กรธ. คนที่ 1 กล่าวถึงการทำประชามติโดยที่ยังไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหา และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ได้ยืนยันแล้วว่าไม่เป็นปัญหา ที่เป็น
กระแสข่าวนั้นเพราะมีคนพยายามหยิบยกมาเรื่อยๆ แต่อย่างไรก็ดีการทำประชาชามติเป็นเสียงของประชาชนและเสียงของประชาชนก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดูแล และเมื่อรัฐบาลบอกว่าไม่มีปัญหา แล้วทำไมเราต้องมาตื่นเต้นกัน ซึ่ง กรธ.มีหน้าที่ร่างรัฐธรรมนูญ แค่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
"กรธ.พูดแต่เพียงทำอย่างไรให้เสร็จ ให้ดีที่สุด นอกจากนี้ไม่ใช่เรื่องของเรา และนายมีชัยพูดบ่อยๆ ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ กรธ.ก็กลับไปเลี้ยงหลานกันเหมือนเดิม" นายปกรณ์กล่าว
@ สปท.ดันยุทธศาสตร์ชาติ4แผน
พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (กมธ.) ด้านบริหารราชการแผ่นดิน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) กล่าวถึงการมีส่วนร่วมจัดทำแผนยุทธศาสตร์ชาติของ กมธ.ว่า เป็นงานที่สานต่อจากสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) โดยนายกรัฐมนตรีได้ความเห็นชอบ จึงทำให้ ครม.มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ชาติ และที่ผ่านมา กมธ.ยังได้เสนอความเห็นในเรื่องนี้ต่อ กรธ.ด้วย หนึ่งในนั้นมีข้อเสนอว่าให้บรรจุเรื่องของยุทธศาสตร์ชาติไว้ในร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งทาง กรธ.รับเรื่องไปแล้ว
"ทั้งนี้ กมธ.มีแผนการดำเนินงานเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติ 4 แผนด้วยกันคือ 1.ทำให้เรื่องยุทธศาสตร์ชาติมีการกำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ 2.ให้กฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติมีผลบังคับใช้ ก่อนที่จะมีรัฐบาลต่อไป 3.สนับสนุนความมุ่งมั่นของรัฐที่จะให้มียุทธศาสตร์ชาติ วันที่ 16 มกราคมนี้ ทาง กมธ.จะจัดงานสัมมนาเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติขึ้น โดยจะเชิญหน่วยงานต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้าร่วมสัมมนาด้วย และ 4.สร้างปณิธานร่วมในการขับเคลื่อนประเทศร่วมกัน" พ.ต.ต.ยงยุทธกล่าว
@ "ปึ้ง"แจงแจกปฏิทิน"ปู-แม้ว"
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรองนายกฯและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีส่วนราชการบางส่วนพยายามกล่าวหาว่าการแจกปฏิทินขึ้นปีใหม่ที่มีรูปนายทักษิณ ชินวัตร และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองของพรรคการเมืองว่า คิดว่ามันจะบ้ากันไปใหญ่แล้วเพราะการส่งความสุขให้ประชาชนในช่วงเทศกาลปีใหม่นั้นมีเงินมีทองก็ซื้อหากันมาไม่ได้ คนที่รับไปก็จะมีความสุขและจะได้หายคิดถึงคนที่เขาเคารพรัก ทั้ง 2 คนและอดีตนายกทั้งสองท่านก็ถูกตัดสิทธิทางการเมืองไปแล้ว ถูกห้ามไม่ให้ลงสมัคร ส.ส. ไม่ทราบว่าจะเกรงกลัวอะไรกันนักกันหนา
"แบบนี้ความคิดที่จะให้เกิดความปรองดองจะเป็นไปได้อย่างไรและโดยเฉพาะส่วนราชการถึงกับมีหนังสือเวียนของทางการออกมาแบบนี้และเป็นหนังสือประทับตราว่า "ลับ" ยิ่งรังแต่จะก่อให้เกิดการแบ่งแยก" นายสุรพงษ์กล่าว และว่า อยากเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์กำชับให้ข้าราชการได้ปฏิรูปการทำงานของตนเองในทางสร้างสรรค์เฉกเช่นเดียวกันกับที่นายกฯตั้งปณิธานเอาไว้ว่าปีนี้จะเริ่มปฏิรูปที่ตัวเองก่อนโดยจะไม่หงุดหงิด โมโหโกรธาง่ายๆ เหมือนปีที่ผ่านมา
"ความปรองดอง การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ความสมานฉันท์ในสังคมจะเกิดขึ้นได้ต้องใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อย ประเภทที่ชอบทำงานเอาใจนายควรเลิกได้แล้ว ประเทศไทยจะได้ก้าวข้ามปัญหาความขัดแย้งไปได้และต้องรู้จักเคารพในสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานส่วนบุคคลไว้บ้างประชาธิปไตยในไทยจึงจะเป็นที่ยอมรับในสากลโลก" นายสุรพงษ์กล่าว
@ พท.สับรธน.ไม่ยึดโยงปชช.
นายวรชัย เหมะ อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัยว่า เป็นร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน เปรียบเทียบได้กับหมาชะเง้อดูกระต่ายบนดวงจันทร์ ประชาชนไม่มีทางได้กระต่ายบนดวงจันทร์แน่นอน ทั้งนี้รัฐธรรมนูญฉบับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ยังมีความก้าวหน้ากว่า เช่นยังมี ส.ว.เลือกตั้งส่วนฉบับนี้เป็น ส.ว.สรรหาทั้งหมด แม้จะบอกว่าคัดสรร แต่เป็นวิธีการลากตั้งทางอ้อมอย่างแยบยลเท่านั้น
"เนื้อหาสาระที่เปิดเผยออกมา ชาวบ้านค้านเต็มที่ยิ่งกว่ารัฐธรรมนูญฉบับใด แต่ไม่ว่าใครออกมาพูดท้วงติงแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กรธ.ยังไม่ฟังเลย ตั้งหน้าตั้งตาทำไปตามพิมพ์เขียว อาจจะมีลักษณะให้กรรมาธิการสงวนคำแปรญัตติแล้วมาอภิปรายบ้าง แต่ในที่สุดก็แพ้มติอยู่ดีดังนั้นร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แย่หนักกว่าเดิม" นายวรชัยกล่าว
@ ซัดรธน.ฉบับกินรวบ
นายวรชัยกล่าวถึงบทบาทของ ส.ว.ว่า อาจถอดถอนนักการเมืองไม่ได้ก็จริงแต่มีการบัญญัติให้ ส.ว.มีอำนาจในการตั้งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นช่องทางคุมรัฐบาลเลือกตั้งที่บริหารประเทศ โดยหาเรื่องตีรวนส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความว่าผิด ส่วนการที่รัฐบาลที่มีนายกรัฐมนตรีที่ไม่ต้องมาจาก ส.ส.จะมีการตีรวนในสภาว่าต้องเลือกตั้งใหม่ก็จะเกิดความวุ่นวายในสภา แล้วจะไปสอดคล้องกับการตั้งองค์กรใหม่ ซึ่งเป็นองค์กรพิเศษ
ดังนั้นรัฐธรรมนูญใหม่ถ้าผ่าน ก็จะมีการตั้งคนกับองค์กรไว้ควบคุมรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ให้อยู่ในกลไกนี้ถ้าไม่ผ่านรัฐบาลนี้ก็อยู่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ได้บริหารประเทศต่อดังนั้นร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงเป็นรัฐธรรมนูญฉบับ
กินรวบผ่านก็ได้ไม่ผ่านก็ได้
@ "ป้อม"พอใจผลสอบราชภักดิ์
พล.อ.ประวิตรกล่าวถึงผลการสอบสวนโครงการอุทยานราชภักดิ์ของกระทรวงกลาโหมว่า พอใจกับผลการสอบข้อเท็จจริง คณะกรรมการทุกคนที่ถูกคัดเลือกมาดำเนินการอย่างเป็นละเอียด บริสุทธิ์ และยุติธรรม และตรวจสอบข้อมูลอย่างโปร่งใส ภายใต้กฎหมายรองรับ
"คณะกรรมการทั้งหมดไม่มีอำนาจดำเนินการใดๆ ที่เกินกว่าหน้าที่ และจากนี้จะส่งผลการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้กับสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินและคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติในเดือนมกราคมนี้" พล.อ.ประวิตรกล่าว และว่า โครงการอุทยานราชภักดิ์เป็นโครงการที่ดี มีแรงศรัทธาของประชาชนร่วมกันสร้าง เพื่อต้องการเทิดทูนแด่องค์บูรพกษัตริย์ที่ทรงสร้างคุณูปการต่อประเทศไทยมาตั้งแต่อดีต ให้ไทยอยู่เป็นไทยตราบจนทุกวันนี้
@ สตง.สอบใช้งบ-เงินบริจาค
นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยถึงกรณีการตรวจสอบการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ว่า มีการใช้งบประมาณของรัฐในส่วนงบกลาง 63 ล้านบาท คาดว่างบดังกล่าวน่าจะเบิกจ่ายไปแล้วกว่า 80% ซึ่ง สตง.จะดูว่าการใช้งบตรงนี้เป็นไปอย่างถูกต้องหรือไม่ เช่นเดียวกับการตรวจสอบโครงการตามโครงการที่ใช้งบประมาณทั่วไป แต่ทั้งนี้อุทยานราชภักดิ์ไม่ได้ใช้งบประมาณอย่างเดียว เนื่องจากมีทั้งเงินบริจาคที่รับเข้าบัญชี เงินบริจาคจากรายการโทรทัศน์ เงินมูลนิธิและเงินอุดหนุนจากหน่วยงานรัฐและรัฐวิสาหกิจ ดังนั้นในการตรวจสอบของ สตง.คงต้องเข้าไปดูทั้งหมด ทั้งการรับเงินและจ่ายเงิน การจ้างงาน ซึ่งในการตรวจสอบต้องดูตามเอกสารและหลักฐานต่างๆ อย่างละเอียด คาดว่าต้องใช้เวลาในการตรวจสอบอีกสักระยะ ไม่สามารถบอกได้ว่าจะแล้วเสร็จเมื่อใด เพราะขณะนี้เพิ่งเริ่มเข้าไปดูในเรื่องของเอกสารต่างๆ เท่านั้น
นายพิศิษฐ์กล่าวถึงการเข้าตรวจสอบและขอเอกสารหลักฐานจากหน่วยงานจากกระทรวงกลาโหมว่า ได้รับความร่วมมือที่ดีจากฝ่ายทหาร และยังสามารถนำสำเนาเอกสารในเรื่องที่สำคัญออกมาได้ ไม่ได้สั่งห้ามและแทรกแซงการทำงานของ สตง.แต่อย่างใด แต่ทั้งนี้ สตง.คงไม่มีนโยบายที่จะเอาเอกสารการตรวจสอบทั้งหมดมาไว้ที่ สตง. เพราะจะเป็นภาระในการจัดเก็บ
"การตรวจสอบเน้นในเรื่องของการใช้งบประมาณก่อน ยังไม่ได้เน้นตัวบุคคล ถ้าพบความผิดปกติในการใช้งบประมาณจะมีการตั้งทีมขึ้นมาตรวจสอบเป็นการเฉพาะอีกครั้งหนึ่ง" นายพิศิษฐ์กล่าว
@ ลุยสอบโรงหล่อ-จนท.รัฐ
นายพิศิษฐ์กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงกลาโหมเปิดเผยผลการตรวจสอบและตัวเลขงบประมาณของโครงการราชภักดิ์ว่ามีการใช้งบเป็นไปตามขั้นตอนว่า จากการตรวจสอบของ สตง.พบว่าตัวเลขงบประมาณที่กระทรวงกลาโหมได้เปิดเผยสู่สาธารณชนมีความถูกต้องจริง ตรงตามรายงานที่ สตง.ได้เข้าไปตรวจสอบ และการจัดทำบัญชีงบประมาณก็ค่อนข้างรัดกุม และละเอียดเรียบร้อยดี ทั้งนี้ สตง.จะเดินหน้าตรวจสอบต่อ โดยเฉพาะประเด็นที่ได้รับความสนใจจากประชาชนจำนวนมาก คือกรณีการว่าจ้างโรงหล่อพระบรมรูปว่ามีความผิดปกติอย่างไร และส่อไปในการทุจริตจริงหรือไม่ อาทิ ราคาการว่าจ้างโรงหล่อเมื่อเปรียบเทียบกับราคากลางสูงเกินปกติหรือไม่ ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าของโรงหล่อกับเจ้าหน้าที่รัฐมีความเกี่ยวพันกันอย่างไร
"หลังจากนี้จะมีการตรวจสอบตัวบุคคลเชิงลึกมากขึ้น เพื่อให้ได้ข้อสรุปว่ามีการทุจริตหรือไม่ แต่คงไม่สามารถระบุเวลาได้ว่าจะทำการตรวจสอบเสร็จเมื่อใด เพราะขึ้นอยู่กับความร่วมมือของบุคคลที่ถูกเชิญมาตรวจสอบด้วยว่าจะให้ความร่วมมือมากน้อยเพียงใด ขอเวลาในการตรวจสอบเพื่อความละเอียดรอบคอบ" นายพิศิษฐ์กล่าว
@ เรืองไกรยื่น"รับ-จ่าย"ให้ป้อม
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย (พท.) ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณผิดประเภทของอุทยานราชภักดิ์ว่า จะทำหนังสือแจงรายละเอียดเรื่องงบประมาณเป็นตัวเลขรับ-จ่าย ส่งให้ พล.อ.ประวิตร ในวันที่ 4 มกราคม เพื่อให้ พล.อ.ประวิตรส่งเรื่องต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาจะมีรายละเอียดอยู่ในหนังสือที่จะส่งให้ พล.อ.ประวิตร ชุดนี้ด้วย
"ทั้งนี้ข้อมูลในเอกสารที่จะส่งไปเป็นข้อมูลเฉพาะส่วนที่ได้หลังจากการรับฟังการชี้แจงจาก พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์เท่านั้น" นายเรืองไกรกล่าว
@ โพลเผยผิดหวังแก้ศก.-ยากจน
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ 1,763 คน ระหว่างวันที่ 2-30 ธันวาคม ถึง "ความสมหวัง" และ "ความผิดหวัง" ของประชาชนในการบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ในรอบปี 2558 โดยในด้านความสมหวัง พบว่าร้อยละ 90.92 สมหวังในกิจกรรมเทอดพระเกียรติ "ปั่นเพื่อพ่อ" และ "ปั่นเพื่อแม่" ร้อยละ 74.53 คือการจัดระเบียบของรัฐบาล ทำให้ผู้มีอิทธิพลลดน้อยลง ร้อยละ 63.30 คือความตั้งใจทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ ร้อยละ 58.70 การเร่งโครงการรถไฟฟ้า สาธารณูปโภคต่างๆ และร้อยละ 50.88 คือการเอาใจใส่ประชาชน
เรื่อง "ความผิดหวัง" ของประชาชน ร้อยละ 90.36 ระบุ การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความยากจน พืชผลเกษตรราคาตกต่ำ รองลงมาร้อยละ 88.15 การปราบปรามทุจริตยังไม่สำเร็จ ยังมีการทุจริตอยู่ ร้อยละ 68.75 คือการร่างรัฐธรรมนูญยังมีปัญหาข้อขัดแย้ง ขณะที่ร้อยละ 57.52 ระบุการจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน และร้อยละ 55.93 เรื่องการปฏิรูปประเทศยังไม่เกิดผลที่เป็นรูปธรรม
@ นครฯแบ่งข้างเชียร์"สุรินทร์"
ผู้สื่อข่าวรายงานภายหลังมีกระแสข่าว นายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน จะเข้าชิงการเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ภายหลังที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ปชป.จะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค ครบวาระในเดือนธันวาคม 2561 แม้นายสุรินทร์จะออกมาปฏิเสธถึงกระแสข่าวดังกล่าวแล้วว่าไม่เป็นความจริง แต่ในโลกโซเชียลมีเดียมีการแชร์ข้อความดังกล่าว
ไม่ให้แจก! ปฏิทินปีใหม่รูป'แม้ว-ปู' ร้อยเอ็ดอ้างไม่เป็นกลาง ป้อมเปิดบ้านเลี้ยงใหญ่ บิ๊กตู่-คสช.-บิ๊กทหารพรึบ
ปฏิทิน'แม้ว-ปู'เป็นเรื่อง ร้อยเอ็ดสั่งห้ามแจก ผู้ว่าฯ ให้ทุกอำเภอจับตา ไม่อยากให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมือง'ฉลาด ขามช่วง' ยันแจกประจำทุกปี ไม่มีนัยยะทางการเมือง 'ปึ้ง'จวกจะปรองดอง ต้องไม่คิดเล็กคิดน้อย'บิ๊กป้อม'เปิดบ้านเลี้ยงฉลองปีใหม่ 'บิ๊กตู่'นำทีมบิ๊กคสช. รมต.สายทหาร ผบ.เหล่าทัพ ร่วมงานชื่นมื่น สวนดุสิตโพลชี้ประชาชนผิดหวังรัฐบาลแก้เศรษฐกิจ ปราบโกง ร่างรัฐธรรมนูญยังมีข้อขัดแย้ง 'มีชัย'โยนคนบิดเบือนรับผิดชอบ ถ้ารธน.ประชามติไม่ผ่าน
วันที่ 03 มกราคม พ.ศ. 2559 ปีที่ 25 ฉบับที่ 9167 ข่าวสดรายวัน
เลี้ยงปีใหม่ - พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พร้อมครม.สายทหาร และผบ.เหล่าทัพ ขึ้นเวทีร่วมร้องเพลงในงานเลี้ยงฉลองปีใหม่ที่บ้านพักพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในหมู่บ้าน กฤษดานคร เขตมีนบุรี มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 500 คน
ร้อยเอ็ดห้ามแจกปฏิทินแม้ว-ปู
วันที่ 2 ม.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุสรณ์ แก้วกังวาล ผู้ว่าราชการจังหวัดร้อยเอ็ด ออกหนังสือคำสั่งและสั่งการผ่านวิทยุสั่งการนายอำเภอทุกอำเภอ ระบุว่าได้รับรายงานจาก อ.เชียงขวัญ ว่า เมื่อวันที่ 30 ธ.ค. 2558 เวลาประมาณ 09.00 น. เป็นวันประชุมประจำเดือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้านที่หอประชุม อ.เชียงขวัญ ซึ่งมีหัวหน้าส่วนราชการเข้าร่วมการประชุมด้วย ขณะก่อนการประชุมทราบว่ามีผู้ประสานพรรคการ เมืองไม่ทราบชื่อนำปฏิทินอวยพรปีใหม่ 2559 (เป็นภาพของนายทักษิณ ชินวัตร คู่กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ) ประมาณ 200 ชุด ชุดละ 2 ชิ้น แต่ละชิ้นม้วนรัดด้วยหนังยางสติ๊ก เจ้าหน้าที่ผู้รับไม่ได้ตรวจสอบว่า รายละเอียดภายในของปฏิทินเป็นอย่างไร และเมื่อผู้เข้าร่วมประชุมเดินทางมาลงลายมือชื่อเข้าร่วมการประชุมประมาณ 200 คนตามเวลา จึงได้แจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมประชุมดังกล่าว
ข้อความระบุว่า เพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด จึงให้ทุกอำเภอตรวจสอบว่ามีการเคลื่อนไหวทางการเมืองในลักษณะดังกล่าวหรือไม่ หากพบให้รายงานทันที รวมทั้งให้เพิ่มความระมัดระวังและวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่ให้ตกเป็นเครื่องมือทางการเมืองของพรรคการเมืองพรรคหนึ่งพรรคใด และเพื่อให้เกิดความปรองดองสมานฉันท์ในพื้นที่
ผู้ว่าฯแจงไม่ให้มีการเมืองในพื้นที่
นายอนุสรณ์ เผยว่า ได้สั่งการให้นายอำเภอเชียงขวัญและผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงด่วน พร้อมสั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างนี้ และประเด็นอื่นๆอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้มีปัญหาด้านการเมืองในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ดโดยเด็ดขาด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมประจำเดือนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ในพื้นที่อำเภอเชียงขวัญกว่า 200 คน ที่หอประชุมที่ว่าการอำเภอเชียงขวัญ ในวันที่ 30 ธ.ค. ดังกล่าว โดยมีนายวัลลภ จินดาเงิน นายอำเภอเชียงขวัญ นำหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมมอบนโยบายจังหวัดและรัฐบาล ระหว่างการประชุมมีเสียงฮือฮาเมื่อบรรดากำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต่างเปิดดูม้วนกระดาษปฏิทินปีใหม่ ประจำปี 2559 ซึ่งเป็นรูปคู่กันของนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ นำมาแจกโดยกองรวมกับเอกสารของส่วนราชการ นายวัลลภจึงสั่งระงับการแจกปฏิทินที่เหลือ พร้อมสอบสวนแหล่งที่มาและรายงานผู้บังคับบัญชาตามลำดับทราบ ผลการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่ามีผู้นำมาวางไว้รวมไว้กับเอกสารส่วนราชการเพื่อแจกผู้เข้าประชุม
เด็กพท.รับแจกเอง-ไม่มีนัยยะ
พ.ต.อ.วุฒิชัย แช่มช้อย ผกก.สภ.เชียงขวัญ กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในหัวหน้าส่วนราชการที่ต้องไปร่วมประชุมกำนันผู้ใหญ่บ้านประจำเดือนทุกเดือน สอบสวนพบว่ามีส่วนราชการและหน่วยงานต่างๆ ที่เข้าประชุมจะนำเอกสารผลงานและการประชาสัมพันธ์หน่วยงานของตนมาแจกหน้าห้องประชุมทุกครั้ง วันนี้ก็นำมาวางไว้แจกเป็นปกติ ต่อไปนี้ฝ่ายนายอำเภอและตำรวจจะกำชับให้ดูแลเอกสารก่อนแจกว่าเหมาะสมหรือไม่ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์อย่างนี้อีก
นายฉลาด ขามช่วง อดีตส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย ซึ่งกำลังร่วมพิธีทำบุญร่วมกับประชาชนในอำเภอโพธิ์ชัย ยอมรับว่า ได้มอบหมายให้ลูกน้องเป็นผู้นำไปแจกประชาชนเป็นของขวัญปีใหม่ 2559 ของตนสำหรับประชาชนในเขตเลือกตั้งที่อำเภอเชียงขวัญจริง ถือเป็นวัฒนธรรมประเพณีที่ได้กระทำมาทุกปี โดยไม่มีนัยยะทางการเมืองแต่อย่างใด
10 มค.ปูร่วมงานแต่งที่ร้อยเอ็ด
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า วันที่ 10 ม.ค.นี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์จะเดินทางมาเป็นประธานงานมงคลสมรสลูกสาวอดีตรมช.ศึกษาธิการ นายศักดา คงเพชร ที่อำเภอเกษตรวิสัย จังหวัดร้อยเอ็ด และถือโอกาสกราบพระพุทธรัตนมงคลมหามุนี หรือ "หลวงพ่อใหญ่" พระพุทธรูปยืนปางประทานพรที่สูงที่สุดในประเทศไทยและสูงที่สุดในโลก วัดบูรพาภิราม (พระอารามหลวง) ต.ในเมือง อ.เมืองร้อยเอ็ด และสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองในจังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อความเป็นสิริมงคลเนื่องในเทศกาลปีใหม่อีกด้วย
'ปึ้ง'จวกไม่ปรองดอง
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล อดีตรอง นายกฯ และรมว.ต่างประเทศ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ที่มีส่วนราชการบางส่วนพยายามกล่าวหาว่าการแจกปฏิทินปีใหม่ที่มีรูปนายทักษิณและน.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นการเคลื่อนไหวทางการเมืองนั้น มันจะบ้ากันไปใหญ่แล้ว การส่งความสุขให้ประชาชนในช่วงปีใหม่ มีเงินมีทองก็ซื้อหากันมาไม่ได้ คนที่รับไปก็จะมีความสุขและก็จะได้หายคิดถึงคนที่เขาเคารพรัก อดีตนายกฯ ทั้งสองคนก็ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปแล้ว ถูกห้ามไม่ให้ลงสมัครส.ส.ก็ไม่ทราบจะเกรงกลัวอะไรกันนักกันหนา แล้วแบบนี้ความคิดที่จะให้เกิดความปรองดองจะเป็นไปได้อย่างไร โดยเฉพาะถึงกับมีหนังสือเวียนของทางการประทับตราว่า "ลับ" ยิ่งรังแต่จะก่อให้เกิดการแบ่งแยก
นายสุรพงษ์ กล่าวว่า อยากเรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กรุณากำชับให้ข้าราชการได้ปฏิรูปการทำงานของตนเองในทางสร้างสรรค์ เฉกเช่นเดียวกับที่นายกฯ ตั้งปณิธานเอาไว้ว่าปีนี้จะเริ่มปฏิรูปที่ตัวเองก่อนโดยจะไม่หงุดหงิด โมโหโกรธาง่ายๆ เหมือนปีที่ผ่านมา ความปรองดอง การแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ความสมานฉันท์ในสังคมจะเกิดขึ้นได้มันต้องใจกว้าง ไม่คิดเล็กคิดน้อย ประเภทที่ชอบทำงานเอาใจนายควรเลิกได้แล้ว ประ เทศไทยจะได้ก้าวข้ามปัญหาความขัดแย้งไปได้และต้องรู้จักเคารพในสิทธิและเสรีภาพขั้นพื้นฐานส่วนบุคคลไว้บ้าง ประชาธิปไตย ในไทยจึงจะเป็นที่ยอมรับในสากลโลก ประชาธิปไตยในไทยจะได้กลับมาเบ่งบานอีกครั้งหนึ่ง ก็ต้องให้คำนึงถึงความคิดเห็นของประชาชนและฟังเสียงเรียกร้องของประชาชนไว้ให้มากด้วย
ยิ่งลักษณ์ ควงไปป์เที่ยวทุ่งทานตะวัน
วันเดียวกัน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พร้อมน้องไปป์ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร ลูกชาย แวะถ่ายรูปเป็นที่ระลึกที่ทุ่งทานตะวัน อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ก่อนเดินทางไปกราบพระที่วัดท่าด้วง จ.เพชรบูรณ์ เพื่อทำบุญเนื่องในเทศกาลวันขึ้นปีใหม่ โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวได้ขอเข้ามาถ่ายรูปเป็นที่ระลึกพร้อมให้กำลังใจจำนวนมาก
'ประวิตร'จัดปีใหม่บิ๊กๆ-ครม.คึก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คืนวันที่ 1 ม.ค.ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม เปิดบ้านพักส่วนตัวภายในหมู่บ้านกฤษดานคร เขตมีนบุรี กทม. เพื่อจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ปีใหม่ โดยมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดินทางมาถึงตั้งแต่เวลา 19.00 น. พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รมว.เกษตรและสหกรณ์ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ พล.อ.ศิริชัย ดิษฐกุล รมว.แรงงาน พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.สมหมาย เกาฎีระ ผบ.สส. พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผบ.ทบ. พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. พล.อ.อ.ตรีทศ สนแจ้ง ผบ.ทอ. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. รวมทั้งยังมีเหล่านายทหารระดับสูงของกองทัพบก โดยเฉพาะกองทัพภาคที่ 1 และกองทัพภาคที่ 2 มาร่วมงานอย่างคึกคัก รวมทั้งสิ้นกว่า 500 คน โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างเรียบง่าย แขกภายในงานมีการพูดคุยหยอกล้อกัน และมีร้านค้ามาออกร้านอาหารมากกว่า 30 ร้านค้า เช่น ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำนางเลิ้ง ไก่ย่างหนังกรอบ ส้มตำ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ เย็นตาโฟ หมูย่าง เป็นต้น
ที่ระลึก - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ พา "น้องไปป์"ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชายไปทำบุญปีใหม่และแวะเที่ยวทุ่งทานตะวัน อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี โดยมีประชาชนและนักท่องเที่ยวมาขอร่วมถ่ายภาพด้วยจำนวนมาก เมื่อวันที่ 2 ม.ค. |
'บิ๊กตู่'นำร้องเพลงคสช.
เวลา 21.54 น. พล.อ.ประวิตรขึ้นเวทีกล่าวอวยพรผู้มาร่วมงานว่า พรที่น้องๆ ให้ตนเองมา ขอให้น้องๆ ได้กลับทั้งหมด และขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานเพื่อประเทศชาติ ขอให้พวกเราช่วยกันขับเคลื่อนงานตามโรดแม็ป ช่วยเหลือนายกรัฐมนตรีและพี่น้องประชาชน ส่วนตนก็ทำงานหนักมาทั้งปีเพื่อให้ประเทศชาติเดินหน้าต่อไป ซึ่งในปีหน้าขอให้ทางเหล่าทัพร่วมแรงร่วมใจกันทำงาน และเดินหน้าขับเคลื่อนประเทศต่อไปให้ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า หลังจากนั้นพล.อ. ประยุทธ์ คณะรัฐมนตรี และผบ.เหล่าทัพ ทั้งหมดขึ้นเวทีร่วมกันร้องเพลง 3 เพลง ได้แก่ เพลงคืนความสุขให้ประเทศไทย เพลงเพราะเธอคือประเทศไทย และเพลงมาร์ชสามัคคีสี่เหล่า ก่อนจะลงเวทีมาพูดคุยร่วมกันและแยกย้ายกันกลับบ้านในเวลา 24.00 น.
แหล่งข่าวใกล้ชิดพล.อ.ประวิตรเผยว่า การจัดงานเลี้ยงปีใหม่ของพล.อ.ประวิตร จัดเป็นประจำทุกปีในวันที่ 31 ธ.ค. แต่ปีนี้เลื่อนมาเป็นวันที่ 1 ม.ค. เพราะพล.อ.ประวิตรต้องการให้น้องๆ ได้เข้าวัดทำบุญสวดมนต์ข้ามปี และฉลองข้ามปีพร้อมกับครอบครัว อีกทั้งพล.อ.ประวิตรไปสวดมนต์ข้ามปีด้วยเช่นกัน โดยบอกคนใกล้ชิดว่าปีใหม่จะจัดงานกันทุกปี ที่ผ่านมาพวกเราเจอกันตลอด ดังนั้นจะรับประทานอาหารร่วมกันเมื่อไรก็ได้ จึงเลื่อนมาจัดงานวันที่ 1 ม.ค.แทน เพราะต้องการต้องทำตามนโยบายและโครงการสวดมนต์ข้ามปีที่วางไว้
ไก่อูโต้พท.-มั่นใจเศรษฐกิจ 59 ดีขึ้น
พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เผยว่า รัฐบาลไม่ได้กังวลหรือให้ราคากับกรณีอดีตส.ส. เพื่อไทยที่ออกมาคาดการณ์ภาวะเศรษฐกิจไทยในปี 2559 ว่า จะย่ำแย่ เพราะเป็นความเห็นที่มิได้ประเมินทุกปัจจัยอย่างครบถ้วน รวมทั้งสวนทางกับการวิเคราะห์ขององค์กรเศรษฐกิจชั้นนำทั้งสภาหอการค้า สถาบันการเงิน และองค์กรเศรษฐกิจชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ต่างลงความเห็นตรงกันว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2559 จะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจโลกกำลังฟื้นตัว และเงินบาทที่อ่อนค่าทำให้สินค้าไทยได้เปรียบคู่แข่งจากหลายประเทศ ปี 2559 รัฐบาลยังคงเดินหน้าเร่งรัดการใช้จ่ายภาครัฐ การลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่หลายโครงการที่จะเข้าสู่เฟสการก่อสร้าง การท่องเที่ยวที่ขยายตัวสูงกว่าเป้าหมาย รวมทั้งทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลซึ่งจะทยอยออกมาตร การกระตุ้นเศรษฐกิจที่เหนือความคาดหมายออกมาเป็นระยะๆ จึงมั่นใจว่าในปี 2559 นี้ การส่งออกและเศรษฐกิจไทยในภาพรวมจะเติบโตขึ้นตามเป้าหมายที่รัฐบาลวางไว้
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ว่ามีความแตกต่างระหว่างคนมุ่งทำงานกับคนจ้องเล่นงาน เพราะคนมุ่งมั่นทำงานต้องลงแรงเต็มที่ รวมทั้งตั้งเป้าหมายและพยายามจะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ขณะที่คนจ้องเล่นงานไม่ต้องลงแรง เพียงแค่เลือกมองเฉพาะเรื่องร้ายแล้วจงใจมองข้ามเรื่องดีๆ เพราะอคติและอาจคาดหวังผลทางการเมืองบางประการ
'มีชัย'อวดร่างรัฐธรรมนูญ
นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรม การร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการร่างรัฐธรรมนูญว่า อยากชักชวนให้ดูกลไกที่ดึงประชาชนมามีส่วนร่วมทางการเมืองอย่างแท้จริงและกลไกการขจัดทุจริตทั้งในหน้าที่และการเลือกตั้ง เพื่อทำให้การเมืองบริสุทธิ์ ประเทศเดินหน้าได้ไม่ติดกับดักเหมือนที่เป็นอยู่ ซึ่งการมีส่วนร่วมของประชาชนจะมี 3 ส่วนคือ 1.การมีส่วนร่วมของประชาชนในนโยบายสำคัญของรัฐบาลที่ประชาชนมีสิทธิต้องรับรู้ และมีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็น
2.การมีส่วนร่วมของประชาชนในการเลือกบุคคลเป็นผู้บริหารประเทศ จะมีกลไกให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลการเลือกตัวบุคคล พรรคการเมือง นายกฯ อย่างชัดเจนมากขึ้น 3.การมีส่วนร่วมของประชาชนที่จะเข้ามาสมัครเป็นส.ว. ที่ใช้กระบวนการเลือกตั้งทางอ้อม ทำให้ประชาชนที่สนใจสามารถมาลงสมัครได้โดยไม่ต้องพึ่งพิงพรรคการเมือง และอยู่ใต้อาณัตินักการเมือง
นายมีชัย กล่าวว่า ส่วนการวางกลไกให้การทุจริตลดลงอย่างเป็นรูปธรรม จะกำหนดคุณสมบัติคนที่เข้าสู่การเมืองทุกองคาพยพ ต้องไม่เคยถูกตัดสินในคดีทุจริตทั้งในหน้าที่และการเลือกตั้ง ใครถูกตัดสินเช่นนั้นต้องถูกห้ามตลอดชีวิตซึ่งเป็นมาตรการแรง และมีกลไกควบคุมระหว่างการทำหน้าที่ของฝ่ายการเมืองอย่างชัดแจ้งรวมถึงทางจริยธรรม ใครฝ่าฝืนจะถูกห้ามเข้าสู่วงการเมืองตลอดชีวิตเช่นกัน กลไกเหล่านี้จะกระจายไปอยู่ตามองค์กรอิสระ ศาลรัฐธรรมนูญ ตลอดจนปรับปรุงการทำหน้าที่และที่มาขององค์กรอิสระให้มีความเข้มข้นเป็นที่พึ่งของประชาชน รวมถึงสิ่งที่เคยห้ามในรัฐธรรมนูญแต่ถูกละเลย เช่น การห้ามส.ส.แปรญัตตินำงบประมาณไปใช้เป็นงบส.ส. ซึ่งมีการละเมิดเป็นประจำ จะให้มีบทลงโทษที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้นถึงขั้นให้พ้นจากตำแหน่งไม่สามารถเข้าสู่วงการเมืองได้อีก ครอบคลุมทั้งส.ส. ส.ว. รัฐมนตรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ปฏิรูปตำรวจต้องแก้เรื่องวิ่งเต้น
นายมีชัย กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญขณะนี้มี 250-260 มาตรา แต่เป็นเพียงแค่ร่างเบื้องต้นต้องปรับให้กระชับมากขึ้น แม้จะมีหลายมาตราแต่เนื้อหาแต่ละมาตราจะกระชับ ไม่ยืดยาว เว้นแต่บางมาตราที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนการปฏิรูปจะระบุลงไปในรัฐธรรมนูญหรือไม่นั้น กำลังพิจารณาว่าจะมีเรื่องการปฏิรูปเรื่องใดมีความจำเป็นต้องเขียนไว้ เท่าที่คิดมี 2 เรื่องคือ 1.การปฏิรูปการศึกษา 2.การปฏิรูปการบังคับใช้กฎหมายให้เข้มงวด ส่วนการปฏิรูปเรื่องอื่นๆ กำลังมีหนังสือสอบถามไปยังสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) ว่ามุ่งปฏิรูปเรื่องใด และเรี่องใดมีความรีบด่วน ต้องเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่
นายมีชัย กล่าวว่า ส่วนเรื่องยุทธศาสตร์แห่งชาติ 20 ปี จะมีในรูปแบบไหน อย่างไร ยังไม่ชัดเจน แต่เป็นไปได้ว่าหลังร่างแรกเสร็จแล้วจะส่งไปให้ครม.พิจารณา ครม.อาจมีข้อเสนอเรื่องยุทธศาสตร์แห่งชาติและการปฏิรูปที่อยากให้ใส่ไว้ในรัฐธรรมนูญ กรธ.จะกลับมาดูอีกที
เมื่อถามว่า การปฏิรูปตำรวจที่มีการเสนอให้แยกการสอบสวนออกจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะเขียนในรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายมีชัยตอบว่า ปัญหาของตำรวจมีอยู่เรื่องเดียวคือการเจริญเติบโต ไม่ขึ้นอยู่กับความรู้ ความสามารถ การเลื่อนตำแหน่งขึ้นอยู่กับการวิ่งเต้น เป็นจุดอ่อน ทำให้ตำรวจเสียกำลังใจ ส่วนเรื่องอื่นปรับเปลี่ยนแก้ได้ง่าย ไม่ยาก การเสนอให้แยกงานสอบสวนออกมาเป็นผลมาจากคนที่มีความรู้ ความสามารถ ไม่สามารถเลื่อนขึ้นไปได้ตามลำดับขั้น แต่การปฏิรูปตำรวจยังไม่ได้คิดว่าจะเขียนลงไปในรัฐธรรมนูญหรือไม่
ไม่เคยคิดต้องมีคปป.
เมื่อถามว่า สนช.เสนอให้มีอำนาจหน้าที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปและการปรองดองแห่งชาติแห่งชาติ(คปป.) นายมีชัยกล่าวว่ากรธ.จะนำข้อโต้แย้งของฝ่ายต่างๆ มาประกอบการพิจารณาว่าจำเป็นมากน้อยแค่ไหน แต่ยังไม่เคยคิดว่าจะมี และยังนึกไม่ออกว่าจะมีไปทำไม หน้าตาเป็นอย่างไร
ทำบุญ - น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯ และ"น้องไปป์" ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย เดินทางไปทำบุญปีใหม่ และร่วมพิธีตัดหวายฝังลูกนิมิต ที่วัดท่าด้วง ต.ท่าด้วง จ.เพชรบูรณ์ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. |
ส่วนข้อวิจารณ์ระบบจัดสรรปันส่วนผสมจะทำให้การเลือกตั้งเกิดความรุนแรง และมีการซื้อเสียงมากขึ้น นายมีชัยกล่าวว่ายังไม่เห็นว่าจะทำให้การเลือกตั้งรุนแรงขึ้นกว่าเดิม แต่หากใครไปซื้อเสียงก็ขอให้นึกถึงผลลัพธ์ที่เขียนไว้ในรัฐธรรมนูญว่าต้องไปหมดและไปแบบไม่กลับมา มาตรการแซงก์ซั่นจะเป็นตัวสำคัญจะทำให้เกิดความยับยั้งชั่งใจได้พอสมควร
เมื่อถามว่าเรื่องปฏิรูปและการปรองดองจะแยกหรือจะเชื่อมโยงกันในรัฐธรรมนูญ นายมีชัยกล่าวว่า กรธ.กำลังรอฟังผลการศึกษาจากคณะอนุกรรมการของกรธ.ที่กำลังพิจารณาอยู่ ที่สื่อมวลชนบางฉบับเสนอไม่รู้ว่านำมาจากไหน แต่ยืนยันว่ากรธ.ยังไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ แต่พร้อมนำข้อเสนอมาพิจารณาประกอบร่วมกัน ไม่ทิ้ง เมื่อถามว่าสถานการณ์ขณะนี้จำเป็นต้องมีกลไกมา สร้างความปรองดองในช่วงเปลี่ยนผ่านหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่าไม่น่าจะต้องมีกลไกอะไร ถ้าคิดออกว่าจะปรองดองกันอย่างไรค่อยมาดูกันอีกทีว่าจะทำให้เกิดผลได้อย่างไร
ปรองดองไม่ต้องเขียนไว้
เมื่อถามย้ำว่า จำเป็นต้องเขียนเรื่องการปรองดองไว้ในรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่าอาจต้องมีกระบวนการทำให้เกิดความปรองดองขึ้นมา ซึ่งไม่จำเป็นต้องเขียนในรัฐธรรมนูญ ลำพังการเขียนในรัฐธรรมนูญให้ทุกฝ่ายดำเนินการให้เกิดความปรองดอง ถ้าเขียนเพียงเท่านั้นแล้วทำให้เกิดการปรองดองได้เขียนไปนานแล้ว มันไม่น่าสัมฤทธิ์ผลได้เพียงแค่การเขียนเท่านั้น
นายมีชัย กล่าวถึงการเขียนบทเฉพาะกาลในรัฐธรรมนูญว่า ยังไม่ได้คิด เพราะต้องรอให้เนื้อหาเสร็จสมบูรณ์ก่อนจึงจะเริ่มเขียนบทเฉพาะกาล การไปประชุมร่างรัฐธรรมนูญที่อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี หากพิจารณาเรื่องเนื้อหาเสร็จแล้วก็อาจพิจารณาเรื่องบทเฉพาะกาลได้ในช่วงนั้น
เมื่อถามว่า องค์กรตามรัฐธรรมนูญหลายองค์กรที่มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตามรัฐธรรมนูญใหม่นั้น ควรให้ชุดเดิมอยู่ทำงานครบวาระ หรือเปลี่ยนตามโครงสร้างใหม่ นายมีชัยตอบว่าหารือกันอยู่ว่าจะทำอย่างไร มีแนวคิดหนึ่งว่าควรให้เริ่มต้นใหม่ เพราะบางองค์กรระยะเวลาอายุเปลี่ยนไปก็สมควรเริ่มต้นใหม่ แต่อีกความคิดหนึ่งบอกว่าถ้าให้เริ่มต้นใหม่พร้อมกันทั้งหมดจะเกิดความโกลาหลได้ บางองค์กรเพิ่งมีคนใหม่เข้ามา ถ้าให้ไปเริ่มต้นใหม่ก็เหมือนไปฆ่าเขาให้สิ้นชีวิต จึงยังไม่มีข้อยุติออกมาว่าจะทำอย่างไร
ปัดรับผิดชอบ-ไม่ผ่านประชามติ
เมื่อถามว่า คิดว่ามีปัจจัยใดทำให้รัฐธรรม นูญไม่ผ่านประชามติ นายมีชัยกล่าวว่ายังไม่เคยคิดในแง่นั้น เราคิดว่าทำดีที่สุดแล้วถ้าประชาชนเข้าใจอย่างที่พยายามอธิบายมันก็น่าจะผ่าน แม้พรรคการเมืองจะคัดค้านแต่อาจเป็นการพูดด้วยอารมณ์ ถึงเวลาก็ต้องเห็นแก่ประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ เมื่อถามว่าหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติควรกำหนดเงื่อนไขให้ชัดเจนหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่าแน่นอนอยู่แล้วถ้าไม่ผ่านก็ต้องไปร่างกันใหม่ คืออย่างไรก็ต้องไปทำกันใหม่
ถามว่า จะรับผิดชอบอย่างไรกับความเสียหายหากรัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ทำให้เสียงบประมาณ นายมีชัยตอบว่าคนที่ทำให้ไม่ผ่านก็ต้องรับผิดชอบ เมื่อถามว่าใครที่บิดเบือนจนทำให้ประชาชนเข้าใจผิดคนนั้นต้องรับผิดชอบ เมื่อถามว่าถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่าน แสดงว่ามาจากการบิดเบือนใช่หรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่ามาถามคนร่างคนร่างก็ต้องตอบอย่างนั้น เพราะคนร่างก็ร่างดีที่สุดเท่าที่สติปัญญาจะมี
นายมีชัย กล่าวว่ารูปแบบการประชุม กรธ.ที่อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี ระหว่างวันที่ 11-17 ม.ค.59 จะเป็นการพิจารณาตั้งแต่มาตรา 1 เป็นต้นไป จะดูถ้อยคำและความสอดคล้อง ความสมบูรณ์ น่าจะเห็นออกมาเป็นรายมาตราได้ และคิดเหมือนกันว่าจะเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนเข้าไปร่วมรับฟังได้ หากไม่มีเรื่องหารือที่เป็นเรื่องสำคัญ แต่มีเงื่อนไขว่าเข้าไปแล้วห้ามลุกออกต้องอยู่ด้วยกันจะได้รู้ว่าเหนื่อยแค่ไหน
สิทธิต้องไม่ละเมิดคนอื่น
เมื่อถามว่า ต้องมีเนื้อหาในส่วนเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่าเจตนารมณ์ของการตีความกฎหมายไม่ได้ดูที่คนร่าง แต่ดูที่เขียนออกมาอย่างไร เวลาตีความจะดูจากถ้อยคำทั้งหมดแล้วนำมาประมวลว่าเจตนารมณ์จากตัวหนังสือเหล่านั้นมีความมุ่งหมายอย่างไร เพราะไปถามคนร่างไม่ได้ คนร่างอาจลืมไปบ้าง เปลี่ยนความคิดบ้าง หรือตายไปแล้ว ตีความไม่ได้ก็จะแย่ เมื่อถามว่าการร่างรัฐธรรมนูญครั้งที่แล้วมีเนื้อหาในส่วนบันทึกเจตนารมณ์ประกอบด้วย นายมีชัยกล่าวว่าเป็นความตั้งใจที่จะบังคับคนตีความว่าจะต้องมา แต่เอาเข้าจริงหลักการตีความไม่ใช่แบบนั้น
เมื่อถามว่า จะมีกลไกในรัฐธรรมนูญไม่ให้ประชาชนออกมาเรียกร้องตามท้องถนนอีกอย่างไร นายมีชัยตอบว่าเราวางเป็นขั้นตอนในทุกเรื่อง โดยมีองค์กร มีอำนาจวินิจฉัย และคำวินิจฉัยจะสิ้นสุด ไม่ปล่อยให้เรื่องคาราคาซังอยู่จนต้องไปตีความบนท้องถนนอีก อย่างไรก็ตาม ไม่ได้แปลว่าเมื่อรัฐธรรมนูญนี้ออกมาใช้บังคับแล้วชาวบ้านจะเดินขบวนแสดงความคิดเห็นอะไรไม่ได้เลย ไม่ใช่ เพราะสิทธิดังกล่าวเป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญรองรับไว้ ตราบเท่าที่ไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน หรือละเมิดสิทธิคนอื่น ซึ่งอันนี้จะเป็นจุดเน้นอย่างหนึ่งของรัฐธรรมนูญฉบับนี้ว่าสิทธิที่รับรองไว้จะต้องใช้โดยไม่ไปละเมิดสิทธิผู้อื่น
เมื่อถามว่า ควรมีเวทีให้พรรคการเมืองได้รณรงค์ในช่วงการทำประชามติหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ไม่รู้ ไม่ใช่หน้าที่กรธ.จะไปคิดแทนคนอื่น กรธ.มีหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนให้ทราบถึงวัตถุประสงค์ จุดมุ่งหมาย และผลที่ต้องการคืออะไร เพื่อให้ประชาชนทราบอย่างกระจ่างเท่านั้น
4 มค.สรุปประเด็นถูกจับตา
นายอุดม รัฐอมฤต โฆษกกรธ.กล่าวถึงการทำงานของกรธ.หลังปีใหม่ ว่าขณะนี้การร่างรัฐธรรมนูญเกือบเสร็จสิ้นหมดแล้ว เหลือเพียงเรื่องการปฏิรูปและการปรองดอง กรธ.ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะนำเรื่องเหล่านี้ไปใส่ไว้ตรงไหน และอีกเรื่องคือบทเฉพาะ กาล ส่วนการร่างรัฐธรรมนูญเรื่องอื่นนั้นหลักการได้ยุติเรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้เราอาจจะทบทวนในส่วนที่มีการทักท้วงหรือเห็นต่าง ว่าเรามีเหตุผลหนักแน่นเพียงไหนเพื่อยืนยันในหลักการ หรือหากจะเปลี่ยนจะมีการให้เหตุผลอย่างไร
นายอุดม กล่าวว่า ส่วนในวันที่ 4 ม.ค. กรธ.จะมีการประชุมตามปกติ ซึ่งจะมีการนำส่วนที่อนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นสรุปความเห็นที่ได้ไปรับฟังที่ต่างๆ มาให้ที่ประชุมใหญ่รับทราบว่ามีประเด็นสำคัญอะไรบ้าง และประเด็นใดที่ประชาชนจับตามอง รวมถึงที่ประชาชนท้วงติง ส่วนการกลั่นกรองคำและรายละเอียดอื่นเราจะไปทบทวนกันในวันที่ 11-17 ม.ค. ที่ทางกรธ.จะออกนอกสถานที่ เพื่อที่จะได้เสร็จสิ้นและเผยแพร่ออกสู่สาธารณชนตามกำหนดการ คือวันที่ 29 ม.ค. และหลังจากวันที่ 29 ก็จะรับฟังความเห็นและรับมาปรับเปลี่ยนดูข้อดีข้อเสียให้ชัดขึ้น
ไม่กังวลเกณฑ์ประชามติ
นายอุดม กล่าวว่า ส่วนเรื่องการทำประชามตินั้นที่ประชุมเกือบจะไม่มีการพูดถึงเลย พูดกันแต่แผนประชาสัมพันธ์ เราคิดว่าทำเต็มที่ เมื่อข้อมูลเสร็จก็ส่งมอบให้อนุกรรมการฝ่ายรับฟังฯ มาทำงานดูว่าประชาชนมองสิ่งที่ร่างออกมาเป็นอย่างไร ประชาชนคิดอย่างไร ซึ่งเราก็จะมีเวลาทบทวนอีกครั้งหลัง 29 ม.ค.
เมื่อถามว่า ยังไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 37 วรรคท้าย กังวลหรือไม่จะส่งผลให้ประชามติไม่ผ่าน นายอุดมกล่าวว่าเราถือว่าเราไม่ได้ดูทั้งหมด เรื่องประชามติจะผ่านมากน้อยหรือไม่ผ่าน ในส่วนกรธ.ถือว่าเราให้ข้อมูลประชาชนแล้ว ส่วนประชามติจะออกมาเป็นอย่างไรอยู่ที่รัฐบาล คสช. จะปรับออกมาเป็นอย่างไร ซึ่งเราไม่ได้พูดถึงเลย เพราะเราทำหน้าที่ในการยกร่างและก็ประชาสัมพันธ์ให้ข้อมูลประชาชนเท่านั้น
หน้าที่รบ.ดูแลเสียงประชาชน
นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขานุการกรรมการร่างรัฐธรรมนูญคนที่ 1 กล่าวถึงการทำประชามติ โดยไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราว มาตรา 37 ว่า เรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นปัญหา และนายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ยืนยันแล้วว่าเรื่องนี้ไม่เป็นปัญหา ที่เป็นกระแสข่าวนั้นเพราะมีคนพยายามหยิบยกมาเรื่อยๆ การทำประชามติเป็นเสียงของประชาชน และเสียงของประชาชนก็เป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องดูแล และเมื่อรัฐบาลบอกว่าไม่มีปัญหา แล้วทำไมเราต้องมาตื่นเต้นกัน ซึ่งกรธ.นั้นมีหน้าที่ในการร่างรัฐธรรมนูญก็แค่ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด
นายปกรณ์ กล่าวว่า กรธ.ไม่เคยพูดเรื่องอะไรที่เลยจากการร่างรัฐธรรมนูญ เราพูดแต่เพียงทำอย่างไรให้เสร็จ ให้ดีที่สุด นอกจากนี้ไม่ใช่เรื่องของเรา และนายมีชัยก็พูดบ่อยๆ ถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ กรธ.ก็กลับไปเลี้ยงหลานกันเหมือนเดิม ตนก็จะกลับไปเลี้ยงหลานเพราะเราทำแล้ว รับหรือไม่รับเป็นเรื่องที่ประชาชนต้องตัดสินใจเองเป็นสิทธิของท่าน
เพื่อไทยตั้งชื่อฉบับกินรวบ
นายวรชัย เหมะ อดีตส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับนายมีชัย ที่จะสรุปในช่วงปลายเดือนม.ค.นี้ว่า เป็นร่างรัฐธรรมนูญที่ไม่ได้ยึดโยงกับประชาชน เปรียบเทียบได้กับหมาชะเง้อดูกระต่ายบนดวงจันทร์ ประชาชนไม่มีทางได้กระต่ายบนดวงจันทร์แน่นอน ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญฉบับนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ อดีตประธานกมธ.ยังมีความก้าวหน้ากว่า เช่น ยังมีส.ว.เลือกตั้ง ส่วนฉบับนี้เป็นส.ว.สรรหาทั้งหมด แม้จะบอกว่าคัดสรรแต่ก็เป็นวิธีการลากตั้งทางอ้อมอย่างแยบยลเท่านั้น เนื้อหาสาระที่เปิดเผยออกมา ชาวบ้านค้านเต็มที่ยิ่งกว่ารัฐธรรมนูญฉบับใด แต่ไม่ว่าใครออกมาพูดทวงติงแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ กรธ.ก็ยังไม่ฟังเลย ตั้งหน้าตั้งตาทำไปตามพิมพ์เขียว อาจจะมีลักษณะให้กรรมาธิการสงวนคำแปรญัตติแล้วมาอภิปรายบ้าง แต่ในที่สุดก็แพ้มติอยู่ดี ดังนั้น ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้แย่หนักกว่าเดิม
นายวรชัย กล่าวว่า สำหรับเรื่องของส.ว.นั้น อาจถอดถอนนักการเมืองไม่ได้ก็จริง แต่มีการบัญญัติให้ส.ว.มีอำนาจในการตั้งศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นช่องทางคุมรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง อาจหาเรื่องตีรวนส่งไปให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความได้ ส่วนการที่รัฐบาลที่มีนายกฯที่ไม่ต้องมาจาก ส.ส.จะมีการตีรวนในสภา ว่าต้องเลือกตั้งใหม่ก็จะเกิดความวุ่นวายในสภา แล้วก็จะไปสอดคล้องกับการตั้งองค์กรใหม่ ซึ่งเป็นองค์กรพิเศษ ดังนั้น รัฐธรรมนูญใหม่ถ้าผ่านก็จะมีการตั้งคนกับองค์กรไว้ควบคุมรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งให้อยู่ในกลไกนี้ ถ้าไม่ผ่านรัฐบาลนี้ก็อยู่ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ก็ได้บริหารประเทศต่ออีก ดังนั้น ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จึงเป็นรัฐธรรมนูญฉบับกินรวบ ผ่านก็ได้ไม่ผ่านก็ได้
สปท.สัมมนายุทธศาสตร์ 20 ปี
พ.ต.ต.ยงยุทธ สาระสมบัติ ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านบริหารราชการแผ่นดิน สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) กล่าวถึงการผลักดันแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ว่าการทำงานส่วนนี้เป็นการสานต่อจากงานของสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.)ที่กำหนดเป็นแผนไว้ 4 ขั้นคือ 1.ทำให้เรื่องยุทธศาสตร์ชาติมีการกำหนดไว้ในร่างรัฐธรรมนูญ 2.ให้กฎหมายว่าด้วยยุทธศาสตร์ชาติมีผลบังคับใช้ ก่อนที่จะมีรัฐบาลต่อไป 3.สนับสนุนความมุ่งมั่นของรัฐที่จะให้มียุทธศาสตร์ชาติ
พ.ต.ต.ยงยุทธ กล่าวว่า วันที่ 16 ม.ค. กมธ.จะจัดงานสัมมนาเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติที่รัฐสภา โดยเชิญหน่วยงานต่างๆ ทั้งรัฐและเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการผลักดันแผนยุทธศาสตร์ชาติอย่างสำคัญมาร่วมสัมมนาด้วย และ 4.สร้างปณิธานร่วมในการขับเคลื่อนประเทศร่วมกัน ซึ่งเราจะเผยแพร่เรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติและทำความเข้าใจกับประชาชน ให้ทุกคนเห็นว่าเป็นเจ้าของยุทธศาสตร์ชาติร่วมกันชาติ หากไม่เข้าใจเช่นนั้น การช่วยผลักดันดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติก็จะน้อยลง และที่สำคัญเราจะต้องชี้ให้เห็นว่าแผนยุทธศาสตร์ชาตินั้นดีสำหรับทุกคน
'เรืองไกร'จี้สอบราชภักดิ์ต่อ
นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นเรื่องให้ตรวจสอบการใช้งบประมาณผิดประเภทในโครงการอุทยานราชภักดิ์ว่า ตนจะทำหนังสือแจงรายละเอียดเรื่องงบประมาณเป็นตัวเลขรับ-จ่ายส่งให้ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในวันที่ 4 ม.ค.นี้ เพื่อให้พล.อ.ประวิตรส่งเรื่องต่อไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เป็นต้น ตรวจสอบต่อไป ส่วนที่เกี่ยวข้องกับคดีอาญาก็จะมีรายละเอียดอยู่ในหนังสือที่จะส่งให้พล.อ.ประวิตรชุดนี้ด้วย ทั้งนี้ ข้อมูลในเอกสารที่จะส่งไปนี้เป็นข้อมูลเฉพาะส่วนที่ได้หลังจากการรับฟังการชี้แจงจากพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รองปลัดกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์เท่านั้น
หัวคะแนนยังชู'สุรินทร์'
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจ.นครศรีธรรมราชว่า หลังเกิดกระแสข่าวความพร้อมการเข้าเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ของนายสุรินทร์ พิศสุวรรณ อดีตเลขาธิการอาเซียน ล่าสุดหัวคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ และคนใกล้ชิดของนายสุรินทร์ระบุว่า หากในอนาคตนายสุรินทร์ได้รับการสนับสนุนเป็นหัวหน้าพรรคจริง อดีตส.ส.ในพื้นที่ยินดีสนับสนุน อย่างไรก็ตาม กระแสข่าวที่เกิดขึ้นเป็นปกติของพรรคประชาธิปัตย์ที่มีสีสันเช่นนี้ เพราะไม่ได้เป็นพรรคของใคร สมาชิกก็สามารถเป็นหัวหน้าพรรคได้ สถานการณ์ทางการเมืองตอนนี้เชื่อว่าหากมีการเลือกตั้งครั้งถัดไป ท้ายที่สุดแล้วนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อาจต้องลาออก เพราะเชื่อว่าพรรคจะยังไม่ประสบความสำเร็จในการเลือกตั้ง ทั้งนี้ นายสุรินทร์เคยพูดชัดเจนตั้งแต่ต้นปี และเปรยหลายครั้งว่าพร้อมจะ เป็นหัวหน้าพรรค ส่วนตัวก็สนับสนุนนายสุรินทร์แน่นอน และเห็นว่านายสุรินทร์เหมาะสมกว่าใครๆ
โพลผิดหวังรัฐบาลแก้ศก.-ทุจริต
วันที่ 2 ม.ค. สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เปิดผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,763 คน สุ่มสำรวจระหว่างวันที่ 2-30 ธ.ค.2558 ถึง'ความสมหวัง'และ'ความผิดหวัง'ของประชาชนในการบริหารประเทศของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในรอบปี 2558
ผลสำรวจความสมหวังของประชาชนในรอบปี 2558 พบว่าอันดับ 1 กิจกรรมเทิดพระเกียรติ"ปั่นเพื่อพ่อ" และ "ปั่นเพื่อแม่" 90.92% อันดับ 2 การจัดระเบียบของรัฐบาล ทำให้ผู้มีอิทธิพลลดน้อยลง 74.53% อันดับ 3 ความตั้งใจทำงานของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี 63.30% อันดับ 4 การเร่งโครงการรถไฟฟ้า สาธารณูปโภคต่างๆ 58.70% และ อันดับ 5 การเอาใจใส่ประชาชน ลงพื้นที่ สั่งการข้าราชการ 50.88%
ส่วนความผิดหวังของประชาชนในรอบปี 2558 พบว่า อันดับ 1 การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ความยากจน พืชผลเกษตรราคาตกต่ำ 90.36% อันดับ 2 การปราบปรามทุจริตยังไม่สำเร็จ ยังมีการทุจริตอยู่ 88.15% อันดับ 3 การร่างรัฐธรรมนูญยังมีปัญหาข้อขัดแย้ง 68.75% อันดับ 4 การจำกัดสิทธิเสรีภาพของประชาชน 57.52% อันดับ 5 การปฏิรูปประเทศยังไม่เกิดผลที่เป็นรูปธรรม 55.93%
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด