‘รัฐเชียงกง’ นายกฯได้ฉายา `อิเหนาเมาหมัด’วาทะแห่งปี ‘อย่าเพิ่งเบื่อผมก็แล้วกัน ยังไงผมก็อยู่อีกนานพอสมควร’
สื่อมวลสายทำเนียบรัฐบาลได้ตั้งฉายารัฐบาล พร้อม 10 รัฐมนตรี โดยให้ฉายารัฐบาล ‘รัฐเชียงกง’ส่วนนายกฯ ได้ฉายา ‘อิเหนาเมาหมัด’ พร้อม 10 รัฐมนตรี
ฉายารัฐบาลได้แก่ ‘รัฐเชียงกง’ เนื่องจากรัฐบาลชุดนี้มีลักษณะคล้ายแหล่งค้าขายอะไหล่มือสอง เพราะมีข้าราชการยุคก่อน และนักการเมืองหน้าเก่า แม้ใช้ประโยชน์ได้ แต่ยังขาดความน่าเชื่อถือ สะท้อนความไม่มีเสถียรภาพ
ส่วนฉายา 10 รัฐมนตรี ประกอบด้วย
1. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม’อิเหนาเมาหมัด’ จากสุภาษิตไทย ‘ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง’ เปรียบแนวทางปฎิบัติ และนโยบายของนายกรัฐมนตรี ที่เห็นได้ชัดหลายเรื่อง มักจะตำหนิหรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต และสุดท้ายก็กลับมาทำเอง จนถูกฝ่ายตรงข้ามรุมเร้าคล้ายโดนระดมหมัดเข้าถาโถม
2.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ‘พี่ใหญ่สายเอ็น’ เนื่องจากต้องคอยเอ็นเตอร์เทนพรรคร่วมรัฐบาล และต้องเอ็นดูคนในพรรคพลังประชารัฐที่ได้รับมอบหน้าที่ประธานยุทธศาสตร์ทุกด้าน
3.นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ‘ชายน้อยประชารัฐ’ เนื่องจากเป็นเจ้าของโปรโจคโครงการประชารัฐ แต่ถูกริบอำนาจงานด้านเศรษฐกิจหลายกระทรวง คล้ายคนง่อยเปลี้ยเสียขา ทำให้เดินหน้าโครงการไม่ได้ 100%
4.นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี’ศรีธนญชัยรอดช่อง’ เนื่องจากเป็นกูรูด้านกฎหมายของรัฐบาล และชอบเปิดช่องว่างทางกฎหมายให้ฝ่ายรัฐบาลรอดพ้นจากหลายกรณี
5.นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ‘รัฐอิสระ’ เนื่องจากการทำงานที่เดินหน้าเฉพาะนโยบายของพรรคตนเองเป็นหลัก ไม่สนใจภาพรวมของรัฐบาล ไม่สามารถควบคุม ส.ส.ของพรรคได้
6.นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ‘สารหนู’ มาจากชื่อเล่นของตนเองที่ชื่อหนู และเดินหน้านโยบายแบนสามสารพิษ จนเป็นชนวนความขัดแย้งเกิดขึ้นในรัฐบาล
7.ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ‘เทามนัส’เนื่องจากถูกขุดคุ้ยคดียาเสพติดในต่างประเทศ และวุฒิการศึกษา สร้างความกังขาให้ประชาชน
8.น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ‘มาดามแบนเก้อ’ จากกรณีเดินหน้าแบนสามสารพิษ จนต้องกระทบกับเจ้ากระทรวง แต่สุดท้ายการแบนสามสารก็ยังไม่สามารถปฎิบัติได้จริง
9.นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ‘โอ๋ แซ่รื้อ’ มาจากชื่อเล่นของตนเองที่ชื่อโอ๋ และเดินหน้ารื้อหลายโครงการที่เป็นปัญหา
10.นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ‘สัปเหร่อ ออนท็อป’ เนื่องจากหลังจากเข้ามารับตำแหน่ง เกิดการสูญเสียสัตว์หายากมากมาย ทั้ง พะยูนมาเรียม แพนด้าช่วงช่วง เสือของกลาง ช้างป่าเขาใหญ่
ส่วนวาทะแห่งปี ได้แก่ ‘อย่าเพิ่งเบื่อผมก็แล้วกัน ยังไงผมก็อยู่อีกนานพอสมควร’ เป็นคำพูดที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวในวันที่ 13 พ.ย.62 ระหว่างให้โอวาทเจ้าหน้าที่และนักกีฬาทีมชาติไทย ที่จะเดินทางไปร่วมการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 30 ที่ สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล
******************************************
กด Like - Share เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ
Click Donate Support Web
นายกฯ ยืนยันถวายสัตย์ฯ ถูกต้อง ห่วงความเกลียดชังทำรัฐบาลเป๋ประเทศเดินหน้าไม่ได้
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีที่ฝ่ายค้านยื่นญัตติเปิดอภิปรายทั่วไปเรื่องการถวายสัตย์ปฏิญานตนไม่ครบถ้วนตามรัฐธรรมนูญ โดยยืนยันว่าทำทุกอย่างถูกต้อง และไม่อาจไปก้าวล่วงเรื่องใดๆทั้งสิ้น ถือเป็นการทำหน้าที่ของนายกรัฐมนตรีกับ ครม.ตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นขออย่าเป็นห่วง แต่หากเกลียดชังกันแบบนี้ ทำให้รัฐบาลเป๋ไปมา ประเทศจะเดินหน้าไม่ได้ ความเชื่อถือจะหายไป
นายกรัฐมนตรี ยังได้กล่าวระหว่างให้โอวาทแก่นักเรียนและคณะผู้แทนประเทศไทยของกระทรวงศึกษาธิการที่เข้ารายงานผลการแข่งขันคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์โอลิมปิกระหว่างประเทศว่า ขอให้กระทรวงศึกษาธิการติดตามผลว่าเมื่อเรียนจบแล้วได้ไปทำงานที่ไหน อย่างไร เพราะประเทศต้องการให้บุคคลเหล่านี้มาช่วยพัฒนาประเทศ โดยต้องหาวิธีการให้คนดีและคนเก่งอยู่ด้วยกันให้ได้ และจำเป็นต้องปรับปรุงระบบการศึกษาให้เท่าทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก
ขณะนี้รัฐบาลมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ซึ่งวันนี้มีนโยบายหลายอย่างออกมา ดังนั้นขอความเข้าใจและกำลังใจให้กับรัฐบาลและคณะรัฐมนตรี เพราะการเมืองคือเรื่องการเมืองที่มีการพูดโดยไม่รับผิดชอบอะไรทั้งนั้น ซึ่งควรจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น พร้อมยอมรับการทำงานของรัฐบาลบางอย่างอาจแก้ไขได้ล่าช้า แม้หลายอย่างจะอยากให้เร็วแต่ทำไม่ได้
"ขนาดมีมาตรา 44 ก็ยังทำไม่ได้ หรือจะเป็นมาตรา 88 เพิ่มเป็น 2 เท่า ก็ทำไม่ได้เช่นกัน คนไทยมีนิสัยรักอิสระ คิดได้แต่ทำไม่ได้ อีกทั้งมีความอดทนน้อย ไม่ชอบอะไรก็อ้างประชาธิปไตย ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอาจดีที่สุดในโลก แต่ก็มีปัญหาในทุกประเทศ ไม่ใช่ไทยมีความเป็นประชาธิปไตยน้อย เพราะถ้าน้อยจริงคงไม่มีใครวิพากย์วิจารณ์ได้ ตรงกันข้ามสื่อนำเสนออะไรก็ได้"นายกรัฐมนตรี กล่าว
7 พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปกรณีนายกฯ ถวายสัตย์ไม่ครบ
นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน นำ 214 ส.ส. 7 พรรคฝ่ายค้าน ยื่นเสนอญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริง กรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม นำคณะรัฐมนตรี (ครม.)เข้าถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ไม่ครบถ้วนด้วยถ้อยคำตามมาตรา 161 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ถือว่าเป็นการจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ อันเป็นแบบแผน และขั้นตอนอันเป็นสาระสำคัญ
หลังจากนี้ส.ส.พรรคฝ่ายค้านต้องรอการพิจารณาของประธานสภาฯ ว่าจะดำเนินการอย่างไร ซึ่งก่อนที่สภาฯจะเปิดประชุมเพื่ออภิปรายทั่วไป หากพล.อ.ประยุทธ์ แก้ไขกรณีการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณตนตามที่เคยระบุไว้ให้ลุล่วงและคลายกังวล พรรคฝ่ายค้านพร้อมถอนญัตติดังกล่าว แต่หากนายกฯไม่ดำเนินการแก้ไข และปฏิเสธที่จะชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสภาฯ ตามญัตติดังกล่าวจะถือว่านายกฯจงใจเลี่ยงการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งกระบวนการต่อไป พรรคฝ่ายค้านอาจจะพิจารณาช่องทางเอาผิดพล.อ.ประยุทธ์ ทั้งกระบวนการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ และการยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีการกระทำสิ่งที่ขัดต่อมาตรฐานจริยธรรม หรือช่องทางของสภาผู้แทนรษฎร ด้วยการยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายเพื่อไม่ไว้วางใจนายกฯ
นายสุทิน ยืนยันว่ากรณีการชี้แจงนายกฯไม่สามารถเลี่ยงการชี้แจงหรือมอบหมายให้บุคคลอื่นมาชี้แจงแทนได้ รวมถึงไม่สามารถใช้ข้ออ้างกรณีที่มีบุคคลยื่นเรื่องต่อผู้ตรวจการแผ่นดินตรวจสอบกรณีดังกล่าวและต้องรอผลการตรวจสอบ
อย่างไรก็ตาม หากญัตติดังกล่าวได้รับการบรรจุในวาระประชุม พรรคฝ่ายค้านจะขอเวลาอภิปราย อย่างน้อย 2 วัน และมากสุดไม่เกิน 3 วัน และจะเป็นสิทธิของส.ส.พรรคฝ่ายค้านที่จะเป็นผู้อภิปรายได้เท่านั้น ส่วนส.ส.พรรครัฐบาลไม่มีสิทธิอภิปราย ส่วนที่ต้องใช้เวลาจำนวนมากนั้น เนื่องจากมีรายละเอียดที่ต้องซักถาม และมีรายละเอียดที่ต้องได้รับคำชี้แจง โดยเฉพาะกรณีการแถลงนโยบายของครม.ต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 25 - 26 กรกฎาคม ที่ต้องระบุรายละเอียดของแหล่งที่มารายได้ซึ่งจะนำมาใช้ในนโยบายด้านต่างๆ
ด้านนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ภายในเดือนนี้จะสามารถแจ้งไปยังรัฐบาลและบรรจุเข้าระเบียบวาระได้โดยไม่จำเป็นต้องรอให้ข้อบังคับการประชุมใหม่พิจารณาแล้วเสร็จ
อินโฟเควสท์
นายกฯชี้แจงนโยบายรัฐบาลให้ส่วนราชการ,เอ่ยปากขอโทษ รมต.ปมถวายสัตย์ฯ-ขอรับผิดชอบเพียงผู้เดียว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมชี้แจงนโยบายรัฐบาลต่อผู้บริหารระดับสูง โดยมีรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ข้าราชการการเมือง ปลัดกระทรวง รองปลัดกระทรวง หัวหน้าส่วนราชการที่ขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี อธิบดี ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้บริหารหัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ องค์การมหาชน หน่วยงานอิสระ ผู้ว่าราชการจังหวัด และผู้แทนพรรคการเมืองร่วมรัฐบาล เข้าร่วมงานประชุมประมาณ 800 คน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ป็นการมอบนโยบายเพื่อให้การทำงานเกิดความต่อเนื่อง แก้ปัญหาทุกมิติ ซึ่งรัฐบาลมีทั้งนโยบายเร่งด่วน นโยบายระยะสั้น และยาว และทุกอย่างต้องสอดคล้องกับงบประมาณที่มีอยู่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ขอโทษ ไม่ค่อยสบาย เป็นไข้หวัด แต่ใจเกินร้อย ขอให้ทุกคนใจเกินร้อยไปด้วยกะน พร้อมขอให้ทุกคนช่วยกันคิดว่าจะทำอย่างไรให้นำไปสู่การปฎิบัติ และต้องทำความเข้าใจบนพื้นฐานกฎหมาย สอดคล้องยุทธศาสตร์ชาติ วินัยการเงินการคลัง ทั้งหมดอาจมีปัญหาอยู่บ้าง ฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ประสานงานและแก้ไขปัญหาที่ติดขัด การเปลี่ยนแปลงประเทศต้องเปลี่ยนไปพร้อมๆกัน ทุกอย่างต้องสอดคล้องกัน
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงประเด็นเรื่องการกล่าวคำถวายสัตย์ฯ ไม่ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญนั้น ขณะนี้กังวลว่าจะทำอย่างไรให้ทำงานได้ พร้อมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว และขอโทษรัฐมนตรี โดยยืนยันทำทุกอย่างเต็มที่แล้ว
"เรื่องแรกประเด็นสำคัญ ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว นั่นคือเรื่องรัฐธรรมนูญ หรืออะไรก็แล้วแต่ ผมเป็นห่วงอยู่อย่างเดียว ว่าจะทำอย่างไรให้ทำงานได้ ผมก็ขอให้ทุกคนทำงานต่อไป อย่างไรก็ตามก็ต้องไปศึกษาในรัฐธรรมนูญดูว่าเขียนไว้อย่างไร อย่างไรก็ตามยังคงมีรัฐบาลอยู่ ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ก็ขอโทษบรรดารัฐมนตรีด้วย เพราะผมถือว่า ผมได้ทำของผมเต็มที่แล้ว"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
ส่วนประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น มีกฎหมายและกรอบไว้แล้ว ซึ่งตนเองไม่ขัดข้อง แต่ต้องสอบถามประชาชนด้วย ว่าถ้าแก้แล้วได้ประโยชน์อย่างไร ทั้งนี้ในอดีตมีปัญหามามาก วันนี้บ้านเมืองเป็นไปตามกระบวนการประชาธิปไตยแล้ว ดังนั้น เรื่องเก่าๆ ขอร้องว่าอะไรควรพูดและไม่ควรพูด ตนเป็นผู้รับผิดชอบทั้งหมดอยู่แล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐธรรมนูญของไทยมีมาแล้วหลายฉบับ และมีการแก้ไขเพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในแต่ละช่วง ซึ่งรัฐธรรมนูญทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยและเป็นสากล แต่สำคัญที่สุดปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ แต่คือการนำไปสู่การปฎิบัติ ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่ตัวผู้ปฎิบัติว่าจะทำอย่างไรให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ต้องทำด้วยความสุจริต ไม่เอื้อประโยชน์ หรือทำให้เกิดความขัดแย้ง
"วันนี้ได้คนดีๆมาทำงาน ต้องให้ทุกคนพิสูจน์ฝีมือ ต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน ผมก็อยากบอกว่าวันนี้ผมมีความสุขในการทำงาน กับคณะรัฐมนตรีทั้งหมดในช่วงเวลาที่ผ่านมาไม่นานนี้ ไม่ว่าในการประชุม ครม. หรือเยี่ยมเยียนประชาชน ผมเห็นถึงแววตาของทุกท่าน เห็นถึงความตั้งใจในการที่จะทำงานให้กับประชาชนร่วมกับผมอย่างแท้จริง ก็ฝากไปถึงบรรดาพรรคร่วมรัฐบาลและฝ่ายค้าน เราต้องคำนึงถึงประเทศชาติ ประชาชนเป็นหลักสำคัญ เรื่องอื่นๆ ก็ให้เป็นเรื่องการเมืองไป" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
และยังฝากทุกกระทรวงสร้างชุดความรู้ให้ข้าราชการและประชาชน ได้รับทราบถึงแนวปฎิบัติต่างๆ และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาการเกษตรเรื่องการปลูกพืชเชิงเดี่ยว พร้อมแนะให้จัดสรรพื้นที่เพาะปลูกให้เหมาะสม โดยรัฐบาลจะส่งเสริมตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง และเน้นลดต้นทุนเป็นสำคัญ ส่วนเรื่องที่ดินทำกิน รัฐบาลเร่งดูแลช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มที่
ขณะที่เรื่องของระบบภาษีการเงินการคลัง ได้รับทราบมติการลดดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ซึ่งได้ให้แนวทางกับรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจว่า จะต้องนำเรื่องการช่วยเหลือภาคเอกชน เพื่อเตรียมการรับมือจากภาวะเศรษฐกิจโลก เข้าหารือใน ครม.เศรษฐกิจต่อไป พร้อมเน้นย้ำเรื่องการเสียภาษี โดยขอให้ทุกคนมีจิตสำนึกเสียภาษีให้ถูกต้อง
นอกจากนั้น การเปลี่ยนแปลงเทคโนโลยีที่ส่งผลกระทบต่อการค้าขาย ทำให้ปัจจุบันมีการค้าขายออนไลน์มากขึ้น ส่งผลต่อการค้าปลีก ดังนั้น การค้าขายออนไลน์ก็ควรจะมีการเสียภาษีอย่างเป็นธรรมตามสัดส่วนรายได้ ซึ่งเป็นไปตามกฎกติกาทั่วไปตามสากล ยืนยันไม่ได้เป็นเรื่องที่รัฐบาลจะไปรีดภาษีจากใคร
ส่วนที่มีข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลมีเงินคงคลังไม่เพียงพอ นายกรัฐมนตรี ยืนยันว่าสถานการณ์การเงินการคลังของประเทศเข้มแข็ง เงินทุนสำรองอยู่ในระดับสูง แต่รัฐบาลต้องจับตาผลกระทบเศรษฐกิจโลกและสงครามการค้าว่าจะส่งผลต่อค่าเงินบาทอย่างไร แต่ขณะนี้ค่าเงินบาทของไทยได้รับการยอมรับจากต่างประเทศว่ามีความปลอดภัยที่สุด เพราะทุกคนมั่นใจในระบบการเงินของเรา
ด้านการท่องเที่ยวและบริการยังคงเป็นรายได้หลักของประเทศ ซึ่งรัฐบาลจะต้องมีการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้มากยิ่งขึ้น แข่งขันกับต่างประเทศ เนื่องจากทุกประเทศพยายามสร้างแหล่งท่องเที่ยวใหม่ พร้อมกันนี้ต้องส่งเสริมการท่องเที่ยวระดับชุมชน เพื่อเพิ่มรายได้ให้พื้นที่มากขึ้น
ช่วงท้าย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้เป็นเวทีที่จะทำให้ข้าราชการได้พบปะกับคณะรัฐมนตรี เชื่อมั่นว่าคนทุกคนคาดหวังว่าประเทศไทยจะเดินหน้าไปได้อย่างไร ด้วยความสงบเรียบร้อย ซึ่งเรื่องใดก็ตามที่บกพร่อง และมีปัญหาก็ต้องขอโทษ และรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว อย่างไรก็ตามประเทศต้องเดินหน้าและรัฐบาลนี้ต้องทำงานให้ได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ตนเองเชื่อมั่นและตั้งใจไว้ โดยจะไม่ตอบคำถามเรื่องนี้อีกแล้ว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ยิ้มแย้มแจ่มใส หลายคนสงสัยว่าเป็นอะไร แต่เป็นเพราะมีความสุขที่ได้บรรดาเพื่อนๆ มาทำงานร่วมกัน จะเข้ามาดูแลข้าราชการต่อไปในอนาคต ซึ่งข้าราชการก็ต้องให้ความร่วมมือ และทำงานให้มีประสิทธิภาพ และหวังว่าทุกคนจะเข้าใจในเจตนารมย์ ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณฝ่ายความมั่นคง และ ครม.ฝ่ายเศรษฐกิจ เพราะตนเองไม่ได้เป็นคนเก่งเพียงคนเดียว แต่จะเป็นผู้นำพาให้ทุกคนทำงานให้ได้ ในการบูรณาการการทำงานกัน
"ไม่มีใครทำงานสำเร็จได้เพียงผู้เดียว ไม่มีวีรบุรุษ มีเหมือนกันแต่ส่วนใหญ่ตายไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นกล้าคนเดียวไม่ได้ ต้องไปด้วยกันทั้งหมด"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
พรรคฝ่ายค้าน จ่อเลื่อนกระทู้สดปมถวายสัตย์ปฏิญาณตน รอนายกฯมาตอบด้วยตนเอง
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และแกนนำ 7 พรรคฝ่ายค้าน กล่าวถึงการตั้งกระทู้ถามสดในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ (7 ส.ค.) ถึงการกล่าวคำถวายสัตย์ปฏิญาณของคณะรัฐมนตรีไม่ครบตามรัฐธรรมนูญว่า จะรอถามนายกรัฐมนตรีเท่านั้น แต่หากนายกรัฐมนตรีไม่มาตอบ ก็จะเลื่อนไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะมีเวลามาตอบด้วยตัวเอง อย่างไรก็ดี ยังไม่คิดจะส่งเรื่องดังกล่าวให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตีความสถานะของคณะรัฐมนตรี (ครม.)
ส่วนกรณีที่พรรคอนาคตใหม่ เดินสายรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญที่จังหวัดเชียงใหม่เมื่อวันที่ 3 ส.ค.ที่ผ่านมา นายสมพงษ์ กล่าวว่า 7 พรรคฝ่ายค้านเห็นตรงกันว่าควรแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ส่วนการรณรงค์แก้ไขมาตราใด ก็เป็นสิทธิของแต่ละพรรคที่จะเคลื่อนไหว
ด้านนายเยี่ยมยอด ศรีมันตะ ประธานคณะกรรมการรณรงค์แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ภาคประชาชน เข้ายื่นหนังสือพร้อมรายชื่อ 50,000 รายชื่อ ถึงนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา เพื่อขอให้ดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อสร้างประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ให้เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง เนื่องจากเห็นว่ามีเนื้อหาสาระที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยในหลายประเด็น เช่น เรื่องระบบรัฐสภา คณะรัฐมนตรี องค์กรอิสระ และศาลรัฐธรรมนูญ อีกทั้งในหมวดที่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และบทเฉพาะกาล ซึ่งมีเนื้อหาสาระที่ลิดรอนสิทธิเสรีภาพประชาชน มีเจตนาสืบทอดอำนาจจาก คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และสมาชิกวุฒิสภา
โฆษกรัฐบาล เผยนายกฯ พร้อมรับฟังข้อเสนอแนะแก้ รธน.แต่ต้องรอบคอบและเกิดประโยชน์สูงสุด
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีที่มีข้อเสนอให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยเฉพาะเรื่องการเกณฑ์ทหารและ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งว่า เป็นเรื่องปกติในระบอบประชาธิปไตยที่ทุกฝ่ายสามารถแสดงความเห็นได้ โดยพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เน้นย้ำว่า รัฐบาลในฐานะหนึ่งในฝ่ายที่สามารถเสนอแนะความเห็นเพื่อแก้ไขกฎหมายได้ พร้อมรับฟังและนำไปพิจารณา โดยอยู่บนพื้นฐานของความรอบคอบและประโยชน์สูงสุด
อย่างไรก็ตาม สำหรับข้อวิจารณ์เกี่ยวกับการเกณฑ์ทหารนั้น ตามระเบียบการรับราชการทหาร ปี 2497 มีทั้งระบบคัดเลือกและสมัครใจ และยังให้สิทธิผ่อนผันในกรณีจำเป็นต่าง ๆ เช่น การเลี้ยงดูบิดามารดา บุตร ที่ไม่มีคนดูแลหรือไม่สามารถดูแลตนเองได้ หรืออยู่ระหว่างการศึกษา นอกจากนี้แม้สังคมจะเปลี่ยนแปลงไปแต่ยังมีความจำเป็นที่จะต้องสร้างความพร้อมด้านกำลังพลของประเทศ เช่นเดียวกับ 39 ประเทศทั่วโลก ที่ยังคงมีการเกณฑ์ทหาร เช่น สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ซึ่งกำลังพลจะได้รับการฝึกฝน อบรมระเบียบวินัย ฝึกหัดการเสียสละและจิตสาธารณะต่าง ๆ สำหรับประเทศไทยยังสนับสนุนให้กำลังพลเข้าสู่การศึกษานอกโรงเรียน ได้ฝึกอบรมอาชีพ สร้างรายได้ที่มั่นคงในอนาคต บางกรณีมีกำลังพลที่ติดยาเสพติดก็ได้รับการบำบัดและฟื้นฟูจนกลับไปใช้ชีวิตตามปกติได้เป็นอย่างดี
ส่วนกรณีการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภานั้น มีทั้งจากการแต่งตั้งผู้ที่มีความรู้และประสบการณ์ที่หลากหลาย และการคัดเลือกกันเองจากสาขาอาชีพต่าง ๆ ซึ่งจะทำให้ได้บุคคลที่มีความเชี่ยวชาญทุกเรื่อง ทั้งการเมือง ความมั่นคง กฎหมาย เศรษฐกิจ สังคม การศึกษา สาธารณสุข ฯลฯ รวมถึงการมีส่วนร่วมของประชาชนอีกด้วย
อินโฟเควสท์
ประยุทธ์` ตอบรับคำเชิญ `พลังประชารัฐ` เป็นแคนดิเดตนายกฯ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่สารจากนายกรัฐมนตรีให้สื่อมวลชน ว่าได้ตอบรับคำเชิญของพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ยันไม่มีเจตนาสืบทอดอำนาจ แต่มุ่งหวังถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวมเป็นสำคัญอย่างแท้จริง โดยจะเร่งบริหารและพัฒนาประเทศต่อไป มีรายละเอียดดังนี้
"นับเป็นเวลากว่าสิบปี ก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลนี้จะเข้ามาบริหารประเทศ พี่น้องทั้งหลายคงจำได้ว่า บ้านเมืองเราขณะนั้น ได้เกิดความขัดแย้งทางการเมือง ประชาชนแตกแยกเป็นกลุ่มเป็นฝ่าย บางครั้งเกิดความรุนแรงถึงขั้นมีการใช้กำลังและอาวุธสงครามเข้าทำร้ายกัน การทำลายสถานที่ราชการ การทำลายการประชุมระดับชาติ จนเป็นอันตรายถึงชีวิตและทรัพย์สิน ส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิต และการทำมาหากินของพี่น้องประชาชน ตลอดจนชื่อเสียงและความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของประเทศชาติ สถานการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นต่อเนื่องจนถึงปี 2557 ผลก็คือการพัฒนาประเทศ การลงทุนและเศรษฐกิจเกิดสภาวะชะงักงัน การใช้อำนาจนิติบัญญัติ อำนาจบริหาร อำนาจตุลาการ รวมถึงการบังคับใช้กฎหมายขององค์กรอิสระ และเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายไม่ว่าตำรวจ ทหาร หรือพลเรือนไม่สามารถกระทำได้ตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย การดำเนินโครงการและการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐ รวมถึงการจัดทำงบประมาณปี 2558 มีข้อติดขัดทางกฎหมาย มีทั้งทำได้ และทำไม่ได้ในบางเรื่อง ขณะนั้นไม่มีทางออกหรือแนวโน้มว่าสถานการณ์ จะกลับคืนสู่ความสงบเรียบร้อยได้อย่างไร ซึ่งนับเป็นวิกฤตการณ์ร้ายแรงและไม่เคยปรากฏขึ้น ในประเทศมาก่อน"
"เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ และรัฐบาลเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน ในช่วงเวลาสี่ปีเศษที่ผ่านมาก็ได้พยายามแก้ไขสถานการณ์จนกลับฟื้นคืนสู่สภาวะปกติ บ้านเมืองมีความสงบสุขอยู่รอดปลอดภัย ประชาชนดำเนินชีวิตได้เป็นปกติ ประเทศมีการพัฒนาขึ้นตามลำดับในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้าขาย การลงทุน การท่องเที่ยว มีความมั่นคงทางการเมืองทั้งในและระหว่างประเทศ ไม่มีการชุมนุมประท้วงทางการเมืองหรือความเคลื่อนไหวใด ๆ ที่กระทบสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยรวม รัฐบาลสามารถบริหารประเทศได้อย่างมีเอกภาพจนได้รับการยอมรับจากต่างประเทศว่าสามารถแก้ไขปัญหาหมักหมมของประเทศที่การเมืองปกติไม่สามารถแก้ไขได้ ไม่ว่าจะด้วยข้อจำกัดทางกฎหมาย หรือเนื่องจากระยะเวลาการบริหารประเทศของแต่ละรัฐบาลที่สั้นและไม่ต่อเนื่อง
ซ้ำยังมีการเกิดปัญหาความขัดแย้งต่างๆ ในสังคมอยู่เป็นระยะพี่น้องประชาชนที่รัก ประเทศชาติของเราจะต้องเดินไปข้างหน้า ภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ที่ได้กำหนดให้มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนปฏิรูปประเทศ เพื่อเป็นแนวทางและทิศทางของประเทศต่อไปในอนาคต เพื่อลูกหลานของเรา เพื่อเด็ก ๆ ในวันนี้จะได้มีอนาคตที่ดีในวันข้างหน้า อยู่ในประเทศที่มีความเจริญรุ่งเรือง มีความสงบสุขมั่นคง จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่พวกเราประชาชนทุกภาคส่วน จะต้องร่วมกันนำพาประเทศในช่วงเปลี่ยนแปลงอันสำคัญนี้ไปสู่จุดหมายปลายทางให้ได้ ที่สำคัญจะต้องมีรัฐบาลและผู้นำรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับ ยึดถือประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน และมีความมุ่งมั่นตั้งใจทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง "
"ผมขอขอบคุณพรรคพลังประชารัฐที่ได้ให้เกียรติเชิญผมเข้าอยู่ในบัญชีรายชื่อบุคคลที่จะเสนอเป็นนายกรัฐมนตรีในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้ ผมได้พิจารณาไตร่ตรอง และทบทวนอย่างรอบคอบแล้ว ในเรื่องนโยบายของพรรคว่าจะสามารถขยายผลสืบเนื่องสิ่งต่าง ๆ ที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติและรัฐบาลนี้ได้ดำเนินการ หรือวางแนวทาง หรือริเริ่มไว้ได้หรือไม่ อีกทั้ง พิจารณาหลายๆ มิติที่เกี่ยวข้อง ทั้งในเรื่องนโยบายและมาตรการด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม การดูแลพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน ความต่อเนื่องในการบริหารและพัฒนาประเทศ ในห้วงเวลาการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังที่กล่าวข้างต้น รวมทั้งพิจารณาภาพรวมของพรรคซึ่งประกอบด้วยสมาชิกหลากหลาย เช่น ตัวแทนภาคประชาชนทั้งคนรุ่นใหม่ นักวิชาการ นักธุรกิจ ที่มีความรู้ความสามารถ ตลอดจนนักการเมืองที่มีประสบการณ์ ถึงแม้บางคนเคยเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองก็ตาม และพิจารณาโอกาสที่จะได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและภาคเอกชนตามแนวทางประชารัฐ "
"การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ง่ายนักเพราะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของประเทศ ถึงแม้ก่อนหน้านี้ผมจะเป็นทหารมาตลอดชีวิต แต่ผมเป็นคนหนึ่งที่พร้อมจะสละชีวิตเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินไทย และผมมีความมั่นใจ ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่า จะสามารถร่วมมือร่วมใจกับพี่น้องประชาชน นำพาประเทศของเราก้าวไปข้างหน้าด้วยกันได้อย่างมีความสงบสุข มีความสามัคคี ไม่มีความขัดแย้งในสังคมอีกต่อไป"
"ดังนั้น ผมจึงขอตอบรับการเชิญโดยยินยอมให้พรรคพลังประชารัฐเสนอชื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ทั้งนี้ผมขอยืนยันว่า ผมมิได้มุ่งหวังจะสืบทอดอำนาจใด ๆ เพียงแต่มุ่งหวังถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนโดยรวมเป็นสำคัญอย่างแท้จริง โดยจะเร่งบริหารและพัฒนาประเทศให้มีความเจริญรุ่งเรืองต่อไป "
"อย่างไรก็ตาม ผมมีความคาดหวังว่า ในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ เราจะได้รัฐบาลและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีประสิทธิภาพ มีธรรมาภิบาล ไม่มีการใช้วัฒนธรรมการเมืองเดิมๆ ที่มีการต่อรองผลประโยชน์หรือตำแหน่งเพื่อกลุ่มของตนเอง เพื่อให้ได้คนดีมีความสามารถมาบริหารราชการ โดยทุกคนต้องเสียสละทำงานเพื่อส่วนรวมเท่านั้น ทั้งนี้ ผมพร้อมจะร่วมมือทำงานกับทุกพรรคการเมืองที่มีอุดมการณ์และจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือ ‘เพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน’ ขอขอบคุณพรรคพลังประชารัฐอีกครั้ง และขอให้ทำหน้าที่ด้วยความระมัดระวังภายใต้กฎหมาย และกติกาที่กำหนด สร้างมิตร สร้างความสามัคคี มุ่งทำบ้านเมืองให้เกิดสันติสุขเจริญรุ่งเรืองต่อไปอย่างยั่งยืน" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย
ราชกิจจาฯ ประกาศ พ.ร.ฎ.ให้มีการเลือกตั้ง ส.ส.เป็นการทั่วไป
เว็บไซต์ราชกิจานุเบกษา เปิดเผย พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ.2562 มีรายละเอียดดังนี้
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูรให้ไว้ณ วันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2562 เป็นปีที่4 ในรัชกาลปัจจุบัน
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯให้ประกาศว่า โดยที่เป็นการสมควรให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไปอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 175 และมาตรา 268 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ตราพระราชกฤษฎีกาขึ้นไว้ ดังต่อไปนี้
มาตรา 1 พระราชกฤษฎีกานี้เรียกว่า “พระราชกฤษฎีกาให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2562”
มาตรา 2 พระราชกฤษฎีกานี้ให้ใช้บังคับตั้งแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา 3 ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไป
มาตรา ให้ประธานกรรมการการเลือกตั้งรักษาการตามพระราชกฤษฎีกานี้
ผู้รับสนองพระราชโองการ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี
หมายเหตุ :- เหตุผลในการประกาศใช้พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้ คือ โดยที่มาตรา 268 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย บัญญัติให้ดำเนินการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามรัฐธรรมนูญนี้ให้แล้วเสร็จภายในหนึ่งร้อยห้าสิบวันนับแต่วันที่พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญตามมาตรา 267 (1) (2) (3) และ (4) มีผลใช้บังคับแล้ว สมควรกำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นการเลือกตั้งทั่วไปจึงจำเป็นต้องตราพระราชกฤษฎีกานี้
สงวนลิขสิทธิ์ © 2563 บริษัท เพาเวอร์ ไทม์ มีเดีย จำกัด